ดูไบ สังสรรค์สงกรานต์ที่ไทย เทอเรซ
(ขอติดเรื่องนินทาลูกเลี้ยง ภาคสอง ไว้ก่อนนะคะ) เอ่อ อยากบอกว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ เดือนเมษายน คนไทยพลัดถิ่นอย่างอิชั้นคิดถึงบ้านมากเลยค่ะ เลยทำข้าวกล้องงอกต้มน้ำกินแก้คิดถึงบ้านค่ะ (ช่วยได้บ้างมั้ยเนียะ)
อยู่ดูไบหาข้าวกล้องจากเมืองไทยไม่เจอค่ะเลยลองใช้ข้าวกล้องของอินเดียแทน (ยี่ห้อ India gate นะ) ที่ร้านChoietram มีชัวร์ขอกระซิบบอกว่าลองมาหมดแล้วค่ะ ท่านผู้อ่านประตูอินเดีย ยี่ห้ออันนี้แหละไม่หืนและไม่แพงมาก ลองแช่น้ำแล้วงอกเร็วทันใจน้ำงี้หอม และอร่อย หุ หุ ไม่รักไม่บอกนะเนียะ
คุณภู หนุ่มหน้าตาดี โทรฮัลโหล มาชวนไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยเทอเรซ วันศุกร์ที่ผ่านมา น้องเค้าบอกว่าเป็นงานสงกรานต์กินเลี้ยงกัน
มีเพื่อนๆ คนไทยในดูไบมาอบอุ่นเต็มร้านเลย มีทั้งแม่บ้านอย่างเรา คุณอีฟ คุณจูน คุณกระแต คุณก้อย คุณนก แม่บ้านคุณเก๋ ส่วนคุณเอมี่เสียดายไม่ได้เจอกัน ไปสงกรานต์เมืองไทย ทางนี้บ่นคิดถึงนะคะ ไม่รู้จามบ้างหรือปล่าว (หายหวัดแล้วหรือยัง แข็งแรงดีแล้วนะคะ)
น้องๆ แอร์โฮสเตสบินเหนื่อยแทบทุกวัน ยังมีน้ำใจแบ่งเวลามาพบเจอกัน
เพื่อนๆ ทั้งเก่ง ทั้งคุยสนุกจากโครงการรถไฟฟ้าดูไบ เห็นว่าเป็นทีมงานด้านการให้บริการลูกค้า (หลังรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ)
หนุ่มไฟฟ้า หนุ่มวิศวะ หนุ่มสถาปัตย์ คุณใหม่ กะคุณภู สองคนช่วยกันเป็นระวิงงานหน้าอีกนะคะ หุ หุ
สาวสวยหนุ่มหล่อจากโครงการจิวเวอรี่ดูไบ
เพื่อนๆ มาร่วมงานเลี้ยงมีใครบ้าง ดูรูปละกันนะ
มีรางวัลจับฉลากเลขรางวัลเลขสามตัว มีของรางวัลตุ๊กตาอูฐดูไบ น่ารักๆ ด้วย
อาหารร้านนี้ พ่อครัวคนไทยทำอร่อยมากๆ รสมือเข้มข้น น้ำพริกกะปิ กับผักแนมข้าวเหนียวมูลมะม่วง หอมนุ่มกรุ่นกลิ่นกะทิ แม่บ้านถูกใจให้คะแนนเต็มค่ะ
หน้าแล้งเดือนเมษาทีไร นึกเห็นภาพสีแดงดอกจานในใจแจ่มชัดในห้วงเทศกาลคืนถิ่นฉลองสงกรานต์รดน้ำดำหัวขอบคุณคุณภูอีกครั้งนะคะที่ชวนไปร่วมสังสรรค์พี่น้องไทยดูไบ พอได้บรรเทาความคิดถึงบ้าน ยังรู้สึกใจเต้นแรง ปานว่าได้กลับไปหาพี่น้องที่จังหวัดบ้านเกิดนั่นเทียว
แม้ว่าความเป็นจริงแล้ว ยังเป็นอาวรณ์คิดถึงสีเหลืองดอกคูนสงกรานต์วันครอบครัว ที่ใจอ้างว้างอย่างน้อยยังโชคดีมีเพื่อนๆ คนไทยมาร่วมไมตรีมีน้ำใจรับฟังทุกข์สุขกันและกันสวัสดีปีใหม่ไทย สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะเพื่อนๆ ตู่คนสวย พริตตี้ ติ่งต้อย นีนา อ.ไม สบายดีนะคะ
