อินเดีย ซีเปีย กาแฟ - ตอนที่ 1 : แขก จากใครหลายๆคน
ฟุ้งก่อนอ่าน การจะไปที่ไหนสักแห่งด้วยการฝ่าความรู้สึกเคยชินแบบเดิมๆหลายคนอาจไม่ต้องคิดมาก แต่หลายๆคนอาจคิดมากเพราะความธรรมดาเหลือเกินของชีวิตที่กว่าจะกระดิกตัวไปไหนทีก็ยากเต็มกลืนเมื่อก้าวเข้าสู่ระบบของสังคมและต้องติดอยู่ในกรอบนั้นไม่ว่าจะมีตังค์เต็มกระเป๋าหรือกระเป๋าตังค์แฟ๊บๆแบบผมก็ตาม เรื่องฟุ้งๆในนี้ไม่ได้หมายความว่าจู่ๆผมก็เหาะหรือเปิดประตูโดเรม่อนแล้วก้าวขาพรวดก็ถึงอินเดียเพียงย่อหน้าเดียวผมว่าในระหว่างทางเดินที่ต่างมุ่งหน้าสู่เป้าหมายของเรานั้นมีเรื่องราวน่าสนใจอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะเส้นทางเริ่มต้นของความคิดและการตัดสินใจลงมือทำซึ่งเป็นการเริ่มต้นของทุกอย่างที่ปลี่ยนฉากชีวิตพร้อมเพิ่มมุมมองใหม่ๆคำถามในบทแรกอาจกลายเป็นคำตอบในบทสุดท้ายหรือแค่เพียงบรรทัดถัดไปซึ่งคงไม่มีใครู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมเองก็ไม่รู้แต่ที่สิ่งที่เราควรรู้คือเราจะทำอะไรได้บ้างระหว่างเส้นทางนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นหมายถึงทางเลือกที่เราเลือกความเป็นไปได้มีเสมอเมื่อเราลงมือที่จะทำอะไรสักอย่างแบบไม่มีการถอยกลับไปตั้งต้นใหม่ความเป็นไปได้มีทุกโอกาส ทุกเวลา หากกฎหลักของโลกใบนี้คือความไม่แน่นอน ฟุ้ง อาจเป็นเพียงการนั่งมองความคิดตัวเองเก็บเอาความสงสัยและเลือกหาคำตอบที่ผ่านการทดลองด้วยการลงมือทำ ฟุ้งอาจเป็นเพียงการเพ้อฟุ้งอาจเป็นการมองโลกที่ผ่านไปหรือฟุ้งอาจเป็นจุดที่เกิดความคิดสร้างสรรค์ของหลายๆคน ฟุ้งของผมคือการสนุกไปกับการได้คิดได้วาด ได้คุย ได้ค้น ได้นั่ง ได้มอง โดยมีกาแฟที่เป็นเหมือนสายน้ำแห่งกาลเวลาไหลผ่านลงลำคอสู่การมีชีวิตชีวาในทุกๆเช้าและเวลาที่คิดถึงผมสามารถแวะเข้าไปเยี่ยมในอดีตหรือทะลุสู่อนาคตเพ้อๆของผมก็ได้ในทุกครั้งด้วยการนั่งจิบสิ่งนี้แถมกาแฟที่เหลือก้นแก้วก็ยังสามารถเอามาวาดรูปได้ต่ออีก กาแฟจึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะที่สุดสำหรับผมในกระบวนการคิดและบันทึกลงในรอยหยักซึมสู่ใจได้ทั้งรสชาติภาพ กลิ่น และเสียงสะท้อนที่อยู่ข้างใน ว่ากันว่าสะพานที่เชื่อมระหว่างความฝันกับความจริงคือการลงมือทำ อินเดีย ซีเปียกาแฟ ที่อยู่ด้านในตั้งแต่บทแรกยันบทสุดท้ายให้คำตอบหลายๆอย่างกับผมทั้งๆที่ก่อนไปผมเองก็ไม่ได้ตั้งคำถามมากมายขนาดคำตอบที่ได้นี้แต่อาจเป็นคำถามสะสมที่ถูกซ้อนทับจนหลงลืมและเมื่อได้คำตอบคำถามก็เด้งผึงเสนอหน้ามาให้เราได้พิสูจน์คำตอบกันอีกรอบหลายๆอย่างถูกโยงเข้าถึงกันอย่างที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเชื่อมกันถึงได้จากโลกที่มีเพียงแค่เราไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวกับชาวบ้านกลับกลายเป็นโลกที่ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหนเมื่อถูกกระตุกทีก็ส่งผลกระทบถึงกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เราต่างก็อยู่ในมิติที่ทุกวินาทีที่ผ่านไปกลายเป็นอดีตและถูกเก็บเข้าคลังความทรงจำอย่างรวดเร็วพอๆกับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจนเดาไม่ถูก(แล้วจะเดาทำไม)ทำให้ปัจจุบันแห่งการลุ้นของเรานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น บางทีคำตอบและคำถามของคุณอาจเป็นสิ่งเดียวกับผมก็ได้ว่างั้นป่ะ! Kenny Keng ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1 แขก..จากใคร หลายๆคน
เขาเล่ามา มึงไม่กลัวเหรอ!! คลื่นเสียงที่ถูกส่งมาจากที่ไหนสักแห่งตรงดิ่งเข้าสะกิดผมให้สะดุ้งจนสะเทือนไปทั่วร่างกับอาการลังเลที่สำคัญเสียงนั้นกำลังพยายามยัดเยียดบางสิ่งมาให้ผม มันมาทุกครั้งที่ผมกำลังพยายามตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ผิดแผกแตกต่างออกไปจากวิถีชีวิตเดิมๆ
ความกลัว ว่ากันว่าลำบากสุดๆเลยนะเว้ย! น้ำก็อาบยากห้องน้ำก็ไม่มี ต้องใช้ไม้แทนกระดาษทิชชู ไหวป่ะ! เอากิ่งไม้รูดตูดสแคสไปมาสักสองรอบสะเทือนถึงดวงดาวเลยนะเว้ย! คำขู่ที่ไร้ตัวตนที่ทำเอาหูรูดบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ของผมทำการขมิบสามทีติดพร้อมกับจินตนาการถึงกิ่งไม้ที่มีปุ่มเป็นตอๆ บางทีกิ่งไม้นั้นอาจมีเสี้ยน....ฮูววววววววว์ จินตนาการที่ไม่อาจทำให้ผมถึงขั้นทำตาเยิ้มชวนฝันได้ มันยังคงเป็นเรื่องราวอันสยองตูดเกินคำบรรยายหากผู้ใดยังไม่ได้ประสบพบเจอ เห็นว่าศพงี้ลอยอืดให้ปลาตอดกันสนุกปากปลาเวลาใครปวดขี้ก็นั่งเบ่งโชว์กันเห็นๆ อีกอย่างของกินก็หายาก คนที่ไปท้องร่วงกันขี้แตกกันเป็นแถวทั้งสกปรก ขยะ สลัม จะไปไหนก็ลำบาก รถไฟงี้อัดกันเป็นปลากระป๋องแบบหมดสิทธิ์เลือกนั่ง...โอ๊ย! สารพัดและที่สำคัญมึงจะไปทำไม น่าเที่ยวตรงไหนอีกอย่าง มึงไปคนเดียวนะเว้ย!.... คราวนี้คำขู่ถูกจัดเต็มชุดใหญ่แถมมันยังไม่หยุดแค่นั้นแม่น้ำทั้งห้าในไทยถูกชักรวมกับแม่น้ำคงคาที่อินเดียถูกดึงมารวมกันพร้อมเหตุผลอีกหลายกองเทอัดยัดถมลงขยักสมองของผมถึงการไม่สมควรไปเป็นอย่างยิ่ง ขู่กูจัง เสียงคำรามเล็กๆจากความคิดผมส่งกลับไปต้นสายของสารพัดเหตุผลจากคลื่นความกลัวที่อยู่ในความคิดนั้น หลายๆครั้งเราอยู่ในท่าหมอบเพื่อหลบความกลัวแต่เมื่อถึงเวลามันจะกลับมาทุกครั้งและเราก็จะอยู่อย่างจำยอมด้วยท่าหมอบท่าเดิมโดยไม่ยอมเข้าปะทะเพียงลำพังจนกว่าจะมีเพื่อนมาร่วมชะตาชีวิตกับทริปข้างหน้าด้วยจนบางคนมีท่าหมอบรอเป็นท่าไม้ตายประจำตัว ผมเองก็มีท่านี้ ท่าหมอบ รอให้พร้อมทุกด้าน บางคนใช้ท่านี้รอจนหลับยาวบางคนก็ยาวไปไกลจนไม่ย้อนกลับมา เรามักหยุดรอความพร้อม