Group Blog
 
All Blogs
 

ตั้งเข็มทิศ

เคยมีคนบอกผมว่า มีคำถาม 3 คำถาม ที่คนที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตควรมีคำตอบที่ชัดเจนนั้นคือ

1.ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน

หากวันนี้มีคนปิดตาคุณแล้วเอาไปปล่อยไว้ที่กลางเขาใหญ่ พอเปิดตาออกมา เค้าบอกกับคุณว่า ไปเจอกันที่เชียงใหม่พรุ่งนี้ แล้วจากไป คำถามแรกในใจคุณที่คุณต้องได้คำตอบก่อนคือ "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" มิฉะนั้นคงยากที่คุณจะเดินทางไปเชียงใหม่ได้ โดยไม่ผิดทาง

สำหรับชีวิตเรานั้น คำถามนี้คงไม่ยากจนเกินไป หากคุณจะเริ่มทบทวนตัวคุณก่อนว่า ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ ชีวิตจากอดีตถึงวันนี้เราอยู่ตรงจุดใด

2.คุณกำลังจะไปไหน

คำถามนี้เป็นคำถามที่ดูไม่ยาก แต่หลายคนกลับไม่มีคำตอบให้กับคำถามนี้ หากจะพูดให้ชัด ๆ ก็คือเป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร

รู้จัก จิ๊กซอว์ ไหมครับ วันนี้ถ้ามี จิ๊กซอว์ 1000 ชิ้น เหมือนกัน 2 รูป ให้คน 2 คน แข่งกันต่อโดยมีเงื่อนไขว่า จะมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่เห็นรูปสำเร็จของ จิ๊กซอว์ นี้ คุณคิดว่า ใครจะต่อเสร็จก่อน แน่นอนครับ คนที่เห็นเป้าหมายชัดเจนคือคนถึงเป้าหมายก่อน

หากวันนี้เราใช้ชีวิต แบบไม่มีเป้าหมาย ก็เหมือนกับเรากำลังเดินทางด้วยความเร็วแต่ไร้ทิศทาง เมื่อเวลาผ่านไปเป้าหมายที่เราต้องการอาจห่างไกลเราไปเรื่อย ๆ

3.เมื่อไหร่คุณจะไปถึง

รู้ไหมครับว่าความแตกต่างระหว่างความใฝ่ฝันกับความเพ้อฝันคืออะไร คำตอบก็คือตัวเลขวันเวลาที่กำกับมันนั้นเอง การกำหนดระยะเวลาให้กับเป้าหมายไม่ได้เป็นการกดดันตัวเองแต่เป็นการกำหนดจุดตรวจสอบว่าเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเราทำได้แค่ไหน ดีกว่าที่ตั้งเป้าไว้ หรือต้องเร่งความเร็วกว่านี้

คำถาม 3 ข้อนี้คุณตอบได้กี่ข้อ


ลองตั้งคำถามให้กับตัวเองสิครับ ว่าสิ่งที่เราเลือกที่จะทำนั้นมันทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของเราแค่ไหน อย่าลืมว่า

"สิ่งที่คุณเลือกทำวันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะคุณได้สละชีวิตหนึ่งวันเป็นค่าทดแทน"




 

Create Date : 28 มกราคม 2548    
Last Update : 28 มกราคม 2548 15:15:28 น.
Counter : 446 Pageviews.  

You are Unique, You were born to Win

คำว่า Unique หมายถึง ไม่มีใครเหมือน ไม่เหมือนใครมี (สำนวนอาจารย์สงวน) ผมเริ่มต้นจากเรื่อง ทัศนคติต่อตัวเราเอง ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องนึง

หลายคนอาจเคยคิดว่า "ตัวเองไม่มีค่า", "เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร", "ทำไมเราไม่เคยชนะเลย" ถ้าจะให้พูดแบบง่าย ๆ ก็คือ ความคิดเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย เราลองมาคิดแบบนี้ดูไหมครับ

เราคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีใครในโลกนี้หน้าตาเหมือนเราแน่นอน เราลองคิดดูนะครับ ของที่มีน้อยเนี้ยจะเป็นของมีค่า ยิ่งถ้าในโลกนี้มีชิ้นเดียวด้วยยิ่งมีค่ามาก

