Update! • Kenny Keng Web• Activity • Article • Imagine • My ARTWORK • BackPack/Journey • Sketch • All Art • alphafo

alphafoBasic Sketch • • 333 STUDIO KENNY KENG Blog


ALPHA FO
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]








**อันนี้ก็สำคัญครับ กับเรื่องของสิทธิ
คือว่าถ้าหากเพื่อนๆท่านใด
ต้องการนำภาพหรือบทความไปเผยแพร่
กรุณาแจ้งผมด้วยนะครับ

**ขอบคุณครับ**

alphafo

New Article : JAN 2015

Art trip : My Journey
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม"ฮานอย1 เวียดนาม:13/02/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา3 เวียดนาม:31/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา2 เวียดนาม:16/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา1 เวียดนาม:14/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" เดียนเบียนฟู เวียดนาม:09/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" หลวงพระบาง ลาว:07/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ไชยบุรี2 ลาว:26/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียนาม" ไชยบุรี1 ลาว:25/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ปาด แปด 8:23/12/14
• "เริ่มใหม่...ได้ทุกเมื่อ":25/02/14
• "ปั่นคิดที่กองโค":19/12/12
• "12 12 12":12/12/12

• "ลับแล ซะที" :06/08/12

• BEST OF THE BEST:05/03/12

alphafo

• กาแฟสดบ้านหมึกจีน coffee and china's art gallery:16/02/12

Update! • อุปกรณ์การวาด carbon powder
•เทคนิคการทำเฟรมเขียนสีน้ำมัน
•เทคนิคการทำเฟรมสีน้ำมัน
•ปลอกต่อดินสอ EE กรณีดินสอของท่านหดสั้นจุ๊ดจู๋
•การทำสมุดเสก็ตซ์อย่างง่ายและประหยัด
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 1
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 2
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 3



Update!เทคนิค ขั้นตอน การวาดภาพการ์ตูน
• : เทคนิคการวาดภาพผงคาร์บอนพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหัก
• การวาดการ์ตูนล้อเลียน
• พื้นฐานการวาดการ์ตูน
•เทคนิคการวาดภาพคนสีชอล์ก(หลวงปู่แดง)
•เทคนิคการวาดภาพคนเหมือนเต็มตัวสีน้ำมัน
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบหญิง
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบชาย
•เทคนิคการวาด carbon powder
•การวาดสีชอล์กแท่ง พระยาพิชัยดาบหัก
•การแก้ไขภาพสีน้ำมัน landscape
•เทคนิควาดภาพสีน้ำมัน Landscape
•พื้นฐานการวาดภาพสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่(Basic)
•เทคนิคการวาดเส้นหุ่นนิ่ง(Drawing)
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ตา"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "จมูก"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ปาก"
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนด้วยดินสอ EE(drawing portrait-woman)
•เทคนิคการวาดเส้นคนเหมือน (Drawing sketch)
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนภาพสีด้วยสีชอล์กแท่ง(pastel portrait)
•เทคนิคการใช้สีชล์อกแบบ drawing
•เทคนิคการแกะสติ๊กเกอร์แบบปลอกล้วย(จริงๆ)

alphafo ART ARTICLE :
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 6(สุดท้าย): โบนัสพิเศษกับงานศิลปะ
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 5 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 2)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 4 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 1)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 3 : ตามหามุมบันทึก(วาดเส้น)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 2 : ทำไมต้องเป็นถ่าน?
• "เที่ยวไปกับถ่าน" ตอนที่ 1: เด็กน้อยกับฝาบ้าน
**ภาพสเก็ตซ์สีชอล์กน้ำมัน
**เทคนิคประสม...ใคร ??
ศิลป์(ป่ะ) “ต้องเป็นตัวของตัวเองดิ๊” ...

ภาพวาดที่ฉีก: ผมยืนมองภาพพร้อมกับฟังเสียงหล่น..
ANATTA: วันที่ความหดหู่ หดเหี่ยว หรือเหี่ยวจนหด...
alphafo
alphafo

alphafo
alphafo


Sketch crawl ร่วม Sketch กับเพื่อนๆทั่วโลก

alphafo ALPHA FOCUS หนังสือพิชัย เมืองเล็กฯ เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองหน้าด่านของสยามประเทศในอดีต.....
alphafo
โอกาสที่ท่านมุ้ยมอบให้ สิ่งที่ผมเฝ้าศึกษาและสังเกตุ จะมีเรื่องราวและข้อมูลไปพ้องกับใครบางท่านเข้าอย่างจัง...

