มหาอมตะนิพพาน แดนสราญบรมสุข อยู่ดีไม่มีทุกข์ พบสุขสันติ์นิรันดร์กาล อยากไปก็ไม่ยาก ต้องถอนรากหักโคนราน ตัณหา-อุปาทาน กิเลสมารโลภ-โกรธ-หลง "ละชั่ว"-"ทำดี"พร้อม มนัสน้อมจิตมั่นคง "ชำระใจสะอาด"ยง- ยืนธำรงตราบวันตายฯ.....
Group Blog
 
All Blogs
 

บทกวีทิพย์-นำท่องนิพพาน ๓ ภาคจบบริบูรณ์

บทกวีทิพย์-นำเที่ยวพระนิพพาน(๓ ภาคจบสมบูรณ์)


ท่องแดนพระนิพพาน ภาค ๑
เส้นทางนิพพาน ภาค ๒
ความว่าง-ประตูสู่นิพพาน ภาค ๓


พระนิพพาน---สมญาโลกอุดรพิศดาร อันลึกโอฬาร พิศุทธิ์พิเศษสุกใส.....


-พระนิพพานอยู่ที่ไหนใครรู้บ้าง?

-เป็นแสงสว่างอยู่ในใจที่ไหนหนอ?

-อยู่เบื้องบนหรือเบื้องต่ำร้องพร่ำรอ?

-มัวร้องขอ"ไม่ปฏิบัติ"หลงพลัดเอยฯ....


 

บทกวีทิพย์ :: ท่องแดนพระนิพพาน ภาค 1......

