10 อันดับ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012

อันดับ 10. Two International Finance Centre, Hong Kong

ตึก Two International Finance Centre ตั้งอยู่ที่ ฮ่องกง เสร็จสมบูรณ์ในปี 2003 เป็นตึกระฟ้าสุดทันสมัยและสวยงาม ภายนอกอาคารตกแต่งด้วยกระจกสะท้อนอนาคต ความสูงอยู่ที่ระดับ 1,352 ฟุต เป็นหนึ่งในไม่กี่โครงสร้างในโลกที่มีลิฟท์สองชั้น!

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 9. Willis Tower, Chicago

Willis Tower หรือชื่อเดิมคือ Sears Tower ตั้งอยู่ที่ เมืองชิคาโก เป็น ตึกที่สูงที่สุดในอเมริกา ด้วยระดับความสูง 1,353 ฟุต มีการวางศิลาฤกษ์ของอาคาร 110 ชั้น แห่งนี้ ใน เดือนสิงหาคม ปี 1970 และสร้างเสร็จในปี 1973 ความพิเศษอยู่ที่ ชั้น 103 มีจุดชมวิวยื่นออกจากตัวตึก ให้นักท่องเที่ยวมองเห็นเมืองชิคาโกได้อย่างเต็มตา

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 8. The Trump International Hotel, Chicago

10 อันดับ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012

ตึกกระจกสุดมันวาว Trump International Hotel อีกหนึ่งตึกสูงระฟ้าที่อยู่ในเมืองชิคาโก มีความสูง 1,362 ฟุต ประกอบด้วย 92 ชั้น เคยติดอันดับ ตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ใน ปี 2009

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 7. The Jin Mao Building, Shanghai, China

Jin Mao Building ตั้งตระหง่านอยู่ที่ เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างขึ้นแทนที่ King Tower เป็น ตึกที่สูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ เสร็จสมบูรณ์ใน ปี 1999 ด้วยความสูง 1,380 ฟุต เป็นทั้งโรงแรม สำนักงาน สถานบันเทิง มีทั้งหมด 88 ชั้น ให้บริการด้วยลิฟท์ถึง 130 ตัว!

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 6. Guangzhou West Tower, China

Guangzhou West Tower ยึดตำแหน่งหนึ่งใน ตึกที่สูงที่สุดในโลก 2012 ที่ระดับ 1,444 ฟุต ตั้งอยู่ที่ เมืองกวางโจว ประเทศจีน ภายในตึกระฟ้า 103 ชั้น ทำหน้าที่เป็นทั้งโรงแรม สำนักงาน และศูนย์การประชุม เปิดให้บริการในปี 2010 ตึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ตึกแฝด Guangzhou Twin Towers Complex ซึ่ง Guangzhou East Tower จะคลอดในปี 2016

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 5. Greenland Financial Center, Nanjing, China

Greenland Financial Center ตึกระฟ้าแห่ง หนานจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีระดับความสูงที่ 1,476 ประกอบด้วย 71 ชั้น เริ่มสร้างใน ปี 2005 เสร็จสิ้นในปี 2010 เปิดให้บริการด้านโรงแรมและสถานบันเทิง

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 4. Petronas Towers, Kuala Lumpur, Malaysia

ตึกที่สูงที่สุดในโลก

Petronas Towers แห่ง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สูง 1,483 ฟุต สร้างเสร็จใน ปี ค.ศ. 1998 และครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก จนโดนโค่นแชมป์ใน ปี 2003 ความโดดเด่นอยู่ที่ สะพานเชื่อมอาคาร ซึ่งมีน้ำหนัก 750 ตัน อยู่ที่ชั้น 42 และ 43 ปัจจุบัน Petronas Towers ยังครองแชมป์ ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 3. Shanghai World Financial Center, China