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ALPHA FO's blog to your web]
Links
 

 

พิชัย เมืองหน้าด่านในอดีต


เอาภาพประกอบหนังสือมาฝากครับ
เป็นงานเสก็ตซ์น่ะครับ
ทั้งสองภาพเป็นภาพเมืองหน้าด่านของ สยามในอดีต
ที่กว่าจะรวมกันเป็นเป็นประเทศที่คล้ายหัวมิคกี้เมาส์ได้
เหล่าวีรบุรุษคนกล้าต้องแลกมาด้วยชีวิตครับ

อีกภาพเป็นภาพสภาพเมืองหน้าด่านในสมัยนั้นน่ะครับ
(มีแต่เมือง คนหายกันหมด หุหุหุ)






ผมรวบรวมไว้เป็นหนังสือ และทำลิงคฺเพิ่มเติมไว้ในนี้นะครับ

//phichaitour.hi5.com




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 10 ธันวาคม 2552 15:56:05 น.
Counter : 1721 Pageviews.  

ไม่แพง

ค้นเจอภาพวาดเส้นในปี 34
รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก   แต่ก็ไม่ถึงกับแพง
อ่ะ...
ถ้าคำว่า แพง หมายถึง ราคาที่สูงเกินคาด

ภาพๆนี้ คงใช้คำว่าไม่ถึงกับแพงได้จริงๆ
คุณค่าที่มีต่อผมมันช่างสูงซะเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้สูงจนเกินคาดกับภาพที่แสนจะธรรมดาภาพนี้
ถึงแม้จะเป็นแค่ภาพถ่ายก็ตาม
ทันทีที่เห็นภาพนี้ ภาพในอดีตต่างๆ ก็ผุดขึ้นมา
ราวกับป๊อปอัพโฆษณาของเว๊ปต้องห้ามสำหรับเด็กที่เหลือน้อยเต็มทีอย่างผม

มันเป็นภาพเฉพาะตัว เฉพาะบุคคลจริงๆ
เรื่องราวความทรงจำต่างๆถูกอัดแน่นภายในภาพๆนี้
มากกว่าแฟลชไดวฟ์ ขนาด 1GBจะเก็บได้หมด  

เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเรา ตอนนี้ไปอยู่ไหน ?
สถานที่ในความทรงจำแห่งนี้ ขณะนี้เป็นอย่างไร ?
อาจารย์แต่ละท่าน ยังสบายดี หรือว่าจะลำบากใจกับลูกศิษย์ที่แสนจะดื้อรั้นอยู่มั้ย ?
หลากหลายคำถามผุดขึ้น พอๆกับเกมส์ทศกัณฑ์ พันหน้า

ไม่น่าเชื่อว่า  แค่กระดาษแผ่นบางๆ จะสามารถเก็บข้อมูลต่างๆเหล่านี้มาได้
ที่สำคัญ มีแค่เราเท่านั้นที่สามารถเปิดอ่านได้
ผมว่าแฟลชไดวฟ์ ของหลายๆคนคงมีรูปร่างหน้าตาปรับเปลี่ยนกันไป ไม่เหมือนกัน
หรือเหมือนกันเพราะอยู่ ณ ที่เดียวกันในตอนนั้น

เมื่อหันมองไปรอบๆข้าง ค้นรูปไปเรื่อยๆ
ก็พบกับเรื่องราวชีวิต ที่ถูกบันทึกไว้เป็นตอนๆ
บางทีอาจมากกว่าหนังสือสามก๊ก ด้วยซ้ำไป
เพียงแต่เรื่องราวเหล่านั้น มันหอมหวาน และสนุกสนานสำหรับเราเท่านั้นเอง

"ไอ่ปุ้ม ตอนนี้เองอยู่ไหนวะ" ไม่เจอกันเนินนานเกือบยี่สิบปี
เมื่อเขียนรูปนี้เสร็จ เราก็เข้าไปกินไอติมด้วยกัน ที่ร้านประจำ
ไม่ใช่คู่รัก คู่เกย์ หวานแหวว แต๋วจ๋า.....
แต่เราเข้าไป สัมผัสกับสาวๆคณะอื่นที่นั่งกันให้พรึ่บ อยู่ ณ ร้านแห่งนั้นกัน

.........

