|
|
โดนเข้าเต็มๆ ................ ฤทธิ์ Terrible Two ....
ตอนนี้น้องมีตังค์ 1 ขวบ 10 เดือน 8 วัน แล้วคะ .......... 
เข้าสู่ช่วงเวลา Terible Two แบบเต็มรูปแบบ โอ้วแม่เจ้า ............... 
ได้ยินคำว่า Terrible Two มานานแล้วคะ จากบล็อคของพี่ตู่ Winnie In Love เดียร์เองก้อสงสัยมันเป็นอย่างไรหนอ พยายามค้นคว้าหาข้อมูลตามเน็ต และบล็อคของเพื่อนๆ ก้อยังไม่มีผลสรุปออกมาอย่างเป็นทางการจากนักวิชาการแต่อย่างใด
แต่ลองสรุปเอาคร่าวๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายๆนะคะ Terrible Two จริงแล้ว คือชื่อเรียกพฤติกรรมด้านลบของเด็กช่วงวัยตั้งแต่ 19 เดือน จนถึง 3 ขวบ ฝรั่งเลยเรียกว่าช่วงร้ายกาจของเด็กเลยก้อว่าได้คะ
พฤติกรรมด้านลบของเด็กที่แสดงออกมา เป็นพัฒนาการด้านอารมณ์อีกรูปแบบหนึ่งของเด็กวัยนี้นะคะ ส่วนใหญ่จะเรียกร้องให้เกิดจุดสนใจ อย่างเช่น กรี๊ด ตะโกนเสียงดัง เอาแต่ใจตัวเอง งอแงลงไปนอนดิ้น แย่งของจากมือคน อื่น โดยไม่มีสาเหตุ แต่ไม่ใช่โรคนะคะ เป็นพัฒนาการอีกด้านนึงของลูก
มิน่าหล่ะ เดียร์รู้สึกถึงอาการของลูกแบบนี้มาตั้งแต่ประมาณเดือน มีนาคม ซึ่งเค้าขวบครึ่งพอดี ญาติๆเดียร์บางคนว่าเจ้ามีตังค์เป็นไฮเปอร์รึเป่าเนี่ย เพราะชอบร้องกรี๊ดๆ ทำเอาเดียร์วิตกจริตไปพักใหญ่
น้องมีตังค์จะอยู่กับคุณตาทั้งวันส่วนมาก พฤติกรรมเลยออกแมนหน่อย แต่ยังชอบเล่นตุ๊กตา ชอบรองเพลง เต้น ตามประสา
วิธีจัดการกับเด็กที่อยู่ภายใต้พฤติกรรมแบบนี้ไม่ยากคะ แต่ไม่ง่าย คุณพ่อและคุณแม่ ต้องใช้ความอดทนกับลูกมากพอสมควรคะ อย่างครอบครัวเดียร์ จะมีคุณตาซึ่งเลี้ยงน้องเป็นหลัก แต่ในเมื่อคุณตาซึ่งเป็นผู้ชาย จะค่อนข้างมีความอดทนน้อยเวลาน้องเกิดอารมณ์รุนแรง ก้อจะดุเสียงดังใส่ เจ้ามีตังค์ก้อจะยิ่งแสดงอาการก้าวร้าว จนถึงขนาดวิ่งเข้ามากัด แบบว่ากัดตรงที่เค้าจะกัดเราได้ เดียร์เคยโดนลูกกัดที่หน้าขา เลือดซิบเลยนะคะ เป็นอาการที่เค้าแสดงว่าเค้าโกรธมากๆอ่ะคะ
ทำเอาเดียร์เครียดกับพฤติกรรมลูกมากๆ จนมาสุมหัวปรึกษากันในครอบครัว ว่าจะทำอย่างไรกับเจ้ามีตังค์ เพราะนับวันเธอยิ่งร้าย และยิ่งซน นอกจากโมโหร้ายแล้ว เวลาเธอไม่ได้ดั่งใจ เธอจะทำร้ายตัวเองอีก ทำเอาเดียร์ยิ่งกลัว
มีอยู่ครั้งนึง เดียร์น้อยใจลูกมากๆ เค้าจะไม่ยอมให้เรากอด เราหอม วิ่งหนีแล้วก้อร้องให้แบบว่าต้อต้านมากๆ ตกกลางคืนก้อตื่นมาร้องงอแง โดยไม่มีเหตุผล จนคิดไปเองว่าลูกป่วยหรือเปล่า หิวนมหรือเปล่า เอานมให้ทานก้อไม่ทาน แต่พอได้กอดตุ๊กตาตัวโปรด หรือน้องเน่า ก้อจะเงียบ
