All Blog
◄ Chapter 14 : ไล่ล่าสุดขอบฟ้าตามหา second job และบุคคลปริศนาที่มาเคาะประตูห้อง ?


Chapter 14 : ไล่ล่าสุดขอบฟ้าตามหา second job และบุคคลปริศนาที่มาเคาะประตูห้อง ?






(ขอบคุณภาพจาก: //www.bc.edu/offices/careers/jobs.html)


ทำงานแมคที่นี่ชั่วโมงงานค่อนข้างน้อย ซ้ำร้ายเรทยังน้อยมากๆแค่ $7.25

มันก็เลยทำให้ nakoze ต้องเริ่มออกตระเวนหางานทำเพิ่ม หรือที่เด็กเวิร์คเค้าเรียกกันว่า second job นั่นแหละ

ก่อนที่จะเริ่มหางานสองกัน nakoze ก็ตัดสินใจซื้อโทรศัพท์แบบ pre-paid มาใช้

เผื่อในกรณีที่กรอกใบสมัครทิ้งไว้แล้วเขาโทรมาตาม 55+ หวังไว้สุดขีดว่าจะมีคนโทรมาตามแน่ๆ

Nakoze พี่ลูกเกดแล้วก็แฟนต้า เริ่มออกเดินหา second job กันในตอนกลางๆเดือนเมษายนหลังจากที่ได้รับ SSN เรียบร้อยแล้ว

วิธีการหาของเราสามคนก็คือการใช้สองมือและสองเท้านี่แหละค่ะ เท้าเดินหา สายตาสอดส่าย มือกรอกใบสมัคร

เดินสมัครร้านอาหาร ร้านฟาสฟู้ดจนทั่วเมืองแล้วทุกร้านก็ต่างให้ทิ้งใบสมัครไว้พร้อมเบอร์โทรศัพท์ไว้

วันเวลาผ่านไป วันแล้ว วันเล่า ก็ยังไม่ได้รับข่าวสารจากร้านไหนๆเลย

จนกระทั่งวันนึงเสียงโทรศัพท์ที่ไม่เคยดัง ก็ได้ดังขึ้น

Nakoze ก็เฮ้ยตื่นเต้น รีบพุ่งไปที่โทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว ปรากฏว่ามันเป็นแค่ข้อความ text เฉยๆ

พอรู้ไม่ใช่สายเรียกเข้า nakoze ก็จิตใจห่อเหี่ยวยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน text

ข้อความใน text มันส่งมาเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า

เธออยู่ไหน ถึงบ้านโดยปลอดภัยแล้วใช่มั๊ย

เอาล่ะสิ nakoze ก็งงตาแตก อินี่เป็นใครเนี่ยแล้วมันรู้เบอร์กรูได้ยังไงกัน

ว่าแล้ว nakoze ก็ text กลับไปหาบุคคลปริศนา เธอเป็นใคร ?”

พร้อมเฝ้ารออีกนานสองนาน เค้าคนนั้นก็ไม่ตอบกลับมา จน nakoze คิดว่าเค้าคงรู้ตัวว่า text ผิดเบอร์

แต่แล้วบ่ายๆวันต่อมาเค้าก็ส่งข้อความมาอีก ไม่เอาน่า อย่าล้อฉันเล่นสิ

Nakoze ก็ส่งกลับไป ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณเป็นใคร

ส่งกลับไปกลับมาหากันได้อีก 2-3 วัน

สรุปได้ว่ายัยคนนี้ชื่อว่า Keegan และเพื่อนของนางเคยใช้เบอร์นี้ แต่ว่าตอนนี้นางหาเพื่อนนางไม่เจอแล้ว

ไม่รู้ว่าหายตัวไปอยู่ไหน แต่เอ๊ะไหงเบอร์มันมาโผล่อยู่ที่ nakoze ได้ล่ะเนี่ย

จบจากเรื่องของ Keegan เสร็จก็ปรากฏว่าเช็คยอดเงินในโทรศัพท์ อุแม่!! อินัง Keegan นี่มันดูดเงินในโทรศัพท์ไปหมดเลย

และแล้ว nakoze ก็ตรัสรู้ว่า โทรศัพท์บาง plan มันคิดเงินยุบยิบมาก

โทรเข้าเสียเงิน โทรออกเสียเงิน ส่งข้อความเสียเงิน …. เปิดอ่านข้อความก็ยังเสียเงิน ฮือๆๆๆ

งานก็ไม่ได้ เงินก็เสีย เซ็งโว้ยยยย


หงุดหงิด หงุดหงิดอยู่ได้ไม่นาน พี่เบลล์ก็พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยของรัฐ

และที่นั่นเองเราก็ได้พบกับคุณลุงและคุณป้าเจ้าของร้านอาหารไทยผู้ใจดี

คุณลุงและคุณป้าได้รับฟังชะตากรรมอันหน้าเศร้าของเด็กไทย

ที่กำลังจะจบชีวิตลงด้วยการเก็บเศษเหรียญตามท่อระบายน้ำประทังชีวิต

คุณลุงก็เลยเอ่ยชวนให้มาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้าน เฉพาะช่วงเวลาที่เค้ายุ่งๆต้องการคน

ทำครั้งละ 2 ชั่วโมง ได้เงินประมาณ 12 เหรียญพร้อมข้าวฟรีอีก 1 มื้อ

ว่าแล้วเราก็จัด ผลัดเวรกันไปทำงานคนละอาทิตย์

จนกระทั่งถึงอาทิตย์ที่ nakoze ไปทำงาน ก็ต้องขึ้นรถเมล์ไปค่ะ ตื่นเต้นมากขึ้นไปคนเดียวครั้งแรก

ปรากฏว่าพอถึงป้ายจะลงแล้วก็ไปยืนรอที่ประตู ไอ้เราก็เอ๊ะทำไมประตูไม่เปิดวะ

พยายามชะเง้อคอไปมองคนขับ เค้าก็หันกลับมามองประมาณว่าทำไมมึงไม่ไสหัวลงไปซักทีล่ะ จ้องตากันได้แป๊ปนึง

นักศึกษาที่นั่งอยู่หน้าประตู เค้าก็มากระซิบบอกว่า ยูต้องจับตรงนี้แล้วประตูมันจะเปิดอัตโนมัตจ๊ะ

กรี๊ด หน้าแตกยับ !!!
nakoze ก็เลยจับตามที่เค้าบอกจะได้รีบๆลงไปซักทีนึง แบบว่าอายเค้า

ตอนประตูเปิดมันก็ดันเปิดช้า ความเร็วไม่ได้ครึ่งของระบบรถเมล์ไทย

Nakoze เสียจังหวะเดินไปกระแทกประตูรถเมล์ก่อนลงอีกรอบต่างหาก  อายแทบแทรกแผ่นดินเลยเว้ยเฮ้ย !!

พอมาถึงที่ร้านคุณป้าก็พาเข้าไปในครัว ให้ทำงานง่ายๆอย่างเช่นตักน้ำซุปรอไว้

แล้วก็ให้คอยเดินไปเสิร์ฟน้ำแขก เติมน้ำให้แขกเก็บโต๊ะเก็บจาน

ทำงานไปได้ซักพักนึงแขกก็เริ่มเต็มร้าน ทีนี้มือเป็นระวิงเลย โต๊ะโน้นขอน้ำซุปเพิ่ม

โต๊ะนี้จะเอาน้ำแข็ง อิโต๊ะนั้นเรียกไปถามว่าอาหารในจานนี้ใส่พริกมากหรือเปล่า

พ่อแม่ลูกคู่นั้นทำช้อนตกโต๊ะ โอ้ยมันวุ่นวายหัวหมุน

Nakoze ก็เดินวนไปวนมาอย่างกับหนูติดจั่นคอยบริการท่านๆทั้งหลาย

จนกระทั่งแขกเริ่มซาก็ได้โอกาสนั่งพักดื่มน้ำ

สายตาเจ้ากรรมของ nakoe ก็ดันมองไปเห็นวัตถุยาวๆเป็นพวงสีดำๆมีลักษณะคล้ายเส้นผม

ว่าแล้วก็เดินไปดูใกล้ๆ ...... กรี๊ดดดด ผมกรูร่วงเป็นพวงเลยค่า

หยุดก่อนอย่าเพิ่งคิดว่า nakoze เป็นมะเร็งหรือแดรกผงชูรสมากเกินไปอะไรประมาณนั้น

เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อซัก
3 เดือนที่แล้ว nakozeไปต่อผมมาค่าาา

อุตสาห์เก็บข้อมูล เลือกร้านซะดิบดี นั่งคอแข็งต่ออยู่ครึ่งวัน เสียเงินไปครึ่งหมื่น

ปรากฏพอผ่านไปกาวหรือล็อกหรือคลิปหรืออะไรซักอย่างมันคงเสื่อมสภาพ

ผมอิฉันเลยหลุดเป็นยวงวางเด่นเป็นสง่าอยู่กลางร้าน

ว่าแล้วก็รีบเอาเท้าตะปป ปั๊ป!! แล้วค่อยๆลากมาไกลๆสายตาผู้คน ก่อนจะค่อยๆหยิบผมปลอมยวงนั้นทิ้งไป 555+