ตึกที่สูงที่สุดในโลก

ด้วยความสูง 1,614 ฟุต จึงทำให้ Shanghai World Financial Center ของจีน ถูกคาดหวังว่าจะเป็นผู้ทำลายสถิติ ตึกที่สูงที่สุดในโลก จาก Petronas Towers แต่เหมือนถูกสวรรค์กลั่นแกล้งให้กระเป๋าแห้งซะก่อน การก่อสร้างเริ่มใน ปี 1997 แต่หยุดชะงักลงกลางครันไปหลายปี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่เมื่อแล้วเสร็จ ก็ต้องระเห็ดตกเก้าอี้แชมป์ ไม่เป็นดังหวัง เมื่อ Taipei 101 ผงาดค้ำฟ้าในเวลาไล่เลี่ย ด้วยความสูงที่เหนือกว่า คว้าตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ตัดหน้า Shanghai World Financial Center ไปซะงั้น!

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 2. Taipei 101, Taiwan

Taipei 101 ตาอยู่ผู้ทำลายสถิติ ครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2003 ด้วยการเพิ่มยอดเสาตึกจนมีความสูง 1,676 ฟุต ตั้งตระหง่านอยู่ที่ เขตซินยี เมืองไทเป แห่ง ไต้หวัน มีทั้งหมด 91 ชั้น เป็นทั้งศูนย์บริการด้านการเงิน สำนักงาน แหล่งช้อปปิ้ง และติดอันดับ ลิฟท์สองชั้นที่เร็วที่สุดในโลก

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 1. Burj Khalifa, Dubai

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012

มาถึงแชมป์ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อย่าง Burj Khalifa แห่ง ดูไบ ความสูงเข้าวิน ด้วยระดับ 2,717 ฟุต อาคารสูง 160 ชั้น แห่งนี้ เป็นทั้งอพาร์ตเมนท์ โรงแรม สำนักงาน ภัตตาคารหรู ด้วยที่สุดของความสูงเสียดฟ้า จึงผงาดอย่างเนียนๆ เฉือนมาอีก 2 ตำแหน่ง “ลิฟท์ที่สูงที่สุดในโลก” และ “จุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลก” คิดมาคิดไป มันก็ต้องแน่น่ะสิ ยิงปืนนัดเดียว มีเอี่ยวไปหลายแชมป์!

อย่างไรก็ตาม บนโลกที่ไม่หยุดนิ่ง ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ว่า Burj Khalifa จะครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ได้นานเท่าไหร่ เพราะแว่วว่า Azerbaijan Tower กำลังจะมาพร้อมความสูงเว่อร์ 3,440 ฟุต!

ข้อมูล : //www.globalgrasshopper.com เรียบเรียง : travel.mthai.com




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2555    
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 9:36:48 น.
Counter : 1722 Pageviews.  

อะโวคาโด ลดไขมัน ไม่ทำให้อ้วน

อะโวคาโด

อะโวคาโด คือผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมในแถบอเมริกาและยุโรป เพราะมีสารอาหารหลากหลายที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ หลายคนกลับไม่นิยม แถมติว่ารสไม่หวาน มีไขมันสูง กินแล้วอ้วน ผลไม้ชนิดนี้จึงถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

ผลไม้ดีช่วยสลายไขมันใน 7 วัน

         อะโวคาโด เป็นแหล่งของกรดไขมันดี คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (Monounsaturated fatty acids) ถึง 70 % มีคุณสมบัติลดไขมันร้ายในหลอดเลือด เช่น แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันภายในหลอดเลือด และ ลดโอกาสเสี่ยงโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และหัวใจวาย ในอนาคต

ยืนยันได้จากรายงานในวารสาร Archives of medical research ศึกษาในผู้ที่มีระดับไขมันร้ายในหลอดเลือดสูง พบว่า หากเปลี่ยนมากินอาหารที่มีส่วนประกอบของ อะโวคาโด เป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องนาน 7 วัน สามารถช่วยให้ระดับไขมันคอเลสเตอรอลรวมลดลง 17 เปอร์เซ็นต์ แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ลดลงถึง 22 เปอร์เซ็นต์