ชัย แสงทิพย์ พุทธกวีทิพย์

ท่องแดนพระนิพพาน ภาค1


พระนิพพานคืออะไร?ใครรู้บ้าง……. “นิพ”คือว่าง….จากกิเลสเป็นเหตุผล…….
“พานะ”คือเครื่องร้อยรัด….มัดผู้คน…… ให้ทุกข์ทน”จิตไม่ว่าง”คือ”ร่างกาย”……..
อันความว่างนั้นหรือ คืออะไร?………… คือ”จิตใจ”ของมนุษย์ไร้จุดหมาย……..
มองไม่เห็น….จึงว่างสว่างพราย…….. อาศัย”กาย”….จึงไม่ว่างเหมือนอย่างคิด!!…….
ทึกทักเอาว่า”ร่างกาย”หมายเป็น”เรา”…… ช่างโง่เขลาหลงปลื้มลืมสนิท……..
ว่าร่างกายเป็นของเราเอาเป็นมิตร……. เข้าใจผิด….คิดดูไม่รู้จริง…….
โดย”ธรรมธาตุ”จิตใจอาศัยร่าง- ………. กายอยู่อย่างชั่วคราวหนุ่มสาวหญิง……..
เหมือนคนอาศัยบ้าน….ใช่นานจริง…….. บ้านพังทิ้ง……คนยังอยู่สู้ต่อไป…….
เมื่อกายพังจิตก็ไปไร้ที่อยู่…….. ติดตามดูอยู่แห่งหนตำบลไหน?……..
เป็นมนุษย์-สวรรค์-พรหมได้สมใจ……. หรือจะไปสู่โลกทิพย์….แดนนิพพาน…….
แม้ร่างกายแท้จริงไซร้อาศัยโลก…… เผชิญโชคเจอทั้งทุกข์และศุขศานติ์………
อาศัยโลกอยู่ชั่วคราวใช่ยาวนาน…….. ร้อยปีผ่านไม่เกินก็เดินลง……….
สู่ความตายกายร่างต้องว่างเปล่า…….. ผลัดกันเข้ากันออกหลอกให้หลง………
กายอยู่ได้อาศัย”ธาตุสี่”ธำรง……. “ดิน-น้ำ-คงควบไปกับ-ไฟ-ลม”………
ขาดธาตุใดธาตุหนึ่งถึงมรณะ…….. จิตต้องละกายทิ้งทุกสิ่งสม…………
การเข้าใจ”โลกธาตุสี่”ที่นิยม………. เหมือนโลกกลมต้องหมุนเวียนมีเปลี่ยนแปลง…….
“ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น”ให้มันหนัก……… หากยึดหลัก”ไม่ยึดมั่น”ให้ขันแข็ง……..
ปราศจากทุกข์คลุกเคล้าเข้าเสียดแทง…… จะพบแสงแห่งธรรม….ล้ำปัญญา……..
จะเข้าใจถึงนิพพานกันหรือไม่?…….. เรียนรู้ได้หากสำนึกหมั่นศึกษา ……..
การเข้าถึงพระนิพพานมีนานมา……… อยู่ที่ว่าจะเข้าใจหรือไม่?เอง……..
“นิพพานคือคุณาของอากาศ”……. เหนือธรรมชาติเจาะประเด็นเห็นตรงเผง…….
“สิบประการ”เสมือนสร้อยร้อยบรรเลง…….. เป็นบทเพลงพระนิพพานประทานพร………
“ไม่มีรูป-ไม่มีสี-ไม่มีกลิ่น”……… ไร้ประทิ่น….”ไม่มีรส”ทั้งหมดถอน………
“ไม่มีสัมผัส”…สารพันทุกขั้นตอน………. ไร้อาทรสุขเกษมแสนเปรมปรีดิ์………..
“ไม่มีเกิด-ไม่มีแก่-ไม่มีเจ็บ”………… ไร้ร้อนเหน็บหนาวไร้ทุกข์เป็นสุขศรี……..
“ไม่มีตาย”….เป็น”ความว่าง”อย่างเสรี……. ให้ปักษีบินไปไร้ร่องรอย………
เป็น”เก้าไม่””หนึ่งมี”…..ที่ความว่าง……… เป็น”เก้าอย่าง””เก้าไม่มี”ที่ใช้สอย…….
คือ”อัตตา-ตัวตน”ยกคนลอย…….. มีไม่น้อยทั้งเราเขามี”เก้ารู”…….
อย่างละหนึ่ง…..”ทวารหนัก-ทวารเบา”……. “ปาก”ของเจ้า”จมูก”ข้าฯแล”ตา-หู”…….
อย่างละสองทางออก-เข้ามี”เก้ารู”………. มันว่างอยู่….จึงไม่มี…..ที่ตัวตน …….
“ความว่าง”ไร้รั้วรอบ…ไร้ขอบเขต……… สุดสายเนตรคือ”ความว่าง”กระจ่างผล……..
ไม่มีเครื่องร้อยรัดมัดตัวตน……… ทุกแห่งหนไม่สิ้นสุดถึง”พุทโธ”……..
“ความว่าง”เป็นที่อยู่หมู่”อัตตา”…….. “ตัวตน”ข้าฯหรือเจ้าเศร้าอักโข…….
คือ”ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม”ดั่งร่มโพธิ์……….. แล้วเติบโตเป็นร่างกายจนวายวาง…….