คิดไปเรื่อยๆ นั่งอมยิ้มกับอดีต..
อดีต...ที่เดินชนมุมตึก แว่นกระจาย กระดานเสก็ตซ์ กระจุย
เพราะอาย สาวๆที่มีอยู่อย่างมากมาย
พยายามรวบรวมความกล้า จากทุกแหล่งพลังงานที่มีอยู่
เพื่อก้มเก็บของพร้อมกับความอายที่หนักยิ่งกว่าเดิม
ทันทีที่เหงยหน้าขึ้นมา(เพราะหาแผ่นดินจะแทรกไม่เจอ ที่สำคัญไม่ได้ฝึกวิชาประเภทนี้มาด้วย)
ก็พบว่าปุ้มเพื่อนเลิฟ  ไปหัวเราะเสียงลั่น พร้อมกันกับสาวๆกลุ่มนั้นเรียบร้อยแล้ว

นี่แหละนะ ที่เรียกว่าอดีต
อดีตที่ภาพผุดฉายขึ้นมา จากสิ่งของบางสิ่ง แถมมีภาพเดิมๆฉายซ้ำ วนกลับมาอีกรอบ
และที่สำคัญ เราเห็นมันชัดเจน เพียงแค่คนเดียว ทั้งรายละเอียดและความรู้สึก

ฮืม...ภาพนี้ ไม่แพงจริงๆ.....
เพราะมัน ไม่มีราคา





 

Create Date : 12 ตุลาคม 2552    
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 1:47:23 น.
Counter : 920 Pageviews.  

SketchCrawl Day 24th On Phitsanulok


วันนี้ออกsketchตามคำแนะนำของท่านอาจารย์ atas ครับ
ตกลงปลงใจกันไว้ ตั้งแต่ครั้งหลังจากคราที่ 23
ถึงแม้จะยุ่งๆอยู่บางช่วง แต่ก็แว๊บไปแว๊บมาได้มาพอสมควร
สนุกมากๆ วาดจนลืมหลายๆเรื่องที่วกวน กวนเล่นอยู่ในสมองไปถนัดตาถนัดใจ
รบกวนท่าน Atas ด้วยนะครับ ถือว่าเป็นตัวแทนคนหนึ่งจากพิษณุโลกก็แล้วกันครับ
เรียนเชิญ เพื่อนๆพี่ๆทุกท่านวิจารณ์ได้เต็มที่เลยครับ


ตอนเช้าๆครับ แวะเข้าสูดอากาศบริสุทธิ กลางท้องทุ่งนา
ก่อนที่จะหันหน้าเข้าหาวัด และเข้าทำธุรต่ออีกสักพัก



พอได้พอดีครับ



หักสายตาหันไปเจอต้นมะพร้าวพร้อม ทุ่งข้าวเขียวขจี
..สูดหายใจลึกๆๆๆๆ....ฮืมมมม



มองไปเรื่อยๆ เขียนไปแบบลุยๆ กับศาลาเก่าๆ ที่เรียงกันอยู่





หลังจากเคลียร์ธุระ การงานเสร็จสิ้น ก็เริ่มหาหน้าเข้าวัด
...อีกครั้ง.....





เจอของใหญ่ แต่ก็อยากเขียนมันเล็กๆ
ในเฉพาะที่มุมบางมุมที่เรามอง
เหมือนกับชีวิต ที่เราเลือกที่จะมองและเลือกที่จะเป็น









เผลอปล่อยความคิดไปเล่นๆ ว่า...
ทำไมคนส่วนใหญ่ ถึงชอบที่จะใหญ่ กันนัก
เราอยู่กันอย่างเล็กๆ แต่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน
ที่มั่นคง ทั้งใจและกาย ไม่ดีกว่าเหรอ



ทำไมต้องสนใจแต่เปลือกที่ห่อหุ้ม
ทั้งๆที่ภายในนั้น สุดแสนจะสงบและเป็นสุข



ก็ได้แต่คิด
แล้วก็ทำตัวให้เล็กๆ
......มองเห็นระฆังในสมัยอยุธยา...
ถ้าระฆัง ไม่มีหูอันเล็กๆ จะแขวนยังไง
เมื่อเวลาถูกเคาะ ถึงจะกวัดแกว่ง ก้องกังวาล ได้อย่างไพเราะ เสนาะหู



