2017-10-05 Easy made wine bag - กระเป๋าไวน์อย่างง่าย


หลังจากทำ กระเป๋าไวน์คู่ - Double wine case เสร็จ  ยังมีหนังเหลืออยู่เยอะพอสมควร เลยแบ่งมาทำกระเป๋าไวน์ให้ Deanna เพื่อนดื่มไวน์ของเรา.... ปีนี้เรางดเหล้าเข้าพรรษาเหมือนปีก่อน  และวันที่ 5 ตุลาคมนี้ เป็นวันออกพรรษา  เดียนน่าได้เตรียมไวน์ไว้ฉลองกับเรา  เลยอยากจะทำถุงไวน์ให้เป็นของขวัญ

มาลงมือทำกระเป๋าไวน์แบบง่าย แต่สวยเก๋  เหมาะกับผู้หญิงใช้เพราะสายถือเป็นโซ่  สำหรับผู้หญิงดื่มไวน์แต่ไม่อยากหนีบขวดไวน์ไว้ซอกรักแร้ให้ดูเหมือนลำยอง 5555  แต่ถ้าอยากทำให้กระเป๋าไวน์ดู สตรอง เผื่อให้ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ก็สามารถเปลี่ยนสายโซ่ เป็นห่วงโลหะ หรือจะเป็นหูไม้หวายก็ได้แล้วแต่ชอบ




ขั้นตอนแรกตัดแบบตามจินตนาการ  เราร่างแบบไว้ในเศษกระดาษใบเล็ก (ดูโปรซะเหลือเกิ๊น)  แล้วตัดแบบบนกระดาษแข็งตามแต่จะหาได้ 

แบบชิ้นที่ 1 เป็นด้านหน้าและหลังถุง ขนาด 10x32 เซ็นติเมตร  วัดจากฐานขึ้นไป 25 เซ็นติเมตร ตรงปลายอีกด้านเราวัดเข้าข้างละ 2 เซ็นติเมตรแล้วตัดจากจุดที่วัดไว้ 25 เซ็นติเมตร ไปถึงปลายจุดที่วัดเข้า 2 เซ็นติเมตรเพื่อเป็นปากกระเป๋าส่วนที่จะพับเพื่อยึดกับหูโซ่กระเป๋า  แต่หลังจากตัดกระดาษแล้วลองพับดูแล้วปลายมันหด เลยเสริมกระดาษเป็นรูป 3 เหลี่ยมตามรูป (แพทเทิร์นกระดาษสีน้ำตาล) ความยาวจากปากกระเป๋าแล้วพับลงคลุมหูโซ่ 3 เซ็นติเมตร

แบบชิ้นที่ 2 เป็นด้านข้างถุง ขนาด 10x25 เซ็นติเมตร

แบบชิ้นที่ 3 เป็นก้นกระเป๋า ขนาด 11.5x11.5 เซ็นติเมตร ตัดมุมออกอย่างละ 1 เซ็นติเมตร ตามภาพ




นำแบบมาทาบลงหนังแล้วตัดตามแบบ  แบบชิ้นที่ 1 ตัดจำนวน 2 ชิ้นสำหรับทำหน้าและหลังกระเป๋า  แบบชิ้นที่ 2 ตัดจำนวน 2 ชิ้นสำหรับทำข้างกระเป๋าทั้งสองข้าง  แบบชิ้นที่ 3 ตัด 1 ชิ้นสำหรับทำก้นกระเป๋า

ในรูปเป็นการลอกแบบชิ้นที่ 1 ซึ่งยังไม่ได้แก้ไข, โชคดีที่นึกทันก่อนเลยเปลี่ยนแบบแล้วจึงตัดหนัง




ตัดหนังตามแบบชิ้นที่ 3  และตัดพลาสติกรองก้นกระเป๋า ซึ่งเราตัดมาจากแฟ้มเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้ว ขนาด 9.5x9.5 เซ็นติเมตร




ทากาวยางแล้วติดพลาสติกลงบนหนังก้นกระเป๋า.  เจาะรู 4 รู เพื่อติดหมุดก้นกระเป๋า




รูปนี้พลิกหนังให้ดูว่าเมื่อติดหมุดรองก้นกระเป๋าแล้วจะเป็นอย่างนี้




นำหนังทั้ง 5 ชิ้นที่ตัดไว้ ทากาวยางแล้วนำไปติดซับหนังหมู  จากนั้นใช้คัตเตอร์กรี๊ดตามรูปทรงของหนัง  ถ้าใครไม่ถนัดจะใช้กรรไกรก็ได้  แต่ของหนังจะไม่เรียบเท่าการใช้คัตเตอร์กรีด




นำหนังด้านหน้าทากาวยางตรงขอบ แล้วนำไปติดกับหนังด้านข้าง แล้วตอกนำ  เราเขียนเบอร์กำกับไว้จะได้ไม่หลง 




เมื่อตอกนำเสร็จแล้วจะได้หนังที่ติดซับหนังหมู พร้อมตอกนำ ทั้งหมด จำนวน 5 ชิ้น ดังภาพ พร้อมที่จะนำไปสอยประกอบเข้าเป็นกระเป๋าไวน์




ก่อนนำไปประกอบให้ทาสีขอบหนังให้หมดทุกชิ้น




นำหนังตัวกระเป๋าทั้งสี่ชิ้น มาประกอบเข้ากับหนังก้นกระเป๋า  แล้วตอกนำ  ขอบหนังก้นกระเป๋าเราเหลือไว้ข้างละ 1 เซ็นติเมตร  จึงตอกนำ 2 ชั้น  นอกจากจะแข็งแรงแล้วยังดูสวยงามอีกด้วย




จากนั้นทำการสอยก้นกระเป๋าให้รอบทั้ง 4 ด้าน  ภาพนี้จะเห็นได้ชัดสำหรับคำอธิบายข้างต้น ว่าเราตอกนำเป็น 2 แถว 




จากนั้นเย็บด้านข้างกระเป๋าติดกับด้านหน้าและด้านหลัง  เราเย็บเสร็จไป 1 ข้าง  แล้วลองเอาขวดไวน์มาลองวาง  ก็เจอกับปัญหา เพราะเข้ากระเป๋ามันย้วยออกมา ดูแล้วน่าเกลียดมากๆ  จึงต้องทำการรื้อ แล้วตัดขอบบนตรงปากกระเป๋า เฉพาะชิ้นหนังด้านข้าง ทั้งสองข้าง  ออกด้านละ 2 เซ็นติเมตร




โดยมาก การทำชิ้นงานใหม่ๆ ก็มักจะเกิดปัญหา  ตัวปัญหานี่เองเป็นประสบการณ์ในการพัฒนาฝีมือ  และก่อให้เกิดการวางแผนก่อนลงมือทำสำหรับผลงานชิ้นต่อๆ ไป.... ดังนั้นการรื้อและแก้ไข จึงเป็นเรื่องปกติ 55555  ภาพนี้แค่อยากให้เห็นที่เลาะด้ายที่พึ่งซื้อมา อันละ 15 บาท  ทุกทีเวลาเลาะจะใช้คัตเตอร์... ได้ที่เลาะด้ายมานี่ทำให้งานไวขึ้นเยอะเลย




หลังจากเลาะเสร็จก็วัดหนังด้านข้างเข้าด้านละ 2 เซ็นติเมตร




แล้วใช้คัตเตอร์กรีดออก... จะได้ออกมาตามรูป




จากนั้นก็ตอกนำอีกครั้ง




แล้วก็เริ่มลงมือสอยอีกครั้ง...




