คิมหันต์ที่ 7/2
ก็ได้...รอเดี๋ยวนะ! ชายคนนั้นพูดจบก็กระแทกฝากรงผิดแล้วเดินไปเอาน้ำมาให้นาง ก่อนทำกริยาแบบเดียวกันกับครั้งแรก หลังจากที่ลับร่างชายผู้นั้นไป เฟทก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าน! ฟีต้าร้องออกมาอย่างดีใจที่เป็นชายหนุ่มตื่นขึ้นมา จริงๆแล้วตลอดเวลานั่นเฟทตื่นอยู่โดยตลอด เขาไม่ได้หลับอย่างที่แสร้งทำเลยสักนิดเดียว เพียงแต่ว่าเขาไม่ต้องการให้พวกโจรรู้ว่าเขาได้สติกลับคืนมาแล้ว เฟททำเสียงชู่เพื่อไม่ให้เธอส่งเสียงดังไปกว่านั้นออกมา ฟีต้าเงียบลงในทันที แล้วเปลี่ยนเป็นกระซิบ ท่านฟื้นแล้ว... จุ๊ๆ อย่างส่งเสียงดังไป ข้าไม่ต้องการให้พวกมันรู้ว่าข้าฟื้นขึ้นมาแล้ว... เฟทก้มลงกระซิบข้างหูของนาง หลังจากนั้นก็ขยับหันหลังให้ มือของเจ้าอยู่ด้านหน้าพอดีเจ้าต้องแก้มัดให้ข้าก่อนแล้ว เจ้าพอจะมองเห็นไหม? เห็นค่ะ... ฟีต้ากระซิบตอบ นางขยับเข้ามาพร้อมกับใช้นิ้วงัดแกะเชือกหยาบๆ ที่มัดชายหนุ่มเอาไว้อย่างแน่นหนา มันแน่นมาก... พยายามจนกว่าจะแกะมันออกไป นี่เป็นหนทางเดียวที่เราจะหนีได้ เฟทช่วยขยับโดยหวังว่าจะให้เชือกยืดและคลายตัวลงบ้าง อย่าขยับค่ะ ข้อมือของท่านถลอกจนเลือดออกหมดแล้ว.. หญิงสาวเอ่ยอย่างเป็นห่วงและพยายามแกะเชือกนั่นออกให้อย่างเบามือเพื่อให้ชายหนุ่มเจ็บน้อยที่สุด ไม่ต้องห่วง แค่บาดแผลแค่นี้มันจิ๊บจ้อยมากสำหรับข้า ไม่ต้องออมมือ ออกแรงแกะมันให้เต็มที่เลย เฟทพูดกับหญิงสาวแล้วพยักหน้ารับรองคำพูดของตนเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของหญิงสาวเพื่อให้กำลังใจนาง สองสามนาทีต่อมา เชือกของเขาก็คลายลง เฟทสะบัดมือแล้วเชือกก็หลุดออก เขาแก้มัดขาของตนออกอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันกับที่ข้อมือและข้อเท้าของหญิงสาว เมื่อมือและเท้าเป็นอิสระ เฟทก็คว้าอาหารที่โจรร่างเล็กเอามาให้หญิงสาว และแบ่งมันเป็นสองส่วน เวลาเดียวกันที่ฟีต้ามองเขาอย่างสนใจ เราต้องกิน และนอนเอาแรงเอาไว้ เพราะคืนนี้เราต้องออกแรงกันหน่อยเพื่อให้พ้นไปจากคนพวกนี้ เอา...กินสิ... ชายหนุ่มยื่นมาให้นางแล้วเลื่อนน้ำมาให้นางดื่มเช่นกัน เขารอจนกระทั่งหญิงสาวลงมือกินอาหารของตนเองตรงหน้า เขาจึงเริ่มกินในส่วนของเขาเองบ้างและเมื่อกินเสร็จ ชายหนุ่มก็เอาเชือกพันมือและเท้าของหญิงสาวเอาไว้ตามเดิม เช่นเดียวกับตนเองเพื่อพรางตาพวกโจรเอาไว้ก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆหญิงสาวแล้วหลับไปอย่างง่ายดาย ฟีต้าทึ่งจัดกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม หากการทีอยู่ใกล้ๆเขาทำให้นางรู้สึกสงบ โล่งใจและปลอดภัย สบายใจอย่างที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อนนับแต่มารดาของนางเสียชีวิตไป หญิงสาวขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มที่หลับอย่างสบายใจราวกับว่าทั้งคู่ไม่ได้ถูกลักพาตัวมา แล้วค่อยๆล้มตัวลงนอนบ้างข้างๆเขาโดยที่นางหันหลังให้ แปลกเหลือเกินถึงสิ่งที่นางรู้สึกยามเมื่ออยู่กับเขา...