หูเล็กๆของระฆังใบใหญ่ๆ
ก็สวยงามและมีคุณค่าของมัน
....จนกระทั่ง เหตุผลของกาลเวลา
ทำให้ทั้งคู่ ต่างก็หมดภาระกิจของตัวเองไป


อยู่ในที่สมควรอยู่
เพื่อให้คนได้ศึกษาและเรียนรู้กันต่อไป.....







 

Create Date : 19 กันยายน 2552    
Last Update : 10 ธันวาคม 2552 15:56:33 น.
Counter : 1349 Pageviews.  

เขลางค์นคร ( Sketch )

( Sketch )

19-7-09......
ผมต้องไปลำปาง ผมต้องไปลำปาง...
เมืองล้ามด ที่รถม้าหายากช่วงนี้
ด้วยภาระกิจทางด้านใจ ที่มากกว่าคำว่ารัก
ณ ศูนย์มะเร็งในช่วงเช้าๆ อินเดอะมอร์นิ่ง


ถึงแม้จะรีบ แต่ก็ไม่ถึงกับเร่ง
ผมจึงตัดสินใจใช้บริการเจ้าม้าเหล็กอีกเช่นเคย
ในม้าเหล็ก มันสร้างกิจกรรมและความผกผันในความคิดที่แตกแขนงตลอดเวลา
ไม่ว่าเราจะใช้จินตนาการในหรือข้างนอกขบวนรถก็ตาม


คราวนี้ไม่ได้เสก็ตซ์บริเวณสถานีจุดเริ่มต้น
แต่ตั้งใจจะเก็บความรู้สึกภายในขบวนรถไฟที่ไม่ได้ใช้ฟืนอีกต่อไป
เมื่อได้ขึ้นรถ ก็พบกับคนกลุ่มใหญ่ๆ ที่ต่างสรวลเสเฮอากับความคิดของตน
ต่างคนต่างมอง ต่างคนต่างคิด และใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง


เห็นหน้ากากอนามัย ที่ไม่ใช่หน้ากากเสือ ใส่กันให้พรึ่บ
แต่ไม่ยักกะเอาปิดปากกับจมูกไว้กันไข้หวัด 2009
กลับเอาห้อยไว้ที่หู บางคนห้อยไว้ที่คาง คล้ายๆกับห้อยพระไว้กันผี
แต่นี่....ห้อยแมสไว้กันเป็นไข้


เห็นความรักของแม่ที่ยอมทนให้ขาจะชาดิ๊กๆ...
เพื่อให้ลูกน้อยตัวอ้วนๆได้นั่งแถมดิ้นได้อย่างสบายอุรา
ทำให้ผมคิดถึงแม่ ที่เราจะเจอกันในตอนเช้าของพรุ่งนี้อย่างทันควัน

เห็นคนที่หลับตา พาน้ำลายที่เกือบจะยืด
ผมว่าเขาต้องฝันดีแน่ๆ ฝันถึงบ้านที่ใกล้จะถึงเต็มทน
หรือไม่ก็ยอมจำนนกับความอ่อนแรง ที่เดินทางมาหลายชั่วโมง


ความครึกครื้นที่เริ่มกลับมาคักคึกเกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อถึงสถานีใหญ่แห่งหนึ่ง ทางภาคเหนือตอนล่างที่ไม่ล่างสุด
ผู้คนต่างเตรียมข้าวของ สัมภาระพร้อมเหม่อมอง หาคนที่มารับอย่างใจจดจ่อ

แม่จูงมือลูกเตรียมตัวเดินลงรถ หลายๆคนหอบสัมภาระชิ้นใหญ่
คล้ายๆกับของฝากจากแดนไกล
แน่นอน...ก็ต้องเอามาให้คนที่เขารักที่รออยู่นั่นเอง
..และแล้วในที่สุด ทุกคนก็ลงกันเกือบหมดตู้
เราที่นั่งคดคู้อยู่ ก็ดูจะสบายหายเมื่อยซะที