สอยแป๊บเดียวก็เสร็จสามด้าน, เหลือด้านสุดท้าย  ลืมบันทึกไปว่า ทุกด้านที่สอยให้เหลือปลายไว้ 6 เซ็นติเมตร เพื่อทบหนังสำหรับโซ่สายถือ  ด้ายที่เหลือก็อย่าเพิ่งตัด ปล่อยไว้เพื่อรอปิดงาน, ดูรูปต่อไปก็จะเข้าใจมากขึ้น




เมื่อสอยด้านข้างครบทั้งสี่ด้านก็ให้ทากาวยางที่ปากกระเป๋าที่เราเหลือไว้ 6 เซ็นติเมตร  แล้วนำโซ่หูกระเป๋ามาวางไว้ จากนั้นทบหนังลงมา 3 เซ็นติเมตรให้คลุมโซ่หูกระเป๋า  จากนั้นตอกนำ, เราตอก 2 แถวเพราะมีเนื้อที่เหลือ  ซึ่งจะได้เข้ากับก้นกระเป๋าที่มีแนวสอย 2 แถวเช่นกัน  จากนั้นสอยเนาไว้กันเคลื่อน... แล้วนำด้ายที่เหลือจากการเย็บข้างมาสอยทับ  ตอนเริ่มสอยทับเราสอยซ้ำสองครั้งเพื่อความคงทน




พอสอยผ่านหนังที่ทบกัน ก็สอยหลอกตรงส่วนที่อยู่ตรงสายโซ่ จนจบ




จากนั้นสอยขวางไปตามลำโซ่  เราตอกนำไว้สองแถว ก็สอยสองแถวเลย




เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปให้ดูซะหน่อย,  นี่เป็นรูปด้านหน้า




ด้านข้าง




ก้นกระเป๋า




ลองใส่ขวดไวน์เข้าไป... ขนาดกระเป๋าสมส่วนมากๆ




พออ้าหูกระเป๋าทั้งสองข้างก็สามารถหยิบขวดไวน์ได้อย่างง่ายดาย




ถ้าจะทำชิ้นหน้าเราจะพัฒนาโดยการใส่แม่เหล็กที่ปากกระเป๋า  กระเป๋าไวน์จะได้ปิดไว้ตลอดไม่อ้าออก... หรืออาจจะใส่ฟองน้ำก่อนใส่ซับหนังหมู ปากกระเป๋าก็จะอยู่ทรงเช่นกัน

สรุปแล้ว พึงพอใจรูปทรงกระเป๋าไวน์ใบนี้มาก และสามารถทำได้ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน

ขอบคุณที่ติดตามผลงานครับ














Create Date : 05 ตุลาคม 2560
Last Update : 5 ตุลาคม 2560 22:24:05 น.
Counter : 2749 Pageviews.

0 comment
2017-10-02 Double wine case - กระเป๋าไวน์คู่



    ห่างเหินจากการเขียนบล๊อกมานานมาก... ด้วยความขี้เกียจตัวเป็นขน  ที่จริงเดินทางท่องเที่ยวทุกปี แต่ก็ได้เขียนบล๊อกบ้างไม่ได้เขียนบ้าง  โดยมากจะโพสท์รูปลงเฟ็กส์บุ๊คมากกว่า  พอกลับมาถึงบ้านซึ่งตั้งใจไว้ว่าจะเขียนบล๊อก แต่ก็ไม่ได้เขียน...

     งานหนังก็แทบจะไม่ได้จับ  บางครั้งก็ทำของกระจุกกระจิกเป็นของฝากให้เพื่อนๆ บ้าง  จนเมื่อเดือนก่อนจะถึงวันเกิดเจ้าสัวมาร์คและภรรยา เพื่อนของแฟนเรา (ทั้งสองเกิดห่างกัน 2 อาทิตย์เลยทำกระเป๋าไวน์แฝดให้)  ตอนไปเที่ยวอังกฤษ คุณมาร์คและลูกสาวได้พาเราเข้าเยี่ยมชมตึกรัฐสภา หรือ House of Paliament ซึ่งปกติไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชม  แถมยังพาเราไปเลี้ยงอาหารเย็นอีก....คุณมาร์คและภรรยาชอบดื่มไวน์  เลยอยากทำกระเป๋าไวน์ให้เป็นของขวัญ

เกริ่นนำซะยาวไปหน่อย  มาเริ่มลงมือทำเลยก็แล้วกัน

เศษหนังที่มีอยู่ไม่มีชิ้นที่ใหญ่พอจะทำกระเป๋าไวน์ทั้งใบได้  ถ้าจะเอาเศษหนังมาต่อกันก็คงจะไม่สวยเท่าไหร่  อยากทำออกมาให้ดูหรู แต่ประหยัดกระเป๋าคนทำ  เลยเอาเสื้อหนังที่ซื้อมาจากร้านมือสองจากอเมริกา  เพื่อนๆ คงคิดว่าอินี่มันบ้าไปแล้ว  แต่ขอบอกว่าตอนซื้อมามีจุดมุ่งหมายที่จะแยกส่วนเพื่อเอาหนัง  ไม่ได้ซื้อมาเพื่อเอาไว้ใส่.... เสื้อตัวนี้ซื้อมาแค่ 10 เหรียญ หรือประมาณ 300 กว่าบาท  เมื่อคำนวณหนังที่ได้แล้วถูกว่าซื้อเศษหนังเสียอีก (ไม่รวมค่าเครื่องเน้อ 5555) 

พอรวบรวมสติได้ก็บึ่งมอร์เตอร์ไซด์ไปซื้อที่เลาะด้าย  แล้วกลับมาแยกชิ้นส่วนเสื้อหนังที่น่าสงสารตัวนี้  เมื่อเลาะแยกชิ้นส่วนเสร็จไม่อยากจะเชื่อว่าไปหนังเยอะมากขนาดนี้



เสื้อหนังมือสองที่หอบมาจากนิวเจอร์ซี่  ตัวนี้ 10 เหรียญ 



พอแยกส่วนแล้วได้หนังเยอะมาก นี่ถ้าไปซื้อหนังผืนขนาดนี้ก็ประมาณ 2-3 พันบาทเลยทีเดียว


ปกติถ้าจะทำชิ้นงานใดๆ ก็จะต้องทำแบบ หรือแพทเทิร์นเสียก่อน  แต่ด้วยความขี้เกียจ และหากระดาษแข็งชิ้นใหญ่เพื่อมาทำแบบไม่ได้ก็เลยวัดและตัดจากหนังไปเลย เหอๆ... (ปกติกระดาษแข็งที่ใช้ทำแบบโดยมากเราก็เอามาจากกล่องอาหารเช้า, กล่องเหล้า ฯลฯ ตามแต่จะหาได้) ส่วนก้นและปากกระเป๋าที่มีส่วนโค้ง เราก็ทำแบบไว้  เพราะต้องวัดขนาดและใช้วงเวียนเขียนแบบ  ถ้าจะวัดและตัดจากหนังเลยจะยากมากๆ