ความคิดถึง ความโหยหา และความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้รับมาจากใคร... ชั่วเวลาเพียงไม่นานเมื่อหญิงสาวหลับตาลง สาวน้อยก็หลับสนิทเหลือเพียงเสียงกรนเบาๆ เสียงหนึ่งกับเสียงหายใจสม่ำเสมอเสียงหนึ่งเท่านั้น... ฟ้ามืดแล้ว...เขารู้สึกได้ อากาศเย็นที่โรยตัวหลังดวงตะวันลาลับขอบฟ้าและความเงียบกับเสียงของสายลม เหล่านั้นเป็นเครื่องยืนยันความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี ดวงตาทอแสงในความมืดเบิกโพลงขึ้น ทันทีที่ลืมตาตื่นร่างสูงกระดกตัวขึ้นนั่งในความมืดอย่างเงียบเชียบ ร่างบางทรุดตัวนอนอยู่ข้างกายเขา เช่นนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกสงบยิ่งนักในการนอนนี้ แต่ไม่เหลือเวลาอีกแล้ว หากพวกเข้าต้องการหนี...เขาต้องทำเดี๋ยวนี้! มือใหญ่สะกิดร่างบางให้ตื่นจากการหลับก่อนเอื้อมไปปิดปากแล้วทำส่งเสียงชู่เบาๆ ให้หญิงสาวเงียบเสียง ข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เราต้องไปกันแล้ว... เฟทกระซิบแผ่วราวกับสายลมเคลื่อนกายอ่อนๆ เมื่อดวงตาสีอำพันลืมขึ้นฟีต้าตกใจเล็กน้อยจากการที่ตนถูกอีกฝ่ายปิดปากเอาไว้ ก่อนซึมซับเอาถ้อยคำของเขาเข้าไปอย่างช้าๆ และเข้าใจ ในที่สุดนางพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ ทั้งสองผลักเชือกที่พันหลอกเอาไว้ออก ร่างสูงนำออกมาก่อนเพื่อดูลู่ทาง ครั้งเมื่อพบว่าพวกโจรหลับไปจนเกือบหมดและเหลือเพียงคนเฝ้ายามนั่งหาวอยู่คนเดียว เฟทก็รู้ว่า...นี่ก็เป็นโอกาสที่จะหนี! เฟทยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเป็นสัญญาณบอกหญิงสาวว่าให้เงียบๆไว้แล้วใช้มือหนึ่งปิดตาของนาง ชายหนุ่มใช้ปลายเล็บอันคมกริบจากมือเสือตัดเชือกที่ยึดกรงขังโทรมๆ นี้ออกอย่างง่ายดายแล้วออกแรงผลักเพียงน้อยนิดจนมันหลุดออก เกือบเสียงขาดและเสียงไม้ลั่นเล็กน้อย ชายที่เฝ้ายามสะดุ้งหันมองมาทางทั้งสองที่สงบนิ่งอยู่ในกรงทึบบนเกวียน ซึ่งถูกปลดสัตว์เทียมออกไปแล้ว เฟทยึดกรงฟากนั้นเอาไว้นิ่งที่สุด เมื่อเขาพบว่าเจ้าคนเฝ้ายามหน้าโง่นั่นคลายใจลงโดยคิดว่าเป็นเพียงเสียงกิ่งไม้ในป่าเสียดสีกันแล้วลั่นขึ้น เฟทก็ดึงไม้ลูกกรงใหญ่หนาท่อนนั้นออกได้โดยง่าย ก่อนปล่อยมือออกจากตาของหญิงสาวผู้งุนงง เมื่อฟีต้าลืมตาขึ้นมานางก็เห็นว่าลูกกรงนั้นถูกเปิดออกแล้ว เฟทยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากอีกครั้งเป็นเชิงเตือนแล้วพาร่างบางลอดออกจากที่คุมขัง ฝีเท้าของเฟทนั้นเบาราวกับแมว หากฟีต้านั้นไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะนางเท้าหนัก หากหญิงสาวไม่เคยผ่านการฝึกฝนการพรางตนมาก่อนเช่นเดียวกับชายหนุ่ม เช่นนั้นฝีเท้าของนางจึงไม่เงียบกริบเช่นเดียวกันกับของเขา เมื่อเป็นดังเช่นนี้ เฟทจึงตัดสินใจพานางเดินเลี่ยงกลุ่มสุมทุมพุ่มไม้ทั้งหลายที่เกลื่อนกลาดไปด้วยเศษใบไม้กิ่งไม้มากมายอันจะทำให้เกิดเสียงขึ้นได้! โชคเป็นของพวกเขาในคืนนี้...ความมืดโรยตัวอำพรางร่างทั้งสอง แม้มีแสงจันทร์เสี้ยวจะทอลงมาส่องทางให้กับพวกเขาก็ตาม แต่แสงนั้นก็ยังไม่สว่างพอที่จะเปิดเผยตัวของพวกเขาภายใต้การอำพรางของไคเมร่าหนุ่มได้ เฟทดึงแขนของหญิงสาวเอาไว้ข้างตัวให้ร่างนางใกล้ตัวเขาตลอดเวลา เพื่อให้ทั้งคู่เล็ดลอดสายตาของยามเฝ้าออกไปได้ด้วยกัน ฝีเท้าของชายหนุ่มนั้นรวดเร็ว จากการฝึกฝนและการเรียนรู้ในการใช้อำนาจที่มีอยู่ในตัวทำให้เขาสามารถวิ่งเป็นระยะทางไกลๆได้เป็นเวลานานๆ โดยที่เขาลืมไปว่า หญิงสาวที่ตามมาหาได้เหมือนกับตัวเขาแต่อย่างไร ฟีต้าหายใจหอบ เมื่อเฟทพาหล่อนวิ่งมาได้กว่าชั่วโมงแล้วทำให้นางรู้สึกราวกับว่าหัวใจกำลังจะระเบิดออกมาให้ได้ แม้จะไม่มีทีท่าสักนิดว่าพวกโจรนั่นจะตามพวกเขามาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ชะลอฝีเท้าของเขาลงเลยสักนิดเดียว... แฮ่ก...แฮ่ก...ท่าน...นายท่าน! ข้า...วิ่งไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ เราพักกันหน่อยไม่ได้เหรอเจ้าคะ...เราวิ่งมานานแล้วนะคะ แล้วก็ห่างมาจากพวกนั้นมากแล้วด้วยนะเจ้าคะ หญิงสาวหอบเหนื่อยจนไม่อาจจะพูดออกมาได้โดยไม่หยุดหอบเป็นระยะ เสียงหายใจแรงของนางทำให้เฟทค่อยๆชะลอฝีเท้าของตนลงทีละน้อย ก็ได้...แต่เราคงต้องหาที่ซ่อน และพักนานไม่ได้จนกว่าข้าจะแน่ใจว่าพวกมันคลาดกับเราแล้ว ข้าไม่อาจจะวางใจได้ว่าพวกมันจะไม่ตามมา ถึงเราจะห่างจากพวกค้าทาสมามากแล้วก็ตามที แต่ทันทีที่พวกมันรู้ตัวว่าเราหายไป มันจะออกตามเราอย่างแน่นอน เฟทเอ่ย หากหญิงสาวเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะเข้าใจได้ลึกซึ้ง ทำไมมันถึงต้องตามหาเราด้วยคะ...ในเมื่อเราหนีออกมาแบบนี้และพวกนั้นก็มีสินค้าอื่นๆอีกตั้งมากมายแล้วอีกอย่างเมื่อข้ากลับไปที่คฤหาสน์ได้พวกมันก็ไม่สามารถเข้าไปจับข้าได้อยู่ดี เฟทส่ายหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะลืมไปแล้วว่าทำไมพวกตนจึงถูกจับมา ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก พวกมันต้องตามมาแน่ เพราะพวกเราไปได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินเข้า ถ้าเจ้ากลับไป เจ้านายเจ้าต้องกำจัดเจ้าไปอีกแน่ถึงตอนนี้ดีไม่ดีเจ้าอาจจะต้องสังเวยชีวิตให้วกมันก็ได้ เพราะอย่างนี้...