ที่แคบๆ กลายเป็นที่โล่งอย่างทันตาเห็น
จนนอนเล่นกันได้อย่างสบายๆ
แต่ยังไม่ถึงกับกลายเป็นสนามฟุตบอล ที่มีไว้แตะตะกร้อเล่น
โล่งแค่เหยียดขาปลดปล่อยไว้กันเมื่อย ก็พอ

20-7-09 เมื่อถึงศูนย์ฯที่คุ้นเคย กับน้ำพุที่คุ้นตา
สบายอุราทุกครั้งที่ได้เหม่อมอง  แต่ก็ไม่ถึงกับเหม่อลอย
จะไม่คุ้นได้ไง ก็เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมอยู่ที่นี่ทั้งเดือน
จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ไปในทางที่ดี
ทำให้ชายชาตรีอย่างผม ได้กลับเข้าใกล้ชีวิตโหมดปรกติอีกครั้งหนึ่ง


พยาบาลที่คุ้นเคย
คนไข้ที่คุ้นตา กับอาการที่ดีขึ้นเกือบทุกคน
ทำให้ผมพอที่จะคิดแผนการณ์ออกตะลุยข้างนอกอีกครั้ง
เพื่อเก็บควมทรงจำ หลังจากที่ถูกละเลยไปด้วยหลายๆสาเหตุ


เมื่อจัดการกับภาระกิจพร้อมจิตใจที่เบิกบาน
เพราะแม่อาการดีขึ้นจนเกือบเหมือนปรกติแล้ว
ก็เดินทางออกมาภายนอก สู่โลกแห่งการแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง
พร้อมแผนการณ์และเวลาที่ดูเหมือนน้อยนิดกับหลายแห่งที่ต้องการไป

บ่ายสองแล้ว หาข้าวกินก่อนตะลุย
ไปเจอก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาที่มาขายลำปาง
ก็เลยเอาให้คุ้มทั้งสองจังหวัด ด้วยการกินข้าวซอยลำปาง ในร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา
พร้อมกับวางตำแหน่งที่ต้องการไป ด้วยรถเช่าในลำปาง


ว่างเป็นไม่ได้ หยิบสมุดเล็กขึ้นมาทำการบันทึก
คนกินก็รอ อย่างมีหวัง(จะได้กิน)
คนขายก็ทำอย่างมีหวัง(จะได้ตังค์)


วัดพระแก้วดอนเต้า
ที่พระแก้วมรกตเคยประดิษฐาน
กับรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบพม่า
จะว่าไปแล้ว วัดในลำปางส่วนใหญ่ จะเป็นแบบพม่ากันเกือบทั้งน้น
ถ้าเห็นหลังคาซ้อนๆกัน เจดีย์ล้อมรอบกันหลายองค์ ก็ตีตราว่าใช่เลย


จัดการยืนเสก็ตซ์ไปสองรูปเพื่อทำเวลากับอีกหลายแห่งที่ต้องไป
จึงถ่ายภาพเก็บไว้กันลืม
แต่ก็ยังไม่ถึงขีดเขียนบันทึกไว้ในใจได้เท่ากับการเสก็ตซ์แต่อย่างใด


จากนั้นก็เคลื่อนกาย ย้ายวิญานออกไป
ถึงสุสานไตรลักษณ์ ที่หลวงพ่อเกษมเขมโก สละสังขารไปนานแล้ว
ภายในสุสานถึงแม้จะดูเงียบเหงา
แต่ตัวเราเองยังฝังแน่นไปด้วยคำสอน กับสัจะธรรมของชีวิต
และสังขารที่บ่าย แบบไม่เที่ยง(แท้)ที่ท่านได้ฝากไว้ให้จดจำ
จึงสลักภาพนี้ลงบนสมองส่วนวิเคราะห์ ด้วยการเสก็ตซ์อีกรูป


หลังจากนั่งทราบซึ้งกับสัจจะธรรมพร้อมภาพเสก็ตซ์เสร็จแล้ว
ก็เข้าสู่ วัดเจดีย์ซาวที่แปลว่ายี่สิบทันที
เมื่อรถจอด ก็ทำการ เสก็ตซ์ทันใด
 เสก็ตซ์แบบไม่นับ ทำแบบไม่คิด
เพราะมองยังไงก็ไม่ครบซาว


แต่ถ้าเดินนับ เขาบอกว่าถ้าครบซาวจะเป็นคนมีบุญ
ส่วนใหญ่นับไม่ถึงหรือไม่ก็เลย จึงบุญไม่ค่อยมี
ผมเลยไม่นับดีกว่า ซาวก็ซาว...เชื่อแล้วครับ

เดินทางมาอีกค่อนข้างไกล
กว่าจะถึงวัดพระธาตุลำปางหลวง
ที่เต็มไปด้วยตำนานและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ


แต่การที่จะมองเห็นภาพพระธาตุที่สะท้อนเข้ามาในโบสถ์
ต้องอาศัยแดดที่แรงกล้า ในช่วงเวลาก่อนเที่ยง
แต่นี่ ฟ้าทึมๆ หลัวๆจากเมฆฝนและใกล้เวลาที่อาทิตย์จะเข้านอน จึงอดดูตามระเบียบ
สี่โมงสี่สิบเพิ่งมาถึง ต้องรีบกลับ โรงพยานบา
อ่ะ..โรงพยาบาล


จัดแจงไปสองภาพ แบบเร่งรีบ
เมื่อไหว้พระเสร็จก็เดินทางดูพิพิธภัณฑ์ ที่กำลังปรับปรุง
รอบๆข้างมีแต่กองทราย  กับผู้คนที่เหลือน้อยเต็มที คงเพราะเย็นแล้ว
ชาวบ้านเขามากันช่วงเช้า แต่เรามาซะเย็นย่ำ
แล้วเราจะช้าอยู่ใย ไปก่อนดีกว่า โอกาสหน้า(ถ้ามี)ค่อยมาเก็บทีละวัดก็แล้วกัน


หลังจากสลบไสลไปเกือบทั้งคืน
ถึงตอนเช้า 21-7-09 รีบหอบเอาสังขาร มากาดกองต้า หรือตลาดจีน
พบกับภาพบ้านเก่าๆคาดว่าสมั รัชกาลที่ 6 อยู่เรียงรายเต็มไปหมด
แต่ก็ยังดี เก็บภาพเสก็ตซ์ได้อีกสองภาพ
เสียดายกับการเสก็ตซ์สะพานรัษฎาหรืออีกชื่อเรียก สะพานขาว
เดี๋ยวไม่ทัน เพราะต้องเดินทางกลับในเวลาก่อนเที่ยง(เห็นไหม ไม่เที่ยงจริงๆ)


มาถึงสถานีรถไฟลำปาง
จัดการไปอีกสามภาพกับสมุดเล่มเล็ก ก่อนที่รถจะมา
....รถมาแล้ว ยังเหลือความทรงจำ
สถานที่สวยๆอีกเพียบ ที่จะสะกดไว้ในความทรงจำ
ทั้งตึกเก่า ร้านขายยาจีนที่เจ้าของร้านใจดี วัดวาอารามอีกมากที่ยังไม่ได้ไป
จนใจเริ่มสะกิดยิกๆว่าไว้วันใหม่ โอกาสหน้า
จะมาเก็บงานอย่างสุขุมอีกครั้ง


ตอนนี้ 23-7-09 ก็มาถึงท่านอาจารย์หลายๆท่าน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ
มาโต้ตอบ ชี้แนะ วิจารณ์ กันอย่างฉันท์มิตร
เหมือนกับจอมยุทธ ที่เจอกันและทักทาย ปราศรัยกันในโรงเตี๊ยม
พร้อมเติมไฟและวิญานแห่งงานศิลป์ให้กันและกัน
..ตามสบายเลยนะครับ







 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 7:43:37 น.
Counter : 1395 Pageviews.  

Sketch on_ พิษณุโลก


วันนี้วันหวยออก ผมก็เลยจำเป็นต้องออกระเหเร่ร่อนตามหวย
เปล่าหรอก... จริงๆก็แค่หาเรื่องออกไป Sketch ภาพน่ะ


ไม่ใช่ปวดใจเพราะนั่งดูข่าวต้นกล้วยท้อง แล้วขอหวย เอ้อ....


เรื่องของเรื่องคือ ร้อนวิชาอย่างแรงกล้า หลังจากถูกปลุกไฟ จนเต็มอุรา จาก ห้องศิลปะ เฉลิมกรุงใน pantip โดย จอมกระบี่ แห่ง sketch cawl คุณ Atas ห้องศิลปะ ณ pantip


วัสดุ อุปกรณ์  ก็เห็นจะมีเพียงแค่นี้แหละครับ ที่จะออกตะลุยโลดแล่นไปยังวัดราชบรูณะ และวัดพระศรีรัตนศาสดารามมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ หรืออีกชื่อก็วัดพระพุทธชินราช ครับ


มีสมุด sketch อยู่สองเล่มที่ทำขึ้นเอง คือเล่มเล็กกับเล่มกลาง
ไม่ใช่อาการงก อย่างแรงกล้าแต่อย่างใด แต่เพราะหาซื้อไม่ได้ กับกระดาษที่เราต้องการ


จะว่าไปแล้ว  วันนี้เป็นวันแรก ที่ตัวกระผมเริ่มกลับมา Sketch ภาพแบบปล่อยวางอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหยุดทำแบบนี้ มาตั้งแต่ เมื่อ 15 ปีที่


ผ่านมาตื่นเต้นเหมือนกำลังจะเข้าคาราโอเกะครั้งแรกยังไงยังงั้น  อยากก็อยาก กลัวก็กลัว(เสียฟอร์ม) อยู่เหมือนกัน


พอถึงสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ๆบ้าน จังหวะนั่งรอก็เลยสะกดวิญญานตัวเองซะเลย ด้วยการทดลองภาพแรก ของช่วงระยะเวลาอันยาวนานที่จากจรซัดไป 8 นาที ภาพเลยแหว่งๆอย่างที่เห็น

พอขึ้นรถหาที่นั่งได้  ก็จัดการควักเล่มเล็กมาเก็บความทรงจำ ด้วยดินสอ EE ที่เตรียมไว้ในกระเป๋า รถก็สั่น คนก็ใจะสั่น แต่ไม่ถึงกับกลัว ตัองสินใจตัดปลายดินสอ โช๊ะๆ ไปซะ 3 ภาพแล้วนั่งทำตัวปรกติ+หน้ามึนๆแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เรื่องราวทั้งหมดจึงจบลงด้วยดี


ในที่สุดก็มาถึงจนได้บริเวณหน้าวัดใหญ่ ที่เมื่อสมัยก่อนเป็นหมู่บ้านแพ แต่เดี๋ยวนี้โดนย้ายไปสุดเมือง ก็บรรจงsketch ด้วย แท่งถ่านpastel หรือเรียกว่า ชาล์โคว์ หรือเกรยอง ก็ตามถนัด รูปนี้ความมั่นใจยังมาไม่เต็มร้อย กดไป 10 นาที


เสร็จแล้วรีบเดินมาบริเวณหลังวัด หลังจากดูที่หน้าวัดมาแล้วคนเพียบ เลยหลีกภัย ตามนามสกุลอดีตนายก มาที่บริเวณด้านหลัง สงบมาก ระหว่างเดินมาเจอฝรั่ง 4 คน บ่งบอกถึงการท่องเที่ยวที่ไม่คึกคัก  แต่เรายังคักคึก

ดินมาอีกนิด ก็พบกับพระยืน ที่เมื่อก่อนยืนอยู่บริเวณนี้ที่เป็นป่า และบริเวณนี้เองก็เป็นฉากหนึ่งของหนังเรื่องสมเด็จพระนเรศวร
    จัดแจ้งหามุมวาด  ที่ถึงแม้จะถูกบังด้วยต้นไม้ แต่ก็ร่มรื่นเอาการ
        ปาดๆๆ อย่างสนุกสนานแต่ยังไม่ถึงขั้นเมามันส์ จนลืมดูเวลาว่าใช้ไปกี่นาที
        .....หิวววว....แล้ว



ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย ว่าจะเข้าไปวาดใบหน้าพระพุทธชินราช ที่เชื่อกันว่าเทวดาสร้างขึ้น แต่ก็เข้าไปไม่ได้เพราะคนค่อนข้างเยอะ เลยตัดสินใจเข้าด้านข้าง โดยมองจากข้างนอก ผ่านลูกกรง เห็นใบหน้าด้านข้าง
     ตัดสินใจเลือกมุมนี้ โดยปาดโครงสร้างใบหน้าขึ้นมาก่อน แล้วค่อยเพิ่มปาดน้ำหนักบริเวณ คิ้ว ตา ปาก จมูก และจบด้วยใบหน้าและผม(ขอโทษทีครับไม่รู้ว่าต้องใช้ศัพท์อะไรหรือเปล่า) แป๊ปเดียวไม่กี่นาทีก็เสร็จ
       ยังมีเวลา เดินไปแถวๆวัดราชบูรณะ..เพื่อหาข้าวกิน พร้อมกับเตรียมตัวหามุมวาดใหม่