กินอะโวคาโด ไม่อ้วน

         กระทรวงเกษตร ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลว่า อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง โดยมีปริมาณไขมัน 17.3 กรัมต่อน้ำหนักผล 100 กรัม ในขณะที่ผลไม้ชนิดอื่นมีไขมันน้อยมากหรือไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ บ่อยครั้งจึงทำให้เกิดความแคลงใจที่จะกินผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดนี้ขณะลดน้ำหนัก

เพื่อคลายความสงสัย นักวิจัยจาก North-West University วิทยาเขต Potchefstroom ประเทศแอฟริกาใต้ จึงค้นหาคำตอบ โดยจัดชุดอาหารลดน้ำหนักซึ่งมีสัดส่วนของไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนที่เหมือนกัน ให้กับผู้ทดลองทั้งสองกลุ่ม แตกต่างเพียงกลุ่มแรกมีแหล่งไขมันหลักมาจากอะโวคาโด ( กิน อะโวคาโด 1 ผลหนัก 200 กรัม ทุกวัน ทดแทนไขมันจากแหล่งอื่น) หลัง 6 สัปดาห์ พบว่า ทั้งสองกลุ่มมีน้ำหนักลดลงใกล้เคียงกัน สำหรับกลุ่มที่กิน อะโวคาโด ทุกวัน มีระดับไขมันร้ายในเลือดลดลงมากกว่าอย่างชัดเจน ฉะนั้นจึงสรุปว่า อะโวคาโด เป็นอาหารลดน้ำหนักได้ ไม่ทำให้อ้วน แถมขจัดไขมันร้ายเป็นผลพลอยได้อีกด้วย

เทคนิคบ่มให้สุกด้วย แอปเปิ้ล

ใครหาซื้อ อะโวคาโด สุกไม่ได้ กดแล้วแข็งไม่นิ่ม เรามีวิธีเร่งสุกแบบธรรมชาติมาฝากค่ะ
1. ใส่ผล อะโวคาโด ดิบลงในถุงกระดาษสีน้ำตาล พร้อมผลแอปเปิลสุกผ่าครึ่ง
แก๊สเอทิลีนจากแอปเปิลจะช่วยเร่งให้ อะโวคาโด สุกเร็วขึ้น
2. เก็บที่อุณหภูมิห้องนาน 2 – 5 วัน ควรเก็บให้พ้นจากแสงแดด เพื่อให้อุณหภูมิคงที่
3. ทดสอบการสุกโดยกดที่ผิว หากแข็งควรบ่มต่อนาน 1 – 2 วัน
หากกินไม่หมดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 2 สัปดาห์

        เติมไขมันดีจาก อะโวคาโด สู่ร่างกาย งดไขมันอันตรายจากของทอด เพิ่มผักใบเขียว และข้าวไม่ขัดสีเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารลดไขมัน ลดอ้วนประสิทธิภาพสูงแล้วค่ะ

 ที่มาจาก นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 336




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2555    
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 9:34:17 น.
Counter : 1297 Pageviews.  

สารพัดนวัตกรรมใหม่ ดูแลผมได้สวยครบทุกขั้นตอน

>>เส้นผมจะสวยได้ต้องมาจากการเอาใส่ใจดูแลผมอย่างดีในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด, ทรีตเมนต์บำรุง ไปจนถึงการให้ความผ่อนคลายกับเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของรากผมและระบบเคมีต่างๆ ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพและเหมาะกับสภาพเส้นผมของคุณจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ

มองหาสิ่งใหม่ๆ นอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังๆ ระดับโลก ที่แม้จะมีผลิตภัณฑ์ให้คุณเลือกสารพัดแบบและมีคุณสมบัติมากมาย แต่ส่วนใหญ่ทำมาจากสารเคมีทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับเส้นผมของบางคน ลองเปิดโอกาสให้ทางเลือกใหม่ จากผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่สกัดจากสารธรรมชาติ อย่าง สมุนไพรออร์แกนิก และเอสเซนเชียล ออยล์บริสุทธิ์ อย่าง KISS MY FACE ผลิตภัณฑ์ที่เรียกได้ว่ารักทั้งผมคุณและรักษ์โลก

