หรือดาวอังคารจะมี "อะไร" บนนั้นจริง...??
Group Blog
 
All blogs
 

Mammy, je t’aime ฉันรัก “คุณแม่”

เฮ้อ....ง่วง ง่วง ง่วง ....
ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว..แต่อาหารเช้ายังไม่ตกถึงท้องเลย
วันนี้ตื่นสายมากเป็นประวัติการณ์ เลยทีเดียว

เพราะเมื่อคืนนี้คุยกับคุณแม่จนตีสี่....




ปกติ...ทุกวันหลังจากกลับจากทำงาน ไม่ว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืนแค่ไหน
...เป็นกิจวัตรประจำวันที่แม่ลูกจะมานั่งคุยกันที่โต๊ะอาหาร (ถ้าไม่ดึกมาก)
หรือบางที่ก้อหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะลูกสาวคนนี้ชอบที่จะเช็คเมล์ก่อนนอน
(แต่เดี๋ยวนี้เพิ่มอีกกิจกรรมหนึ่งคืออัพบล็อก)

การได้คุยกันก่อนนอนเกือบทุกคืนแบบนี้....มานั่งนึกๆดูแล้ว...
ในความคุ้นเคยกันอยู่...มันเหมือนว่ามี “อะไร” หลายอย่างซ่อนอยู่ในนั้น

การได้ทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้ทำไปในแต่ละวัน
การที่แม่ตั้งคำถาม “แล้วลูกคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
การที่แม่สนับสนุน เห็นคล้อยตามความคิดของเราแล้วบอกว่า...
“ดีแล้วลูก” “ถูกแล้วล่ะ” “แม่กับพ่อภูมิใจในตัวลูกจริงๆ” นั้น
เหมือนมีพลังก้อนใหญ่หนุนให้เราก้าวเดินต่อไปในทางที่เราเลือก

ในทางกลับกัน...การที่แม่บอกว่า ...
“แม่ว่า....อย่างนี้ไม่ดีนะ” “ระวังหน่อยละกัน” หรือ “อย่าไปเสี่ยงแบบนั้นเลย” นั้น
มันทำให้เราระมัดระวังมากขึ้น มองให้กว้างขึ้น และหลายมุมยิ่งขึ้น
แม้กระทั่ง...ให้เราลดบางสิ่งอย่างที่ไม่ส่งผลดีต่อตัวเราลง

ในชีวิตจริง เรา...เหมือนยืนอยู่ท่ามกลาง "กระแส" ต่างๆ นานา
ทั้งที่มีความจริง ทั้งที่ลวง ทั้งโหมกระหน่ำ ทั้งเชี่ยวกราก หรือบางครั้งก้อไหลเรื่อยเอื่อยเงียบเชียบ...จนน่ากลัว
กระแสที่พัดผ่านตัวเรา ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง
และอาจเสียจุดที่ตัวเองยืน...ถูกพัดพาออกไปไกลได้ในที่สุด

คนเดียวที่สามารถบอกเราได้ว่า "ความจริงคืออะไร"
คือ “คนที่รักและหวังดี” กับเรา

และเราโชคดีที่มีคนๆนั้น...
ผู้หญิงที่สวย เก่ง ดีงาม เพียบพร้อม เป็นแม่แบบที่ดีสำหรับลูก

จำได้ที่แม่เคยบอกว่าการเลี้ยงลูกก้อเหมือนการสร้าง “งานประติมากรรม”
ถ้าเราอยากให้ลูก เป็นงานที่สวยงาม สมบูรณ์ เป็นชิ้นงานที่ดีชิ้นหนึ่งของโลก

เราต้องใส่ “ความตั้งใจ” เอาใจใส่ดูแลในทุกขั้นตอนการผลิต




แม่มีวิธีการดูแลลูกที่ปรับเปลี่ยนไปตามวัย...
วัยเด็กก้อจะดูแลอย่างใกล้ชิด
โตมาก้อจะดูแลแบบค่อยๆห่าง ค่อยๆวางมือไปทีละเรื่อง
พอลูกเริ่มแก่ (พรรษา) ก้อจะคอยเป็น “คู่คิด” ที่ดี
เพราะแม่เชื่อว่าเราโตแล้ว จึงเคารพการตัดสินใจของเรา

อยากขอบคุณ “คุณแม่” มากๆที่ทำให้ลูกมีวันนี้....
วันที่ลูกยืนบนขาตัวเองได้อย่างมั่นคง...