ผมเคยอ่านเรื่องนึงจาก Forward Mail ที่ว่า มีอาจารย์ท่านนึง ขณะที่อยู่หน้าชั้นเรียนได้หยิบแบงค์ 1000 ขึ้นมาชูขึ้นแล้วถามเด็กนักเรียนว่า "มีใครต้องการมันบ้าง" นักเรียนทุกคนในห้องก็ยกมือ จากนั้นอาจารย์ก็ใช้มือขยำแบงค์ให้ยับยู่ยี่ จากนั้นชูขึ้นแล้วถามว่า "ยังมีใครต้องการมันอีกไหม" นักเรียนทุกคนยังคงยกมือขึ้น อาจารย์จึงทิ้งแบงค์ใบนั้นลงบนพื้น แล้วใช้เท้าเหยียบจนแบงค์ดำแบนติดพื้น จากนั้นก็ชูแบงค์นั้นขึ้นแล้วถามคำถามเดิมว่า "ยังมีใครต้องการมันอยู่หรือเปล่า" นักเรียนทุกคนก็ยังคงยกมือ

เราได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ไม่ว่าแบงค์ใบนั้นจะถูกกระทำอย่างไร ค่าของมันก็ไม่ได้ลดลง ตัวเราก็เช่นกัน คนที่กำหนดค่าของตัวเรา ก็คือตัวเราเอง อยู่ที่การกระทำของเราเอง ไม่มีใครสามารถทำให้ตัวเราไม่มีค่าได้ นอกจากตัวเราเอง หากคุณเชื่อว่าตัวคุณเองมีค่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคุณ มันก็ไม่มีทางทำให้คุณค่าในตัวคุณลดลงได้

หากเรามองย้อนกลับไปถึงการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนึงในชีวิตของเรา การแข่งขันครั้งนั้น มีผู้ร่วมแข่งขันหลายล้านคน คุณเป็น 1 ในนั้นด้วยเช่นกัน และแน่นอน ผลของการแข่งขันครั้งนั้น "คุณชนะ" คุณคือ อสุจิ ตัวแรก ที่สามารถไปถึงและเข้าไปในไข่ได้ก่อน

อย่าบอกว่าคุณไม่เคยชนะ อย่าบอกว่าโอกาสชนะมันน้อยมาก ถ้าในจำนวนหลายล้านคุณเป็นที่ 1 ได้ วันนี้ถ้าคุณตั้งใจจริง คุณก็เป็นผู้ชนะได้เช่นกัน

"You were born to WIN"
(^ -')b




 

Create Date : 14 มกราคม 2548    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2548 13:36:47 น.
Counter : 760 Pageviews.  

ทัศนคติ (Attitude)

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยครับ คิดว่าต้องเขียนหลายตอนมาเกริ่นกันหน่อยก่อนดีกว่า ว่า "ทัศนคติ" หมายถึงอะไร

ทัศนคติ หมายถึง ความรู้สึกและท่าทีของคนเราที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ฟังดูเข้าใจยากอีกแล้ว งั้นผมมีความหมายแบบที่ผมเข้าใจ (ซึ่งอาจเข้าใจยากกว่าเดิมก็ได้) ถ้าเราให้ความหมายของคำว่า ทัศนวิสัย เราจะได้ความหมายคือ การมองเห็นด้วยสายตา ดังนั้นผมจึงให้ความหมายของ ทัศนคติ ว่า "การมองเห็นด้วยความคิด"

มีคนเคยบอกผมว่า หากเราจะเขียนสมการของความสำเร็จออกมาเราอาจเขียนได้ว่า

ความสำเร็จ = (ความสามารถ + ความพยายาม) x ทัศนคติ


ซึ่งความสามารถกับความพยายามนั้น มีค่าได้ตั้งแต่ 0 ไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ทัศนคตินั้น สามารถมีได้ทั้ง ฝั่ง บวก และ ลบ ดังนั้นจากสมการเราจึงเห็นได้ว่าทัศนคติมีผลต่อความสำเร็จเป็นทวีคูณ