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นไม่มีสารกันเสีย (paraben free) สารระคายเคือง สี และน้ำหอม ยังให้คุณมั่นใจในความปลอดภัย กับผลิตภัณฑ์ที่ไร้สารก่อมะเร็ง ไม่ใช้ส่วนประกอบที่ทำจากสัตว์ และไม่ทดลองกับสัตว์ ไม่มีกลูเตนที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ ทำความสะอาดผมของคุณอย่างนุ่มนวลและเกลี้ยงเกลา โดยไม่ทำร้ายหรือทำให้ผมของคุณแห้ง รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ 100% ราคาขวดละ 680 บาท มีจำหน่ายที่กูเม่ต์มาร์เกต ที่พารากอน เอ็มโพเรียม เค วิลเลจ และเทอร์มินัล 21 เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ ที่เซ็นทรัล ชิดลม เซ็นทรัลเวิลด์ และวิลล่า มาร์เก็ต

2. ทรีตเมนต์ดีๆ ดูแลสีผม

การทำสีผมในแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายขั้นต้นนับเป็นหลักพัน ดังนั้นใครๆ ก็อยากจะให้สีผมแจ่มชัดคงอยู่กับเส้นผมคุณไปนานๆ ต้องลองใช้ คริสตัลซูติก ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก ลอรีอัล ที่นับเป็นครั้งแรกของวงการทรีตเมนต์ที่สามารถรักษาความสดสว่างของสีผมไว้ให้เหมือนกับวันแรกได้นานกว่าเดิม

โดยใช้เทคโนโลยี GLUCOMINERAL (กลูโคมิเนอรัล) ดักจับเม็ดสีถึงชั้นเส้นใยของผม สามารถเข้าไปสร้างผลึกเพื่อดักจับเม็ดสีในใจกลางเส้นใยของผม จะช่วยคงสีผมสวยสว่างสดใสได้เหมือนกับวันแรกให้นานขึ้น สามารถช่วยปกป้องสีผมของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ ให้สีผมสวย เป็นประกายสว่างสดใสที่ทำได้นานถึง 6 สัปดาห์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ร้านซาลอนชั้นนำที่มีเครื่องหมายลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเลอ คลับ ซาลอน

3. เพิ่มความหอมและเสน่ห์ให้เส้นผม

เติมการบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื่น มีประกายแวววาวและมีกลิ่นหอมแสนสดชื่น ดัวย ซาติน ออยล์ มิสต์ (Satin Oil Mist) มอยส์เจอไรเซอร์ที่เกิดจากการผสมผสานออยล์ธรรมชาติจนได้เป็นกลิ่นอันเปี่ยมเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของปัญญ์ปุริ ที่สามารถใช้บำรุงได้ทั้งผิวพรรณและเส้นผมภายในขวดเดียว สร้างความรื่นรมย์ หอมสดชื่น และผ่อนคลายทุกครั้งที่ใช้ โดยอ่อนโยนต่อผิวและเส้นผม เพราะปราศจากกลิ่นหอมที่สกัดจากสารเคมี ไม่มีการปรุงแต่งสี ไม่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียม มิเนอรัลออยล์ พาราเบน ซิลิโคน และสารเคมีอื่นๆ

มีให้เลือกทั้งสิ้น 8 กลิ่น ที่ให้ความหอมเย้ายวนที่แตกต่างตามแต่สไตล์แต่ละคนทั้งแบบดอกไม้เมืองร้อน, กลิ่นหอมหวานแบบวานิลลา ไปจนถึงกลิ่นสดชื่นของลาเวนเดอร์ ฯลฯ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านและเคาน์เตอร์ของปัญญ์ปุริ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.panpuri.com