และอยากบอกว่า....
Mammy, je t’aime ฉันรัก “คุณแม่”
(แม้จะบอกกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว...)
แต่วันนี้เป็นวันสำคัญ...วันที่มีคนบอกรักแม่มากที่สุดในโลก...เราเชื่ออย่างนั้น
(บอกพ่อด้วยนะคะ...เดี๋ยวพ่อจะน้อยใจ )

ไปหาข้าวทานแล้วค่ะ...หิวจนตาลายมือไม้สั่นเลยทีเดียว
มีความสุขมากๆในวันแม่นี้ ทุกคนค่ะ




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2550    
Last Update : 2 มกราคม 2554 22:54:44 น.
Counter : 508 Pageviews.  

บารอมิเตอร์วัดความสูงของตึกระฟ้าได้อย่างไร...น่านน่ะสิ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ที่เดนมาร์ก ในปี ค.ศ. 1906

"จงอธิบายว่าท่านจะใช้บารอมิเตอร์วัดความสูงของตึกระฟ้าได้อย่างไร"



นี่เป็นโจทย์ในข้อสอบฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัย Copenhagen ที่นักศึกษาคนหนึ่งได้รับ

"เชือกยาว ๆ ผูกกับบารอมิเตอร์แล้วหย่อนลงมาจากบนหลังคาแล้วก็เอา ความยาวเชือก บวกความสูงบารอมิเตอร์ก็จะได้ความสูงของตึก" นักศึกษา ตอบอย่างมั่นใจในกระดาษคำตอบ และอาจารย์ผู้สอนให้คะแนนเขา "

แต่ นักศึกษาผู้นั้นกลับยืนกรานว่า

คำตอบของเขาควรจะถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

ทางมหาวิทยาลัยจึงตั้งกรรมการมาตัดสินเรื่องนี้

กรรมการตัดสินว่า คำตอบนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน แต่ไม่แสดงถึงความสามารถทางฟิสิกส์ให้เห็น

เพื่อแก้ปัญหาทางกรรมการจึงให้เรียก นักศึกษาคนนั้นมาพบ

แล้วให้เวลา 6 นาทีเพื่อหาคำตอบที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางด้านฟิส ิกส์

กรรมการเตือนว่า เวลาจะหมดแล้ว นศ.ตอบว่า


เขามีคำตอบมากมายที่เกี่ยวกับฟิสิกส์แต่ไม่สามารถตัด สินใจได้ว่าจะใช้คำตอบไหนดี

เมื่อได้รับคำเตือนให้รีบ นศ. จึงตอบมาดังนี้

ประการแรก :
ให้ เอาบารอมิเตอร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึก ทิ้งลงมา จับเวลาจนถึงพื้น ความสูงของตึกหาได้จากสูตร H=(1/2)gt^2 แต่น่าสงสารบารอมิเตอร์ที่อยู่ดี ๆ มันก็ต้องหล่นแตก

ประการที่สอง :
ถ้าแดดดี ให้วัดความสูงบารอมิเตอร์ วางให้ตั้งฉากพื้นแล้ววัดความยาวของเงาบารอมอเตอร์ วัดความยาวของเงาตึก
แล้วคิดด้วยตรีโกณมิติก็จะได้ความสูงของตึกโดยไม่ต้อ งขึ้นไปบนตึกด้วยซ้ำ

ถ้าเกิดอยากโชว์ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์มากกว่านี้ ก็ใช้ประการที่สามคือ