เป็นที่อยู่ของ”อนัตตา”ชัดแจ้ง………. “นามธรรม”แฝงอยู่เด่นชัดไม่ขัดขวาง…….
คือ”จิตใจ”ของสัตว์-คนเปิดหนทาง……… เห็น”ความว่าง”….เห็น”นิพพาน”…ไม่นานเกิน…..
“พระนิพพาน”อยู่สูงสุดในพุทธศาสน์….. ใครสามารถรู้เท่าทันท่านสรรเสริญ……..
“พระนิพพาน”อยู่ที่ไหน?ใคร่เชื้อเชิญ……. ร่วมทางเดินชูช่วยไปด้วยกัน…….
“นิพพานคือความว่าง”…วางกิเลส……….. ว่างจากเหตุ”โลกิยะ”เบ็ญจขันธ์……..
ว่างจากตน…..”เหนือโลกและเหนือธรรม์”….. “เลิกยึดมั่นถือมั่น”….จบกันเลย……
ทั้ง”อัตตา-อนัตตา”สารพัด……….. ต้องละตัด….แล้วอยู่กลางคือ”วางเฉย”…….
“อุเบกขา”รักษาไว้ให้ใจเคย………. ที่ชื่นเชย”อัพยากตาธรรม”……..
“อัตตา”ละสิ่งที่มีนี้ไม่ยาก……….. แสนลำบาก”อนัตตา”พาถลำ……..
เพราะไม่มี-ไม่เห็น….เป็นรูปธรรม…….. ด้วยลึกล้ำฝังจิตสนิทใน………
ยึด”นามธรรม”นำใจแก้ไขยาก…….. “รู้ตัว”หากถึง”ตัวรู้”พอสู้ไหว……
ศีล-สมาธิ-ปัญญา….จะพาไป…….. แก้ไขได้หากแน่วแน่จะแก้ตัว…….
การเข้าถึงพระนิพพานใช่การง่าย……… ใช่ยากหลายพอเกลี่ยเฉลี่ยถัว……..
ความยากง่ายพอกันมันลงตัว…….. มองให้ทั่วแล้ววกมาหาตัวเรา…..
ถึง”นิพพาน”คือเข้าไป…เข้าใจ”จิต”…… เข้าปลดปลิด…บาปโทษที่โฉดเขลา…….
ธรรมชาติจิตคือตัวรู้…..ก็ดูเอา…….. ที่”จิต”เรา”ตัวเรา”เองหากเก่งจริง!!…..
ความวุ่นวาย…..กำเนิดเกิดจาก”จิต”…….. หยุดสักนิด….ไม่วุ่นวายทั้งชายหญิง…….
ความสงบ…..เกิดจาก”จิต”ไม่ผิดจริง……… เหนือทุกสิ่ง”จิตเป็นนาย”…กายเป็นรอง……
แม้”ความว่าง”ก็กำเนิดเกิดจาก”จิต”…….. หยุดความคิด….ไว้แค่หนึ่งไม่ถึงสอง…….
สู่”เอกัคคตา”ปัญญาครอง…….. คุมจิตมอง”ให้ว่าง”ไว้อย่างเดียว………
ถึงจิตว่าง…..ก็เข้าผ่าน”นิพพาน”ได้……. สว่างไสวจิตสะอาดฉลาดเฉลียว……..
ไร้กิเลสก็ถึงสุขไร้ทุกข์เทียว…….. คุมอย่างเดียวให้”จิตว่าง”…ทางนิพพาน…….
เมื่อ”จิตว่าง”ดวงจิตเป็นอิสระ………. ความคิดละปรุงแต่งแปลงประสาน……
เป็น”ผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน”………. สวรรค์ผ่าน….นรกพ้น….เลิกวนเวียน…….
ไม่วุ่นวาย…..เพราะมี”สมาธิ”……… มี”สติ”และ”ปัญญา”ใช่พาเหียร……..
ไม่หลงโลก-หลงธรรมโน้มนำเพียร……. จิตโล่งเตียน….”ปล่อยวาง”ทุกอย่างลง…….
ภาวนา…..รู้ตัวอยู่ทั่วพร้อม………. มนัสน้อมแจ่มใสมิใหลหลง…….
สิ้นตัณหาอุปาทาน….ถึงกาลปลง…….. ไม่ลุ่มหลง”เลิกยึดมั่น”ในทันที……..
ไม่มีอกุศล…..บนความคิด……….. ไร้”อวิชชา”จรัสรัศมี………
สลัดเครื่องร้อยรัดมัดฤดี………. คืนเข้าที่ธรรมชาติสะอาดจริง……..
รู้ผิด-ถูก….ควร-ไม่ควรมวลดี-ชั่ว……. เพราะ”รู้ตัว”….”รู้ใจ”ในทุกสิ่ง………
รู้แค่รู้….แล้ววางลงตรงความจริง…….. เพราะ”ทุกสิ่งคือสามัญ “เช่นนั้นเอง…..
“นิพพานอยู่ในดวงจิต”หากคิดออก…….. ใช่ภายนอกเจาะจงให้ตรงเผง…….
“เราไม่มีในจิต”…..แค่คิดเอง……….. สิ้นหวาดเกรงความตาย…แค่วายวาง…..
บริสุทธิ์หยุดคิดจิตก็หยุด…….. สู่”โลกุตตระ”เข้าสะสาง…….
ดับกิเลส….เหตุกำเนิดเปิดหนทาง……. โลกกระจ่าง….”จิตว่าง”สว่างเบา……
สงบเย็นเห็นทุกสิ่งความจริงเปิด………. สุดประเสริฐเลิศประโยชน์ดับโฉดเขลา…. .