4. แบรนด์ดังที่ครบทุกความต้องการ เบย์ลิส แอนด์ ฮาร์ดดิ้ง

แบรนด์ดังจากประเทศอังกฤษที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่นานนี้ “เบย์ลิส แอนด์ ฮาร์ดดิ้ง” ผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรนนิบัติดูแลทุคนในครอบครัวได้ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ที่มีจำหน่ายทั่วโลกมากว่า 50 ปี มีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ตอบสนองได้ครบทุกความต้องการอย่าง Great Hair ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีคุณภาพระดับซาลอน ช่วยทำความสะอาดเส้นผมอย่างหมดจดและอ่อนโยน ให้การบำรุงอย่างเต็มประสิทธิภาพ

โดยมี 3 สูตรครบสำหรับผมทุกประเภท ทั้งแบบผมตรง, ผมดัด และผมทำสี ในราคาขวดละ 290 บาท โดยมีจำหน่ายเฉพาะที่ร้านบูทส์เท่านั้น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2229-723

* manager.co.th  *




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2555    
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 9:29:28 น.
Counter : 755 Pageviews.  

แต่งตา-ทาปาก-ปัดแก้มแบบใดผู้ชายสยบ!?

By Lady Manager

เราลองสุ่มถามผู้ชายกว่าร้อยคน ว่าสิ่งไหนบนใบหน้าของผู้หญิงที่เตะตาโดนใจพวกเขามากที่สุด ระหว่างดวงตากับปาก ปรากฏว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายทั้งหมดบอกว่า "ตา" เเละอีก 19 เปอร์เซ็นต์ คือ "ปาก"

       งั้น เราลองมาถามและฟังนานาทัศนะของพวกผู้ชายกันอีกซักคำถามซิว่า พวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับการแต่งหน้าของผู้หญิงในแต่ละจุดบ้าง


       ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนว่า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าผู้หญิงได้ใช้สมองทั้งสองฝั่งในการประมวลความสวยงามของตนเอง โดยที่ฝ่ายชายนั้นใช้เพียงเเค่ฝั่งขวาข้างเดียว ผลก็คือผู้หญิงจะมองทะลุทะลวงไปถึงจุดเล็กๆ แทบจะทะลุรูขุมขนได้ละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ชาย

ในขณะที่ผู้ชายมองเพียงเเค่ภาพรวมเท่านั้น พวกผู้ชายเค้าไม่มาน่าสังเกตหรอกว่า ขนคิ้วที่คุณกันออกไปอาทิตย์ก่อน มันจะขึ้นมาเป็นตออีกสองเส้น จนทำให้คุณกระวนกระวายใจไม่กล้าสบตา หรือหวั่นใจว่า วันนี้ชั้นไม่ได้ใช้พู่กันทาปาก สีจะเนียนสม่ำเสมอทั่วปากหรือเปล่า อุ้ย! วันนี้เขียนคิ้วเท่ากันหรือเปล่าว้าา

หรือพวงแก้มแดงๆ ที่คุณปัดบลัชออนสีพีซ แต่แฟนคุณดันบอกว่าวันนี้ปัดแก้มซะแดงแจ๋เป็นตูดลิง จนคุณทั้งคู่แทบทะเลาะกันเพียงเพราะแค่เรื่องสีเท่านั้น แก้มชั้นสีพีซอมชมพูนิดๆย่ะ ไม่ใช่สีแดงซะหน่อย โว๊ะ อีตาบ้า!

