ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๓๓๔ - อาลัยหลวงปู่คำสุข



ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ มวลอากาศเย็นเริ่มแผ่ปกคลุมมายังภาคเหนือและอีสานของประเทศไทย ทำให้รู้สึกถึงความหนาวเย็นได้พอสมควร ข้าพเจ้ากลับบ้านไปทำธุระในวันพ่อซึ่งกำหนดเป็นวันหยุดราชการตามปกติทุก ๆ ปี ซึ่งปีนี้มีวันหยุดติดต่อกัน 3 วันเลยทีเดียว ระหว่างที่นั่งรถประจำทางเข้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะต้องกลับไปนำเอารถยนต์มาใช้งานที่กรุงเทพ ฯ ความรู้สึกนึกถึงหลวงปู่ก็เข้ามากระทบใจของข้าพเจ้าอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนกับว่าอยากกลับไปที่วัด ไปปฏิบัติธรรมเหมือนวันหยุดทุก ๆ ปี ในจิตใจก็นึกถึงหลวงปู่โดยตลอด ก็ตั้งใจจะชวนเพื่อนที่ทำงานไปกราบหลวงปู่ในตอนบ่ายก่อนที่จะกลับเข้าบ้านที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์
แต่โชคไม่ดีที่รถที่นั่งมาเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยเลย ทำให้แผนการต้องถูกยกเลิกออกไป เนื่องจากเวลาบ่ายคล้อยเต็มที และตั้งใจว่าช่วงขากลับเข้ากรุงเทพ ฯ ค่อยแวะเข้าไปกราบหลวงปู่

แต่ว่าความเหนื่อยล้าจากอาการไข้ เมื่ออาทิตย์ก่อนกลับมากำเริบเสียอีก ข้าพเจ้ารู้สึกอ่อนเพลียมาก และอยากขับรถกลับเข้ากรุงเทพ ฯ เร็ว ๆ เผื่อจะได้ผักผ่อนเก็บแรงไว้ทำงานพรุ่งนี้ พอขับรถใกล้เข้าอำเภอหนองไผ่ ก็ยังลังเลว่าจะแวะดีไหม เพราะว่าวัดนั้นก็อยู่ไกลมากและทางเข้าก็ไม่ค่อยดี สุดท้ายก็เลยเสี่ยงดูคือไม่บังคับใจตัวเอง ถ้าว่าอยากเข้าวัดมือบังคับพวงมาลัยมันคงทำงานเอง ถ้าไม่อยากมันคงตรงเข้ากรุงเทพ ฯ เลย แต่พอถึงทางแยกก็เป็นอันว่าแวะเข้าวัด (มาคิดดูตอนนั้นถ้าตรงเข้า กรุงเทพ ฯ เลยคงเสียใจอย่างมาก)
มาถึงวัดบรรยากาศที่วัดยังคงเงียบ เช่นเดียวกับวัดปฏิบัติทั่วไป ข้าพเจ้าจอดรถ ณ ที่เดิมเหมือนทุกครั้ง มองไปรอบ ๆ วัด ความเงียบนั้นมันดูแปลกตาไปจากที่เคยมาครั้งก่อน เห็นมีพระลูกวัดเดินขวักไขว่ไปมา(เรียกว่าวุ่นวายแต่เงียบ) ป้ายบนศาลาเขียนไว้ว่า “ที่ตั้งสรีระหลวงปู่” จิตใจของข้าพเจ้าตกลงไปถึงตาตุ่ม เกิดความคิดแบ่งแยกไปสองทาง

คำว่า 'สรีระ(สังขาร)' นี่ส่วนมากเขาใช้กับพระที่มรณภาพแล้วไม่ใช่หรือ ?
แต่คงไม่ใช่หลวงปู่หรอกกระมัง ?

ตอนนั้นรู้สึกงงอยู่พักหนึ่ง เดินซึม ๆ เข้าไปในศาลาก็พบโลงบรรจุสังขารของหลวงปู่ ถามจากคนในศาลา เขาบอกว่าหลวงปู่ท่านมรณภาพตั้งแต่ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ นั่นแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าใจและค่อย ๆ เข้าไปกราบองค์พระประธานในศาลาก่อน แล้วเข้าไปกราบสรีระสังขารของหลวงปู่ (อันนี้จำไว้นะ เวลาไปกราบศพในงานใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นศพเจ้านาย มียศฐาบรรดาศักดิ์ใหญ่แค่ไหน ถ้าตำแน่งที่ตั้งศพมีพระพุทธรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ ต้องกราบพระพุทธรูปก่อนเสมอนะ...อย่าลืม)
เนื่องจากช่วงหลังนี้ นาน ๆ ข้าพเจ้าจะเข้ามาที่วัด ข่าวคราวเลยไม่ค่อยได้ update และไม่ทราบมาก่อนว่าหลวงปู่ท่านป่วยและละสังขารไปแล้วและอีก ๒ สัปดาห์ (๑๗ – ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ )ก็จะทำการฌาปนกิจ อีกนัยหนึ่งก็ยังดีที่คราวนี้ได้กลับมาที่บ้าน และมีโอกาสแวะมาที่วัดจนรู้ข่าว