เอาเชือกเส้นสั้นๆมาผูกกะบารอมิเตอร์แล้วแกว่งเหมือน ลูกตุ้ม ตอนแรกก็แกว่งระดับพื้นดิน แล้วก็ไปแกว่งอีกทีบนดาดฟ้า ความสูงของตึกจะหาได้จาก ความแตกต่างของคาบการแกว่งเนื่องจากความแตกต่างของแร งดึดดูดจากจุดศูนย์กลางของมวล คำนวณ จากT=2 (พาย)^2 คูณกับรากที่สองของ (L/g)

ประการที่สี่ :
ถ้าตึกมีบันไดหนีไฟก็ง่ายๆ ก็เดินขึ้นไปเอาบารอมิเตอร์ทาบแล้วก็ทำเครื่องหมายไป เรื่อยๆจนถึงยอดตึก นับไว้ คูณด้วยความสูงของบารอมิเตอร์ก็ได้ความสูงตึก

ประการที่ห้า :
ถ้าคุณต้องการเป็นคนที่น่าเบื่อและยึดถือตามแบบแผนจำ เจซ้ำซาก คุณก็เอาบารอมิเตอร์วัดความดันอากาศที่พื้น และที่ยอดตึกคำนวนความแตกต่างของความดันก็จะได้ความส ูงตึก


ประการที่หก :
แต่ถ้าเราเหน็ดเหนื่อยกับการคิดและการใช้วิธีทางวิทย าศาสตร์แก้ปัญหาทางที่ดีที่สุด ไปเคาะประตูห้องภารโรง แล้วบอกว่า ..."ถ้าต้องการบารอมิเตอร์สวย ๆ ใหม่เอี่ยมแล้วละก็ ช่วยบอกความสูงของตึกให้ผมที"

นักศึกษาคนนั้นคือ

นีล โบร์ ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ปี ค.ศ. 1922 :



พักนี้มีแต่คนส่ง Fw mail ประเภทให้คิดตามเยอะเชียว
(พวกคลิปหลุดไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วอ่ะ )
น่าสนใจทั้งนั้น...ก้อเลยอยากเอามาฝากกันค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์คนนึง
แต่ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเค้าคิดค้นประดิษฐ์สิ่งสำคัญอะไร
แต่มันอยู่ที่...
เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันหลังจากที่คุณๆอ่านมันแล้วดีกว่านะคะ


น่าสนใจทีเดียว....




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2550    
Last Update : 2 มกราคม 2554 22:54:32 น.
Counter : 1983 Pageviews.  

"มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ.." ใครจะเป็นเถ้าแก่ไม่จำเป็นต้องอ่าน

กำลังเคลียร์แบบก่อสร้างโปรเจ็คหนึ่งอยู๋คะ...งานเร่งมากถึงมากที่สุด

ว่าจะไม่เข้ามาเขียนอะไรในในนี้แล้วเชียว (เมื่อวานอุตส่าห์ทำสำเร็จ)...เพราะกลัวว่าจะติดลม...

ไหนจะอยากเขียนเรื่องใหม่ เพราะมีเรื่องอยากนำมาคุยด้วยมากมาย

ไหนจะตอบคอมเม้นท์ของทุกคนที่แวะเข้ามาแชร์ความคิดกันอย่างน่าสนใจ บ้างก้อเข้ามาทัก เอารูปของกินมายั่วน้ำลาย...(กำลังไดเอ็ทอยู่นะคะ...หน้ามืดตาลายทุกครั้งที่เห็นรูปของกินเลยทีเดียว )

วันนี้เลยเอาบทความที่ได้ FW mail จากพี่ในที่ทำงานมาขัดตาทับ (อีกแล้ว..พักนี้ทำบ่อย ) ไปก่อน...

เรื่องราวน่าสนใจทีเดียวค่ะ (ยาวหน่อยนะคะ แต่รับรองว่ามีสาระให้คิดตามได้ทุกบรรทัดเลย)..คิดเห็นกันอย่างไรบ้าง...วันจันทร์จะเข้ามาถกด้วยนะคะ

สำหรับวันนนี้ขอลาไปก่อน...สุขสันต์วันอาทิตย์ค่ะ ใช้เวลาให้คุ้มค่านะคะ



..มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ..