สร้างแพทเทิร์นแบบขี้เกียจมากๆ คือสร้างเฉพาะปากและก้นกระเป๋า  อีกอันเป็นแบบพลาสติกก้นกระเป๋า  ส่วนอื่นๆ ที่เหลือ ไม่ได้สร้าง...วัดจากหนังแล้วตัดเลย


หนังที่ได้จากการแยกส่วนเสื้อ ค่อนข้างบาง เราต้องนำไปติดกับผ้าซับเพื่อให้หนังอยู่ตัว  ไม่อย่างนั้น เวลาตัดหนังจะเบี้ยวไปมา   เราตัดหนังที่ติดซับเป็น 2 ส่วน คื่อส่วนปากกระเป๋าและตัวกระเป๋า  ปากกระเป๋ามีขนาด 53x7 เซ็นติเมตร, ตัวกระเป๋ามีขนาด 53x28 เซ็นติเมตร



ตัดหนังที่ติดผ้าซับ  ปากและตัวกระเป๋าตามขนาดที่กำหนดไว้


โดยต้องสร้างแบบฐานและฝากระเป๋า ขนาด 21x11 เซ็นติเมตร  แล้ววัดจากด้านข้างเข้ามาข้างละ 5.5 เซ็นติเมตร แล้วใช้วงเวียนวาดรูปครึ่งวงกลมของปลายทั้งสองข้าง  ก็จะได้ฐานและฝากระเป๋ารูปวงรีสนามฟุตบอล ถ้าฟังแล้วงงๆ ก็ดูรูปข้างบนตอนสร้างแพทเทิร์น   จากนั้นทำแบบสำหรับตัดพลาสติดฐานและฝากระเป๋า  ทำเหมือนกับแบบที่ใช้ตัดหนัง  แต่มีขนาดเล็กลงข้างละ 1 เซ็นติเมตร  นั่นคือขนาด 20x10 เซ็นติเมตร  พลาสติกฐานและฝากระเป๋าเราก็ตัดจากแฟ้มพลาสติกเก่า  เลือกเอาที่หนาๆ หน่อย

เมื่อได้หนังและพลาสติก ทั้งฐานและปากกระเป๋า  เราเอาฟองน้ำบุกระเป๋าทากาวยางติดกับหนังแล้วเอาพลาสติกแข็งทับไปอีกชั้น  ส่วนของปากกระเป๋าไม่ต้องทำอะไร เอาเก็บไว้ก่อน  แต่ฐานกระเป๋า เราเอามาเจาะรู 4 รู เพื่อใส่หมุดรอบก้นกระเป๋า  ระยะจากด้านข้างกระเป๋า (ส่วนโค้งๆ) 5 เซ็นติเมตร, จากด้านหน้าและหลังกระเป๋า 2.5 เซ็นติเมตร  รูที่เจาะวัดจากแบบสำหรับตัดพลาสติก ไม่ใช่จากแบบตัดหนัง



ชิ้นนี้เป็นฐานกระเป๋า  เพราะเราเจาะรู 4 รู เอาไว้ติดหมุดก้นกระเป๋า



พลาสติกเอามาจากแฟ้มเก่า


เมื่อติดฟองน้ำและพลาสติกฐานและปากกระเป๋าแล้วเราก็ตอกนำรอบฐานและปากกระเป๋า... ปกติเวลาทำเครื่องหนังทำมือ จะต้องเอาหนัง 2 ชิ้นมาทากาวยางแล้วประกบกัน จึงจะทำการตอกนำ  แต่การทำกระเป๋าไวน์ครั้งนี้ไม่สามารถนำหนังมาประกบกันได้  จึงต้องตอกนำและนับจำนวนรู



ซ้ายมือเป็นชิ้นส่วนปากกระเป๋า, ขวามือเป็นฐานกระเป๋า  ตอกนำให้รอบ


ขั้นตอนต่อไปจะทำปากกระเป๋าก่อน  โดยนำหนังด้านข้างของปากกระเป๋าขนาด 53x7 เซ็นติเมตร มาติดฟองน้ำแล้ว  แล้วนำมาสอยเนากับหนังปากกระเป๋าที่เป็นวงรี  เพื่อให้แน่ใจว่าจำนวนรูที่ตอกนำของหนังทั้งสองชิ้นนั้นเท่ากัน  จากนั้นสอยตะเข็บหลังกระเป๋า แล้วค่อยมาสอยเชื่อมหนังสองชิ้นที่เนาไว้  ถ้าอธิบายตรงนี้แล้วงงๆ ก็ไปดูรูป จะได้เข้าใจง่ายขึ้น



นำหนังด้านข้างของปากกระเป๋ามาติดฟองน้ำ



ชิ้นส่วนของปากกระเป๋าทั้งสองชิ้น, ถ่ายด้านในให้เห็นว่าติดฟองน้ำแล้ว



ชิ้นส่วนของปากกระเป๋าทั้งสองชิ้น, ถ่ายด้านนอกให้เห็นผิวของหนัง  ซึ่งทั้งสองชิ้นได้ตอกนำโดยรอบไว้แล้ว



สอยเนาทั้งสองชิ้นของปากกระเป๋าเข้าด้วยกัน เราสอยแบบรูเว้นรูเพื่อความไว  ใครจะสอยรูเว้นสอง, สามรู ก็ได้  แต่ต้องระวังความคลาดเคลื่อนของรู ของหนังทั้งสองชิ้น.  เมื่อสอยเนาเสร็จก็ให้สอยตะเข็บหลังจนสุด



หลังจากสอยตะเข็บหลังเสร็จ ก็สอยเชื่อมหนังสองชิ้นเข้าด้วยกันจนรอบ



เมื่อเสร็จแล้วจะได้ฝากระเป๋าเป็นแบบนี้  ในภาพ  เป็นการถ่ายจากตะเข็บด้านหลังกระเป๋าไวน์



ภาพนี้พลิกฝากระเป๋าให้เห็นด้านใน


ขั้นตอนต่อมาก็ทำตัวกระเป๋าไวน์  ซึ่งขั้นตอนก็เหมือนกับการทำปากกระเป๋า  คือนำหนังด้านข้างของตัวกระเป๋ามาติดฟองน้ำ  แล้วนำไปสอยเนากับก้นกระเป๋า  แล้วเย็บตะเข็บหลัง  จากนั้นจึงสอยเชื่อมหนังข้างกระเป๋ากับฐานกระเป๋าเข้าด้วยกัน



นำหนังตัวกระเป๋ามาติดฟองน้ำ  แล้วเอามาสอยเนากับฐานกระเป๋า



จากนั้นสอยตะเข็บหลัง  ปกติการสอยหนังจะสอยจากตัวผู้สอยออกไปจนสุดชิ้นงาน  แต่เนื่องจากต้องล้วงสอยจากปากกระเป๋า จึงต้องสอยเข้าหาตัวเอง...แรกๆ ไม่ค่อยถนัด  แต่พอสอยไปสักพักก็คุ้นไปเอง