ครั้งก่อนเมื่อสงกรานต์ในปีเดียวกันนี้ ก็มีโอกาสเข้าพบหลวงปู่ ตอนนั้นท่านก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ยังให้โอกาสข้าพเจ้าได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วย ไม่นึกว่านั่นจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้พบหลวงปู่อีกในครั้งนั้น

ในภาพภายนอกที่คนทั่วไปเห็น ท่านอาจจะเหมือนพระชราทั่ว ๆ ไป แต่มีประวัติเกี่ยวข้องอยู่ในสายพระกรรมฐานของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีอุปัชฌาย์เดียวกับหลวงตามหาบัว ท่านมีปฏิปทาของสายพระป่าและรักษาขนบธรรมเนียมของพระป่า และสั่งสอนธรรมเนียมการปฏิบัติให้กับลูกศิษย์ได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงชอบวัดนี้มาก และจะมาเยี่ยมหลวงปู่สนทนาธรรมด้วย แล้วก็อยู่ปฏิบัติธรรมในช่วงวันหยุดยาวประจำปี เท่าที่จำได้แค่เพียง ๒ ครั้ง แต่แวะเข้ามาถวายข้าวของ และฟังหลวงปู่เทศน์อบรมบ่อยมากตลอดเกือบ ๔ ปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นโชควาสนาของข้าพเจ้าที่มีโอกาส ใกล้ชิดพระอริยสงฆ์ที่เหลืออยู่น้อยเต็มทีในปัจจุบันนี้ พระผู้เป็นนาบุญของโลก และเป็นนาบุญผืนใหญ่ให้คนได้อาศัยหว่านบุญกุศล ซึ่งจะมีผลงอกงามในกาลข้างหน้า

แม้ในโลกภายนอกจะไม่ค่อยมีใครได้รู้จักชื่อหลวงปู่มากนัก แต่ผู้ปฏิบัติธรรมในสายพระป่า และผู้ที่แสวงครูบาอาจารย์ทั้งหลายจะทราบกันดีในวงใน เป็นเรื่องที่รู้กันเอง ไม่ต้องมีใครมาอวดอ้างสรรพคุณ แค่บอกชื่อและที่อยู่คนในสายปฏิบัติเดียวกันเขาจะทราบ และก็มีวิธีหาของเขาเอง หากบุญวาสนาเคยร่วมทำด้วยกันมาก่อนก็ต้องพบพานกันจนได้ นี่เป็นเรื่องบุพเพสันนิวาสในทางธรรมมันไม่แพ้บุพเพสันนิวาสเลยจริง ๆ ในเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ตอน จิตกระทบพระอริยะ(รู้สึกจะเขียนไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ หรือตัวเองเปลี่ยนชื่อตอนไปจึงจำไม่ได้เพราะหาไม่เจอ เหมือนจะสับสน ๆ กับงานเขียนของตัวเองชอบกล ) กับ ปฏิบัติธรรมปี '๕๓

เคยตั้งใจอธิฐานไว้หากหลวงปู่ละสังขารเมื่อไหร่และหากตัวข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็จะมางานหลวงปู่ให้ได้ นี่อาจจะเป็นแรงอธิฐานของข้าพเจ้าที่เคยตั้งไว้ก็เป็นไปได้ ทำให้เป็นแรงดึงดูดมาพบข่าวการละสังขารของหลวงปู่ และมีโอกาสกราบนมัสการสรีระเป็นครั้งรองสุดท้าย ตราบนี้ข้าพเจ้าเองก็จะยังคงตั้งใจแวะเวียนมาวัดนี้อยู่บ่อย ๆ แม้หลวงปู่จะไม่อยู่แล้วก็ตาม และจะพยายามประพฤติปฏิบัติธรรมเอาอย่างหลวงปู่และหลวงตามหาบัวเป็นแบบอย่าง เพื่อประโยชน์ของตัวเองเป็นสำคัญก่อน ต่อมาก็ประโยชน์ครอบครัว คนรอบข้าง หมู่ญาติ ชาติ ศาสนา กษัตริย์ ตามลำดับเช่นเดียวกับครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนอบรมไว้ให้ได้

สุดท้ายนี้ไม่ว่ากรรมอันใดที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินต่อองค์หลวงปู่คำสุข ญาณสุโข ไม่ว่าทาง กาย วาจา ใจ ก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังก็ดี ข้าพเจ้าขอขมาต่อองค์หลวงปู่มา ณ ที่นี้ด้วย


ขอขอบคุณ รูปภาพที่เป็นมงคลยื่งจาก //www.nuiwt40.thde.com/index_th.html มากมาย ครับ


Create Date : 05 ธันวาคม 2554
Last Update : 5 ธันวาคม 2554 21:21:06 น. 1 comments
Counter : 614 Pageviews.

 
ขอกราบนมัสการสรีระด้วยคะ พรุ่งนี้จะเข้าไปที่วัด ก่อนขึ้นไปปฎิบัติธรรมที่ภูทับเบิก จริงจริง นี่เป็นครั้งที่ 4 ที่จะได้เข้าไปวัดรู้สึกว่าทางไกลมาก แต่ ดีใจที่มีโอกาสไปเจอท่านทุกครั้ง....รู้สึกว่าเป็นวัดที่สงบและจะปิติทุกครั้งที่ได้ไป....


โดย: เจน IP: 58.8.34.103 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:11:28:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.