จนมาเจอบทความๆนึง เสียดายจริงๆที่ไม่ได้เซฟบทความนี่ไว้ ตอนแรกเดียร์เข้าใจว่าลูกเราจะเข้าขั้นสมาธิสั้นหรือเปล่า เพราะด้วยความที่เราไม่ได้เลี้ยงลูกเอง คุณพ่อเดียร์ปกติกลางวันถ้าไม่พาเค้าไปเดินเล่น เค้าจะร้องๆ ดูแต่การ์ตูน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ดีนะคะ ลูกเดียร์ลืมตาตอนเช้ามาก้อร้อง " แม่ๆ ตูนๆๆ " แล้วอ่าคะ หากลองไม่เปิดให้ดู เธอร้องแบบบ้านแตกเลย
บทความที่ว่าคือช่วยสร้างสมาธิให้กับลูก อีกพฤติกรรมนึงของน้องมีตังค์ คือจะนอนดึกมากๆ ประมาณ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน เดียร์บางทีกลับจากทำงานกว่าจะรบกับลูก กว่าเค้าจะนอน ทำเอาแทบตายเลย การรับมือกับเค้าของเดียร์คือ
1. ไม่ดูทีวีหลังจาก 3 ทุ่มแล้ว แล้วจะเปิดเพลงประเภทเพลงคลาสสิคให้เค้าฟังจนเค้าหลับไปเลยคะ ตอนเค้าหลับสมองเค้ายังทำงานอยู่ เดียร์จะเปิดเพลงไปจนถึงสัก ตี 1 จนรู้สึกว่าเค้าหลับลึกแล้วจึงปิดเพลงอ่ะคะเป็นการสร้างสมาธิให้กับเค้า
2. เวลาลูกโมโห หรือแบบที่แฟนเดียร์เรียก คือ องค์ลง ต้องรีบเบี่ยงเบนความสนใจเค้า อย่างตอนที่เค้าตั้งท่าจะกรี๊ด ก้อเรียกให้เค้าดูน้องหมา อะไรประมาณนี้
3. เวลาที่เค้าเอาแต่ใจตัวเอง หรือ ทำร้ายตัวเอง อย่าตีนะคะ ยิ่งตี หรือดุแรงๆ แบบที่พ่อเดียร์ทำ มันจะยิ่งเป็นการกระตุ้นพฤติกรรมที่ไม่ดีออกมาอีก เค้าจะจำเวลาที่เราตีเค้า เป็นการเพิ่มพฤติกรรมด้านลบ แล้วเอาไปทำกับคนอื่นอีก สิ่งที่เดียร์ทำคือ อุ้มเค้าออกมาจากที่ๆนั้น กอดเค้า พูดกับเค้าดีๆ เล่นให้เค้าหัวเราะออกมาให้ได้ เพื่อให้เค้าคลายอารมณ์โกรธคะ
คร่าวๆที่นึกได้มีเท่านี้ นอกจากความซนแบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ อย่างที่บอก พ่อแม่ คนเลี้ยง ใจเย็นให้มากที่สุดนะคะ ช่วงวัยนี้สำคัญเพราะเค้าจะซึมซับพฤติกรรมจากผู้ใหญ่คะ
มาอัพเดทเธอกันบ้าง
แหะๆ รูปนี้เธอตั้งใจจะหอมพี่บี้ เดอะสตาร์ในทีวี แต่ดันไปจับภาพตอนเปลี่ยนมาเป็นพี่อาร์ เดอะสตาร์ แล้วอ่าคะ
จ๊ะเอ๋ ............ กว่าจะได้รูปนี้ เล่นเอาแม่วิ่งซะเหงื่อตก
พาลูกนั่งรถเมล์คะ
ไม่รู้ตกใจอะไรอ่ะ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ ลาไปอัพบล็อคขนมก่อน ของดองเพียบเลย
| Create Date : 23 กรกฎาคม 2551 |
| Last Update : 24 กรกฎาคม 2551 10:50:42 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 1425 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: lukpad  วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:23:08 น. |
|
|
|
| โดย: รินตินติน วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:43:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
) แล้วนึกถึงลูกชายเลย 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 182 คน [