พอสอยตะเข็บหลังเสร็จ ก็มาสอยตัวกระเป๋าเชื่อมต่อกับก้นกระเป๋า ตามแนวที่สอยเนาไว้


จากนั้นทำห่วงหูกระเป๋าโดยตัดหนังขนาด 12x2.5 เซ็นติเมตร  เราทากาวติดสายกระเป๋าไนลอนเพื่อความคงทน  แล้วนำมาคล้องกับห่วงหูกระเป๋าทองแดง, ทากาวยางทบสายหนังให้เท่ากัน  แล้วตอกนำโดยรอบ  จากนั้นเจาะรูเพื่อเตรียมไว้ตอกหมุด  ระยะตอกนั้น กะให้สวยงาม.... แล้วนำไปวัดกับข้างกระเป๋า แล้วแต่ว่าอยากติดสูงต่ำแค่ไหน กะดูให้สวยงาม... เราวัดให้ห่วงสูงเท่ากับขอบบนของตัวกระเป๋า  พอทำเสร็จจึงรู้ว่าทำให้เปิดปิดซิปค่อนข้างยาก  ถ้าเลื่อนลงสัก 2 เซ็นติเมตรจากขอบตัวกระเป๋ากำลังดีเลยทีเดียว

จากนั้นสอยหูกระเป๋าเข้ากับกระเป๋าไวน์  แล้วตอกหมุดให้สวยงาม... บางทีตอกหมุดเพื่อยึดกับกระเป๋าไปเลย  แต่เราสอยหูติดกับกระเป๋าเพื่อความคงทน, รับน้ำหนักได้มาก.. ส่วนหมุดที่ตอกนั้นเพื่อความสวยงาม



ทำห่วงหูกระเป๋าโดยตัดหนังขนาด 12x2.5 เซ็นติเมตร  ทากาวติดสายกระเป๋าไนลอนไว้ข้างใน  แล้วนำมาคล้องกับห่วงหูกระเป๋าทองแดง, จากนั้นตอกนำ และเจาะรูเตรียมไว้ตอกหมุด



นำห่วงหูกระเป๋ามาติดข้างกระเป๋าทั้งสองด้าน  สูงต่ำแล้วแต่กะระยะเอา... เราติดเท่ากับขอบบนกระเป๋า ทำให้เปิดปิดซิปยาก... ถ้าเลื่อนลงมาสักสองเซ็นติเมตรจะดีมากเลยทีเดียว


พอติดหูกระเป๋าเสร็จ, กำลังจะทำซับด้านใน  กลับพบว่ากระเป๋าไม่อยู่ทรงมากนัก เลยนำแฟ้มพลาสติกบางกว่าที่ใช้เสริมก้นและปากกระเป๋า มาทากาวยางแล้วเสริมด้วยฟองน้ำอีกชั้นแล้วใส่ซ้อนลงไป  เราเสริมแฟ้มพลาสติกและฟองน้ำ ทั้งตัวและฝากระเป๋า



ในภาพจะเห็นมีฟองน้ำ 2 ชั้น... ชั้นนอกเป็นชิ้นที่ติดหนัง  ส่วนชั้นในติดแฟ้มพลาสติกบาง เพื่อให้กระเป๋าอยู่ทรง


ขั้นต่อมาเราทำซับในกระเป๋าไวน์ด้วยหนังหมู  ซับในของกระเป๋ามีขนาดย่อลงจากกระเป๋าชั้นนอกอย่างละ 1 เซ็นติเมตร  เราทำซับในของฝากระเป๋าก่อน  ขนาดหนังหมูของด้านข้างฝากระเป๋าคือ 51x6 เซ็นติเมตร  ส่วนบนของฝากระเป๋าเราตัดตามแบบหนังกระเป๋าชั้นนอกเลย   หนังด้านข้างติดฟองน้ำให้เต็มขนาดหนังหมู ส่วนด้านบน ติดฟองน้ำขนาดเดียวกับพลาสติกแฟ้มหนา  เราเอาหนังหมูทั้งด้านข้างและด้านบนมาทากาวติดกันก่อนที่จะตอกนำ  จะได้ไม่ต้องนับรูให้เสียเวลา  หลังจากตอกนำแล้วก็สอยตะเข็บข้าง  แล้วก็สอยหนังหมูทั้งสองชิ้นให้ติดกัน



นำหนังหมูที่จะทำซับ ตัดให้ได้ขนาดแล้วติดฟองน้ำ จากนั้นตอกนำ แล้วสอยตะเข็บและสอยเชื่อมหนังด้านข้างและด้านบนให้ติดกัน



ภาพจากด้านนอกของหนังหมูซับในที่ติดฟองน้ำ


ทำซับฝากระเป๋าเสร็จ ก็มาทำซับตัวกระเป๋า  ขั้นตอนนี้เราทำที่ขั้นไวน์ 2 ขวดไม่ให้กระทบกันด้วย  วิธีการคือ  ตัดหนังหมูทำซับตัวกระเป๋าขนาด 52x27 เซ็นติเมตร แล้วติดฟองน้ำ  จากนั้นตัดหนังหมูขนาด 18x10 เซ็นติเมตรเพื่อทำที่ขั้น ติดฟองน้ำและเสริมฟองน้ำอีกหนึ่งชั้นเพื่อให้กันกระแทกได้ดีขี้น  เย็บติดกันให้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสโดยเหลือปลายทั้งสองข้างด้านละ 1 เซ็นติเมตร เพิ่งนำไปเย็บติดกับซับกระเป๋า ระยะสูงต่ำกะเอาพอดีให้เมื่อใส่ขวดไวน์ 2 ขวดแล้วมันไม่ชนกัน  ส่วนระยะตามแนวนอนให้ติดไว้ตรงกึ่งกลางกระเป๋า  เมื่อติดกันกระแทกเสร็จ จึงตอกนำตะเข็บซับกระเป๋า  จากนั้นตัดหนังหมูส่วนฐาน ตัวที่เป็นวงรีขนาดเท่ากับฐานหนังชั้นนอก  แล้วนำมาทากาวยางติดไว้กับหนั้งซับตัวกระเป๋า  แล้วจึงกลับด้านในออกด้านนอก  ทั้งนี้เพราะถ้าไม่กลับก็ไม่สามารถตอกนำได้, ใชัเขียงรองตอก สอดเข้าไปด้านในแล้วทำการตอกนำ  แล้วสอยหนังซับกระเป๋าเข้ากับซับฐานกระเป๋า  จากนั้นจึงกลับด้านเอาหนังซับเข้าข้างใน  ตอนกลับต้องระวังเพราะมีที่ขั้นขวดไวน์



ตัดหนังหมูเพื่อทำซับตัวกระเป๋า ขนาด 52x27 เซ็นติเมตร  ติดฟองน้ำ.  ตัดหนังหมูอีกชิ้นขนาด 18x10 เพื่อทำที่ขั้นขวดไวน์ ติดฟองน้ำและเสริมฟองน้ำอีกชั้น เหลือปลายข้างละ 1 เซ็นติเมตรเพื่อใช้สอยติดกับหนังหมูซับตัวกระเป๋า