โชคดีมากกกก ที่ไม่มีใครมาเห็นเข้าเสียก่อน (จริงๆอาจจะมีแต่เค้าคงไม่กล้าทัก 55+)



พอเลิกงานจากร้านอาหารไทยเสร็จก็ได้ข้าวขาหมูกลับมากินบ้าน

โอ้โห!! ข้าวขาหมูที่ไม่ได้กินมานาน มันช่างหอมหวานชวนแทะกระดูกเสียนี่กระไร

กินอิ่มเล่นคอมไปได้อีกพักใหญ่ๆก็ง่วงนอนเพราะเหนื่อยมาก เผลอหลับไป

เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ได้ยินเสียงคนเคาะประตูถี่ๆ

มองไปทางขวาก็เห็นพี่ลูกเกดกับแฟนต้ายังเข้าเฝ้าพระอินทร์อยู่

nakoze ก็เลยต้องแหกขี้ตา แบกร่างอันหนักหน่วงเดินไปที่ประตู

 พอเอาส่องไปที่ตาแมวก็เห็นมีผู้ชายฝรั่งคนนึงยืนอยู่ที่หน้าประตู

 เฮ้ยใครวะ!! ว่าแล้วก็รีบปลุกพี่ลูกเกดกับแฟนต้าให้ตื่นขึ้นมาพร้อมรับสถานการณ์ หันไปมองนาฬิกาเพิ่งจะ 6 โมงเช้านิดๆ

อีตาบุคคลปริศนาก็ยังไม่เลิกเคาะประตู จนในที่สุดเราก็ลงความเห็นกันว่าจะเปิดประตู

พอเปิดประตูไปในสภาพที่แบบชุดนอนย้วยๆ ตาหยีๆเพราะไม่สู้แสง

หัวฟูยังกับไปโดนไฟช็อตมาพร้อมกับกลิ่นปากเหม็นๆยามเช้า

อีตาผู้ชายคนนั้นก็ผงะไปนิดนึง ก่อนบอกขอโทษที่มาปลุกตามมารยาท

ถามไถ่กันไปมา พ่อคุณก็บอกว่ามาจากสำนักงานห่าเหวอะไรซักที่ประมาณว่ามาสำรวจสำมะโนประชากรล่ะมั้ง

nakoze ก็พยายามอธิบายว่าเป็นแค่ exchange student นะ มาอยู่อีกแค่สองเดือนเดี๋ยวก็กลับแล้ว 

จะให้ชั้นกรอกจริงๆหรอเนี่ย บลาๆๆ แต่อิตานี่ก็พยักเพยิดให้หรอกให้ได้

ว่าแล้วเราสามหัวก็มานั่งสุมหัวเน่าๆของเรากัน

เข้าใจสภาพป่ะคือเพิ่งตื่น สมองยังไม่แล่น แถมกรอกห่าอะไรนี่เป็นภาษาอังกฤษอีก

กรอกยังไม่ทันเสร็จอีตาคนเดิมก็มาเคาะห้องเรียกเก็บเอกสาร

ก็เลยบอกให้นางรอก่อนเพราะยังกรอกกันไม่เสร็จเลย เนื่องจากต้องกรอกไปนั่งเปิดดิกชันนารี่ไปด้วย 55+

พอเสร็จแล้วก็ยื่นให้ นางก็ขอบอกขอบใจพร้อมขออภัยอย่างสุดซึ้งที่มารบกวนเวลานอนอันมีค่า

พร้อมกับขอให้เรานอนพักผ่อนให้สบาย

ฮือๆ แต่มันสายไปแล้วจ๊ะ กรูโดนภาษาอังกฤษเล่นงานซะตื่นเต็มตาเสียแล้ว


สุดท้ายนี้ถ้าใครถามว่า nakoze ได้ทำงานสองหรือเปล่า

ก็จะตอบว่าไม่ได้งานสองค่ะ ร้านไทยที่ไปทำมาได้ไปแค่ครั้งเดียว

และงานอื่นๆทีไปสมัครทิ้งไว้ในที่สุดก็ไม่ได้รับการติดต่อจากที่ใดๆเลยค่ะ

ทั้งๆที่สมัครเกือบทุกร้านทั่วเมืองแล้ว เชื่อเถอะว่าเกือบทุกร้านจริงๆ

ดังนั้นเรื่อง second job ไปเมืองไหนดี ถึงจะมี second job

พี่ก็คงจะบอกว่าไม่มีใครคาดคะเนได้หรอกค่ะว่าเมืองไหนจะมี

ได้ยินคนพูดกันบ่อยๆว่าเมืองใหญ่ หางานง่ายกว่าเมืองเล็ก

แต่ nakoze ขอยกมือคัดค้านค่ะ เพราะว่าเมืองใหญ่จริง แต่ประเด็นคือว่า

เมืองใหญ่ > ตัวเลือกทางแรงงานเค้าก็เยอะ > มีคนไทยที่ไปเรียนภาษาแล้วอยากแอบทำงานไปด้วยก็เยอะ

