แมวเหมียวเขี้ยวคม
Group Blog
 
All blogs
 

<รีวิวหนังสือชุด Night Watch ของ Sergel Lukyanenko ค่ะ >




หนังสือชุด Night Watch ของ Sergel Lukyanenko 
เป็นหนังสือชุดอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันชอบมากแม้จะไม่สามารถนำมาอ่านได้บ่อยนักก็ตาม

ทำไมถึงเอามาอ่านได้ไม่บ่อย?


ก็เพราะเนื้อหาที่ค่อนข้างเครียด อัดแน่นเต็มเหยียด

และอาจทำให้คนที่ไม่เคยอ่านหนังสือแนวนี้เป็นลมหรือไมเกรนขึ้นได้ง่ายๆ

หนังสือชุดนี้ ณ ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 เล่ม คือ TheNight Watch, The Day Watch, The Twilight Watch, The Last Watch และ TheNew Watch

แต่มีการแปลเป็นภาษาไทยโดย สุวิทย์ ขาวปลอด ถึงเพียง The LastWatch เท่านั้น

และแค่อ่านภาษาไทยยังโหดขนาดนี้ฉันก็คงไม่พยายามเพิ่มอาการไมเกรนโดยการเอาฉบับภาษาอังกฤษมาอ่าน…


The Night Watch ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังในชื่อ NightWatch และ Day Watch โดยผู้กำกับ Timur Bermanbetov

ซึ่งสร้างออกมาได้สนุกและอาร์ตแตกพอสมควร แม้จะดัดแปลงหนังสือไปค่อนข้างมาก และเนื้อหาไปไม่ถึงเล่ม TheDay Watch ก็ตาม 

ก็พอเข้าใจได้ เพราะด้วยเนื้อหาตามหนังสือขนาดนั้นขืนสร้างหมดหนัง

คงกินเวลาไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง


ในการรีวิว จะขอกล่าวถึงโดยไม่ลงรายละเอียดของเนื้อเรื่องมากนัก

เพราะแต่ละเล่มมีการหักมุมไปมาตลอด


แต่ละเล่ม (ซึ่งไม่เคยต่ำกว่า 500 หน้า)ประกอบด้วยเรื่องราวสำคัญ 3 ตอน เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันและควรอ่านไล่ไปทีละเล่มเพื่อไม่ให้งงกับเนื้อหา

หนังสือกล่าวถึง “คนอีกพวก” คือผู้ที่เกิดมาพร้อมพลังแตกต่างจาก

มนุษย์ธรรมดาทั่วไป


เมื่อเริ่มต้นรู้สึกและเรียนรู้การใช้พลังของตนเองจะมีอายุยืนยาวกว่าคนปกติ

แต่ไม่ใช่อมตะ สามารถตายได้เช่นกัน

คนอีกพวกสามารถเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง 

ซึ่งซ้อนทับกับมิติที่คนทั่วไปมองเห็นมิตินี้เรียกว่า ทไวไลท์

ทไวไลท์มีหลายระดับ จะเข้าไปได้ลึกแค่ไหนขึ้นกับพลังที่มี

และถ้าไม่รู้จักการป้องกันตัวเอง ทไวไลท์จะดูดพลังจากคนอีกพวก

จนหมดเรี่ยวแรงหรือถึงตาย


ในบรรดาคนอีกพวกนี้ พวกที่มีพลังไม่มากอาจสามารถใช้ชีวิตปกติไม่เลือกข้างได้

แต่หากมีพลังมากอีกหน่อย หรือมีความต้องการเลือกก็สามารถสังกัดในวอทช์ที่ตนมีความโน้มเอียงไปได้

ซึ่งวอทช์ที่ว่านี้แบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือ Night Watchเป็นวอทช์ของฝั่งแสงสว่าง

หรือพูดง่ายๆ ว่าวอทช์นี้ทำหน้าที่ดูแลสันติสุขของมนุษย์

และคอยถ่วงดุลไม่ให้ความมืดรุกรานและคุกคามมนุษย์และโลก

อีกฝั่งหนึ่งคือ Day Watch อยู่ฝั่งความมืด วอทช์นี้มีทั้งมนุษย์หมาป่า แวมไพร์และตัวประหลาดต่างๆ ในร่างทไวไลท์

กิจกรรมหลักๆ ของวอทช์นี้ไม่ได้อธิบายชัดเจนนัก(เพราะตัวเอกร่วมของทุกเล่มอยู่ฝั่งแสงสว่าง)

แต่พออธิบายได้ด้วยการกระทำของตัวละคร โดยเฉพาะในเล่ม The Day Watch ว่าการคงอยู่ของวอทช์นี้เพื่อต่อต้านฝั่งแสงสว่างและเอ่อ…สมาชิกของวอทช์นี้ค่อนข้างออกแนว “อยากทำอะไรก็ทำไปสิไม่ต้องคำนึงถึงคนอื่นเท่าไหร่นัก”


เริ่มต้นของ The Night Watch กล่าวถึง เจ้าหน้าที่ไนท์วอทช์ อันทอนโกโรเดทสกี้ ซึ่งจะมีบทบาทเด่นในทุกเล่มต่อไป

ผู้พบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติและไนท์วอทช์สัมผัสการมาถึง