สโมกกี้อายชายปลื้ม

ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะหลงใหลชื่นชอบในการที่จะเล่นเมคอัพกับสีตาในโทนสีที่ออกไปทางสดใสซาบซ่าน สีชมพู ฟ้า เขียว เป็นต้น

เเต่ในทางกลับกันผู้ชายมักชอบพวกหล่อนในการเขียนตาสีดำซะมากกว่า เช่น การทาตาเเบบ smoky eye เเละการใช้อายไลเนอร์กรีดดวงตาให้คมกริบ

การใช้อายแชโดว์ทาขอบตาสีดำนั้นจะทำให้ดวงตาของคุณดูสว่าง โดดเด่นขึ้น เเละเป็นการสร้างมิติ ราวกับดวงตาคุณกลมโตขึ้น ซึ่งมันจะทำให้แทบสะกดจิตพวกเขาได้ แทบอยากจ้องตาของคุณจนน้ำลายหก 2 หยดเลยทีเดียว

อย่างที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่าในใบหน้าของผู้หญฺิง ดวงตาคือสิ่งที่ผู้ชายชอบมองมากที่สุดกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ไงล่ะจ๊ะ

ไม่เซียนจริงอย่า Fake ติดขนตาปลอม

การติดขนตาปลอมเรามักจะใช้ในวันสำคัญวันพิเศษ เช่น นัดเดทกับหนุ่ม ซึ่งเราต้องจัดเต็ม จัดหนัก บางคนแต่งหน้าอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง ในขณะที่นัดเจอผู้ชายไม่ถึงชั่วโมง หรือแค่เค้าเอาของมาให้เพียงไม่ถึงสิบนาที แต่อย่างว่าผู้หญิงเราต้องจัดหนัก จัดเต็ม สอดรับทุกสถานการณ์เอาไว้ก่อน

แน่นอนการจัดเต็ม แต่งให้ครบเปรียบได้เหมือนกับการรำเเพนหางของของนกยูงเพื่อเรียกแขกดึงดูดความสนใจ แต่ถ้าคุณไม่มีความสามารถในการติดขนตาปลอม เพราะหากมือคุณไม่นิ่งพอกาวขนตาปลอมอาจจะเลอะเทอะ เหนียวเหนอะ กระพริบตาทีแทบกระพริบไม่ขึ้น

แถมหากคุณไม่เซียนจริง อาจแปะได้ไม่เนียนกลายเป็นขนตามีสองชั้นระหว่างขนตาจริงกับขนตาปลอม จนอาจทำให้ผู้ชายของคุณหลุดขำก๊ากออกมาได้ เพราะพวกผู้ชายเขาไม่ชอบอะไรที่ดู fake พวกเขาต้องการเห็นคุณในจริงที่เป็นจริงมากกว่า

       เอางี้ ขอแนะนำ เพียงแค่คุณดัดขนตาปัดมาสคาร่า ก็ แจ่มจะแดมแจ่ม Wow ณ บัด Now โดนใจผู้ชายแล้วล่ะ ท่องไว้ “อย่าเยอะ”


เมกอัพธรรมชาติมันโดนใจ


การเเต่งหน้าที่มากเกินไปหรือการแต่งหน้าไม่เป็น ดีแต่จะทำให้การเดทของคุณกับผู้ชายล่มไม่เป็นท่าแบบเรือไททานิคได้

เเต่ถ้าเลือกเมกอัพแค่บางจุดแต่สำคัญที่สุด เช่น ตา กับปาก ก็เวิร์กแล้ว แนะนำให้ทา lip gloss เพื่อเพิ่มความแวววาวให้กับริมฝีปาก เเละปัดขนตากรุบกริบแต่อย่าจัดเต็มจนมาสคาร่าเลอะเทอะเป็นแพนด้า ซึ่งอาจจะดีกว่าที่คุณปล่อยให้หน้าโล้น ไม่แต่งแต้มอะไรเลย

ผู้หญิงจะดูสวยได้สมกับเป็นผู้หญิงก็ตรงที่การเเต่งเสริมเติมสวย มันเป็นการบ่งบอกเป็นนัยเเฝงว่าคุณนั้นสนใจภาพลักษณ์ของตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

Amanda Redgrave ช่างเเต่งหน้าชาวนิวยอร์ก บอกทิปส์เมกอัพแบบไม่ต้องจัดเต็มว่า

       “4 อย่างที่ทำให้ผู้หญิงนั้นดูดีก็คือ ทาคอนซีลเลอร์ใต้ตากลบแพนด้านิดหน่อยเพื่อให้ดวงตาไม่ร่วงโรย ดวงตาสว่างใส ปัดมาสคาร่าให้ขนตาเข้ม และทา lip gloss ให้ริมฝีปากแลดูน่าจุ๊บ

       เเละสุดท้ายปัดเเก้มเล็กน้อย เพียงเเค่พอให้ใบหน้าของคุณดูมีสีสันขึ้น เพียงแค่นี้ก็ทำให้ชายหนุ่มมองตาเยิ้มแล้วล่ะ”


ปัดแก้มแดงน่าดึงดูด

ทำไมพวงเเก้มที่สุกก่ำสีเเดงถึงดูเร่าร้อนนัก นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าการที่เลือดถูกขับให้ไปที่เเก้มจนหน้าเเดงฉ่ำนั้น เช่น เวลากินของมึนเมา มันจะทำให้ผู้หญิงดูน่าดึงดูด มีเสน่ห์ มากขึ้นอีกสองเท่าตัว

       ขอนั่งไทม์แมชชีน ย้อนไปในสมัยยุคหิน พวกคนยุคนั้นมักสังเกตว่าทารกจะมีสุขภาพดี เเข็งเเรง ก็จากการดูเเก้มของเด็กนั่นเอง หากเเก้มทารกน้อยเเดง เเสดงว่าเด็กคนนั้นไม่ป่วย สุขภาพดีเลิศพ่อแม่โล่งอกสบายใจหายห่วง


       รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ จ๋าเราต้องลองฝึกปัดเเก้มให้เข้ากับสีโทนใบหน้าของตัวเองบ้างนะ มิใช่ว่าสีผิวคล้ำแต่ปัดแก้มแดงแจ๋ นอกจากจะดูตลกแล้ว อาจทำให้สีแก้มดูช้ำเลือดช้ำหนองได้นะ จากหน้าดำเป็นเขียว ม่วง ได้

และควรพวกบลัชออนไว้ในกระเป๋า ติดตัวไว้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม ฝุ่น ผง อะไรก็ว่า ไป ห้ามให้แก้มดูจืดเด็ดขาด เพราะอาจดูป่วย ไม่สดใสได้นะจ๊ะ พวกผู้ชายเค้าไม่รู้หรอก นึกว่าแก้มแดงเพราะเลือดฝาด หลอกลวงไปเถอะหากยังไม่ได้อยู่กินกันจนรู้ไส้รู้พุง แบบตื่นมาเจอเรานึกว่าซากศพเพราะไม่แต่งหน้า อิอิ 

กลัวการทาปากสีแปลก

ผู้หญิงเรามักชอบเล่นสนุกตามแฟชั่นกับสีของปากตัวเอง เช่น สีชมพูแต่ต้องมีสิบกว่าเฉด ในขณะที่ผู้ชายรู้เพียงว่า สีชมพูมันก็เหมือนกันหมด หรือผู้หญิงเราต้องไล่ล่าการตามเทรนด์เมกอัพเช่น ทาปากสีม่วง สีแดงแปร้ด

ในทางกลับกัน เมื่อผู้ชายเห็นสีที่สดใสเด่นเเปลกตา พวกเขามักจะคิดว่า เฮ้ย จูบแล้วจะล้างออกไหมน่ะ เย้ย! สีนั้นเหรอที่เราจะจูบลงไปอ่ะ มันจะติดปากมั้ยนิ เเละนั้นเป็นเหตุผลที่ผู้ชายไม่ค่อยชอบสีที่ดูเเปลกเเตกต่างมากเกินไป

       เพราะพวกผู้ชายไม่รู้หรอกว่า ตอนนี้เทรนด์สีม่วงกำลังมา หรือเทรนด์การทาปากแบบไล่สีกำลังอิน พวกเขารู้แต่ว่า ปากย่อมมีแต่สีชมพูเท่านั้น!