> อยู่ได้นานกว่าเราอีกต่างหาก ทำให้การไปเมืองใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะได้งานเสมอไปค่ะ nakoze คอนเฟิร์ม

แต่ถ้าให้เปอร์เซ็นการหางานง่ายหน่อยเท่าที่พี่ถามชาวบ้านมา ก็จะเป็นที่ North Dakota ค่ะ

นอกจากเมืองแล้วก็คงจะเป็นเรื่องของภาษา

แต่นอกเหนือจากนั้น ที่สุดของที่สุดก็คือ "ดวง"

ต่อให้ภาษาดี แต่ดวงไม่มีก็อดจ๊ะ  nakozeพิสูจน์มาแล้วววววว






การใช้โทรศัพท์ที่อเมริกาตามการแบ่งของ nakoze มีอยู่ 3 แบบคือ

1. ซื้อซิมส์จากประเทศไทยไปเลย อันนี้เห็นโฆษณาทางเวปอยู่หลายตัว แต่ nakoze ไม่แนะนำค่ะ ไปซื้อที่โน่นเอาเช็คได้ชัวร์กว่าว่าโทรได้จริงๆ

2. ใช้ระบบ pre-paid ระบบนี้จะพูดไปก็คงคล้ายๆกับระบบเติมเงินของไทย

เพียงแต่ว่าจะมีออปชั่นเยอะกว่าหน่อยนึง

เริ่มแรกเลยนะคะเราก็มาเช็คว่าที่อเมริกามีเครือข่ายโทรศัพท์แบบไหนบ้าง

จากไหนก็เข้าเวปแล้วก็เช็คราคา ในหัวข้อ
pre-paid plan หรือก็คือโปรโมชั่นสำหรับ pre-paid

ซึ่งตรงนี้จะมีหลายแบบก็คือแบบคิดราคาเป็นนาที เป็นวันหรือเป็นเดือนก็มี

เป็นรายนาทีนี้รู้สึกว่าจะโดนคิดเงินทั้งโทรออกและรับสาย

ส่วนกรณีที่เป็น
unlimited เป็นเดือนก็จะโทรได้ฟรีใน US จะโทรไปรัฐไหนก็ตามชอบเลย แต่ว่าโทรออกนอกประเทศไม่ได้


หากจะโทรกลับไทยจะต้องไปซื้อบัตรโทรศัพท์มาใช้คู่กัน


(แต่จริงๆแล้วบางเครือข่ายเค้ามี unlimited แบบโทรกลับไทยได้ลองหาดูค่ะ)

แบบรายเดือนถ้าครบเดือนแล้วก็แค่เดินไปร้านที่ขายโทรศัพท์แล้วก็ซื้อ
plan เพิ่มแค่นั้นเอง ถ้าเราไม่ใช้แล้วก็ไม่ต้องเติมจบ

ในระบบ pre-paid นี้เองก็จะแบ่งเป็น 2 แบบคือแบบซิมส์ สำหรับผู้ที่นำโทรศัพท์ไปใช้ที่อเมริกา ก็แค่ซื้อซิมส์แล้วซื้อแพลน

แต่สำหรับคนที่บังเอิญโทรศัพท์เสียหรือโทรศัพท์ไม่สามารถเข้ากับซิมส์ได้ก็จะใช้วิธีที่ 3 ค่ะ


3. ก็หาซื้อโทรศัพท์แบบ
pre-paid ได้เลยค่ะ มีวางขายอยู่ตาม Walmart , Target หรือจะสั่งซื้อจากเวปไซต์ก็ได้

โทรศัพท์พวกนี้รู้สึกจะมาพร้อมแพลน (ไม่แน่ใจต้องลองไปเช็คอีกทีค่ะ)

ถ้าเงินหมดเราก็ไปซื้อคล้ายๆบัตรเติมเงิน (ก็คือซื้อแพลนเพิ่มนั่นแหละค่ะ)


สนนาคาสำหรับโทรศัพท์นี้จะเริ่มต้นที่แค่ $10 เท่านั้น แต่ว่าก็จะตามสภาพค่ะ รับเข้า โทรออก ส่งtext ตั้งปลุกได้แค่นั้นจริงๆ



Create Date : 12 สิงหาคม 2555
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 22:34:20 น.
Counter : 2057 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nakoze
Location :
  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]



New Comments