ดับดี-ชั่ว…..ตัวตนผลกล่อมเกลา………. ให้จิตเราสุดสะอาดปราศมลทิน……
เห็นสถานวิมานแก้วที่แวววับ…….. งามระยับโปร่งใสใจถวิล…….
ประดับเพชรล้ำค่าไร้ราคิน…….. เห็นองค์อินทร์….เทวดา..มหาพรหม……
มาฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า…….. ต่างแหนเฝ้าก้มกราบเรียบราบสม…….
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงนิยม…….. แสนชื่นชมพระอรหันต์ตามกันมา……
พระปัจเจกพุทธเจ้ามาเฝ้าด้วย……… แสง-สีสวยสุดสว่างกระจ่างหล้า ……
ดั่งอาทิตย์สักสิบดวงพ่วงกันมา……… เต็มท้องฟ้าสวยงามอร่ามเรือง……..
ณ ที่นี่ไม่มีแก่แลเจ็บตาย……… แก้วแพรวพรายระยิบระยับสลับเหลือง…..
สะท้อนต้องทองคำค่าล้ำเมือง………. จิตต่อเนื่อง…คิดอะไรก็ได้พลัน…….
จะไปไหนมาไหนดังใจนึก………. ช่างลุ่มลึกงดงามดั่งความฝัน……
ไม่มีทุกข์สุขาสารพัน……… รู้เท่าทันสรรพสิ่งมิ่งมงคล………
เมื่อเห็นจิตก็เห็นพระนิพพาน……… ซ่อนอยู่นานแจ่มประจักษ์ด้วยมรรคผล……
แล้วทบทวนครวญคิดเห็นจิตตน……… เป็นกุศลเปี่ยมอยู่ทุกครู่ยาม……..
ดวงจิตทรง”อุเบกขา””เมตตา”ยิ่ง……… เห็นทุกสิ่งทั่วโลกาฟ้าสยาม……
ทั่วอนันตจักรวาลผ่านนิยาม………. เห็นความงามแห่งสามัญเป็นอันเดียว……
วิมานแก้วประกายเพชรถึงเจ็ดสี…….. หากจิตดีใสสะอาดฉลาดเฉลียว…….
หากจิตอ่อนเป็นทองคำค่าล้ำเชียว……… เพชร-พลอยเขียว-ทับทิมแดงเปลี่ยนแปลงไป….
แต่ละคนอาจเห็นได้ไม่เหมือนกัน……. ความเชื่อมั่น-ความมั่นคง-ความสงสัย…..
และบารมีแต่ละคนยลต่างไป……. อยู่ที่ใจจิตตน…ของคนดู……..
พระนิพพานเป็นอย่างไรเก็บไว้ก่อน……. อย่าใจร้อนใจเย็นเย็นจะเด่นหรู…..
เร่งปฏิบัติให้ถึงแล้วพึงดู……… แล้วจะรู้เป็นฉันใด?ในนิพพาน……
สำคัญที่ตัวตน….ค้นให้พบ……… นิพพานจบ….บุญญามหาศาล……
“เห็นจิตตน”จิตเป็นทิพย์…”เห็นนิพพาน”….. จิตเบิกบานถึง”พุทธะ”ปล่อย-ละ-วาง……
ปล่อยทุกอย่าง….วางลงตรงแค่จิต……. ดับนิมิตสารพัดที่ขัดขวาง……
ไม่หนาว-ร้อนผ่อนสบายเดินสายกลาง……. ดับทุกอย่างทั้งดี-ชั่วดับตัวตน……
เห็นนิพพานในความว่างสว่างจ้า……… เห็น”พุทธา”บรรลุจิตกุศล…….
เห็นพระธรรม…..ดำริเลิศวิมล…….. เห็นพระสงฆ์คงทนในตนเอง……..
พระไตรรัตน์ชัดแจ้งแทงตลอด…….. เป็นเยี่ยมยอดตอบรับกระฉับกระเฉง…..
คารวะเพราะค้นพบตนเอง………… ลือละเบงพระนิพพานสำราญดี……..
ดวงจิตเห็นเป็นดวงแก้วที่แพรวพราย….แสงกระจายดั่งเพชรแผ่เจ็ดสี……
อยู่รอบตัวรอบทิศด้วยฤทธี………… และบารมีสิบทัศเข้าจัดแจง……
โพธิญาณผ่านล่วงถึงดวงแก้ว……… ตลอดแนวแลโล่งด้วยโปร่งแสง…….
มองทะลุทุกมิติฤทธิแรง……… ดวงจิตแกร่ง”อมตะ”นิรันดร์……..
อยู่เหนือโลก….เหนือธรรมสุดล้ำเลิศ…… แจ่มบรรเจิดเที่ยงแท้ไม่แปรผัน……
เหนือจักรวาลผ่านพิภพจบเทวัญ……… เหนือสวรรค์….พรหมสถานพิมานแมน…..
ณ ที่นี้คือ”โลกทิพย์พระนิพพาน”……….. พระผู้ผ่านดาษดื่นเป็นหมื่นแสน……..
ถึงล้านโกฏนับไม่ได้ในดินแดน……… วิมานแมนยังรออยู่ทุกผู้คน……..
ตัดสินใจไปนิพพานเสียวันนี้!!…….. ด้วยจิตที่แกร่งดังเพชรสำเร็จผล……
มุ่งนิพพานเท่านั้น….มั่นกมล………. เกิดมรรคผลล้วนสัมฤทธิ์ที่จิตเรา……

