ความคิด กับ คาวมรู้สึก อันไหน? น๊า!!! มันน่าจะเกิดขึ้นก่อนนะ55555
ความแตกต่าง ระหว่าง ความคิด กับ ความรู้สึก
ที่มา......หนังสือเดอะท็อปซีเคร็ต
......พลังแห่งกรรม จะส่งผลให้เจตสิกมารวมกลุ่มกันเป็นดวงจิตขึ้นรับอารมณ์ และกลุ่มของดวงจิตหลายๆดวง ก็จะทำให้เกิดเป็นความรู้สึกขึ้นมา เมื่อเกิดความรู้สึก ก็จะสร้างกรอบของความคิดให้เป็นไปตามลักษณะของความรู้สึกนั้น ( พลังกรรมในภวังคจิต >>เจตสิก >>ดวงจิต >>รับอารมณ์ (ตัณหา) >>ความรู้สึก(เวทนา) >>ความคิด ) ดังนั้นการคิดลบ และอารมณ์ต่างๆเช่นกลัว เกลียด อิจฉาริษยา รัก โลภ โกรธ หลง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีเหตุและปัจจัยให้เกิด จากพลังแห่งกรรมที่สะสมอยู่ในภวังคจิตทับซ้อนกันมานับร้อยนับพันชาติภพ
<O อาจจะสรุปง่ายๆว่า ความคิดคือกรรมปัจจุบัน ส่วนความรู้สึก คือกรรมเก่า เมื่อใดที่รู้สึกเชิงลบ แสดงว่ากรรมเก่ากำลังทำงาน สามารถระงับได้ด้วยการคิดบวกซึ่งเป็นกรรมปัจจุบัน
การตัดสินใจครั้งสำคัญๆของมนุษย์จะมาจาก ความรู้สึก ไม่ใช่ ความคิด ความสามารถในการตัดสินใจจากความรู้สึกเป็นผลที่สะท้อนมาจากกรรมเก่าในจิตใต้สำนึก และเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของคนๆหนึ่งที่ว่ากันว่าเป็นไปตามพรหมลิขิต ซึ่งความจริงน่าจะเรียกว่าความรู้สึกลิขิตมากกว่า เช่นความรู้สึกรักทำให้เกิดความอยากแต่งงาน ความรู้สึกใฝ่เรียนทำให้ได้เรียนตามที่ปรารถนา ความรู้สึกโลภทำให้ลงทุนผิดพลาด ฯลฯ
<O บางครั้งเราอาจเคยนึกเล่นๆว่า ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ตอนนั้นเราคงไม่คิดตัดสินใจแบบที่ผ่านมา เช่น ไม่ตัดสินใจแต่งงานกับคนนี้ ความจริงแล้วความรู้สึกเกิดจากพลังแห่งกรรมเก่า ดังนั้น ถ้าแม้จะสามารถย้อนเวลาไปได้จริง และมีความคิดว่าจะไม่ทำอย่างนั้น แต่ถ้ากรรมเก่ายังไม่หมด ความรู้สึกและการตัดสินใจก็จะเป็นแบบเดิม ไม่ว่าจะย้อนอดีตไปสักกี่ครั้งก็ตาม
พุทธศาสนาจึงสอนให้คนเราอย่าคิดย้อนอดีต เพราะไม่มีทางกลับไปเปลี่ยนอะไรได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้แก้ไขจิตของตัวเอง สิ่งที่ต้องแก้ก็คือจิตไม่ใช่การประดิษฐ์เครื่องย้อนเวลา เพียงแต่กำหนดสติสัมปชัญญะให้รู้เท่าทันจิตตัวเอง เมื่อพบองค์ประกอบของจิตก็จะเข้าใจความจริงทั้งหมดว่าเป็นเช่นนั้นเอง การที่เราตัดสินใจแบบนั้นในอดีต มีเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อเกิดปัญญาเข้าใจสาเหตุ ความร้อนรุ่มเจ็บใจตัวเองที่ตัดสินใจผิดพลาดก็จะหมดไป และเมื่อเกิดปัญญา การตัดสินใจในปัจจุบันขณะ ก็จะไม่ผิด ส่งผลให้เปลี่ยนวิถีชีวิตในอนาคตได้ อดีตผิดแล้วให้มันผิดไป สิ่งที่ต้องแก้ไขคือปัจจุบัน
ตามปกติสติสัมปชัญญะของคนที่เคยฝึกขณะสมาธิ อาจไวกว่าคนทั่วไปได้ถึงสิบเท่า คือที่ประมาณ 1 ใน 10,000 ของวินาที แต่ความไวของสติที่พอจะสามารถสกัดความรู้สึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องไวอย่างน้อย 1 ใน 100,000 ของวินาที หรืออีกประมาณ 10 เท่าของความไวที่มีอยู่ วิธีเดียวที่จะฝึกให้มีกำลังสติไวขนาดนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
<O ทั้งหมดนี้เป็นความรู้ทั่วไปค่ะก็หลังจากที่นั่งๆๆหาอ่านไรไปเรื่อยเปื่อยเล่นๆก็มาสะดุดแบบเบรกทีนี่ถ้าเป็นรถสิบล้อก็นะพ่วงท้ายรถคงยกได้นะอื้มเนอะคุณว่ามันน่าจะเป็นไปได้หรอ!!!เอ่อ!สมองๆๆเหอๆๆๆ อ่า!ค่ะ ก็ฮาแต่พองามแล้วกัน ก็คิดว่าคงมีไรดีๆมาฝากเรื่อยๆๆค่ะแล้วเจอกันๆๆแหมม!.ใครเค้าจะเข้ามากานนน .....ทำเป็นพูดๆๆแล้วเจอกานใหม่คงอยากเจอๆๆเนอะๆ5555555555555555555555555555 บ้าๆๆๆ
Free TextEditor
Create Date : 01 กรกฎาคม 2553 |
| |
|
Last Update : 1 กรกฎาคม 2553 21:13:55 น. |
| |
Counter : 475 Pageviews. |
| |
|
|