เมื่อติดกาวและตอกนำแล้ว ก็สอยที่ขั้นไวน์ติดลงกับหนังซับตัวกระเป๋า



นำตะเข็บทั้งสองข้างติดกาว, ตอกนำ แล้วสอยเชื่อมตะเข็บติดกัน



นำฐานกระเป๋ามาทากาวติดกับซับหนังหมู แล้วกลับข้างในออกข้างนอก  (ฟองน้ำจะอยู่ด้านใน, หนังหมูจะอยู่ข้างนอก) แล้วตอกนำ



แล้วสอยเชื่อมซับก้นกระเป๋าติดกับตัวซับ



สอยเสร็จก็กลับด้านเอาฟองน้ำออกข้างนอก (หนังหมูซับจะอยู่ข้างใน)



ซับหนังหมูติดฟองน้ำ ถ่ายจากด้านบนให้เห็นที่คั่นไวน์ข้างใน


เมื่อทำซับหนังหมูเสร็จก็นำมาใส่ในตัวกระเป๋า  ซับฝากระเป๋าก็ใส่ในฝากระเป๋า  แล้วทาขอบหนังด้วยสีสำหรับทาขอบหนัง ซึ่งนอกจากจะทำให้ดูสวยงามแล้วยังเป็นการรักษาขอบหนังไม่ให้ลุ่ยอีกด้วย เราตัดหนังขนาด 10x3.5 มาใส่ด้านหลังกระเป๋าเป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวกระเป๋าและปากกระเป๋า  พอดีมัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำจนลืมถ่ายรูปส่วนนี้ไว้... 

ในการติดซิปเราติดฝากระเป๋าก่อน  โดยนำหัวซิปมาใส่ตัวซิป แล้วทากาวยาง ติดระหว่างปากกระเป๋าและซับปากกระเป๋า  ซึ่งด้านหลังกระเป๋าเราติดหนังเชื่อมที่ตัดไว้  จากนั้นตอกนำ  ตอนตอกต้องคอยระวัง ตรวจดูว่าเหล็กตอกทะลุผ่านซับ  เพราะเราจะเห็นแต่ด้านบนจึงต้องคอยพลิกดูทุกครั้งที่ตอก  จากนั้นสอยจนรอบ

จากนั้นนำฝากระเป๋าไวน์ที่ติดซิปแล้ว ไปติดซิปอีกด้านด้วยกาวยางเข้ากับตัวกระเป๋าไวน์  แล้วตอกนำ  และจึงสอยจนรอบ



นำซับหนังหมูที่ติดฟองน้ำ ใส่ในตัวกระเป๋า... ส่วนซับฝากระเป๋าก็นำไปใส่ที่ฝากระเป๋า



ทาสีขอบหนังด้วยสีทาขอบหนัง



ติดซิประหว่างหนังและซับหนังหมู  ตรงตะเข็บหนังกระเป๋าให้ใส่หนังเชื่อมปากและตัวกระเป๋า ขนาด 3.5x10 เซ็นติเมตร... เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปขั้นตอนนี้ไว้


ตัดหนังทำสายกระเป๋า กว้าง 2.5x56 เซ็นติเมตร (ใครอยากได้ยากกว่านี้ก็ตัดหนังให้ยาวขึ้น) ทากาวยางติดสายกระเป๋าไนล่อนเพื่อความคงทน และด้านในติดซับหนังหมู  ตอกนำรอบขอบหนัง  เจาะรูสำหรับตอกหมุด  จากนั้นนำสายหนังไปคล้องกับหูกระเป๋าแล้วทำการสอย  แล้วตอกหมุด  หมุดของเราตอกเพื่อความสวยงาม  ตัวที่ยึดสายกระเป๋าจริงๆ เป็นด้ายเทียนที่เราสอย



ตัดหนังกว้าง 2.5x56 เซ็นติเมตรทำสายกระเป๋า ติดสายกระเป๋าไนล่อนและซับหนังหมู แล้วตอกนำจนรอบ  เจาะรูเตรียมไว้สำหรับตอกหมุด  แล้วนำสายกระเป๋ามาคล้องกับห่วงที่ตัวกระเป๋า และทำการสอย



รูตอกนำตรงหูห่วงก็สอยหลอกให้ดูสวยงาม



ตอกหมุดให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และดูสวยงาม



การติดซิปยากที่สุดตรงการตอกนำ เพราะเราจะไม่เห็นด้านในตรงหนังซับ  ดังนั้นรอยสอยด้านในอาจจะเบี้ยวไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร


ทำเสร็จแล้ว ลองเอาไวน์ใส่ดู  สองขวด... หนักเอาการ  สายกระเป๋าถึงแม้จะแข็งแรง แต่มันไม่สบายมือ... เลยทำตัวรองสายกระเป๋าเสริมฟองน้ำ  เราตัดหนังขนาด 12x10 เซ็นติเมตร  ติดฟองน้ำและซับในด้วยหนังหมู... ตอกนำจนรอบแล้วสอย  เสร็จแล้วติดกระดุมแป๊ก เพราะมันแน่นกว่ากระดุมหมุดธรรมดา  ระยะห่างก็กะเอาตามใจชอบ



ตัวรองสายกระเป๋า ขนาด 10x12 เซ็นติเมตร เสริมฟองน้ำ



ด้านในติดซับหนังหมู  ติดกระดุมแป๊กเพื่อความแข็งแรง



ผลงานที่เสร็จแล้ว... ตะเข็บด้านหน้ามันมาพร้อมกับหนังเพราะเราเลาะเอาหนังเก่าจากเสื้อหนังมาใช้  ดังนั้นการเลือกวางตำแหน่งหนังนั้นสำคัญ  ผลงานจะออกมาสวยหรือไม่สวยขึ้นอยู่กับการวางแผนก่อนเริ่มตัดหนังด้วย



ด้านในกระเป๋าไวน์ มีที่กั้นขวดไวน์  ซับหนังหมูพองเล็กน้อย เพราะเราทำซับใหญ่ไปนิดหน่อย (ถ้าลดขนาดลงไปอีกหนึ่งเซ็นติเมตรนี่จะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว


เสร็จแล้วนำไปให้เป็นของขวัญวันเกิด... สบายกระเป๋าตังค์ผู้ให้เพราะใช้ของรีไซเคิ้ว... ถูกใจผู้รับเพราะเป็นของแฮนด์เมด (ไม่ได้บอกว่ารีไซเคิ้ว...แอ๊บเนียน 5555)

ขอบคุณที่ติดตามผลงานครับ.


















Create Date : 02 ตุลาคม 2560
Last Update : 3 ตุลาคม 2560 14:24:16 น.
Counter : 1909 Pageviews.