พุทธธรรมนำธรรมะประกาศก้อง......ต่างแซ่ซ้องเพื่อมวลมิตรดับจิตเขลา........

"คิด-พูด-ทำแต่กรรมดี"ที่ตัวเรา .........ดับที่"เงาความคิด"สนิทเอยฯ..........

 

นิพพานะ ปัจจโย โหตุ…..สาธุ……สาธุ……..สาธุ

 


ท่องแดนพระนิพพาน ภาค2(เส้นทางนิพพาน)

บทกวีทิพย์ :: ท่องแดนพระนิพพาน ภาค2(เส้นทางนิพพาน)

ชัย แสงทิพย์ พุทธกวีทิพย์

“ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต
ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นนิพพาน “
(พุทธวจนะ)

“ทุกข์”ก็คือ”ตาเนื้อ”เชื่อหรือไม่?……. “ธรรม”ก็คือ”ตาใน”จำไว้หนอ………
“เห็นทุกข์”คือ”เห็นรูปธรรม”นำพะนอ………. “ดิน-น้ำ“หนอ “ไฟ-ลม”ผสมกัน…….
“เห็นธรรม”คือ”เห็นนามธรรม” “จำ-รู้สึก”……. “ความคิดนึก”และ”สัมผัส”ที่จัดสรร……
“ตถาคต”คือ”ตาในตา”….สารพัน………. “รู้แจ้ง”ทันเท่ามายาในสากล…….
“ตาในตา” “ทิพย์จักษุ”….บรรลุแล้ว……… เหมือนดวงแก้วทรงฤทธิ์ประสิทธิ์ผล……
“เห็นตถาคต”คือ”ความคิดในจิต”คน……… “ไม่มีตน-ตัวเรา”ด้วยเข้าใจ………
“จิตละรูป”เพียงดูแค่รู้สึก……….. มิคิดนึก…”.ชัง”หรือคิด “พิศมัย”…..
เป็น “ผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน”ใจ……… ด้วย “ตาในตา””พุทธะ”จิต “ละวาง”…….
“นิพพาน”หรือคือ”ธรรมจักษุ”………. “ตา”บรรลุ “เห็นธรรมะ”ใสกระจ่าง………
“เห็นนิพพาน”….”สุญญตา”มาเปิดทาง….. ดวง”จิตว่าง”…..จากกิเลสเหตุมายา……..
ว่างจาก”เครื่องร้อยรัด”ที่มัดจิต…………. ว่างจากพิษแห่งสมมุติสุดสรรหา……..
ไร้รูป-นาม….สิ้นห่วง”ภาพลวงตา”……… “นิพพานา”เป็นสุขทุกวันคืน…………
“ผู้เห็นทุกข์”…”เห็นธาตุสี่”นี่”ตัวเรา”…… รวมกันเข้าผูกมัดไม่ขัดขืน……..
ทั้ง”ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม”ช่างกลมกลืน………. กิเลสรื่นครื้นเครงบรรเลงรมย์…….
เป็น”ตัวเรา”….เดือดร้อนเป็น”ก้อนทุกข์”……. “ตัณหา”คลุกเคล้าสร้างไว้ให้ขื่นขม…….
ไม่รู้จักคำว่า”พอ”…..ก่อตรอมตรม……….. “สามพอ”คมคายนัก……รู้สักนิด!!………
หาก”พอกิน””พอใช้”ใคร”พออยู่”……… “ผู้นั้นรู้ถึงแก่นธรรม”เลิศล้ำจิต………
“เป็นธรรมชาติ”แท้จริงยิ่งชีวิต……….. หากใครคิดออก…ไร้ทุกข์เป็นสุขเทอญฯ……
ธรรมชาติ….รังสรรค์เจ้า-ตัวเราด้วย…… เรียนรู้ช่วยเหล่ามนุษย์สุดสรรเสริญ……
ให้เรียนรู้….ไม่ยึดติด….ไม่ชิดเชิญ……… ไม่ขาดเกิน…แล้ว”ปล่อยวาง”ทุกอย่างลง…..
ร่างกาย….อาศัย”ข้าว-ผ้า-ยาและบ้าน”……. “สี่ประการ”ก็อยู่ได้มิใหลหลง……..
ไม่มีทุกข์สุขใจ…..เมื่อได้ปลง……….. ชีพดำรง….คงทำดีมีมงคล………
“ผู้เห็นธรรม”….”เห็นตัวเรา”ไม่เขลาโง่……มุ่งสู่”โพธิญาณ”ตระการผล………
รูปธรรมสี่-นามธรรมสี่……มีทุกคน……… แยกแยะตนออกให้เห็นอย่างเด่นชัด!!……
“รูปธรรมสี่”คือ”ธาตุสี่”…..มี”ดิน-น้ำ-……. ไฟ-ลม”ย้ำตามรุกทุกขสัจจ์………
“นามธรรมสี่””รู้สึก-จำ”เห็นธรรมชัด……… “คิด-สัมผัส”ปรุงแต่งแหล่งรับรู้…….
ละเอียดมีเพียง”สี่คู่”….ดูให้ดี…….. ย่ออีกทีมองให้ซึ้งเหลือ”หนึ่งคู่”…….
“รูปกับนาม”กระทบกันเท่านั้นดู…….. ก็จะรู้นี่”มายา”ชีวาเรา……..
“เห็นตัวตน”….แล้วอย่าหลงพะวงคิด…….. เป็น”พุทธจิต”จิตเดิมแท้ช่วยแก้เขลา……
ละทั้งรูป-ละทั้งนาม…..เกิดความเบา……… เป็นแค่เงา….ตามร่างก็ช่างมัน!!…….
เป็นจิตเดิมใสยิ่งกว่าธาราน้ำ………. ไม่ชอกช้ำบริสุทธิ์ประดุจฝัน………
บริสุทธิ์ยิ่งกว่าอากาศพิลาศครัน…….. เป็น”ต้นธาตุ-ต้นธรรม์”…นิรันดร……
“ผู้ใดเห็นตถาคต”….ปรากฏเด่น…….. “ผู้นั้นเห็นนิพพานะ”ประภัสสร……..
เห็นทุกสิ่งเพียงมายา….ทุกท่าตอน…….. ไม่เดือดร้อน”เครื่องร้อยรัด”สลัดไป…….
“รูป-นาม”เป็น”ภาพลวงตา”…..สารพัด…… เลิกผูกมัดพบหนทางสว่างไสว…….
เพราะไม่มีฝุ่นละอองเกาะข้องใจ…….. ด้วย”ละ”ได้ใน”ทุกสิ่ง”……แล้ว”ทิ้ง”เลยฯ……..