“มนุษย์เงินเดือน” อาชีพนี้ดีอย่างไร? ..
• ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน
• ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง
• มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
• มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว
• ไม่มีล้มละลาย
• ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ
• เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที
• มีวันหยุดเยอะ
จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้

ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง
• ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้
• ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
• ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา
• ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”
• ต้องมีจรรยาบรรณ
• ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป

มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ควรจะปรับตัวอย่างไร?
• เปิดการทักทายกับทุกคน
• จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้
• เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
• อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
• ฟังและถามให้มากกว่าพูด
• เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก
• เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
• อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ

เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก
• คิดเข้าข้างตัวเอง
• คบเพื่อนคิดบวก
• คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า
• คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม
สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่ง ที่ไร้ค่าในขณะที่…คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน

เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ
* ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก
* ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ
* ทำมาก…มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก
* ทำมาก...สบายในภายหลัง

เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ
1. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต
คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน

เทคนิคการพัฒนา “ลูกน้อง” ให้เป็น “หัวหน้า”
• ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ
• ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)
• ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
• พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม

เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า
• ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก
• คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
• อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา
• จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย

การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน สายอาชีพลูกจ้าง
• มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน
• คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
• ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน
• ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง
• คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน

ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใดการขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น

ลด ละ เลิก ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง”

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยาก
2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)

ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร

• สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน
• จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
• มีเงินพอหรือไม่

การวางแผนการเก็บเงิน

**** เทคนิคง่ายๆ คือ “หลัก 3 บัญชี” โดยให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้ ****

บัญชีที่ 1 คือบัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
บัญชีที่ 2 คือบัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
บัญชีที่ 3 คือบัญชีเงินออมเพื่อออกจากงานหรือออมเพื่ออนาคต

ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง

จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน

• จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร
• จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
• จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้
• จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
• จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
• จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
• อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
• อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
• อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น

เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข

• การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก
• เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
• อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก
• อย่าระบายอารมณ์ลงที่งานและคนอื่น

แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง

รายการอาหารประจำวัน

เช้า : กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
กลางวัน : ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
เย็น : ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท
ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท

รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท

จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง

คุณคิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ???

ที่มา : รตา เรืองยิ่ง
rata@se-ed.com
แผนกฝึกอบรมและพัฒนา บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด(มหาชน)
โทร.02-739-8000 ต่อ 8780 โทรสาร 02-739-8789




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2550    
Last Update : 2 มกราคม 2554 22:54:20 น.
Counter : 1256 Pageviews.  

ไอสไตน์พูดว่า...

ในห้องเรียนวันหนึ่ง ไอสไตน์ถามนักเรียนว่า

" มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กําลังซ่อมปล่องไฟเก่า พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ ปรากฏว่า
คนหนึ่งตัวสะอาด อีกคนตัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า
ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน?? "



นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
" ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ "

ไอสไตน์ พูดว่า

" งั้นเหรอ คุณลองคิดดูให้ดีนะคนที่ตัวสะอาด
เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควัน
เขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆเลย
ส่วนอีกคน...เห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า ตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน

ตอนนี้ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่??"


นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า...

"อ้อ ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรกก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่
แต่คนที่ตัวสกปรกเห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลย

ดังนั้น..คนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย...ถูกไหมครับ...??"


ไอสไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคนต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้
ไอสไตน์ค่อยๆพูดขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล


"คําตอบนี้ก็ผิดทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
จะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด...อีกคนหนึ่งจะสกปรก
นี่แหละที่เขาเรียกว่า "ตรรก"

เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจนสะดุดก็จะไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผล
แห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้

จะหาตรรกได้ก็ต้อง...
กระโดดออกมาจาก "พันธนาการของความเคยชิน"
หลบเลี่ยงจาก "กับดักทางความคิด"
หลีกหนีจาก "สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง"
ขจัด"ทิฐิแห่งกมลสันดาน"

จะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ คุณสลัดหมากทั้งหมด ที่คนเขาจัดฉากวางล่อคุณไว้...