เราผ่านเรื่องการคำนวณไป แล้วมาดูเรื่องความเป็นจริงกันดีกว่าครับ มีคนเคยบอกผมอีกแล้วว่า ในวัน ๆ นึงเนี้ยมีเรื่องต่าง ๆ เข้ามาในความคิดเรามากมายเป็นแสน ๆ เรื่อง แล้วเชื่อไหมครับว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่อง ลบ ๆ ซึ่งผมว่าโดยปกติความคิดของเรามักจะไหลเหมือนของเหลวอะครับ คือจากสูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่เราเดินอยู่ริมถนน สักพักเราก็ได้ยินเสียงรถเบรคอย่างแรง แต่เราไม่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเมื่อเราได้ยินเสียงเอี๊ยดดดดดดด นาน ๆ เราคิดอะไรต่อครับ โครม, ตูม หรืออะไรก็แล้วแต่ ในทางที่ไม่ค่อยดี

Dr.Edward de Bono ปรมาจารย์ทางด้านความคิดสร้างสรรค์ เคยกล่าวไว้ว่า สมองคนเราทำงานเหมือน "ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทาง" ซึ่งหมายความว่า คนเรามักปล่อยตัวเองตามความเคยชิน มักคิดเหมือนเดิม เพราะมันง่ายกว่าที่จะเปลี่ยน เหมือนเวลาฝนตกลงมา น้ำหยดแรกที่กระทบพื้น จะวิ่งลงที่ต่ำโดยจะสร้างทางน้ำไหลไว้ด้วยจากนั้น น้ำหยดต่อไปจะวิ่งไปในทางเดิมโดยที่ไม่สร้างทางน้ำใหม่ขึ้นมา เช่นกันเมื่อคนเรามีทัศนคติทางด้านลบกับอะไรแล้วก็มักจะคิดเหมือนเดิมโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ความคิดนั้นกำลังนำพาเราไปสู่ความล้มเหลว

คราวนี้เรามาดูเรื่องผลของทัศนคติต่อตัวเรานิดนึง ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาส ถูกบริษัทส่งไปอบรมในเรื่อง Mind Training ซึ่งเป็นการอบรมด้านจิตวิทยาที่แพร่หลายมากในญี่ปุ่น วิทยากรซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นได้กล่าวในหัวข้อการทำงานของสมองมนุษย์ไว้น่าสนใจมาก นั่นคือ สมองของมนุษย์ ไม่สามารถแยกออกได้ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือจิตนาการ สมองของเราจะเข้าใจว่ามันคือความจริงเสมอ โดยการยกตัวอย่างนั้นก็ง่าย ๆ โดยการหลับตาแล้วคิดถึง มะนาวดูนะครับ ลองคิดว่าเรากำลังหั่น กำลังคั้นน้ำมะนาว แล้วได้กลิ่น คิดสักพักเราจะพบว่า ต่อมน้ำลายของเราจะเริ่มทำงาน

ดังนั้นความคิดทางด้านลบของเรานั้นจะมีผลต่อชีวิตของเราแน่นอนเพราะสมองเราก็จะได้เรียนรู้เรื่องลบ ๆ เหล่านั้นด้วย

หากเราจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเรา ซึ่งแน่นอนเปลี่ยนเป็นทัศนคติบวก โดยการเปลี่ยนนั้นมีหลายแง่หลายมุมทีเดียวที่เราสามารถเปลี่ยนได้ ซึ่งวันนี้ดูท่าผมจะเขียนมายาวพอสมควรแล้ว ไว้มาเขียนต่อคราวหน้าดีกว่า




 

Create Date : 11 มกราคม 2548    
Last Update : 11 มกราคม 2548 21:45:55 น.
Counter : 853 Pageviews.  