จนกว่าจะพร้อม และส่วนใหญ่ที่ไม่คิดจะเปลี่ยนท่าก็มักจะไม่พร้อมเพราะจะเริ่มต้นอะไรบางอย่างได้ก็ต่อเมื่อต้องพร้อมเท่านั้น ความจริงไม่เป็นแบบนั้นในทุกสถานการณ์มักมีความไม่พร้อมมารองรับเสมอ วันก่อนหน้านั้นร่างกายเราพร้อมแต่ตังค์ไม่พร้อมวันนี้ตังค์พร้อมเวลาไม่พร้อม วันหน้าตังค์พร้อมเวลาพร้อม ร่างกายอาจไม่พร้อมเพราะอายุที่มากขึ้นจนข้อเข่าเสื่อมเอ็นกระตุก พุงเขย่า ขาหมดแรงกลัวการลำบากที่ต้องเจอ ใจที่ไม่แข็งแรงสดใสปึ๋งปั๋งทำให้ไม่อยากค้นหาไม่กล้าท้าทายเหมือนตอนวัยที่กำลังคะนอง เมื่อไม่เกิดความท้าทายชีวิตก็ขาดสีสัน สุดท้ายวันที่พร้อมสุดและสมบูรณ์แบบก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องปกติคือเราไม่รู้จะเจออะไรระหว่างทางเหมือนกับทุกวันที่ไม่รู้ว่าอีกชั่วโมงถัดไปอะไรจะเกิดขึ้นจริงนอกจากการคาดเดา เรามักอยู่กับอนาคตในความคิดที่สร้างขึ้นเองจนหลงลืมเรื่องราวในอดีตกับทุกการเริ่มต้นที่เป็นครั้งแรก เราผ่านการตัดสินใจมาตั้งแต่จำความไม่ได้เริ่มจากการที่ไม่ยอมนอนอยู่แต่ในเบาะ เราจึงต้องตัดสินใจยันแขน ดันตัว เขยิบก้นคลานกระดึ๊บๆจนหน้าทิ่มไม่รู้กี่ครั้ง ฝึกยืนสองขา ยืนขาเดียว ฝึกเดิน วิ่ง กระโดด สารพัดความกล้าในครั้งอดีตที่ถูกลืมความกล้าที่ต้องเผชิญกับรุ่นพี่ เพื่อนๆครูตั้งแต่สมัยอนุบาลก็ถูกพับซ้อนเก็บไว้ในร่องสมองส่วนที่ลึกที่สุด หากเราใช้ความกลัวเป็นแรงต้านก็จะหัวหดอยู่ที่เดิมและเมื่อการกดทับของความกลัวซ้อนอัดกันมากเรื่อยๆจนแน่นจะถูกเรียกว่าปอดแหก หากเราใช้ความกลัวเป็นแรงดันมันจะคอยส่งเสริมเราให้ได้ทุกสิ่งที่ต้องการแต่ถ้าดันเกินพอดี ศัพท์ที่ใช้จะเปลี่ยนเป็นดื้อ ด้าน หัวแข็งสารพัดศัพท์จะถูกคิดค้นมาจนเราจะชนะเพื่อพิสูจน์กับคนที่เปล่งเสียงเหล่านี้ออกมาว่า เจ๋งจริง กูจะไปความหนักแน่นของคำตอบที่ยังเบาหวิวบวกกับใจที่โลเล พอที่จะเจือจางพร้อมปลิดปลิวกับสายลมได้ไม่ยากนัก จริงอย่างเขาว่าวันใหม่ ก่อโอกาสใหม่ที่พร้อมสร้างความหวังเสมอ สารพัดความเสี่ยงบนโลกใบนี้ที่เราจะสรรหากันมากระตุ้นเครื่องปั๊มน้ำสีแดงในกายให้พลุกพล่านจนพุ่งผ่านตามท่อเล็กๆไปทั่วร่างกายกระจายไปถึงหนังหัวส่วนบนสุดไปจนถึงปลายนิ้วก้อยเท้าซ้ายจนกระดิกแทบไม่ทัน บางคำตอบเราเองก็ตั้งไว้รอคำถาม ถ้าคำตอบคือปลดปล่อยความรู้สึกเดิมๆ ความเคยชินเก่าๆ กลายเป็นคำถามในเวลาต่อมา อินเดียเป็นคำตอบที่ตั้งไว้ซ้อนทับอีกชั้นจากนั้นสารพัดคำถามก็สาดแข้งเข้าใส่สีข้างเป็นชุดๆจนจุก ว่าอินเดียมีอะไร? ปลดปล่อยความรู้สึกเดิมความเคยชินเก่าได้ไหม? ทำให้ความรู้สึกแย่ลงหรือดีขึ้น? จนบางครั้งเราเองก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าหลายๆครั้งคำตอบและคำถามก็คือสิ่งเดียวกัน... ผมพยายามไล่คำถามและคำตอบไปเรื่อยