Instagram ปัดไม่คิดดึง “ภาพผู้ใช้” ลงโฆษณา

อินสตาแกรม (Instagram) เครือข่ายสังคมเพื่อการแบ่งปันภาพถ่ายสุดฮิตซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือเฟซบุ๊ก (Facebook) ยืนยันว่าบริษัทไม่มีแผนจะดึงภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกถ่ายไว้มาประกอบในโฆษณา โดยชี้ว่าเป็นมวลชนทั่วโลกเข้าใจผิดหลังจากได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของอินสตาแกรมใหม่ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

       ซีอีโออินสตาแกรม “เควิน ซิสตรอม (Kevin Systrom)” แถลงในเว็บล็อกของบริษัทว่าผู้ใช้อินสตาแกรมหลายคนกำลังเข้าใจความหมายของเงื่อนไขบริการใหม่ที่อินสตาแกรมประกาศใช้เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาผิดไป โดยเข้าใจว่าอินสตาแกรมมีสิทธิจำหน่ายภาพที่ผู้ใช้ถ่ายแล้วอัปโหลดขึ้นสู่ระบบแก่หน่วยงานใดก็ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

       “ทั้งหมดไม่เป็นความจริง แต่เป็นความผิดของเราที่ใช้ภาษาไม่เหมาะสมจนทำให้เกิดความสับสน” ซิสตรอมกล่าว “เพื่อความชัดเจน เราไม่มีความตั้งใจขายภาพของทุกคน เรากำลังเร่งปรับแก้ไขภาษาที่อธิบายเงื่อนไขบริการเพื่อให้มั่นใจว่าผู้อ่านจะได้ความชัดเจนมากที่สุด”

       อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารอินสตาแกรมยอมรับว่าโฆษณาบนระบบอินสตาแกรมจะแสดงภาพโปรไฟล์ของผู้ใช้ (profile picture) และข้อมูลการติดตามหรือ follow ของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งเป็นเทคนิคการตลาดบนเครือข่ายสังคมหรือโซเชียลมาร์เกตติ้งที่เฟซบุ๊กทำในระบบ “sponsored stories” ระบบโฆษณาที่ทำเงินให้เฟซบุ๊กเป็นกอบเป็นกำในขณะนี้

ผู้บริหารอินสตาแกรมย้ำว่า บริษัทจะไม่นำภาพที่ผู้ใช้อัปโหลดสู่บริการมาเป็นโฆษณาโดยเด็ดขาด เนื่องจากอินสตาแกรมต้องการหลีกเลี่ยงระบบโฆษณาแบบเก่าอย่างแบนเนอร์โฆษณาอยู่แล้ว ซึ่งขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าบริษัทจะยึดประสบการณ์ใช้งานที่ดีของผู้ใช้เป็นสำคัญ

       ที่ผ่านมา อินสตาแกรมนั้นเป็นแอปพลิเคชันตกแต่งภาพถ่ายที่เปิดให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอัปโหลดภาพขึ้นไปให้เพื่อนในเครือข่ายชมได้อย่างเสรีและสะดวกสบาย ตัวบริการเปิดให้ใช้งานได้ฟรีจนได้รับความนิยมทั่วโลกโดยเฉพาะในกลุ่มวงการบันเทิงไทย ปรากฏว่าอินสตาแกรมถูกวิจารณ์อย่างหนักทันทีที่ประกาศเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้บริการใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากเนื้อความระบุว่ามีแนวโน้มที่อินสตาแกรมจะนำภาพของผู้ใช้ไปใช้ในระบบโฆษณาโดยที่ไม่ขออนุญาตจากเจ้าของภาพ