พ่อ แม่ ที่รักเคารพ สงกรานต์ปีนี้ลูกขอฝากความคิดถึงล้นหัวใจไปกราบเท้าพ่อแม่ รวมทั้งอาราธนาขอพรจากคุณพระ ช่วยปกปักรักษาผู้มีพระคุณของลูกทั้งสองให้แข็งแรง สดชื่น แจ่มจ้าเป็นดั่งร่มไม้แผ่กิ่งก้านร่มรื่นให้ลูกๆ หลานๆ ได้อาศัยเป็นที่พึ่งพิงอบอุ่นใจขอบคุณความรักเมตตาที่มีให้ลูกดุจดั่งสายน้ำเย็นฉ่ำตลอดมาและ ตลอดไปด้วยเคารพรักพ่อ รักแม่ ที่สุดค่ะ
*** นินทาลูกเลี้ยง****@ดูไบ
มีเรื่องเล่าให้ฟัง นานมาแล้ว ที่ประเทศอังกฤษ มนุษย์เงินเดือนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าเงินเดือนตัวเองถูกรัฐบาลหักภาษีจนแทบไม่เหลือใช้รู้สึกชีวิตมันจะไปไม่รอด มันหนักหนาสาหัสเกินทน จึงมีคนจำนวนหนึ่งได้ย้ายถิ่นทำกินมาขอเป็นพลเมืองออสเตรเลียเจเรมีหนุ่มอังกฤษ เมียหนึ่งลูกสอง รวมอยู่ในกรณีนี้ด้วย แกได้พาครอบครัวไปเป็นชาวออสซี่ ซื้อบ้านริมชายหาดอยู่ที่เมืองเมลเบิร์น ดูท่าชีวิตจะแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ยังไงไม่รู้ ชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่น มีอันต้องเลิกร้างกันไป ตั้งกะไอ้หนูแอนดรูว์ลูกชายหัวปี ยังไม่เข้าโรงเรียนเลย ส่วนแม่แอนดรูว์เค้าเซย์บ๊ายบาย กลับไปเป็นแอร์โฮสเตสต่อหลังจากลามาเป็นแม่บ้านให้พ่อเจ้าประคุณเจเรมีอยู่หลายปี เลยปล่อยให้ลูกชายสองหน่ออยู่กับคุณพ่อตามประสาไก่เอย กันไป หนุ่มเจเรมีก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกเอง ส่งลูกชายทั้งสองเข้าเรียนโรงเรียนประจำ (สงสัยเลี้ยงเองไม่ไหว) ตัวเองก้อตะลอนๆ ใช้ชีวิตพ่อหม้ายเมียหย่าหาเงินส่งลูกเรียน จนลูกๆ โตเป็นหนุ่ม มีเดทกับสาวๆ หมดภาระเรื่องลูกนายเจเรมีจึงตัดสินใจแต่งเมียคนที่สอง (อิ อิ สงสัยยังไม่เข็ด) เป็นสาวไทยขี้ใจน้อย คนกำลังเล่าเรื่องนี้นี่แหละแกคงคิดว่ายังไงแก่เฒ่าไปจะได้มีคนให้ฝากผีฝากไข้อ่ะนะ แล้วด้วยอาชีพงานวิศวกร ทำให้ชีวิตแกต้องหิ้วกระเป๋าย้ายไปโน่น มานี่ไม่เป็นถิ่นเป็นฐาน มีโรงแรมเป็นบ้าน มีบ้านดันไม่ได้อยู่ให้คนอื่นเช่า แบบนั้นน่ะ เมื่อสองปีที่ผ่านมา สามีภรรยาคู่นี้หิ้วกระเป๋าย้ายจากออสเตรเลีย มาทำงานที่ประเทศเกาหลี บริษัทเกาหลีที่ทำอยู่ปัจจุบันนี่ตอนนี้ได้ขยายงานไปทางตะวันออกกลางแถบลิเบีย ซาอุฯ อิยิปต์ โน่น เจเรมีซึ่งมีประสบการณ์ทำงานแถบนี้มาก่อนกับบริษัทอังกฤษ จึงรับข้อเสนอจากบริษัทฯ ด้วยความยินดีดี๊ด๊า และนี่คือที่มา ที่เรามานั่งเป็นหลับ ขยับเป็นกินในอพาร์ทเม้นท์ที่ยูเออี เมืองดูไบอันศิวิไลซ์ตระการตา ที่เหมือนจะพัฒนาแบบว่า เล็กๆ ไม่ ...ใหญ่ๆ ทำ
ลากันด้วยคำอวยพรเทศกาลแห่งความรักค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ขออวยพรให้มีความสุข สดชื่น มีความรู้สึกดีๆ ตลอดเดือนมีหมา แมว นก ต้นไม้ ที่รัก รายล้อมกับคนสนิทชิดชอบที่ได้ปลื้ม กับคนที่ชื่นชมหลงใหล นะคะเราอยู่ไกลกัน แต่อยากให้เพื่อนรู้ว่า มีความรักและคิดถึงมาให้เต็มๆ เลยจ้ะ
ขับรถเที่ยวเมืองข้างเคียง ดูไบ
แพ้แดดเมืองดูไบ ขนาดต้องหยุดพักผ่อน ยอมรับว่าอ่อนแอค่ะ ตอนนี้หายดีมีแรงแล้วก้อมาอัพบล็อกนี่แหละค่ะ เรื่องแพ้แดดค่ะจะเล่าให้ฟังวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แล้ว เกิดอยากเห็นบ้านเมือง ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองดูไบบ้างนี่เลย ได้ละ เมืองที่มีโอเอซีส มีภูเขา ติดกับประเทศโอมาน ชื่อเมือง อัล เอน Al Ain
มีห้องแสดงนิทรรศการด้วย บอกเล่าประวัติก่อตั้งโรงพยาบาลตั้งกะสมัยคุณหมอเดินเท้ารักษาคนไข้ตามกระโจมทรายทำคลอดกลางทะเลทราย สัมผัสชีวิตชนเผ่าเบดูอินสมัยโน้นแน่ะ
รูปชนชั้นผู้ปกครองแขกขาวชาวอาหรับ ที่เราเรียกว่า ชีค ชีคหนุ่มรูปหล่อมาใช้บริการที่เดียวกันกะเราๆ ท่านๆและชีคก็ได้ลูกชายที่โรงพยาบาลโอเอซิสนี่จากโรงพยาบาล ไปต่อที่ห้างในเมืองกันหน่อยเดินๆ แล้วไม่น่าสนใจ เป็นห้างใหม่เอี่ยมเสร็จบางส่วนอากาศเริ่มชื้น แสงแดดอ่อนลง ก้อหกโมงเย็นแล้วอ่ะนะเริ่มไม่สบายแพ้แดด เป็นไปได้ ทากันแดดครบ พกผ้าคลุมด้วยนั่งอยู่ในรถกันตลอดไม่ได้ไปเดินกลางแดดเปรี้ยงๆ เลยไปพักรถกินน้ำที่โรงแรมฮิลตัน อัล เอน แค่นั้นแต่มีผลค่ะ คือ ร้อนและเกรียมคุณสามีงี้หน้าแดงเชียว กลายเป็นเกรียมแดดไปทำงานในวันต่อๆ มาส่วนเรา กลับบ้านไข้ขึ้น หน้าเป็นผื่นนิดๆ คันที่แขนขาหน่อยๆส่วนฝ้ากระ ที่หน้า ชัดเจนม๊ากมากค่ะ เวลาผัดหน้าทาแป้งนะ อาศัยทารองพื้นพอบรัชออนไม่ต้อง หน้ามีสีเลือดฝาดเป็นปื้นๆ แล้ว ค่ะ