เรียบเรียงจากคอสโมโพลิแทน




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2555    
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 9:27:57 น.
Counter : 1144 Pageviews.  

ซูบารุ เผยโฉม ฟอเรสเตอร์ SUV ใหม่

       แม้จะเปิดตัวขายในญี่ปุ่นไปแล้วสำหรับ “ ฟอเรสเตอร์ “ รุ่นใหม่ที่เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 และขณะนี้กำลังยืนอวดโฉมอยู่ที่งาน “แอลเอ มอเตอร์โชว์ 2012” สำหรับตลาดในเอเชียซูบารุเลือกประเทศไต้หวัน (วันที่ 5 ธ.ค.) เปิดตัว ฟอร์เรสเตอร์ รุ่นใหม่

       ฟอเรสเตอร์ ใหม่ เปลี่ยนบุคลิกมาเป็น SUV อย่างเต็มตัว พร้อมกับเปลี่ยนรูปแบบและสไตล์ของตัวรถมาเป็นแบบยกสูง และเน้นความบึกบึน แต่ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายของสมรรถนะในการขับขี่ โดยรุ่นใหม่มากับตัวถังแบบ 5 ประตูที่มีความยาว 4,595 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร



       รุ่นนี้มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบนอน ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือ รุ่นธรรมดา มีกำลังสูงสุด 148 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.0 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที และรุ่นเทอร์โบที่ใช้ระบบ Di หรือ Direct Injection และเทอร์โบแบบ Twin-Scroll เข้าไป ซึ่งรีดกำลังออกมาได้ 280 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที เลือกส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ที่ซูบารุเรียกว่า Lineartronic หรือจะเป็นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะก็ได้

       ส่วนระบบขับเคลื่อนมีแบบเดียวเป็นแบบ AWD หรือ 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมโหมดที่เรียกว่า X-Mode ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับบนถนนที่ลื่น หรือบนเส้นทางออฟโรดที่วิบากในระดับหนึ่ง ซึ่งในระบบนี้จะมีการติดตั้งระบบ HDC หรือ Hill Descent Control ทำหน้าที่ในการควบคุมความเร็วให้อยู่ในระดับต่ำมาก จนเกือบจะเป็น Walking Speed ในการลงทางลาดชันมากๆ เพื่อความปลอดภัย



       ฟอเรสเตอร์เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่เปิดตัวในปี 1997 และได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยอิงพื้นฐานของคอมแพ็กต์คาร์อย่างอิมเพรซา แต่สามารถตอบสนองความอเนกประสงค์ด้วยตัวถังในสไตล์กึ่งๆ แวกอน และไม่ได้ยกสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับ SUV ที่อยู่ในตลาด ซึ่งทางซูบารุใช้แนวทางนี้ในการทำตลาดให้กับ 2 รุ่นแรกจนได้รับการตอบรับที่ดี

       แม้รูปลักษณ์และแนวคิดของตัวรถจะถูกเปลี่ยนไปตั้งแต่เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 แต่ทว่าซูบารุก็ยังคงคอนเซ็ปต์ของการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ร้อนแรงเอาไว้ให้กับฟอเรสเตอร์ ในรุ่นใหม่ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น มากับเครื่องยนต์เทอร์โบบล็อกใหม่ที่มีกำลังสูงถึง 280 แรงม้าเลยทีเดียว

       ค่าตัวของฟอเรสเตอร์ใหม่ในญี่ปุ่นอยู่ที่ 2,089,500-2,936,800 เยน หรือราวๆ 850,000-1,100,000 บาท ส่วนบ้านเรามีขายแน่ คาดว่าจะเปิดตัวต้นปีหน้าราคารุ่นเริ่มต้นประมาณ 1.9 ล้านบาท





       รูปจากงานเปิดตัวที่ไต้หวันวันนี้(5 ธ.ค.)






* manager.co.th  *




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2555    
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 9:26:45 น.
Counter : 1195 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

angelica0819
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add angelica0819's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.