กรอบความคิด (Paradigms)

หากจะให้อธิบายความหมายของคำว่า "กรอบความคิด"
นั้น คงอธิบายได้หลาย ๆ แบบ เช่น แนวปฏิบัติที่
กระทำจนกลายเป็นวัฒนธรรม หรือความเชื่อของ
องค์กร ผมว่ามันเข้าใจยากเหมือนกันนะ เอาเป็นว่า
ผมคิดว่ากรอบ ก็คือกรอบ หรือ ขอบเขต กรอบความคิด
สำหรับผมหมายถึงขอบเขตของความคิดของบุคคลใด
บุคคลหนึ่ง ซึ่งกรอบความคิดนั้นถูกสร้างขึ้นจากการ
เรียนรู้และประสบการณ์ของเราที่ผ่าน ๆ มารวมไปถึง
สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเราไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน
สถานศึกษา สาขาวิชาที่เรียน ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัย
ในการสร้างกรอบความคิดของทุก ๆ คน

มีการศึกษามากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่า
กรอบความคิดแบบเดิม ๆ ที่เรามีอยู่มันเป็นตัวสกัดกัน
รูปแบบความคิดใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์

การเปลี่ยนกรอบความคิด (Paradigms Shift) ถือเป็น
จุดเริ่มต้นจุดหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโดยรวมของตัวเรา
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะกรอบความคิดเดิมของเรา
นั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในวันเดียว ดังนั้นการเปลี่ยนกรอบ
จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
เพราะฉะนั้นเราจะไม่เปลี่ยนมัน แต่เราจะใช้การขยาย
หรือการคิดออกนอกกรอบเดิม ๆ แทน

ผมจะลองยกตัวอย่างเกี่ยวกับกรอบที่ทำให้เราถูกจำกัด
วิธีคิดดูสักตัวอย่างนึง ถ้าผมถามว่า 1 + 1 เท่ากับเท่าไร
ถ้าไม่เอาคำตอบแบบกวนอวัยวะเบื้องล่างแล้ว
ทุกคนคงตอบได้เท่ากันคือ 2 ถ้าหากเราถามต่อไปอีก
ว่ามีคำตอบอื่นอีกไหม คุณว่ามีอีกไหมครับคำตอบที่
ถูกต้องคำตอบอื่น

หลายคนก็คงตอบว่าไม่มีแล้ว เพราะกรอบความคิด
เดิมของเราบอกไว้แบบนี้ ลองดูคำตอบเหล่านี้ดูนะครับ
1 + 1 = 4 - 2 หรือ 1 + 1 = 10 / 5 เราจะพบว่า
หากเราหาคำตอบที่ 2 ได้เราจะมองเห็นอีกเป็นล้าน ๆ
คำตอบ

ทีนี้เราลองมาเล่นเกมส์อีกสักเกมส์นึงนะครับ



จากรูปนี้ โจทย์คือให้ลากเส้นตรง 4 เส้น โดยไม่ยกมือ
แล้วให้เส้นตรงนั้นผ่านจุดทั้ง 9 จุด สำหรับคนที่ไม่เคยเล่น
ก็ลองคิดดูเล่น ๆ นะครับ และค่อยเลื่อนลงดูเฉลย




เฉลยเกมส์





เกมส์นี้เป็นเป็นการเปรียบเทียบการคิดออกนอกกรอบ
ที่ดีที่สุดเกมส์นึงแต่เสียดายที่มีหลายคนรู้คำตอบอยู่แล้ว
สำหรับคนที่คิดไม่ออกในตอนแรก ผมเชื่อว่าคุณพยายาม
ที่จะลากเส้นอยู่ในกรอบซึ่งยังไงก็ไม่สามารถทำได้ตาม
เงื่อนไข แต่หากคุณลากเส้นออกนอกกรอบเมื่อนั้นคำตอบ
จะปรากฏ

หากจะเปรียบกรอบความคิดเป็นวัตถุ ผมคิดว่ามันคือ
แผนที่ แผนที่ที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ แต่แผนที่
ของเราบางครั้งไม่กว้างพอ จึงทำให้ไม่เห็นจุดหมาย
ที่เราจะไป

ลองคิดนอกกรอบดูนะครับ แล้วแผนที่ของคุณจะกว้างขึ้น




 

Create Date : 07 มกราคม 2548    
Last Update : 7 มกราคม 2548 10:06:00 น.
Counter : 6413 Pageviews.  