0 comment
ซองใส่ซัมซุงกาแล็กซี่ เอส3 - Case for Samsung Galaxy S3
คุณทอมและคุณเบฟ เพื่อนที่เราไปพักบ้านเขาที่นิวแฮมเชียร์, อเมริกา... เมื่อตุลาคมปีก่อน  มาพักผ่อนที่เชียงใหม่.  วันอาทิตย์ที่แล้วไปทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้าน 9 หมู่ 9  อยู่หนองควาย, หางดง... เราไปทานที่นี่ประจำทุกวันอาทิตย์  อาหารอร่อยมาก... นอกเรื่องไปไกล... พอดีเคสมือถือที่เคยซ่อมให้คุณทอมเมื่อสองปีก่อนยางยืดด้านข้างมันยืดจนใช้ไม่ได้เลยเอามาให้ซ่อมอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้คิดว่าทำใหม่จะง่ายกว่าซ่อม  แต่คุณทอมอยากได้ตัวหนีบเข็มขัดจากเคสเดิม  เลยต้องเลาะออกจากตัวเก่าแล้วเอามาโมดิไฟใหม่... เริ่มเลยแล้วกัน...



ก่อนอื่นก็ตัดแพทเทิร์นกระดาษ ตามขนาดของมือถือ... ที่จริงซัมซุงกาแล็กซี่ เอส3 มีขนาด 136.6x70.6x8.6 mm.  (อันนี้ได้ข้อมูลจากเวปไซด์ซัมซุม) แต่เครื่องของคุณทอมมีเคสยางกันกระแทก ขนาดเลยเพิ่มขึ้นเป็น 147.5x87.5x14 mm.  ทั้งหลายทั้งปวงนี้เราต้องคิดภาพเอาเองเพราะมือถือไม่ได้อยู่ที่เรา

มีแต่เคสเก่า  เพราะเราต้องตัดเอาที่หนีบเข็มขัดมาใส่เคสใหม่นึกภาพไม่ออกเลยต้องมโนว่ามันน่าจะเป็นอย่างไรเลยติ๊ต่างกล่องไอพอดทัช เป็นซัมซุงเอส3 แต่มันสั้นไปเลยต้องเอาขวดฟูโอคาริล (สเปรย์พ่นปากหอม) มายัดใส่ก็พอเป็นตัวอย่างให้นึกภาพออกได้ว่าขนาดมือถือของจริงบวกเคสยางขนาดประมาณเท่านี้เท่านั้นนะ...


หลังจากตัดกระดาษแพทเทิร์นเสร็จก็มามาตัดหนังและเอาแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมาเพิ่มอีกนิดหน่อยไม่ให้มันดูเรียบเกินไป  จากนั้นตัดหนังชิ้นเล็กเพิ่มเพื่อเป็นตัวยึดที่หนีบเข็มขัด  อันนี้ทั้งวัดและกะด้วยสายตาให้ดูพองาม...


หนังชิ้นเล็กเป็นตัวยึดที่หนีบเข็มขัดต้องสอยส่วนโค้งหลอกให้ดูสวยงาม แล้วติดกาวยางและตอกนำส่วนที่ยึดขาที่หนีบและรอบชิ้นงานทั้งหมดแต่ยังสอยไม่ได้  เพราะต้องเอาที่หนีบเข็มขัดยัดเข้าไปหลังตอกนำ

เราลอกหนังชิ้นเล็กซึ่งเป็นตัวยึดที่หนีบเข็มขัดออก แต่ไม่ทั้งหมดและใส่ตัวยึดเข็มขัดเข้าไปแล้วติดหนังชิ้นเล็กกลับไปเหมือนเดิม  


จากนั้นเย็บส่วนที่เป็นขายึดทั้งสองข้าง...  ดีที่ขายึดอันนี้มันปรับหมุนได้ 360 องศา  ไม่งั้นคงเย็บลำบาก...


พอเย็บเสร็จ... อาจเป็นเพราะเย็บตึง, ดึงด้ายเทียนแรงเกินไปเพราะกลัวว่าใช้ไปแล้วมันจะหลุด...ทำให้ทั้งหนังยึดและตัวเคสเบี้ยว... เราพยายามดึงและจัดหนังให้เรียบแต่มันก็ยังย้วยไปมา  แต่ตอนติดกระดาษแข็งก็จะทำให้ตัวเคสเรียบได้  แต่ตัวยึดที่หนีบเข็มขัดก็แก้ไม่ได้แล้ว  เบี้ยวนิดหน่อยไม่เป็นไรเพราะเป็นงานทำมือล้วนๆ (ข้ออ้างอ่ะ..อิ..อิ..)


ติดตีนตุ๊กแกส่วนที่เป็นตัวเกี่ยวเข้ากับส่วนที่เป็นหน้าเคส (ด้านขวามือในรูป) แล้ววัดและทำเครื่องหมายเพื่อติดกระดาษแข็งสำหรับดามให้เคสอยู่ตัว (ลืมถ่ายรูปไว้ เลยเอารูปหลังจากติดหนังหมูและตอกนำมาให้ดู...)


ส่วนหนังต่อที่เราตอกหมุดตกแต่งเราใช้ฟองน้ำดามเพื่อให้ฝาเปิดปิดเคสอยู่ตัว, นอกจากนั้นยังทำให้หนังส่วนนี้นูนเล็กน้อย ดูอวบอิ่ม (ฮ่ะ..ฮะ..ฮะ..)  จากนั้นตัดกระดาษแข็ง ดามหนัง  ซึ่งแบ่งเป็นสามส่วน คือส่วนฝาเปิดปิดเคส (ด้านซ้ายมือของภาพ), ส่วนตัวเคสด้านหลัง (ชินใหญ่สุดอยู่ตรงกลาง) และส่วนหน้าของเคส (ด้านขวามือของภาพ)  ในรูปเราตัดหนังเพื่อทำด้านข้างเคสสองชิ้นเตรียมไว้ด้วย


นำชิ้นงานมาทาบหนังหมูแล้ววาดโดยรอบชิ้นงาน เพื่อตอนติดกาวจะได้รู้ว่าต้องแปะตรงไหน  ทั้งนี้เพราะเราต้องติดตีนตุ๊กแกอีกฝั่ง  ซึ่งเราจะวาดแบบอีกด้านของหนังหมูไม่ได้... อันนี้เราแก้ปัญหาโดยการเอาตีนตุ๊กแกมาวางฝั่งที่วาดแบบไว้  แล้วใช้เข็มจิ้มลงไปสี่มุมของตีนตุ๊กแก  และทำเครื่องหมายไว้  จากนั้นติดกาวยางแล้วก็เอาไปแปะอีกด้านแล้วจึงตอกนำและสอย... ถ้างงกับคำอธิบาย ก็ดูที่รูปถัดไป

รูปนี้พลิกให้ดูหนังหมูอีกด้านที่ทำการติดตีนตุ๊กแก  ด้านนี้ของหนังจะเป็นด้านที่ต้องโชว์เลยเขียนแบบด้านนี้ไม่ได้  แม้จะมาร์คจุดติดตีนตุ๊กแกเป็นอย่างดีแต่ก็ยังเบี้ยวไปด้านซ้ายนิดหน่อย แต่ก็แทบมองไม่เห็น..