ของคนอีกพวกผู้หนึ่งซึ่งยังไม่ได้เลือกข้างยังไม่รับรู้ความสามารถ

ของตนเองอาจจะกลายเป็นคนของแสงสว่างหรือความมืดก็ได้ทั้งนั้น

และแน่นอน ทั้งสองวอทช์พยายามแย่งชิงคนผู้นี้

ส่วนคนผู้นี้จะเป็นใคร และฝั่งไหนจะได้ไปขืนเล่าต่อคงยาวและสปอยล์เนื้อหาแหลกลาญแน่นอน


สิ่งที่ชอบ(มาก) ของหนังสือชุดนี้คือ


1. เรื่องดำเนินไปในรัสเซียเป็นส่วนมาก และตัวเอกส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซียยูเครน หรือคนในแถบนั้น (ก็ผู้เขียนเป็นชาวรัสเซีย)

ซึ่งค่อนข้างแปลกไปกว่าหนังสือเรื่องอื่นๆ และบรรยายให้เห็นภาพทั้งความสวยงาม ความหนาวเย็นความวุ่นวาย และความวุ่นวายของประเทศเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกได้อย่างเห็นภาพ


2. การสร้างโลกอีกโลกหนึ่งขึ้นมา ทำได้อย่างแนบเนียน อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าขัดหูขัดตาตัวละครเคลื่อนไหวดำเนินกิจกรรมซ้อนทับไปกับมนุษย์ปกติโดยสามารถทำให้คนอ่านเชื่อตามไปได้ว่าอาจจะมีอีกมิติหนึ่งและคนอีกพวกหนึ่งอยู่ร่วมในหมู่ของตนได้


3. ตัวละครมีมิติ ทั้งฝั่งแสงสว่าง และฝั่งความมืด ไม่ได้ดีเลิศเลอหรือเลวบัดซบ คนของแสงสว่างอาจจะสามารถเมาเละเทะ เที่ยวผู้หญิง อ่อยผู้ชาย หรือโกหกได้เช่นเดียวกับคนของความมืด ก็อาจสามารถมีคุณธรรม(เฉพาะตัว)และความรักที่แท้จริงได้

แต่ดูแล้วฝั่งแสงสว่างจะอ่อนด้อยในการวางแผนมากกว่าฝั่งความมืด

อาจจะเพราะการมองในแง่ดีของฝั่งแสงสว่างหรือความรู้สึกของฝั่งแสง

สว่างที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวน้อยกว่า

แต่ผู้นำไนท์วอทช์(ฝั่งแสงสว่าง) ของรัสเซียในเรื่อง เกซาร์และผู้อาวุโส

หลายคนก็ผ่านการทำผิดพลาดมามากมาย และมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

หักเหลี่ยมเฉือนคมกับฝั่งความมืดอย่างไม่น้อยหน้ากัน


4. ชีวิตหลังความตายของคนอีกพวก ไม่ว่าคุณจะเป็นพวกแสงสว่างหรือความมืดเมื่อคุณเลือกและใช้พลังของตนเอง คุณจะมีอายุที่ยืนยาว แต่เมื่อตายลงจะกลับคืนไปสู่โลกทไวไลท์

ในเรื่องไม่ได้กล่าวว่าสวรรค์หรือนรกเป็นยังไง หรือมีจริงหรือไม่แต่การตาย

ของคนอีกพวกนั้นไม่ได้ไปทั้งสวรรค์และนรก แต่จะไปสู่โลกทไวไลท์

ซึ่งผู้อาศัยในโลกทไวไลท์จะมีสภาพคล้ายวิญญาณ หรือให้มองง่ายๆว่าคล้ายกับทุ่งแอสโฟเดลในตำนานกรีกนั่นแหละค่ะ คือไม่มีการลงโทษทัณฑ์แต่ก็ไม่มีความสุขสนุกสนานอะไร

ความคิดในเรื่องนี้ดูแหวกแนวดีนะสำหรับเรา คือมันทำให้เรานึกถึงคำที่ว่า

“เมื่อมีอภิสิทธิ์ ก็ต้องมีข้อผูกมัด” ในที่นี้อภิสิทธิคือพลังพิเศษ และอายุที่ยืนยาว

แต่คุณก็จะไม่ได้อะไรเป็นพิเศษในชีวิตหลังความตาย


สิ่งที่ไม่ชอบ


แต่ละเล่มหนาพอสมควร และเนื้อหาไม่เอื้อให้นำมาอ่านได้บ่อยๆ เลย 555

ถ้าคนไม่รักการอ่านจริงๆ อาจจะอ่านไปสักห้าสิบหน้าแล้วดองเค็มเลยก็ได้

สรุปการรีวิวสั้นๆ แค่นี้แล้วกันนะคะ

จบห้วนไปหน่อย แต่ถ้าจะให้เพิ่มเติมอะไร ก็คงมีเพียงว่า 

ถ้ามีเวลาและชอบเรื่องแนวสืบสวน เหนือธรรมชาติ 

ก็ลองหามาอ่านเถอะค่ะเรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

แต่ถ้าชอบแนวโรมานซ์ๆ หน่อย เรื่องนี้แทบไม่ปรากฏค่ะ 

แม้ตัวละครจะมีความรักต่อกันแสดงความรักต่อกันบ้าง 

แต่บทรักในเรื่องหายากพอๆกับหานักการเมืองไม่โกงนั่นแหละค่ะ

^ ^




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2557    
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 0:51:39 น.
Counter : 2378 Pageviews.  

1  2  

สมุทรกัลยา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




พิมค่ะ
แมวเหมียวตัวกลมๆ ขนนุ่มๆ
คุยได้ไม่กัด แต่ก่อนสัมผัสโปรดระวัง
=^ ^=
เหมียว....
Friends' blogs
[Add สมุทรกัลยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.