นิพพานะ ปัจจโย โหตุ…….


ท่องแดนพระนิพพาน ภาค3(ความว่าง-ประตูสู่นิพพาน)

บทกวีทิพย์ :: ท่องแดนพระนิพพาน ภาค3
(ความว่าง-ประตูสู่พระนิพพาน)

ชัย แสงทิพย์ พุทธกวีทิพย์

อัน”ความว่าง คือ ประตูสู่นิพพาน”……นิรันดร์กาลยืนยงน่าสงสัย……
ใน”ความว่าง”…ที่ว่างนี้มีอะไร?…… อยู่ที่ไหน?…เล่า”ความว่าง”ที่อ้างอิง……
อยากจะมี-อยากจะเห็น-อยากเป็นอยู่…… ความอยากรู้มีมากมายทั้งชายหญิง……
“ความว่างมีคุณอนันต์”…นั่นความจริง…… ยิ่งค้นยิ่งล่อหลบไม่พบเจอ……
“ความว่าง คือสิ่งว่างเปล่า”….หากเข้าถึง….. จะรู้ซึ้ง”สัจธรรม”นำเสนอ……
“ความว่าง คือ บรมธรรม”น้อมนำเธอ……. ให้พบเจอ…”ประตูสู่นิพพาน”……
“ความว่างไม่มีอะไร….อยู่ไหนเล่า?…… ที่ว่างเปล่าแสนปรีดิ์เปรมเกษมศานต์…..
ไร้เครื่องหมาย….ไร้ขอบเขต…สังเกตการณ์…..”พระนิพพานคือที่หมาย….จุดปลายทาง”……
เป็นที่อยู่อาศัย…..ของสรรพสิ่ง……. อยากเห็นจริงก็มองเห็นเด่นกระจ่าง…….
สัมผัสได้….รู้ได้….ใคร่เปิดทาง……. “สู่ความว่างประตูทอง”…ให้ลองดู…….
“สิ่งที่มีชีวิตและไม่มี……. อยู่ในนี้….ในความว่าง”สว่างหรู…….
“อัตตา-ตัวตน”…”สสาร”เชิญอ่านดู……. แล้วจะรู้ “พลังงาน”ชัด….”อนัตตา”…….
มีตัวตนและไม่มี….อยู่นี่หมด…….. ใช่สมมติเป็นความจริงทุกสิ่งหนา……..
ในความว่าง….มนุษย์-สัตว์….เหมือนจัดมา…. ล้วนแต่อาศัยความว่าง…..ก่อสร้างตน……
แต่”ความว่าง คือ ความมี “ ที่ไม่เห็น…. แอบซ่อนเร้นอยู่รอบกายขยายผล……
เป็นช่องว่าง….จึงไม่รู้เหล่าผู้คน……… แท้ในตน…ว่างยังมีที่ร่างกาย……
จะรู้จัก “ความว่าง”ดังอ้างถึง……… ควรจะซึ้งรู้จักธรรมในความหมาย……
ธรรมที่อยู่ในความว่างเคียงข้างกาย….. ผลสุดท้ายก็จะเห็นอย่างเด่นชัด!!……..
“โลกบังธรรม”….”ธรรมบังพระนิพพาน”…… จำเนียรกาลนานนับสรรพสัตว์…….
“สมมุติบังความจริง”…ยิ่งผูกมัด…… “เครื่องร้อยรัดบังความว่าง”…ปิดทางตัน!!…..
“ธรรมก็คือรูปธรรม”…ประจำใจ……. “ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม”พัดที่จัดสรร……
“ธรรมะคือนามธรรม”อันสำคัญ…… “จิตใจ”นั้น “คือความหมายใน “กาย”เรา……
“จิตซ่อนอยู่ในกาย”….หมายเป็นตน……. ดิ้นทุรนเป็นทุกข์ใจเหมือนไฟเผา…….
ทึกทักว่า “กาย”ต้อง “เป็นของเรา”……. ไล่ตามเงา….”บังนิพพาน”มานานนม…….
“จิตเป็นของว่างเปล่า”….นะเจ้าเอ๋ย……. หลงจนเคยชินอยู่ไม่รู้สม…….
อาศัย”รูปกาย”แฝงแหล่งภิรมย์…….. มัวงายงม “อวิชชา”…นานกาเล…….
“จิตอาศัยกายอยู่เพียงครู่หนึ่ง”…….. ให้รู้ซึ้ง…เท่าทันใช่หันเห……
“จิตต้องไปเมื่อกายพัง”….ไม่ลังเล…… จิตจะเร่ไปที่ไหน?….ก็ไม่รู้!!…….
“จิตย่อมไปตามกรรมที่ทำมา”…….. หากบาปหนา….ลงอบายตายอดสู…….
จิตกุศลผลบุญ….หนุนอุ้มชู…….. ตายไปสู่ทิพยสถานพิมานแมน…….
หากจิตสิ้น”อาสวะ”สละแล้ว……. จิตเป็นแก้วดวงวิมุติพิสุทธิ์แสน……
จักไปสู่ “พระนิพพาน”….ตระการแดน…… หยุดโลดแล่น”ไม่เกิดอีก”…ปลีกตัวไป…..
แล้วเมื่อนั้นจะรู้สึกสำนึกคิด…….. ถูกหรือผิด…นรก-สวรรค์สำคัญไฉน?…..
หากคิดผิดถลำเดินสายเกินไป…… ก็”คิดใหม่-ทำใหม่”….ให้มันดี…….
ชีวิตเกิดมาในโลกมีโชคช่วย……. บุญอำนวยเป็น”มนุษย์”วิสุทธิ์ศรี……
แต่”ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม”ผสมดี…….. “เห็นกายนี้ว่าเป็นเรา”…นั่นเขลาเกิน……
“กิเลสบังธรรมชาติ”อันบริสุทธิ์…….. มวลมนุษย์มีสารพัดเหตุขัดเขิน……
“เห็นร่างกายเป็นจิต”….มัวคิดเพลิน…… ถลำเดิน…”ลืมบ้านเก่า”ของเราเอง…..
เอา”ร่างกายคืนสู่โลก”แห่งธาตุสี่……. “ดิน-น้ำ”นี้…”ไฟ-ลม”ปลงให้ตรงเผง……
เอา”จิตใจคืนความว่าง”….ทางเปิดเอง……. ยินบรรเลง”เพลงทิพย์พระนิพพาน”…….
ว่า”ความว่างสอนอะไรให้มนุษย์?”……. ในที่สุด”ลืมความว่าง”…ทางศุขศานติ์…..
ทุกอย่างที่มีตัวตน….ดลบันดาล……. “อัตตา”ผ่านลืมหลงถึงงงงวย!!…….
ไร้ความว่าง….จะเดิน-ย่าง-วิ่งอย่างไร?…… อยู่ที่ไหน?บนแผ่นดิน?คงสิ้นสวย……
ไร้ความว่าง….คนล้นโลก…โศกระทวย……. ใครจะช่วยถ่ายเท…..สนเท่ห์นัก!!……
“สิ่งที่มี”…คือ.ฝุ่นละอองของ”ความว่าง”……. ทุกสิ่งสร้างชอบกล….วิ่งวนหลัก……
“ในโลกนี้สิ่งที่มี…..มีน้อยนัก”…….. ไม่รู้จัก….สิ่งที่มี….กันดีพอ……..
“ความว่างคือความไม่มี”….ไร้ที่สุด…… แล้วก้าวรุดสู่”สิ่งมี”ฉะนี้หนอ……
แล้ว”พัฒนาสู่ไม่มี”….มิรีรอ….. “ชีวิตก็ไปไปมามา”….น่าเบื่อจัง!!…….
“นี่แหละคือชีวิต”…..คิดให้ตก…… ล้อธรรมวกเวียนตามดับความหลัง……
“ความว่างมีชีวิต…..อนิจจัง”……. เมื่อชีพยัง….ทำหน้าที่…ให้ดีเอยฯ…….

นิพพานะ ปัจจโย โหตุ สาธุๆๆ

Dark Shade(ฉากดำ)หรือLand of Gods(ดินแดน
แห่งพระเจ้า).....พระนิพพานอยู่ที่นี่หรือเปล่า และประตูทางเข้า
พระนิพพานเล่าอยู่ที่ใด.?......

จักรวาลจาเมเอดา หนึ่งในเจ็ดพิภพจักรวาล
ซึ่งรวมอยู่ในอนันตจักรวาล พระนิพพานอยู่ที่นี่หรือเปล่า? ผู้รู้กล่าวว่าประตูเข้าสู่พระนิพพานเล็กกว่าปลายเข็มหมุดเสียอีกนะครับ....แล้วเราจะเข้าไปสู่พระนิพพานได้อย่างไร?

ดาวราหูหรือโลกมนุษย์ที่เราอยู่นี่ละครับ
หรือบางทีพระนิพพานจะมีแอบซ่อนไว้ในโลกเราใบนี้หรือเปล่าก็
ไม่มีใครทราบได้ และบางทีประตูทางเข้าพระนิพพานก็อาจจะอยู่
ในตัวท่านเองก็ได้.......

 

ชัย แสงทิพย์

ChaiSangthip@hotmail.com

www.buddha-dhamma.com




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2557    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2557 18:34:45 น.
Counter : 1199 Pageviews.  