เจ้ากลับไปไม่ได้อีกแล้ว...เข้าใจรึเปล่า! ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างใบหน้าสวยซีดเผือด...กลับไปไม่ได้แล้ว! โลกของนางทะลายลงอีกครา นำความเจ็บปวดมาให้หญิงสาวผู้เดียวดายในโลกกว้าง... ฟีต้า...เจ้ามาจากที่ไหน...นอกจากบ้านหลังนั้น ที่ๆ เป็นบ้านเกิดของเจ้า...อยู่ที่ไหน ข้าจะนำเจ้าไปส่งเอง แล้วเจ้าก็จะปลอดภัยเมื่อเราแยกกัน พวกมันจะไม่สามารถตามหาเราเจอได้... เฟทเอ่ยถามขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าตกใจของนาง เขาไม่อยากให้นางตระหนกไปมากกว่านี้... ข้า...ไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว... น้ำตาร่วงผล็อยจากดวงตางามในทันใด น้ำเสียงของนางเบาจางราวละอองหมอกและเต็มไปด้วยความเศร้าราวกับเมฆฝน ท่าทางราวกับจะแตกสลายไปต่อหน้าต่อตาเขาตรงนั้น ทำให้เฟทผู้เก่งกาจอึ้งใบ้ไปพลัน น้ำใสจากหยดหนึ่งและอีกหยดหนึ่งกลายเป็นสายอาบไปทั้งดวงตาและแก้มเนียน หญิงสาวดูราวกับรูปปั้นที่ถูกตากเอาไว้กลางสายฝน...แน่วนิ่งและเปียกปอน ช่างน่าสงสารจนสุดหัวใจ...ภาพที่จะตราตรึงอยู่หัวใจของไคเมร่าหนุ่มไปตลอดกาล ทนไม่ได้...สิ่งนี้มันไม่สามารถจะทนได้ มันเกินทนเกินไปแล้ว! เฟทรวบร่างบางเข้ามาในวงแขนของตน โอบกอดนางเอาไว้แนบร่างของเขา ตัวเขาเองจะกำลังกลั้นลมหายใจเอาไว้ในอก ราวกับกลัวว่า การถอนลมหายใจนั้นออกมาจะทำให้ร่างน้อยๆ ร่างนี้แตกสลายไป...ร่างนุ่มๆ ให้ความรู้สึกดีเหลือเกินแต่น้ำตาของนางกลับเสียดแทนความรู้สึกของเขาแปลกๆ ได้โปรดเถอะ อย่าร้องไห้เลย...ข้าทนไม่ได้ เฉพาะน้ำตานี่เท่านั้นที่ข้าทนไม่ได้... เฟทเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับว่านางได้ทุบตีเขาอย่างโหดร้าย... ต่อไปจะทำเช่นไร...ชีวิตข้า ต่อไปจะเป็นเช่นไร...ตัวข้า ไม่มีอนาคตที่ข้ามองเห็นเลย... ราวกับความคิดของนางถูกถ่ายทอดออกมาและชายหนุ่มก็รับรู้เอาไว้ได้ เฟทเอ่ยตอบคำถามที่นางคิดวนเวียนและหลงทางอยู่กับมันในวงกตของหัวใจ ข้าจะดูแลเจ้าเอง...ต่อไปนี้ ข้าจะดูแลเจ้าเอง... ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น ถ้อยคำของเขาค่อยๆ โรยตัวลงมาอย่างช้าๆ บนหัวใจของนางที่ตกอยู่ในก้นบึ้งอันมืดมิดของโชคชะตาและโอบอุ้มมันขึ้นมาอย่างอ่อนโยนจากหลุมของความสิ้นหวัง หากนั่นคือแสงสว่างที่ปลายทางอันจะส่องทางสู่อนาคตที่ไม่อาจล่วงรู้...