   ในที่สุดก็เจอร้านข้าวซอยน่าอร่อยล้ำ..ก็เลยถือโอกาสจัดการซะเลย ด้วยความหิว+กระหาย พร้อมๆกับนั่งชื่มชมผลงานตัวเอง
แต่ไม่ถึงกับบ่นพรึมพรำคนเดียว

ตราวนี้มามุมเดิมที่ผมเคยเขียนเมื่อก่อน แต่นั่นเป็นการ Drawing ไม่ใช่งาน sketch ลองดูว่าจะสามารถบังคับใจตัวเองไม่ให้เก็บงานได้มากแค่ไหน

ในที่สุดเมื่องานเสร็จผมจึงได้เดินอ้อมมาบริเวณข้างๆวัด  จึงได้พบกับ พระอุโบสถ ที่ปรกติบริเวณมุขจะเป็นนาคเศียรเดียวแต่นี่มีอยู่ 3 เศียรหรือสามมุข ซึ่งเป็นศิลปะในสมัยอยุธยา ผมเลยจัดการการนั่งบรรเลงเพลง pastel หรือ แท่งถ่านชาล์โคล์ เป็นการปิดสมุดเล่มใหญ่ในวันนี้ 
  จนเวลาถึง บ่ายโมง ยังเหลือเวลาเข้าร้านหนังสือ บริหารสมองอีกสักชั่วโมงก่อนที่รถ(ไฟ)จะมารับ พร้อมคนขับรถให้ ^_^

มื่ออ่านหนังสือเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับเสียเงินค่าข้อมูลใหม่ๆ มาอีกหนึ่งเล่ม ก็ถึงเวลามานั่งรอรถที่สถานีรถไฟ
  ถึงตอนนี้เจ้าเล่มเล็กตัวเก่งของผมก็ได้เวลาออกมาโลดแล่นอีกรอบแล้ว
 
   ผมสังเกตุ อากัป กริยา ของผู้คนรอบๆข้าง มีทั้งพูดคุญกันเป็นคู่ๆ ครอบครัว จนกระทั่งต่างคนต่างนั่งไม่สนใจใคร ผมเองก็เช่นเดียวกัน ที่เอาแต่มองคนโน้นที คนนี้ที จำแล้วก็ก้มหน้า ลากเส้นแบบต่อเนื่อง

   จนกระทั่งขึ้นรถไฟ ผมได้ยินเสียงระฆัง ผมดีใจซะยิ่งกว่าใครมาเคาะกะลา
   ........แต่นี่เป็นระฆังสัญญานเพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่า ใครทำอะไรอยู่ให้รีบเก็บให้เรียบร้อยแล้วเตรียมตัวขึ้นรถ  แต่ผมรู้ว่ามันยังพอมีเวลาที่จะเก็บภาพผู้คนที่ร้อนลนมากขึ้นได้สักสองภาพ
  ..ไม่นานนักสองภาพก็เสร็จพอดี พร้อมกับเสียงวูดรถไฟ ที่ดังมาแต่ไกล

   เมื่อผมชึ้นรถเรียบร้อยก่อนที่เจ้าม้าเหล็กของผมจะโลดแล่นไปยังจุดหมาย ผมรีบเก็บภาพคนที่กำลังนอนหลับได้อีกภาพ เป็นการปิดทริปด้วยการหลับตา
    แล้วทุกคนที่หลับอยู่จะตื่นขึ้นเมื่อถึงจุดหมายของตัวเอง..
  ...แต่สำหรับตัวผมเองนั้นชีวิตระหว่างเดินทาง มีอะไรตั้งมากมายที่สนุกสนานและน่าค้นหา คุณว่ามั้ย........






 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 10 สิงหาคม 2552 15:04:44 น.
Counter : 1862 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.