เข้าใกล้ปีใหม่ขึ้นมาทุกที เราก็มักจะนึกถึงการเดินทางระยะไกลกว่าบ้านกับที่ทำงาน ยิ่งพนักงานกินเงินเดือนอย่างเราๆ ก็ยิ่งต้องหาโอกาสเก็บสะสมวันลาเพื่อแลกกับ Long weekend พาแฟนสาวไปนั่งจิบไวน์ที่ริมระเบียงมองระยะไกลเป็นวิวไอเฟล หรือไปกระหนุ๋งกระหนิงกับกิ๊กใหม่บนเรือกอนโดราที่เวนิช แต่อย่าหมดท่าเสียฟอร์มเสียก่อน เพราะคุณอาจเกิดอาการ “เมา” เดินไม่เป็นก็เป็นได้ เราเลยอยากพามารู้จักกับ Jet Lag หรือที่คนเค้าเรียกกันว่าอาการ “เมาเวลา” ที่มักเกิดขึ้นกับคนที่โดยสารเครื่องบินข้ามเขตเวลาโลก 2-3 เขตขึ้นไป ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ทำให้เหนื่อยล้ามากกว่าปกติ ง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา แต่พอถึงเวลานอนกลับนอนไม่หลับ เหมือนนาฬิกาชีวภาพในตัวเรามันรวนไปหมด แต่ใช้เวลาสักพักก็หายไปเอง และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนในการฟื้นตัว อาการเมาเวลาหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังพอมีวิธีบรรเทาไม่ให้สาหัสเกินไป 1 ฟิตร่างกายให้แข็งแรง สภาพบนเครื่องบินเป็นพื้นที่แคบและจำกัด อากาศอาจถ่ายเทไม่พอ เป็นไปได้ที่จะมีเชื้อโรคต่างๆ จากหมู่มวลผู้โดยสารกระจายอยู่ หากร่างกายไม่แข็งแรง อาจทำให้ไม่สบายได้ง่าย แยิ่งมีอาการเมาเวลามาสมทบด้วยแล้ว จะยิ่งแย่ไปใหญ่ ทางที่ดี หากรู้ว่าจะต้องเดินทาง ฟิตร่างกายและพักผ่อนเอามากๆ ก่อนจะดีกว่า 2 ปรับตัวเนิ่นๆ ก่อนเดินทาง เช่น หากต้องเดินทางไปยังทิศตะวันออก ก็ให้นอนเร็วขึ้นสักครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้าต้องไปด้านตะวันตก ก็ทำตรงกันข้าม คือนอนช้าลง พอถึงวันเดินทางจริง ให้ปรับนาฬิกาข้อมือให้ตรงกับเวลาปลายทาง เมื่อถึงที่หมายจะได้ชินกับเวลาใหม่ง่ายขึ้น 3 ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ ร่างกายจะได้ไม่ตกอยู่ในภาวะขาดน้ำ การอยู่บนที่สูงระดับ 8,000 ฟุตขึ้นไป ทำให้ออกซิเจนในร่างกายลดต่ำลง เราจึงรู้สึกไม่สบายตัว อีกทั้งร่างกายก็ต้องการน้ำเพื่อให้อวัยวะต่างๆ ทำงานต่อไปได้ ดังนั้น ก่อนขึ้นเครื่อง ระหว่างอยู่บนเครื่อง และหลังลงจากเครื่อง ต้องคอยจิบน้ำเสมอ เลี่ยงชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ขับน้ำออกจากร่างกาย ถ้าเลือกได้หรือมีให้เลือก ดื่มน้ำแครอทก็ดี เพราะอุดมด้วยเคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่เอื้อให้เซลล์ในร่างกายอุ้มออกซิเจนไว้นานขึ้น 4 ระหว่างอยู่บนเครื่อง อย่ารับประทานอาหารหนักแบบจัดเต็ม อย่างที่บอก ออกซิเจนบนเครื่องจะน้อยกว่าปกติประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยไปด้วย เมื่อเรารับประทานเยอะ ร่างกายต้องแบ่งออกซิเจนไปยังกระเพาะอาหารเพื่อทำการย่อย ทางที่ดีควรทานให้อิ่มตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องจะดีกว่า เพราะพออยู่บนเครื่อง ระะบบย่อยอาหารจะทำงานช้าลงอยู่แล้ว จึงทำให้หิวช้า นั่งอยู่เฉยๆ จะดีกว่า 5 เลือกเสื้อผ้า และรองเท้าที่สวมใส่สบาย อย่าใส่แบบที่มันรัดเกินไปจนทำให้รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องนั่งในที่แคบ เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ยืดแข้งยืดขาหรือลุกเดินไปมาทุก 2 ชั่วโมงให้เลือดได้ไหลเวียน นอกจากจะเป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจแล้ว ยังช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดบริเวณขาอีกด้วย 6 เมื่อมาถึงที่หมายแล้ว พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ หากนอนไม่หลับจริงๆ อาจต้องใช้ตัวช่วย เช่น อาหารเสริมจำพวกเมลาโทนิน ก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง และหลับยาวให้ได้สัก 10 ชม. จะทำให้ตื่นมาอย่างสดชื่น 7 ใช้แสงบำบัด แสงแดดธรรมชาติจะช่วยตะล่อมให้นาฬิกาชีวภาพกลับมาทำงานตามจังหวะปกติ หากเดินทางไปทิศตะวันออก ให้พยายามสัมผัสแดดยามเช้า ในทางกลับกัน หากไปทิศตะวันตก ให้ตากแดดยามบ่าย ว่ากันว่าแสงแดดจะกระตุ้นสมอง ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า หายเมา (เวลา) เร็วขึ้น 8 อาบน้ำอุ่นหรือนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างก่อนนอนเพื่อคลายกล้ามเนื้อหลังจากนั่งอุดอู้ในที่แคบๆ อย่างบนเครื่องบินมาหลายชั่วโมง น้ำอุ่นจะทำให้หลับสบายขึ้น แต่ต้องแน่ใจว่าสภาพห้องนั้นเหมาะสม ไม่มีแสง สี เสียง รบกวนการนอน ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร SME Thailand |