Bloggang.com : weblog for you and your gang
เมื่อมนุษย์ถูกสร้างให้มีดวงตาที่มองตรงไปข้างหน้า พร้อมกับสองขาเพื่อก้าวย่าง แล้วเหตุใดฉันจะต้องหันกลับไปมองความทรงจำที่เจ็บปวด
Group Blog
Alps_s Dream
Alps_s Diet
Alps_s Novel
Alps_s Trips
เพ้อ.....ได้ป่ะ
Alps_s Pink Memory
All blogs
Which Star Are You From? (ตอนที่ ๔)
Which Star Are You From? (ตอนที่ ๓)
Which Star Are You From? (ตอนที่๒)
Which Star Are You From?(ตอนที่๑)
Which Star Are You From? (ตอนที่ ๔)
บทที่ ๔
ราตรีที่ ๓
เสียงเคาะประตูที่ดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เริ่มจะทวีความดังที่แรงขึ้น แรงขึ้น ตามอารมณ์ของคนเคาะ ก่อนจะตามมาด้วยเสียง ปัง ปัง ปัง เพราะดลฤดีเปลี่ยนจากมือที่ใช้เคาะ มาใช้มือทุบประตูแทน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าคนที่อยู่ข้างในจะลุกขึ้นมาเปิดประตูสักที ในที่สุด เธอตัดสินใจใช้เท้าเตะประตูแทน ยกเท้าง้างขึ้นเตรียมจะเตะเต็มที่ ทันใดนั้นเองชายหนุ่มเปิดประตูผลั๊ว พร้อมกับตะเบ็งเสียงใส่
“จะเคาะอะไรนักหนา คนจะหลับจะ........โอ๊ย”
ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบประโยค ก็ต้องรีบยกขาขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าหน้าขาของตัวเองจะกระแทกโดนอะไรเข้าไปสักอย่าง พอปรับสายตาได้ เขาเห็นดลฤดีนั่งอยู่ที่พื้นหน้าประตูห้องเขา เธอกุมมือที่เท้าตัวเองแน่น แต่ตาเล็กคู่นั้นมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง
“แล้วไปนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
เขาถามดลฤดี
เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น โดยลงน้ำหนักที่ขาข้างที่ไม่เจ็บ ส่วนอีกข้างยังเขย่งเอาไว้
“ก็มาปลุกคุณไง เช้าแล้ว นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้ มิน่าหล่ะ โลกมนุษย์ถึงได้เจริญเช่นนี้ เพราะมีคนแบบคุณนี่เอง”
ดลฤดีพูดด้วยน้ำเสียงเหยียด ๆ
“นี่ แม่คุณ ปากนะพูดให้มันดีกว่านี้หน่อย ช่วยสำนึกด้วยว่า อยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
อดที่จะพูดประชดประชันหล่อนไม่ได้
“ไม่รู้สิ อยู่ที่นี่ต้องมีฐานะด้วยรึ แล้วฉันอยู่ในฐานะอะไรหล่ะ”
ถามชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“ฐานะผู้อาศัยไง เข้าใจ๋ ไปรอข้างล่าง เดี๋ยวอาบน้ำก่อน แล้วจะตามลงไป”
ชายหนุ่มบอกดลฤดี ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า
ชายหนุ่มอาบน้ำเสร็จ แต่งตัวอยู่ในชุดลำลองอยู่กับบ้าน สบาย ๆ
เดินลงบันไดวนที่ต่อยื่นเข้ามาจนถึงในห้องรับแขก วันนี้เขาไม่มีงานที่ต้องออกไปทำนอกสถานที่ ความตั้งใจแรกเมื่อคืนคือคุยกับยัยแม่มดผ่านโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น แล้วก็นอนตื่นสายจนตะวันโด่ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน กว่าที่เขาจะหลับได้ก็ปาเข้าไปจนค่อนรุ่งเช้า เพราะยังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่หาย ว่านี่เขาฝันไปหรือเรื่องจริงกันแน่
“ผมอยากเจอคุณ”