บทกวีทิพย์ :: มรรค๔-ผล๔-นิพพาน๑

๐ “มรรค ๔-ผล ๔-นิพพาน ๑” ไปให้ถึงนะพี่น้องทั้งผองเอ๋ย
“เกิดเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ”เลิศนักเอย จงชื่นเชยและภูมิใจในใบบุญ
มาพบ”พระพุทธศาสนา”เพลานี้ “แสงทิพย์ฯ”มีแสนเลิศล้ำช่วยนำหนุน
“รับเอาไว้ในดวงจิต”ประสิทธิ์คุณ “พระ๗พระองค์”ช่วยนำหนุนบุญส่งเรา
“ปฏิบัติง่าย-ได้ผลไวทันใจ”ยิ่ง ทั้งชาย-หญิงทุกเพศวัยให้สิ้นเขลา
“ในแสงทิพย์ฯมีอาสวักขยญาณ”ผ่านจิตเรา “ดับความเขลาเบาปัญญา”ทุกนาที!!!
“รักษาโรคกาย-ใจ”ให้หายสิ้น “ดับราคินเวท-คุณไสย”วิไลศรี
“มาร-ภูต-ผี-ปีศาจ”ไม่อาจมี “ปัญญาดี”ไม่นานเสร็จสำเร็จธรรม!!!
“จิต+พระ+นิพพาน = ๑ “ จง”คิดถึงพระ+นิพพาน”จิตบานฉ่ำ
“แผ่เมตตาไปสามโลก”โชคหนุนนำ “อโหสิกรรม-ตัดเวรา”ก้าวหน้าไว!!!
“ไปนิพพานชาตินี้”...ดีที่สุด “ด้วยจิตพุทธ-มุ่งนิพพาน”ทุกกาลสมัย
“อธิษฐานจิตเป็นนิจกาล-นิพพานไว” ก่อนตายได้เป็น”อรหันต์”ฉับพลันเทอญฯ......

ชัย แสงทิพย์ กวีทิพย์
chaisangthip@www.com
//www.buddha-dhamma.com




 

Create Date : 16 กันยายน 2556    
Last Update : 16 กันยายน 2556 21:16:43 น.
Counter : 950 Pageviews.  

บทกวีทิพย์ :: ไฟเย็น!!!