       เงื่อนไขการใช้งานหรือ Terms of Service ของอินสตาแกรมชุดใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน 5 จุด หลายจุดถูกสื่อต่างชาตินำไปถอดความและวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจุดที่ระบุว่าอินสตาแกรมสามารถแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้ให้กับเฟซบุ๊กและบริษัทโฆษณาอื่นๆ ที่เป็นคู่ค้าของเฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้มีการตีความว่าอินสตาแกรมปรับเงื่อนไขเพื่อรองรับการโฆษณาเต็มตัว โดยมีโอกาสที่ผู้ใช้จะได้เห็นโฆษณาบนอินสตาแกรมตามภาพถ่ายที่โพสต์ไป เช่น หากมีการโพสต์ภาพเสื้อผ้า ผู้ใช้ก็จะได้เห็นโฆษณาร้านจำหน่ายสินค้าแฟชั่น

จุดที่ร้อนแรงที่สุดคือเงื่อนไขบริการใหม่ที่ระบุว่าอินสตาแกรมมีสิทธินำภาพของผู้ใช้ไปใช้ในการโฆษณาได้ ประเด็นนี้ถูกโจมตีอย่างหนักและมีการกล่าวหาว่าอินสตาแกรมกำหนดเงื่อนไขนี้มาเพื่อนำภาพถ่ายของสมาชิกไปใช้เพื่อการโฆษณา จุดนี้เองที่ผู้บริหารอินสตาแกรมออกมาแก้ข่าวว่าไม่จริง และลักษณะการแสดงโฆษณาจะถอดแบบโฆษณาของเฟซบุ๊กที่จะบอกว่าเพื่อนของสมาชิกรายนั้นกดไลก์หรือแชร์สินค้าของแบรนด์ใดบ้าง

       นอกจากนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการที่รองรับกลุ่มตลาดที่ใหญ่ขึ้น เช่น กรณีที่ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 18 ปีสมัครใช้บริการอินสตาแกรม บริษัทจะถือว่าผู้ปกครองยินยอมให้ระบบนำข้อมูลไปใช้งานได้ตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไข 2 ข้อที่กล่าวมาก่อนหน้านี้

       อินสตาแกรมยังสงวนสิทธิ์ในการแจ้งผู้ใช้ว่าคอนเทนต์ที่เห็นนี้เป็นโฆษณาหรือไม่ก็ได้ พร้อมกับระบุว่า บริษัทถือว่าผู้ที่ใช้งานอินสตาแกรมทุกรายยอมรับเงื่อนไขการใช้งานใหม่นี้แล้ว (เงื่อนไขชุดใหม่มีผลบังคับใช้วันที่ 16 มกราคม 2013 และมีผลเฉพาะรูปภาพที่โพสต์จากวันนั้นเป็นต้นไป โดยภาพที่ถูกโพสต์ก่อนหน้านี้จะอยู่ใต้เงื่อนไขฉบับเดิม)

ทั้งหมดนี้ อินสตาแกรมยืนยันว่าเป็นการปรับเนื้อหาเงื่อนไขบริการเพื่อให้การแบ่งปันข้อมูลระหว่างอินสตาแกรมกับเฟซบุ๊กซึ่งเป็นบริษัทแม่ทำได้ง่ายขึ้น บนความหวังว่าทั้ง 2 บริษัทจะสามารถปรับปรุงระบบได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม โดยยืนยันว่าสิทธิความเป็นเจ้าของรูปภาพและสิทธิการเข้าถึงรูปภาพจะยังไม่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางผู้ใช้บางรายที่ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไข และลบบัญชีทิ้งไปในที่สุด

       นักสังเกตการณ์พร้อมใจจับตาความเคลื่อนไหวของอินสตาแกรมในอนาคต เนื่องจากอินสตาแกรมนั้นเป็นเครือข่ายแชร์ภาพถ่ายอนาคตไกลที่มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก โดยเฟซบุ๊กทุ่มเงินสดและหุ้นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐกว่าจะเจรจาซื้ออินสตาแกรมมาครองได้ แต่ด้วยภาวะหุ้นตกทำให้ดีลซื้ออินสตาแกรมของเฟซบุ๊กลดลงเหลือ 715 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
* manager.co.th *


Create Date : 20 ธันวาคม 2555
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 9:28:28 น. 0 comments
Counter : 744 Pageviews.

angelica0819
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add angelica0819's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.