แผนที่ความคิด แผนที่ชีวิต

ผมนั่งคิดอยู่หลายวันว่าจะลองเขียนเรื่องราวเหล่านี้ดู
เพื่อเรียบเรียงความคิดของตัวเอง เพื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง
เพื่อเตือนสติตัวเอง เรื่องราวที่อยากจะเขียนนั้นมีมากมาย
แต่จะลองค่อย ๆ เขียนทีละนิดทีละหน่อยละกัน

จากนี้ไปจะเป็นสิ่งที่ผมเรียบเรียงจากความคิดของผมเอง
ซึ่งอาจเคยได้ยินได้ฟังได้สัมผัสมา อาจไม่ได้ตรงกับ
ความคิดของท่านก็ได้ ซึ่งหากท่านได้มีโอกาสอ่าน
แล้วอยากเสนอแนะ สามารถทำได้เต็มที่ครับ

"ความคิดมีตัวตน คนจะเป็นอย่างที่เค้าคิด"


ย้อนกลับไปกว่า 4 ปี ผมได้ยินคำพูดนี้ พร้อมกับอีก
หลายคำพูดเช่น "หากคุณกล้าเปลี่ยนความคิดชีวิตคุณ
ก็จะเปลี่ยน", "คนเราไปได้ไกลสุดแค่ที่เราคิดไว้เท่านั้น"

หลายคนตอนเด็ก ๆ คงเคยเล่นกระโดดยางกันมา
ยังไงผมขออธิบายสักหน่อยละกัน การกระโดดยางนั้น
เล่นไม่ยาก เริ่มจากเอาหนังยางมาร้อยเป็นเส้นยาว ๆ
จากนั้นก็ใช้คน 2 คนยืนตรงข้ามกันแล้วดึงหนังยางไว้
คนที่เหลือต้องพยายามกระโดดข้ามให้ได้ เริ่มจาก
ด่านแรกหนังยางจะอยู่ต่ำสุดแล้วค่อย ๆ สูงขึ้น ๆ

ในด่านแรก ๆ ที่หนังยางยังอยู่ในจุดต่ำ ๆ เช่น ตาตุ่ม
หัวเข่า ผมเชื่อว่าคงไม่มีใคร ออกแรงกระโดดให้สูง
เหมือนตอนที่หนังยางอยู่ในระดับเอว หรือ อก หรอก

คนเราจะออกแรงพยายามเท่าที่เราคิดว่าเพียงพอ
คนเราจึงไปได้ไกลที่เท่าเค้าคิดไว้เท่านั้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างนึงที่ผมได้รับการอธิบายเพื่อยืนยัน
คำพูดข้างบน

ในหนังสือ "กล้าล้มเหลว" เขียนไว้ว่า "หากคุณทำในสิ่ง
ที่คุณเคยทำ คุณจะได้รับแต่ในสิ่งที่คุณเคยได้รับเท่านั้น"
อย่าคาดหวังผลลัพธ์ใหม่ ๆ จากการกระทำเดิม ๆ ของเรา

หากวันนี้เราต้องการการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ถึงเวลาแล้ว
ที่เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลง เริ่มจากอะไรดีละ
หลายคนเริ่มจากการเดินไป เซเว่น แล้วซื้อแปรงสีฟัน
ด้ามใหม่มา ซึ่งผมถือว่าก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง
แต่จะดู กำปั้นทุบดินไปหน่อย

หากให้ทุกท่านเดา ก็คงเดาสิ่งที่ผมจะบอกต่อไปได้
สิ่งที่เราต้องเปลี่ยนก่อนคือ "ความคิดตัวเรานั่นเอง"

ผมเชื่อว่า ทุกคนในโลกมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
คือ ความปรารถนาที่ดีต่อชีวิตของตัวเอง
ซึ่งสิ่งนี้คงเป็นเหตุผลเพียงพอที่เราจะเปลี่ยนแปลง
เพื่อสิ่งที่ดีกว่า

ผมจบแค่นี้ก่อนดีกว่า ไว้มาต่อคราวหน้า....




 

Create Date : 06 มกราคม 2548    
Last Update : 6 มกราคม 2548 11:16:07 น.
Counter : 642 Pageviews.  

1  2  

Alucard
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Alucard's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.