บ้านสารคามมีหอนาฬิกา อยู่วงเวียนน้อยๆ ที่นี่มี กาชาอาหรับ กาใหญ่ ถ้วยน้ำชาอาละดิน เป็นสัญญลักษณ์ ตรงวงเวียนขนาดใหญ่มากเมืองนี้เมืองอัล เอน แห่งนี้ เขียวชอุ่มพุ่มไสว เพราะเป็นโอเอซิสโบราณมีแหล่งน้ำจากหินใต้ทราย ทำให้เมืองนี้สวยสะอื้นชื่นใจมากๆมีวงเวียน ประมาณร้อยแปดแห่ง (เว่อร์ค่ะ) คืออยากให้เข้าใจความรู้สึกที่ขับรถเที่ยวในเมืองนี้น่ะว่า ขับรถวนเล่นไปมา ไม่ว่าจะไปทิศเหนือ ใต้ ออก ตกก้อต้องผ่านวงเวียน อย่างน้อยๆ ห้า หก วงเวียนน่ะค่ะก่อนจะออกจากเมือง แต่ละเวียนนี่ เวียนกว้าง มากแต่คุ้มค่ะ วนไปเวียนมาได้ไม่เหนื่อยเพราะเมืองเค้าสวยมากสงบเงียบ มีระเบียบ ต่างจากดูไบ ต่างมากๆ
ต่อด้วยภาพหัดทำขนมปังก้อน อยากสุขภาพดีอ่ะไม่อยากซื้อขนมปังขาว ก้อเลยหัดทำขนมปังเองด้วยแป้งโฮล วีท ศึกษาสารพัดวิธีทำจากยูทูบมึนงง กะคำศัพท์ กะวิธีทำ มากมาย จดไม่ไหวแล้วลงมือละกัน ก้อจัดการหาอุปกรณ์เท่าที่มีในครัวมาผสมแป้ง งานนี้ มือล้วน ทุบๆ ปั้นๆ ไม่มีเครื่องผสมค่ะทั้งบ้านมีเตาอบอย่างเดียว กะว่าไม่เวิร์คอิฉันจะอ้อนสามีไปซื้อเครื่องทำขนมปังเลย ม้วนเดียวจบ(ไปเดินดูมาแล้วเครื่องมูลิเน็กซ์ สามพันกว่าบาทที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไฮเปอร์ แพนด้า )
หน้าตาขนมปังรุ่นก่อตั้งบุกเบิกแต่ละอันอิ อิ เป็นอย่างที่เห็น น่ารักน่าชัง ก้อปั้นมาเองกะมือใจร้ายไม่ลง รักทุกก้อนเลย เริ่มตั้งแต่รุ่นแรก หมักแป้งหนึ่งคืน อีกอันหมักหนึ่งคืนแต่หมักในตู้เย็นอีกอันหมักสิบแปดชั่วโมง ตามสูตร หุ หุอีกอันหมัก ครึ่งชั่วโมงอีกอันหมักสองอาทิตย์ในตู้เย็น(อันสุดท้ายนี้ยังไม่ได้ทำเลยเพราะยังไม่ครบสองอาทิตย์)จากสูตรเวลาหมักแป้ง ก็ป่วนด้วยทำขนมปังแบบใส่เนย ใส่น้ำมันคาโนลา หรือไม่ใส่ดี ป่วนที่สอง ด้วยขนมปังใส่เกลือ น้ำผึ้ง ดีหรือไม่ดีป่วนที่สาม ด้วยสูตรนวดแป้ง กะไม่ต้องนวดจากนั้น ยังมึนงงไม่พอ จดบันทึกโยงเส้นไปมาตาลายเหมือนตอนเรียนทดลองวิทยาศาสตร์เลยตรูยังค่ะ มีป่วนตาม การนวดค่ะ โดยใช้แป้ง ต่างชนิดกันกะป่วนสุดท้ายใส่น้ำในเตาอบ หรือว่าห่อฟอล์ยดี หรือไม่ดีเวลาทำการทดลองห้าวันค่ะ อยู่ในบ้านเล่นทำขนมปังอยู่คนเดียวสามีไปออสเตรเลีย หกวัน เรากะว่าจะทำขนมปังไว้เซอร์ไพร์ส์ด้วยความป่วนทั้งหมดทั้งมวลดีใจค่ะ น้ำหนักลดไปสองกิโล เพราะเฝ้าวนเวียนหน้าเตาอบได้แผลจากข้อมือพอง พลาดน่ะ ถูกตะแกรงร้อนๆ ในเตาอบทำทั้งหมด สิบสี่ครั้ง อ่ะ เก็บให้สามีกินก้อนเดียว กรุ่นๆ เพิ่งออกจากเตา กะพอดีเวลาลงจากเครื่องบินของสามีให้เค้าตัดขนมปังเอง ควันร้อนฉุยจากตรงกลางก้อนงานนี้สามีชอบใจค่ะ ทามาร์ไมท์สีดำๆ กะเนย อ้ำเอา คำใหญ่ๆส่วนเราได้ครีมเอสเต้ กะคลีนิกซ์บำรุงหน้าเป็นของฝากจากออสเตรเลีย ตามแผนการที่เราวางไว้(เพราะเขียนใบสั่งแอบซุกไว้ตอนจัดกระเป๋าก่อนไป) อิ อิ