จากนั้นทากาวยางทั้งชิ้นงานและหนังหมู แล้วเอาชิ้นงานติดหนังหมูตามแบบที่เขียนไว้บนหนังหมู.. เนื่องจากเราติดตีนตุ๊กแกอีกด้านของหนังหมู, ดังนั้นตอนติดชิ้นงานต้องระวังอย่าให้เบี้ยว

รูปนี้เป็นชิ้นงานด้านในที่ติดหนังหมูแล้ว


ตอกนำโดยรอบ  และตอกหนังข้างเคสทั้งสองชิ้น... โดยปกติเวลานำหนังสองชิ้นมาสอยติดกันจะต้องทากาวยางแล้วตอกนำ  แต่ครั้งนี้เราแยกตอกนำทั้งหมด  เวลาสอยก็นับรู  แล้วทำเครื่องหมายว่าจะเริ่มเอาหนังชิ้นข้ามาสอยต่อกันตรงไหน.. ในรูปก็จะเห็นจุดที่เราหมายไว้อย่างชัดเจน

งานชิ้นนี้เราเริ่มจากปากเคส  เพื่อความสะดวก,  ที่จริงอยากเริ่มตรงที่เราสามารถซ่อนจุดจบของด้าย  แต่ด้วยความขึ้เกียจและมักง่าย อิ..อิ..  พอสอยจนถึงจุดที่หมายไว้ ก็เอาชิ้นหนังด้านข้างมาทาบแล้วสอยต่อไปเลย  โดยย้ำรูแรกที่สอยหนังเชื่อมกันสองชิ้น เพื่อความทนทาน  จากนั้นก็สอยต่อจนจบ  แล้วตัดด้ายส่วนที่เหลือและใช้ไฟแช็คลนตรงปลาย


ขั้นต่อมาก็ทานสีขอบ... เพื่อปิดรอยเชื่อมหนังและซับให้ดูเป็นชิ้นเดียวกันและเพื่อความคงทน  ทั้งนี้สีทาขอบหนังมีคุณสมบัติยืดหยุ่นทำให้ช่วยรักษาขอบหนังได้เป็นอย่างดี


เสร็จแล้วก็ถ่ายภาพความหล่อซะหน่อย... 

ด้านหลัง..ไม่บอกไม่รู้ว่ารีไซเคิลนะเนี๊ยะ... ดูดีที่สุด...อิ..อิ...

ภาพนี้เปิดให้ดูการติดตีนตุ๊กแก

เทียบกับเคสอันเก่า (ด้านหน้า) นี่มันคนละไซส์เลยอ่ะ...หรือว่าเราจะทำใหญ่ไป..เริ่มจะกังวลใจแล้วอ่ะ  เพราะงานของเราทำแบบตายตัว  แก้ไม่ได้ต้องทำใหม่ไปเลย... หรือถ้าจะแก้ก็คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู...


เทียบกับเคสเก่า (ด้านหลัง)  เห็นแล้วเศร้า...เคสเก่าโดนแย่งที่หนีบเข็มขัดอ่ะ :(  


ปกติจะไม่รับทำอะไรให้ใครเพราะขี้เกียจเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด... แต่งานชิ้นนี้ตั้งใจทำเพื่อแสดงความขอบคุณ คุณทอมและคุณเบฟ ที่ให้ที่พักและพาไปเลี้ยงอาหาร ตอนไปเที่ยวอเมริกาเมื่อปีก่อน (2013)  กลับจากทริปนั้นก็ไปอีกหลายทริป, ลงมือเขียนบล๊อกท่องเที่ยวได้สถานที่ละตอนสองตอน  เอาไว้ว่างๆ จะลงมือเขียนให้เสร็จทุกทริป เอาเก็บไว้อ่านตอนแก่ (กว่านี้ อิ..อิ..)

จบแล้วนะ ฮ้าร์ฟฟฟฟ... กราบขอบพระคุณที่เข้ามาฟังเราโม้...




Create Date : 04 ธันวาคม 2557
Last Update : 5 ธันวาคม 2557 12:26:37 น.
Counter : 4338 Pageviews.

0 comment
2013-03-18 Pog Pag leather purse - กระเป๋าเศษตังค์ป๊อกแป๊ก
ว๊าว! จากบล๊อกงานฝีมือของฉันอันหลังสุด ก็รวมเวลาได้ สองปีสามวัน... เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก...

วัน ที่ 31 มีนาคม 2556 ที่จะถึงนี้จะเดินทางไปอังกฤษและไอร์แลนด์ ไปพักบ้านเพื่อนแฟน, เลยตั้งใจทำของฝากเล็กๆ น้อยๆ ชิ้นนี้เป็นกระเป๋าปากเหล็กที่เวลาเปิดปิดมันจะดังป๊อกแป๊ก เลยเอามาใช้เป็นชื่อกระเป๋าซะเลย.. ถ้าใครรู้ชื่อจริงๆ ของกระเป๋าแบบนี้ช่วยเม้นท์บอกหน่อยนะฮาร์ฟฟฟ

ใบนี้จะมอบให้ Joan... เพื่อนของแฟนเรา, ตอนขอวีซ่าก็ได้ Joan นี่แหล่ะส่งจดหมายเชิญ นอกจากนั้นยังจองตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์, จองตั๋วเข้าชมมหรสพต่างๆ กระเป๋าใบน้อยด้อยราคาแต่ทำและมอบให้ด้วยใจอ่ะ ทั้งนี้ยังมีของฝากอีกหลายชิ้นที่ต้องทำเพิ่ม เพราะไปพักบ้านเพื่อนของแฟนอีกหลายที่ มือบวมหล่ะงานนี้...

เข้า เรื่องเลยดีกว่า... จุดเริ่มต้นของกระเป๋าใบนี้คือเมื่อเดือนก่อนไปร้านกิ๊ฟ ตรงถนนช้างม่อย เป็นร้านขายวัสดุ, อุปกรณ์และหนัง สำหรับทำเครื่องหนังต่างๆ... เห็นปากกระเป๋าเหล็กดูแล้วกิ๊บเก๋ เลยซื้อมาอันหนึ่ง ราคา 35 บาท.. ซื้อมาดองไว้ได้เดือนหนึ่งพอดี..รสเปรี้ยวได้ที่ อิ..อิ.. เมื่อวานอยู่ๆ ก็หยิบกระดาษแข็งขึ้นมาวาดแบบโดยไม่รู้ตัว...น๊านน!! งงๆ เบลอๆ... พร้อมกับจิบจินโทนิค, เคิ้วววว อร่อยเหาะ...อิ..อิ..



โค้งปากกระเป๋าใหญ่เท่ากับก้นกระป๋องกาวยางพอดี (โค้งใหญ่ด้านบนเป็นปากกระเป๋า)... ส่วนโค้งตรงก้นกระป๋าสองข้างใช้ฝายาหม่องตราถ้วยทองขนาด 12 กรัม.. (ส่วนที่เหลือเป็นตัวกระเป๋าและก้นกระเป๋า)



ทาบแบบกับเศษหนัง แล้วตัดออกมาสองชิ้น.. จากนั้นตอกนำตรงปากกระเป๋า



ทากาวยางด้านในของหนังในส่วนของตัวกระเป๋า แล้วนำหนังทั้งสองชิ้นมาประกบกัน จากนั้นตอกนำ แล้วแยกหนังทั้งสองชิ้นออกจากกัน, นำหนังทั้งสองชิ้นมาสอยประกบกันเป็นตัวกระเป๋า



นำปากกระเป๋าเหล็กมาสอยติดกับปากกระเป๋าหนัง... ทั้งนี้รูที่ตอกกับรูที่ปากกระเป๋าเหล็กอาจไม่เท่ากัน เวลาสอยต้องใช้วิชามาร... บางที ปากกระเป๋าหนังสองรู สอยเข้ากับปากกระเป๋าเหล็กสามรู อันนี้ขึ้นอยู่กับการจัดการของแต่ละคนเน้อ... ปล..เรายังงงกับการสอยปากกระเป๋าอยู่เลยอ่ะ... แต่ก็ยัดๆ มันเข้าไป ตกแต่งให้ดูสวยเป็นพอ อิ..อิ..