เพราะประโยคนี้แท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เขาสะบัดศีรษะแรง ๆ สองสามครั้ง ก่อนจะปลอบตัวเองด้วยการบอกว่า ทรงกลด นายหลับตาสิ หลับตา พอนายลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ยัยนี่ก็จะไม่มีตัวตนแล้ว เขาคิด ก่อนที่จะหลับตาแล้วก็ลืมตา เขาทำมันอยู่ราวสามสี่ครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิม เฮ้อ....เขาถอนหายใจ นี่มันกระจ่างชัดเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ทุกสิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่ได้ฝัน ใช่ ถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้ฝัน เมื่อเช้ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาเคาะประตูห้องเขา เธอมีตัวตน และในตอนนี้เธอก็กำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกตามที่เขาสั่ง
ดลฤดีเงยหน้าขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เธอ เธอลุกขึ้นยืนจากโซฟานุ่ม เพื่อเดินมาหาชายหนุ่ม พร้อม ๆ กับส่งยิ้มให้ แต่รอยยิ้มของเธอนั้นต้องเจื่อนไปในทันที เพราะชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะยิ้มตอบรับเธอ ทำให้เท้าที่กำลังก้าวต้องชะงัก เพื่อหยุดดูเชิงชายหนุ่ม ว่าเขาจะเอายังไง
ในขณะที่ชายหนุ่มเอง เดินลงมาจากบันไดมองดลฤดีที่กำลังยืนอยู่กลางห้องรับแขก แล้วก็เดินเลยไปยังอีกห้อง ดลฤดีมองตามด้วยสีหน้างุนงง
กล้าเข้าไว้สิ ทรงกลด ชายหนุ่มบอกกับตัวเอง เมื่อกี๊เขาปอดแหก เขาไม่กล้าประทะกับยัยแม่มดนั่น ทำให้เดินเลี่ยงมาตั้งหลักที่ห้องครัว ด้วยความเคยชินมือฉวยหยิบถ้วยกาแฟออกมาเติมน้ำลงไปค่อนแก้วแล้วยัดเข้าไปในไมโครเวฟ หมุนตั้งเวลา 2 นาทีชงกาแฟกินสักหน่อย ช่วงที่รอน้ำเดือด เขายืนคิดหาทางออก ถ่วงเวลาไว้ก่อน นี่นายจะทำยังไงดีว่ะ นายทรงกลด เขามองกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้งหนึ่ง ดลฤดีกลับมานั่งรอที่โซฟาตัวเดิมแล้ว เอ...แล้วยัยนี่..จะมีอิทธิฤทธิ์เหมือนปีศาจในหนังในละครรึเปล่าเนี่ย เกิดเราพูดหรือทำอะไรไม่ถูกตาเธอเข้า เธอจะเป็นไงหว่า
“เฮ้อ....นี่มันเรื่องอะไรกันนี่”
ชายหนุ่มถอนหายใจ
เขาเดินออกจากห้องครัวไปยังห้องรับแขก พร้อม ๆ กับถาดที่มีกาแฟหอมกรุ่นสำหรับตัวเอง น้ำส้มคั้นให้หญิงสาว และก็มีขนมปังแซนด์วิส กับคุกกี้เนย และก็สาลี่ที่เขาเจาะจงเลือกผลไม้ชนิดนี้เพราะมันใช้เวลาปอกเปลือกนาน
“มากินกันก่อน เรื่องอื่นค่อยว่าทีหลัง”
เขาพูดกับหญิงสาว
“ฉันไม่เคยกิน กินไม่เป็น”
เธอตอบชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบ
“เธอไม่เคยกินอะไร ที่ยกมาให้ ของพื้น ๆ ทั้งนั้น”
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงตอบคำชวนเขาแบบนั้น ไม่อยากกินก็ว่าไปอย่าง นี่อะไรกินไม่เป็น ใครบ้างที่มันกินไม่เป็น การกินก็แค่เอามาใส่ปากเคี้ยว ๆ แล้วก็กลืน
“ฉันหมายถึงว่า ฉันไม่เคยกินอาหาร”
“แล้วเธอ....อืมมม คุณมีชื่อไหม จะให้ผมเรียกคุณว่าอะไร”
ใช่แล้วอย่างเธอนะ มันต้องเรียกยัยแม่มด ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากกับความคิดของตัวเอง
“ถ้าคุณชอบ เรียกอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่ฉันชื่อดลฤดี”
ยังคงบอกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม
“เรียกอะไร แบบไหน”
เขาถามลนลาน นี่อย่าบอกนะว่ายัยนี่อ่านความคิดของเขาได้
“ใช่ค่ะ ฉันอ่านความคิดคุณได้ อยากเรียกยัยแม่มดก็ได้ แล้วฉันเรียกคุณว่าพระจันทร์ชายเหรอคะ”
ถามชายหนุ่มกลับ
“ผมชื่อทรงกลด แต่คุณ เรียก ยุ่ง เฉย ๆ ก็ได้”
เขาบอกดลฤดี
“?????”