อัพบล็อกที อัพเยอะๆ เลย ร้อนมากๆ เราพากันไปดื่มเบียร์เย็นๆ ข้างสระน้ำโรงแรมชื่อยาวววว อ่ะชื่อว่า The One &Only Royal Mirage Hotel เรียกสั้นว่า โรงแรม เดอะ วัน ละกันจนได้เวลาพระอาทิตย์ตกดิน ครึ้มแดดครึ้มลมเดินเซๆ (ก้อเดินบนทรายอ่ะ) ออกไปถ่ายรูปที่หาดทรายมาฝาก หาดทราย ทรายละเอียดเนียนนุ่ม เย็นลมหาดค่ะอยากกลับไทย ไปหาน้องหนูอี๊ดที่ภูเก็ตจังก้อ ทะเลเมืองไทยอ่ะหนึ่งในใจเสมอ
@เดินเล่นห้าง ดูไบ@
เพื่อนๆ วันศุกร์ วันเสาร์ที่ดูไบเป็นวันหยุดเหมือนวันเสาร์ อาทิตย์ของไทยเราไม่ไปไหนกันไกล ไปห้างฯ ซื้อของมาตุนกะได้เดินชมผู้คนหัวแดงหัวดำ หอมมั่งเหม็นมั่งอิ อิห้าง Mall of the Emirates อลังการงานแขกสร้างค่าอันนี้ถ่ายทางเข้าที่จอดรถ ตอนรถวิ่งๆ หน้าห้างสวยๆ โฟกัสไม่ได้
สวยเนาะ หิมะจำลอง แขกเข้าไปเล่นกันเยอะเชียวส่วนฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี ได้แต่นั่งถอนใจเฮือกๆ ดู ข้างๆ กระจกส่งใจไปถึงบ้านตะเองตอนหิมะตก
ไปเดินต่อห้าง Wafi Mall เห็นฟาโรห์จำลองด้วยบรรยากาศเหมือนได้ไปแดนปีระมิด ประเทศอียิปต์
อันนี้ห้าง Dubai Festival City ไปเดินจนรองเท้ากัดก้อร้านแต่ละร้านใหญ่ๆโตๆ เดินไปเดินมาเมื่อยมากๆหากเกิดปวดฉี่ต้องเตรียมตัว แต่เนิ่นๆ หุ หุ
อันนี้เป็นรูปเค้าดีไซน์บริเวณทางขึ้นข้างๆ บันไดเลื่อน
อันนี้ก้อข้างบันไดเลื่อน ข้างนอกอาคารไม่ออกไปนะคะ ร้อนไม่กลัว แต่กลัวแดดค่ะ กลัวสวยจะไม่เหลืออ่ะ อิ อิ
ร้านนี้เป็นแสน็คสไตล์เลบานอนน่ะ อร่อยมาก ขอบอก
ส่วนวันธรรมดาของเรามักจะเริ่มด้วยนั่งอ่านข่าวในเน็ตวันนั้นบังเอิญเห็นนกเขาบินมาเกาะรั้ว มองเห็นชัดผ่านกระจกใส นึกถึงเพลงตอนเข้าค่ายลูกเสือ"นกเขา บินข้ามเขาไม่ใช่ของเรา ได้แต่มองดู"
เออ ถ่ายไว้ซะหน่อยนกเขา ดูไบ เป็นอย่างเงี้ยะมาอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณแบบนกๆ ให้เราแอบดูในใจก้อนึก ตัวผู้หรือตัวเมีย ดูท่าทางมั่นใจน่าดู
ร้องเพลงนกเขา ต่อ ดีกว่า"ตัวเมียตีปีก พั่บ พั่บ พั่บตัวเมียตีปีก พั่บ พั่บ พั่บ"