ท๊าดาาาา.. เสร็จแย้ว... ขอบอกว่ากิ๊บเก๋ มว๊ากกก...



ขอหน้าตรงอีกรูป... โอ้ว, แม่จ้าว.. ช่างดูดีมีฐานะ ใครเห็นใครรัก..ใครจับเป็นติดใจ...


ที่จริงยังแปะโป้ง สัญญากับเพื่อนไก่ วชิรา, เพื่อนเอและเพื่อนกุ้ง คำแสด... ว่าจะทำกระเป๋าเศษตังค์เป็นของฝาก แต่ผ่านไปสองสามปีก็ยังไม่ได้ลงมือเรย... คิดว่าถ้ากลับมาเมืองไทยแล้วจะตั้งใจทำให้ตามสัญญา... โชคดีนะที่ไม่ได้ระบุเวลาว่าจะให้เมื่อไหร่...

เจอกันบล๊อกหน้า... มีกระเ๋ป๋าตังค์, กระเป๋าเศษตังค์แบบสี่เหลี่ยม มาเขียนและแบ่งปัน... นะฮาร์ฟฟฟ



Create Date : 18 มีนาคม 2556
Last Update : 18 มีนาคม 2556 17:39:04 น.
Counter : 4877 Pageviews.

8 comment
2011-03-15 Namecard Holder - สมุดเก็บนามบัตรอย่างง่าย
สิ้นเดือนนี้จะเดินทางไปอเมริกาหลังจากกลับมาได้เดือนกว่า (ไปเยี่ยมญาติแฟนที่ป่วยหนัก... ไปดูใจอ่ะนะ) แต่ไปครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 อย่าง คือไปทำธุระและไปเที่ยว... แล้วจะเขียนในกรุ๊ปบล๊อก 2011 America Trip ให้เพื่อนๆ ที่สนใจอ่านก็แล้วกัน

เกริ่นซะตั้งหลายบรรทัด... เข้าเรื่องซะที ที่จะทำสมุดเก็บนามบัตรอย่างง่ายก็เพราะจะเอาไปเป็นของฝาก จะหยิบจะซื้ออะไรก็แพงไปหมด เลยไปหาซื้อซองพลาสติกเก็บนามบัตร แต่ไม่มีขายเลยซื้อแบบที่มีซองหนังปลอม แล้วทำซองหนังแท้ที่เราทำไปใส่แทน



เตรียมหนัง ที่จริงใช้หนังแผ่นเดียวก็ได้ แต่เราตัดหนังสองแผ่นให้ได้ขนาดใหญ่กว่าซองพลาสติกที่เก็บนามบัตรเล็กน้อย เพราะถ้าทำเท่ากันจะไม่สามารถเอาซองพลาสติกใส่ปกหนังได้



ตัดหนังหมูเพื่อเป็นตัวยึดด้านในของซองหนัง



ทากาวยางเพื่อยึดซองหนังด้านนอกกับซองหนังด้านใน สังเกตุดูใกล้ๆ จะเห็นว่าหนังด้านนอกไม่ได้ทากาวยางโดยรอบ แต่เว้นที่ตรงกึ่งกลางกระเป๋าซึ่งเป็นส่วนของสันพับ ประมาณสองเซนติเมตร ส่วนหนังหมูด้านในก็ทากาวยางเฉพาะขอบบน, ล่าง และด้านนอก ส่วนด้านใน (ตรงกลาง) ไม่ทา เพราะจะเป็นส่วนที่สอดซองพลาสติก



สอยแบบสองเข็มโดยรอบ จากนั้นทาขอบหนังโดยรอบด้วยสีทาขอบหนัง



เสร็จแล้วนะฮาร์ฟฟฟ สวยม๊ากกกกมาย ทำแค่ 3 ชิ้น เพราะเด๋วจะทำสมุดโน๊ตปกหนัง, พวงกุญแจ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=annopwichai&month=11-2009&date=23&group=5&gblog=2 และกระเป๋าเศษตังค์หนังอย่างง่าย //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=annopwichai&month=11-2009&date=17&group=5&gblog=1 จะได้มีของฝากหลากหลาย



อ้าให้ดูซองพลาสติกเก็บนามบัตรด้านใน


ค่าใช้จ่ายประกอบด้วย ค่าซองพลาสติก 27 บาท หาซองพลาสติกเฉยๆ ไม่ได้ เลยต้องซื้อแบบที่มีปกหนังปลอม แล้วถอดออกเอาแต่ด้านใน. ค่าหนังบวกวัสดุตกแต่ง (หมุดทองเหลือง) บวกค่าด้ายเทียน, กาวยาง และสีทาขอบ รวมกันประมาณ 10 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 37 บาท ก็ได้ของขวัญทำมือสุดหรูราคาถูก

ปล. การคำนวณค่าหนังบวกหมุดทองเหลือง, ด้ายเทียน, กาวยาง และสีทาขอบ เป็นราคาคร่าวๆ เพราะหมุดทองเหลืองซื้อเป็นถุงเล็ก 20 บาทได้ 50 ตัวแต่ใช้แค่ 6 ตัว, ด้ายเทียนซื้อเป็นหลอดแต่ใช้นิดเดียว, กาวยยางกระป๋องละ 80 บาทแต่ใช้ไม่ถึง 5 สตางค์มั๊ง ส่วนสีทาขอบขวดเล็ก 20 บาท ซื้อมาสามปีก่อนยังใช้ไม่หมดเลยหิ ส่วนที่จะแพงก็คงเป็นหนัง เพราะซื้อเศษหนังมากิโลละ 200 บาท แต่ใช้ไม่ถึงครึ่งขีดตีเป็นเงินก็คงประมาณ 8 บาท

พอทำเสร็จก็อยากได้ Brandname ที่มี Logo ของตัวเอง เลยใช้เวลาเกือบชั่วโมงไปกับ Photoshop แล้วก็ได้ป้ายยี่ห้อของเรามาติดของฝาก เห็นแล้วอยากได้ม๊ากกกเลย อิ..อิ...





Create Date : 15 มีนาคม 2554
Last Update : 16 มีนาคม 2554 11:07:05 น.
Counter : 4710 Pageviews.

11 comment
1  2  

annopwichai
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]



ชีวิตอิสระ, ชอบความเรียบง่าย, เป็นโรคภูมิแพ้ IT
New Comments
MY VIP Friend