๐ ไฟเอ๋ย....”ไฟร้อน”!!!......   มองเห็นก่อนกลัวจริงๆรีบวิ่งหนี!!!
ไฟไหม้บ้าน!!!....เห็นอยู่ก็รู้ดี    ว่าต้องหนีออกไปให้ไกลตัว
ถ่านไฟแดง!!!.......  ความร้อนแรงของถ่านไฟแรงไปทั่ว
ไม่ต้องจับรู้ว่าร้อนก่อนถึงตัว    อกสั่นกลัว”ไฟร้อน”....ฟอนร่างตน!!!
ไฟเอ๋ย......”ไฟเย็น”!!!.......    มองไม่เห็น….ลุกโชนแรงทุกแห่งหน
“ไฟไหม้อยู่บนหัว”ทุกตัวคน    ไม่เห็นหน....น่ากลัวใจเป็น”ไฟเย็น”!!!
“ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข”ทุกๆท่าน    ล้วนเคยผ่าน....ทำไมมองไม่เห็น?
“ลาภ-เสื่อมลาภ...ยศ-เสื่อมยศ”ปรากฏเป็น    “สรรเสริญ”เห็นยลยินว่า”นินทา”!!!
“สุข-ทุกข์”สลับกันผันแปรเปลี่ยน    โลกหมุนเวียนดึง-ผลักล้วนหนักหนา
“หนีไม่พ้นทุกคน”วนไปมา    “ไฟราคา-ไฟราคะ”ยากมลาย!!!
แม้มอดดับอกระอุยังคุกรุ่น    ยามน้อยบุญลุกพรึ่บใหม่!!!....ไม่ดับหาย
เอาน้ำราดสาดใส่รดใจกาย    แม้น”ไม่ตายเลี้ยงไม่โต”....ไม่โสภี!!!
๐ ไฟเอ๋ย.......”ไฟเย็น”!!!......    “ความอยากเป็น-ความอยากได้”ไม่เคยหนี
“ไฟตัณหา-อยากเด่น”มาก”ความอยากดี    อยากมั่งมี-อยากหล่อรวย-อยากสวยงาม
อยากมีคู่”ชู้ชม”อยากสมรัก    อยากไม่พัก”ทนเก็บเกี่ยวกวาดเรียวหนาม!!!
“ไม่อยากมี-ไม่อยากเป็น”ไม่เห็นงาม    ไม่ได้ความ”ไม่อยากได้”ล้วนไฟฟอน!!!
“ไฟโลภ”ผองกองใหญ่คือ”ไฟรัก”    รุนแรงนักหนักยิ่งกว่าสิงขร!!!
“กามราคะ-กามคุณห้า”จิตอาวรณ์    ที่กัดกร่อน”เผาใจ”ให้ทุรน!!!
“เมื่อหลงรักหมดราคานัยน์ตาบอด”!!!     ไหนจะรอดถูกไฟรุมทุกขุมขน!!!
เป็น”ไฟเย็น-ที่น่ารัก”หนักใจตน    ทุกๆคน”ไฟสุม”อยู่ไม่รู้เลย!!!
“จุดก้านธูปปักฝ่าเท้า”....เจ้าไม่รู้!!!    “ไฟลุกอยู่”ใกล้เข้ามานิจจาเอ๋ย
“ไฟราคะ-ลุกไหม้ทรวง”จนล่วงเลย    เคยไม่เคย”กามราคะ”ไม่ละวาง!!!
“เห็นกงจักรเป็นดอกบัว”ว่าตัวสุข!!!    “แท้คือทุกข์”สารพัดที่ขัดขวาง
รักถูก-ผิดหรือไฉน?....มิใช่ทาง-    ที่สรรค์สร้างนิรทุกข์ว่า”สุขจริง”!!!
“แท้เป็นสุขจอมปลอม”....”หอมคือเหม็น”!!!    มันแฝงเร้น”เย็นคือร้อน”อ่อนใจยิ่ง
“เป็นมายาลวงหลอก”ช้ำชอกจริง    ร้อนแรงยิ่ง”ไม่เคยอิ่ม”ชิมจนตาย!!!
“ที่ว่าสุข....แท้ทุกข์ใจ”ให้เร่าร้อน!!!    ถูกไฟฟอน”ราคะ”เดือดไม่เหือดหาย!!!
สารพัดสัตว์-มนุษย์สุดบรรยาย    เกิดยันตายให้หน่วงหนัก”ไฟรัก”รุม!!!
“กายว่าสุขแต่ใจทุกข์”ไม่สุขได้    แอบร้องไห้หลังจากนั้นไฟควันสุม.....
“ไฟสุมทรวง”หน่วงหนักพิษรักรุม    ให้กลัดกลุ้มแทบระเบิดกระเจิดกระเจิง!!!
“ผิดว่าถูกถูกว่าผิด-เพราะจิตหลง-    ว่ารักยงยืนยิ่งใหญ่-เพราะใจเหลิง”!!!
เมื่อรักพรากจากไปใจกระเจิง!!!    ยิ่งกว่า”เพลิงเผากาย-ตายทั้งเป็น”!!!
๐ ไฟเอ๋ย.....”ไฟรัก”!!!......     โชนไม่พักลุกโพลงอยู่ไม่รู้เห็น!!!
“เหมือนแมลงเม่าเข้ากองไฟ”ไม่วายเว้น-    ตายหล่นเป็นกองโตไม่โสภา!!!
“โลภ-โกรธ-หลงสามกองไฟไหม้บนหัว”!!!    ไม่รู้ตัว”ชะตาขาด”อนาถหนา
วิ่งเข้าใส่”ไฟร้อน”อ่อนระอา    “ไฟกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน”!!!
พาว่ายวนเวียนไปใน”สามโลก”    พบสุข-โศกสุดพรรณนามหาศาล
“อวิชชา-ไม่มีที่ประมาณ”!!!    “วัฏฏสงสารไม่รู้จบ”ชาติภพไกล!!!
หากใครหลง”ไฟเย็น”เป็นปัญหา    “ไร้ปัญญา-งมโง่หนัก”จนตักษัย
“จะทุกข์หนักรักสลายทั้งกายใจ”    ตายตกไป”ลงนรกหมกอบาย”!!!
๐ แสงเอ๋ย.....”แสงทิพย์”ฯ    ระยับระยิบทุกหนแห่งสาดแสงฉาย
“แสงแห่งมหาบุญบารมี”ที่มากมาย    “พระทั้งหลายในนิพพาน”ประทานพร!!!
ส่งมาช่วยอวยชัย”ดับไฟร้อน”!!!    ให้ผันผ่อนภิญโญสโมสร
“หนักให้เบา-เบาให้หาย”คลายทุกข์ร้อน    หยุดอาทร”เพียงดับไฟที่ใจคุณ”!!!
“รับแสงทิพย์อริยธรรม”นำชีวิต    ก้าวพ้นผิดบาปกรรมใช้ธรรมหนุน!!!
“รับพระเจ็ดพระองค์”ทรงการุณย์    “คุ้มจิตคุณ”บุญเป็นยอดตลอดกาล!!!
“ถือศีลห้า-เร่งปฏิบัติวิปัสสนา    ทุกเวลา”ก้าวหน้าไกลเกินไขขาน
“เป้าหมายคือโลกทิพย์พระนิพพาน    ขอกลับบ้านในชาตินี้”เลิศดีเอยฯ......


ชัย แสงทิพย์ กวีทิพย์

ChaiSangthipNippan@gmail.com

www.buddha-dhamma.com




 

Create Date : 12 กันยายน 2556    
Last Update : 12 กันยายน 2556 11:28:26 น.
Counter : 2190 Pageviews.  

นำเที่ยวชมนิพพาน

ขั้นแรก จะรู้จักนิพพาน ก็ต้องแนะนำ พาท่านท่องเที่ยวชมแดนพระนิพพานกันก่อน ให้เห็นภาพคร่าวๆเป็นพื้นฐานก่อน.....บทเพลงของเรา เป็นเพลงแหล่ธรรมะ ชื่อ "ท่องแดนนิพพาน" เนื้อหา-โดย ธรรมญาณ บทกลอน-โดยพุทธญาณ ทำนอง-ดนตรีประกอบ-ขับร้องโดย ชินกร ไกรลาศ ศิลปินแห่งชาติ ออกซีดีแล้ว ติดต่อได้ที่ ทวีศักดิ์ ผกาภรณ์ 02-7303627,03-0095833






 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2549 22:08:18 น.
Counter : 1890 Pageviews.  


AmataNippan
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




พุทธญาณ แสงทิพย์/เนิน แสงทิพย์/ชัย แสงทิพย์ ฯลฯ

สถาบันแสงทิพย์อริยธรรม -บ้านฉัตรไชย บางเขน

http://www.buddhapoem.com
http://www.buddha-dhamma.com

อีเมล์- BuddhayanSangthip@gmail.com
NernSangthip@yahoo.com
ChaiSangthip@www.com
Friends' blogs
[Add AmataNippan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.