“ผมชื่อเล่นว่า ยุ่ง”
เขาอธิบายหญิงสาว ไม่แปลกหรอกกับสีหน้างุนงงของคนที่ได้ยินชื่อเล่นของเขา มีบ่อยไป ทุกครั้งที่บอกชื่อเล่น บางคนขำ บางคนขมวดคิ้ว แต่เขาก็พอใจชื่อนี้
ระหว่างอาหารมือเช้า มันไม่เครียดอย่างที่ชายหนุ่มคิด ชายหนุ่มไม่รู้สึกเบื่อสักนิดที่จะต้องคอยตอบคำถามดลฤดี เขาสรรหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่า เพียงเพราะเขาชอบดูสีหน้าและแววตาของเธอที่แสดงอาการตื่นเต้นระคนอยากรู้อยากเห็นกับสิ่งที่เขาเล่าหรือบอก
เขาแอบลอบมองเธอตั้งหลายครั้งตอนที่เธอไม่ทันระวังตัว แต่คงจะเป็นเพราะเผลอจ้องนานไปหน่อย ทำให้ตาเล็กนั้นจ้องตอบกลับตาไม่กระพริบ
“ทำไมเหรอ หน้าฉันมีอะไร”
ดลฤดีถามชายหนุ่ม พร้อม ๆ กับยกมือขึ้นลูบที่หน้าของตัวเอง
“เอ้อ ปละ เปล่านี่ ใครมองคุณ”
เขาตอบกลับอุบอิบ
“ก็เห็นอยู่ว่ามอง ยังจะมาเปล่าอีก”
ดลฤดีจ้องสบตากลมโตนั้นอย่างไม่กระพริบ
“อะไร จ้องอะไร บอกว่าเปล่าก็เปล่าสิ พูดจาไม่รู้เรื่อง แล้วมีอะไรจะถามต่อไหม”
ชายหนุ่มพูดจาเฉไฉ
นี่นายทำบ้าอะไร ทรงกลด เกือบไปแล้วไหมหล่ะ ผู้หญิงมันก็เป็นแบบนี้ทุกคนแหล่ะ นายอย่าใจอ่อนเชียวนะ พวกเธอจะทำท่าทางเหมือนไร้เดียงสา ซื่อบริสุทธิ์ แต่ที่แท้พวกเธอมันก็คืองูเห่าดี ๆ นี่เอง “คาร่า” ก็เป็นแบบนี้ เป็นแบบยัยแม่มดนี่
“คาร่า”
เพียงแค่นึกถึงชื่อ ใจเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อไหร่ เมื่อไหร่กัน ที่เขาจะลบชื่อนี้ออกไปจากหัวใจได้หมดสักที แล้วชายหนุ่มก็ลุกพรวดพราดขึ้น พูดกับดลฤดีว่า
“วันนี้ผมจะกลับดึกนะ คุณอยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน วันนี้ยกบ้านให้ แต่ถ้ามีใครมาไม่ต้องเปิดประตูรับ ไม่ต้องออกไปไหนอยู่แต่ในบ้าน ห้ามรับโทรศัพท์ ถ้าจะให้ดี อยู่เฉพาะภายในห้องคุณเท่านั้น ผมขี้เกียจตอบคำถามใคร ๆ”
เขาสั่งก่อนที่จะคว้ากุญแจ สตาร์ทรถออกไปข้างนอก โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จุดหมายปลายทางค่ำคืนนี้ของเขาจะอยู่ที่ไหน
***************************************************
ชายหนุ่มขับรถไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย เขาไม่รู้จะไปที่ไหนดี ไม่อยากเจอผู้คนซะมากกว่า "คาร่า" ทำให้เขากลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย กลายเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องของความรัก เขายังจำวันที่คาร่าทิ้งเขาไป เธอเดินเข้ามาบอกเขา
“ยุ่งคะ เราเลิกกันเถอะคะ คาร่าคิดว่า คาร่าหมดรักยุ่งแล้วค่ะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลย กับการบอกเลิกใครสักคน
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบ สั้น เรียบและง่าย เช่นเดียวกัน สิ้นสุดเสียทีกับการพยุงความรักที่มีให้กันนานถึงสามปี
เขาจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี ไม่เคยลืมมันได้สักครั้ง หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาอยากจะบอกกับเธอเหลือเกิน คุณอย่าทิ้งผมไปนะ อยู่กับผมได้ไหม แต่สิ่งที่เขาทำวันนั้น เขาพูดแค่เพียง “ครับ” มันเป็นเพียงคำพูดคำเดียวที่เขาคิดออกเวลานั้น จะให้เขาทำยังไงได้ ในเมื่อคาร่าบอกว่า เธอหมดรักในตัวเขาแล้ว
“พี่ยุ่งขา ลมอะไรหอบพี่ยุ่งมาถึงนี่คะเนี่ย แพตคิดถึ๊ง คิดถึง”
แพตตี้สาวสวยประจำร้าน ทักทายเสียงหวาน พร้อม ๆ กับละจากเคาน์เตอร์เดินมาเกาะแขนชายหนุ่ม ขณะที่ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาในร้าน
เสียงหวานของแพตตี้ ฉุดกระชากเขาขึ้นมาจากโลกแห่งความทรงจำอันแสนเจ็บปวดให้หันกลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง
เฮ้อ...แล้วนี่เขาขับรถมาถึงผับนี้ได้ยังไงนะ เขาไม่ได้มาที่ผับแห่งนี้ร่วมปีแล้ว คงจะเหมือนที่ แพตตี้ ผู้ที่รับหน้าที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและ
รีเซฟชั่นสาวสวยของร้านทักเขากระมัง ว่าลมอะไรหอบเขามาถึงนี่
เมื่อไม่รู้จะไปไหน ท้ายที่สุดเขาก็ขับมาถึงยังที่ ๆ เดิม ที่ ๆ เขาจะต้องแวะมาทุกครั้ง หากเมื่อไรที่เขารู้สึกว่าเขาถูกทรยศ จะมีเพียงสถานที่นี้ที่เดียวเท่านั้น ที่เขาจะใช้เป็นที่พักพิงทางใจให้กับตัวเอง
สถานที่ ๆ เป็นอดีตของเขากับคาร่า ภาพความทรงจำแสนหวานผุดขึ้นมาจากความทรงจำส่วนลึกที่เจ้าตัวพยายามเก็บซ่อนไว้ อย่างน้อยการนึกถึงเรื่องราวดี ๆ ระหว่างเขากับคาร่า มันก็ทำให้พื้นที่หัวใจของเขายังคงหลงเหลือพื้นที่ในส่วนที่เป็นสีชมพูอยู่บ้าง
“ลมหายใจอุ่น ๆ ของน้องแพตมั๊งจ๊ะ ที่หอบเอาพี่มาถึงที่นี่”
เขาแซวแพตตี้กลับ อย่างไม่จริงจังมากนัก
“แหม พี่ยุ่งล่ะก็ พูดแบบนี้ พูดให้ความหวังแพตนะคะ แล้วจะมาหาว่าแพตไม่เตือนไม่ได้นะ นั่งโต๊ะเดิมนะคะพี่ยุ่ง ”
แพตตี้สาวสวยประจำร้านถามความเห็นชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปตะโกนบอกพนักงานเสริฟในร้าน
“แหวน ๆ จัดโต๊ะให้พี่ยุ่งด้วยนะ เอาโต๊ะที่ติดริมน้ำ และก็เอาเซตออร์เดิฟมาพร้อมเลย”
แพตตี้นำชายหนุ่มไปยังโต๊ะประจำ ภาพเก่า ๆ ของชายหนุ่มที่เป็นแขกประจำของร้าน วนกลับมาอีกครั้งเหมือนฉายหนังเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อก่อนชายหนุ่มจะเป็นแขกประจำของที่ร้าน และภาพที่ชินตาของคนที่ร้าน คือ ภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก ภาพคู่รักเดินจูงมือกันเข้ามาในร้าน ความเอื้ออาทรของชายหนุ่มที่แสดงต่อหญิงสาว สร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับเด็ก ๆ ในร้าน อิจฉาผู้หญิงคนที่ได้ขึ้นชื่อว่ากุมหัวใจของชายหนุ่มได้อย่างอยู่หมัด ไม่เว้นแม้กระทั่งแพตตี้ที่แอบพึงใจชายหนุ่มอยู่ลึก ๆ