นางก็จะก้าวไป หากยังคงมีทางนั้นอยู่สำหรับนาง หากนี่คือทางที่นางต้องเดิน แม้ปลายทางคือหุบเหว... นางก็จะก้าวไป! ในเวลาที่เคว้งคว้าง หลงทางเพราะไม่รู้ว่าที่ๆ ตนยืนอยู่คือที่ไหน และอยู่กลางป่าเช่นนี้พร้อมกับสัมภาระชิ้นโตที่กินไม่ได้ แถมยังถูกตามล่าจากโจรค้าทาสไส้สึกจากต่างชาติอีก... คุณจะทำยังไง? แต่...คำตอบของเฟทนั้นย่อมไม่เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป... ฟีต้าลืมตาตื่นขึ้นมาบนกองใบไม้ที่ถูกโกยมารวมกันเอาไว้เป็นกองใหญ่ สิ่งที่ปลุกนางหาใช่แสงแดดอุ่นๆ ที่สาดมาต้องกายแต่อย่างไรหากเป็นเสียงของหมู่สกุณาเจี๊ยวจ๊าวร้องจิ๊บๆ แข่งกันเสียงดัง และภาพที่ปรากฏต่อหน้าฟีต้านั้นยากเกินกว่าจะเชื่อได้... จิ๊บๆๆๆ... เฟททำเสียงเล็กเสียงน้อยกับนกตัวจ้อยจิ๊ดริดที่เกาะอยู่บนมือของเขาพร้อมกับจุ๊บเจ้าตัวเล็กบนปลายนิ้ว นกมากมายเกาะอยู่บนกิ่งไม้รอบตัวเขา บนบ่า บนหัว บนแขนของเขาทั่วไปหมด รอบๆ ตัวของเขาจึงดูงดงามเหมือนจินตนาการมากกว่าจะเป็นความจริงได้ หญิงสาวยังคงนั่นนิ่งมองอยู่เช่นนั้นอย่างลืมตัวลืมเวลาไปถนัดใจ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนนางหลับไปได้อย่างไร ลืมแม้กระทั่งว่าตนเองกำลังถูกตามล่าอยู่...ฟีต้าได้ยินเสียงของหัวใจตนเองกำลังเต้นเป็นจังหวะชัดเจน ภาพชายหนุ่มที่ถูกรุมล้อมด้วยฝูงสัตว์เป็นภาพที่เหมือนความฝัน... เอ๊ะ? น่าแปลกที่นางคิดเช่นนั้น...ภาพนี้ช่างดูคุ้นตา... ทำไมกัน? หมู่นกกระพือปีกโบยบินจากไปพร้อมกันทั้งหมด ทำให้เกิดเสียงพึบพับๆ และกระแสลมพัดเส้นผมดำขลับของชายหนุ่มให้ปลิวสะบัด นางเพิ่งสังเกต ผมของเขายาวและเป็นสีดำเหมือนราตรีเหยียดตรงเหมือนกับเส้นไหมไม่ได้ไว้ผมซอยสั้นเช่นผู้ชายหลายๆ คนในหมู่บ้านเก่าที่นางเคยอยู่ หรือคนอื่นๆ ที่นางเคยพบเห็น เส้นผมที่สวยสะดุดตาเช่นนั้น ทั้งๆ ที่โดดเด่นถึงเพียงนี้แต่ทำไมนางถึงได้เพิ่งสังเกตได้ เจ้าตื่นแล้ว...เราไปกันต่อเถอะ... เฟทหันมาส่งยิ้มพร้อมคำพูดโหดร้ายให้กับนาง ไปต่อ...เท้าของนางระบมและขาของนางปวดเมื่อยจากการวิ่งข้ามคืนข้ามป่า เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำหน้าเบ้ เฟทกลับยิ้มนิดๆ อย่างขบขัน ไม่ต้องห่วง เราจะค่อยๆ เดินไป ไม่จำเป็นต้องวิ่งอีกแล้ว คำพูดนั้นทำให้ฟีต้าถอนหายใจ หากประโยคต่อไปเรียกบางสิ่งที่มากกว่านั้นจากนางได้ น้ำตาคงขโมยเสียงของเจ้าไปด้วยแล้วแน่ๆ ประโยคล้อเลียนนั่นทำให้นางหันขวับมามุ่ยหน้าใส่เขา แทนที่ชายหนุ่มจะโกรธ เขากลับหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มให้นางก่อนที่จะโยนผลไม้สุกสีแดงน่ากินให้กับนางที่ไม่ทันตั้งตัว อ๊ะ! เดินไปกินไปกันเถอะ...
Free TextEditor
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:40:24 น. |
Counter : 193 Pageviews. |
| |
|
|
|