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2550    
Last Update : 2 มกราคม 2554 22:54:07 น.
Counter : 482 Pageviews.  

คำถามน่าคิดของวัน

วันนี้ไม่มีเวลานั่งคิดอะไรมากนัก...มีเรื่องต้องทำมากมายล้านสิบแปดอย่าง...

ต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อนบ่ายโมง เพราะต้องออกไปดูโครงการ+บ้านตัวอย่างแถวๆซาฟารีเวิร์ล (ไปไม่เป็นซะด้วย)

...เลยไม่ได้ทานข้าวกลางวันตามระเบียบ...

12.43น. ก่อนออกจากออฟฟิศ...มี FW mail อันนึงมากระตุกต่อมความคิดในสมองส่วนลับที่สุดที่มีไว้คิด "เรื่องไม่เป็นเรื่อง" ให้เริ่มทำงาน

ก้อเลยเซฟมาให้ช่วยพิจารณากัน...ว่า "โลกนี้มีความยุติธรรมมั้ย??..." อย่างที่ใน mail เค้าถามมา


ต้อง "คลิก" ที่รูปนะคะ ภาพถึงจะใหญ่ขึ้น อ่านได้ง่ายๆ


อ่านจบแล้วตอบไม่ได้ว่า "โลกนี้มีความยุติธรรมหรือไม่"
เพราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต (เท่าที่นึกออก) บอกได้ว่าบางครั้งก้อ "มี" บางครั้งก้อ "ไม่มี"

บางสิ่ง (ที่คิดว่าดี) ที่เราทำไปก้อ "ได้รับ" ผลลัพธ์ที่ดี ดังคำสอนที่ท่องติดปากมาแต่เล็กแต่น้อยว่า "ทำดีย่อมได้ดี"

แต่บางที...บางสิ่ง (ที่คิดว่าดี) ที่เราทำไปก้อ "ไม่ได้รับ" ผลลัพธ์ที่ดี ดังคำสอนในวัยเด็กนั้น...

หลังจากลองผิดลองถูกกับชีวิตมาก้อนานหลายฝน...

สรุปกับตัวเองได้ว่า...บางทีคำตอบของทุกคำถามก้อไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียว แม้ว่าเราจะใช้วิธีคิดและวิธีปฎิบัติแบบเดิมก้อตาม ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นไม่ได้เป็นไปตามแบบเดิมเสมอไป "ชีวิตไม่ใช่คณิตศาสตร์" ที่ 18+18 จะเท่ากับ 36 ทุกครั้ง (แม่เป็นครูเลข...ต้องโชว์หน่อย) ชีวิตไม่มี "สูตรสำเร็จ" ตายตัว...

นี่ละคือ "เสน่ห์" ของการใช้ชีวิต...
เราจะไม่มีวันรู้คำตอบของสิ่งใด หากเราไม่ลองลงมือทำ
บางสิ่งที่คนอื่นทำได้ดี ทำสำเร็จ...แต่เราอาจจะไม่
บางสิ่งที่คนอื่นทำได้ไม่ดี ล้มเหลว...แต่เราอาจจะทำสำเร็จสวยงาม

ในเมื่อมันไม่มีคำตอบตายตัว...ก้อต้องลองเสี่ยงกันไป (บนพื้นฐานความน่าจะเป็น)
อย่างน้อยเราจะได้ไม่เสียใจที่ไม่ได้ทำ...

ราตรีสวัสดิ์ค่ะทุกคน




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2550    
Last Update : 2 มกราคม 2554 22:53:43 น.
Counter : 463 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

annie_martian
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มีคนเชื่อว่าฉันมาจากดาวอังคาร...
เธอนี่ประหลาดจิง..มาจากดาวอังคารป่าวยะเนี่ย?
เพื่อนชาย(ค่อนข้างคล้ายหญิง)ถาม...
ดาวเดียวกับเธอแหละย่ะ...ฉันตอบ
ก้อ...ดาวโลกที่แสนน่าอยู่ใบนี้งัย
Friends' blogs
[Add annie_martian's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.