และแล้ววันหนึ่งชายหนุ่มเดินเข้ามาที่ร้าน โดยปราศจากร่างของหญิงสาวเคียงข้าง ทุกคนในร้านได้แต่แปลกใจ ชายหนุ่มสั่งเหล้ามาดื่มจนเมามายไม่ได้สติ หรือจะเรียกได้ว่า เมาจนหมดสภาพของผู้ชายคนเดิมที่แสนจะอ่อนโยน แสนดี คนนั้นไปหมด คงเหลือแต่ภาพของผู้ชายที่อ่อนแอ ขี้แพ้ จากวันนั้น ก็ไม่มีใครเห็นชายหนุ่มแวะเวียนมาที่ร้านอีกเลย จนกระทั่งวันนี้
“ที่นี่ ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลยนะแพต”
เขามองไปรอบ ๆ ตัวร้านที่มีเพียงแสงสลัว ๆ ตามสไตล์การจัดร้านกึ่งร้านอาหารกึ่งผับ
“ค่ะ แพตว่า จัดแบบนี้ เหมาะสุดค่ะ ดูเป็นกันเอง และก็ดูเป็นสัดส่วนดี ไม่วุ่นวาย เพราะร้านเรามีลูกค้าหลายระดับค่ะ บางคนเขาก็ชอบอะไรที่เป็นส่วนตัว บางคนเขาก็ชอบอะไรที่มันเอนเตอร์เทนหน่อย ก็ต้องเอาใจลูกค้ากันไป ก็ทำทุกวิธีค่ะ เพื่อที่จะดึงเงินออกมาจากกระเป๋าเขามาใส่กระเป๋าเรา แล้วนี่เป็นไงมาไงคะ พี่ยุ่งถึงแวะมาที่นี่ได้ หายไปนานเลย”
น้ำเสียงแสดงความห่วงหาอาทรชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแพตพึงใจในตัวเขา แต่ทำไงได้หล่ะ เรื่องของความรักมันบังคับกันได้ที่ไหน ถ้าหากมันบังคับได้จริง ชีวิตรักของเขากับคาร่า มันคงไม่อับปางลงอย่างไม่เป็นท่าอย่างนี้หรอก
“ไม่มีอะไรหรอก พี่ขับรถผ่านมาทำธุระแถวนี้ ก็เลยแวะมาหาอะไรฆ่าเชื้อพยาธิในท้องให้มันลดปริมาณลงหน่อย”
เขาก็เป็นแบบนี้ ไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ยกเว้นวันนั้น วันที่คาร่าบอกเลิกเขา ทำให้เขาเมามายจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน หลังจากได้ที่นั่งประจำ โต๊ะเดิม ๆ ภาพความหวานครั้งเก่าของเขากับคาร่ากำลังจะผุดขึ้นจากความทรงจำ แต่แล้ว
“ทำไม แพต มองหน้าพี่ทำไม มีอะไรเหรอ”
เขาถามแพตหลังจากเห็นสีหน้าของแพตแสดงความกังวล แล้วค่อย ๆ ซีดลง ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี๊สีหน้าของแพตยังระรื่นอยู่เลย เขาสบตาแพตแล้วมองเลยตามสายตาที่แพตมองออกไปตรงทางเดินเข้าร้าน
ใครนะที่เป็นคนคิดทฤษฎีโลกกลม เขาอยากถามมันว่า มันเคยเจอเหตุการณ์แบบที่เขาเจอในคืนนี้หรือเปล่า ภาพของคาร่าเดินจูงมือเข้ามาในร้านกับนายอติเทพ บวรพิทักษ์พงศ์ เจ้าของอสิงหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเมืองไทย คนที่ทำให้คาร่าทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี ภาพเบื้องหน้าของคนทั้งคู่พร่ามัว เขามองเห็นไม่ชัด เพราะอาการโกรธจัด หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ ที่มันทำให้หัวใจเขาชาหนึบ ได้ยินเพียงเสียงของคนทั้งคู่เดินเข้ามาหาเขา ทักทายเขา