ท่อนร้องที่ว่า "ตัวผู้ขานรับ ว่า ของกรู ของกรู" หลายๆ คนชอบตรงนี้ที่สุดไม่รู้ทำมาย
แอบดูจนเมื่อยเลยตรู บทเพลงนกเขานี่สั้นจริงๆแล้วก็รู้ว่า ตัวผู้ คือตัวแรกที่มาอาบน้ำนอกหน้าต่าง มีภาพเป็นหลักฐาน นะ เพื่อนๆ ดีใจจัง กลางกันยา จะได้ไปสารคามแย้วววกะจะไปขับรถเที่ยวเชียงใหม่ด้วยล่ะค่า วู้ววว
@@จ่ายกับข้าวที่ ....ดูไบ@@
เพื่อนๆ ที่รัก จากข้าวของ รูปข้างบนเราไปช้อปปิ้งมาหลายที่ ได้ของกินที่สามีชอบ มีผักบ้านๆ ให้เลือกซื้อมากกว่าที่เกาหลีอีกมี ร้านสปินนี่ย์ ร้านช้อยแทรม ห้างคาร์ฟู ร้านซีเอ็มซุปเปอร์(ของคนไทยติดร้านอาหารไทย ใบตอง) กับข้าวไทยๆ ของเราเอง มีรายการจ่ายกับข้าว ดังนี้ ข้าวหอมมะลิ 1 กิโล(ถุงเล็กๆในรูป) 140 บาท
ข้าวเหนียว 2 กิโล 135 บาทพริกแดง แพ็คละ 40 บาทผักกาดดองตรานกพิราบ กระป๋องละ 25 บาทมะขามเปียก 400g แพ็คละ 65 บาทกล้วย 4 ลูก 20 บาทแตงกวา 3 ลูก 30 บาทถั่วพู 5 ฝัก 10 บาทมะเขือเปาะริ้ว 4 ลูก 5 บาทมะเขือเทศ 5 ลูก 109 บาทผักชีลาว กำละ 10 บาทผักชี กำละ 10 บาทใบแมงลัก กำละ 10 บาทใบกะเพรากำใหญ่ กำละ 100 บาทอกไก่ เนื้อล้วนๆ 3 ชิ้น 220 บาทแคปหมู 1 ถุง ประมาณ 14 ชิ้น 68 บาทปลากระป๋อง 18 บาทเส้นหมี่ จันทร์ 65 บาทหน่อไม้ กระป๋อง 43 บาทใบขี้เหล็ก กระป๋อง 45 บาทกระชาย กระป๋อง 60 บาทน้ำดื่มขวดเล็ก ประมาณ 8 บาทน้ำดื่มขวดใหญ่ 1.5 ลิตร 15 บาทยาสระผมแพนทีนโปรวี 75 บาทสบู่เหลวกลิ่นแตงกวา โดฟ 145 บาท
น้ำมันมะพร้าว ไว้ทำกับข้าว 75 บาทเต้าเจี้ยว ทำซุปแกงของเกาหลี 50 บาทปลาเล็กปลาน้อย 200 กรัม 220 บาทแป้งเกาหลี ใช้ทำหอยทอด 180 บาท
อาทิตย์ที่สองก้อย้ายมาตึกใกล้ๆ กัน Water View Apartmentไปเลาะหาดูบ้านเช่าแล้ว ท้ายสุดเลือกอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เดิม อิอิเหตุผลห้องกว้างกว่า ใกล้ห้าง ใกล้ที่ทำงาน ราคาแพงพอๆ กัน มลพิษทางฝุ่น เสียง น้อยกว่ากันนี้ดส์นึง มีน้องๆ ฟิลิปปินส์แม่บ้าน (แต่เป็นผู้ชาย) คอยช่วยทำสะอาดตลอด ดีจริง ชอบๆเพื่อนๆ มาดูไบได้เลย พักกะเรามีว่างอีก 2 เตียงค่า สิงหาปีหน้าค่อยคิดย้าย หรือต่อสัญญากันใหม่อีกที ส่วนสามีจะเผชิญปัญหารถติดช่วงเวลาเร่งรีบขาไป ขากลับ เค้าบอกว่าไม่ต้องห่วงเค้า
แดดที่ดูไบ ไม่แพ้เมืองคาร์ราธา ออสเตรเลียร้อนกันจริงๆ หน้าตา ผิวกายแห้งเหี่ยวฝ้ากระมาเยี่ยมตรึม ตั้งตัวรับไม่ทันอาศัยกำบังกายในร่มเงาอพาร์ทเม้นท์ แอร์ก้อหนาวไปถึงกระดูกออกข้างนอกห้อง เจอร้อนอบอ้าว (ก้อหน้าร้อนดูไบอ่ะเนอะ)เจอ ฝุ่น จากงานก่อสร้างตึก (ก้อเมืองเค้ากำลังบูมนี่เค๊อะ)เจอกลิ่นน้ำมันรถ ที่แข่งความเร็วกัน (ก็น้ำมันดูไบมันถูกอ่ะ)เราไปช็อปบำรุงผิวมาจ้า ได้เท่าที่เห็นแหละไม่รู้ว่าราคาที่เมืองไทยเท่าไหร่ ถ้าตัวเองรู้ราคา ช่วยเม้นท์บอกเค้าทีนะคะกันแดด ชิเซโด้Extra Smooth (SPF 30) 1,230 บาทไปซื้อที่ ห้าง Festival Cityอันนี้ ไปห้างเดียร่า ซิตี้ เซ็นเตอร์ ได้ shea butterครีมเชีย บัตเตอร์ LOCCITANE 1,380 บาทThe body shop: Vitamin E intense moisture cream very dry skin 750 บาทThe body shop: Vitamin E Eye cream 610 บาทThe body shop สบู่ก้อน พิงค์เกรปฟรุ๊ต 150 บาท(ของสามี)The body shop สบู่เหลว พิงค์เกรปฟรุ๊ต 400 บาท (ของสามี)
วันจันทร์ที่แล้วไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยชื่อร้านใบตอง เจ้าของเป็นเจ้าเดียวกะCM ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ติดกัน เป็นเจ้าของโรงสีข้าว ข้าวหงษ์ทองที่ไทยอ่ะอยู่ในละแวก คารามา Karama อาหารหลากหลายได้ปริมาณเยอะดีสั่งผัดไทย ส้มตำ กุ้งชุบแป้งทอด ไอติมกะทิรสชาดใช้ได้ (เราชอบทานรสจัดน่ะ) แต่สามีชมว่ากุ้งชุบแป้งอร่อยกว่ากินที่สิงคโปร์อีกราคาต่อจานก้อสองร้อยบาทขึ้นลูกค้าวันนั้นเห็นแต่คนฟิลิปปินส์ซะมากคนเสิร์ฟก้อปินส์ คนขายของในซุปเปอร์ก้อปินส์แต่เค้าใส่เสื้อชมพูวันแม่ กันทั้งร้านเลยที่ดูไบเค้าเป็นมุสลิมไม่กินหมูจะซื้อมาม่ารสหมูสับต้องเข้าไปข้างในร้านสุดๆมีห้องเฉพาะขายเนื้อหมู มาม่าจะอยู่ในห้องนี้แหละ เดินหาตามชั้นจะมีแต่รสต้มยำกุ้งกะรสเป็ดพะโล้เท่านั้น อิ อิสัปดาห์นี้ สามีบินไปลิเบียห้าวัน กะจะออกกำลังกายให้ได้ซัก สาม สี่ครั้ง ป ล คิดถึงและดูแลตัวเองมากๆ น๊าาา เพื่อน Create Date : 11 สิงหาคม 2551 Last Update : 11 สิงหาคม 2551 16:52:04 น. Counter : 1326 Pageviews. 36 comment ShareTweet
แต่เค้าใส่เสื้อชมพูวันแม่ กันทั้งร้านเลยที่ดูไบเค้าเป็นมุสลิมไม่กินหมูจะซื้อมาม่ารสหมูสับต้องเข้าไปข้างในร้านสุดๆมีห้องเฉพาะขายเนื้อหมู มาม่าจะอยู่ในห้องนี้แหละ เดินหาตามชั้นจะมีแต่รสต้มยำกุ้งกะรสเป็ดพะโล้เท่านั้น อิ อิ
สัปดาห์นี้ สามีบินไปลิเบียห้าวัน กะจะออกกำลังกายให้ได้ซัก สาม สี่ครั้ง ป ล คิดถึงและดูแลตัวเองมากๆ น๊าาา เพื่อน