น้ำเสียงของคาร่าก็ยังคงอ่อนหวานเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เสียงพูดจาหยอกล้อของคนทั้งคู่เสียดแทงเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจเขา
คาร่า ทำไมคุณใจร้ายเหลือเกิน นี่คุณจะไม่เหลือแม้กระทั่งสถานที่ ที่มีแต่ความทรงจำดี ๆ ระหว่างเราให้ผมได้จดจำบ้างเหรอ เขาได้แต่ตัดพ้อคาร่าในใจ เพราะทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะอะไรเหรอ นั่นก็เพราะเขาคือผู้แพ้ไงหล่ะ เขาคือผู้แพ้ แก้วแล้วแก้วเล่าสาดเข้าไปเพื่อให้ลืม แต่ภาพของคนทั้งคู่ยิ่งฝังลึกลงไป มันแทบจะแทรกความเจ็บปวดไปทุกอณูในร่างกายเขา เหมือนกับเหล้าที่เขาดื่มเข้าไปความร้อนของมันยังไม่ร้อนรุ่มเท่าความเจ็บปวดที่เขาได้รับ
เขาไม่รู้ว่าเขานั่งดื่มที่ร้านของแพตนานแค่ไหน จนกระทั่งแขกกลุ่มสุดท้ายทยอยกลับ แพตถึงได้เดินมาหาเขา
“พี่ยุ่ง ไหวไหมคะ ถ้ากลับไม่ไหว แพตจะได้ให้เด็กเตรียมห้องไว้ให้พี่ยุ่ง”
“ไหวน่า แพต แค่นี้เล็กน้อย พี่ไม่เป็นไรหรอก พี่ยังดื่มได้อีกเยอะ”
พูดพร้อมกับยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันที่ยังเหลืออยู่อีกค่อนแก้ว ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด พร้อมทำสีหน้าเหยเก
“พี่จะกลับแระ แพตคิดค่าเสียหายได้เลย”
ตอนนี้ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำไปจนถึงใบหู แต่ยังคงพอมีสติ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะ เซเล็กน้อย ดีว่าแพตรีบถลามาพยุงไว้ ไม่งั้นคงได้ล้มหัวคะมำไปในร้านนี่แหล่ะ
ชายหนุ่มพยายามยืนตัวตรง เพื่อจะไปยังลานจอดรถ สตาร์ทรถเสร็จ เขานั่งคิดหลังพวงมาลัย แล้วนี่ เขาจะไปไหนดี ไปไหนดีนะ ที่แห่งไหนถึงจะทำให้เขาลืมภาพของค่ำคืนนี้ได้ บ้าน บ้านเหรอ เขาจะกลับบ้าน บ้านที่ตอนนี้มียัยแม่มดรอเขาอยู่
ยัยแม่มด ผู้หญิงคนนี้ก็อีกคน ที่หลอกเอาความไว้เนื้อเชื่อใจจากเขา กลับมาทำร้ายเขา จะมีสักคนไหมที่รักเขาอย่างจริงใจ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะสองสามครั้ง ไล่ความคิดอ่อนแอที่โหยหารักแท้อันไร้สาระนี้ออกไปจากหัว ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้ากลับบ้าน
Create Date : 28 เมษายน 2551
Last Update : 21 สิงหาคม 2555 0:06:15 น.
0 comments
Counter : 217 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
Alps_s
Location :
KORAT NAKHON Switzerland
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Alps_s's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.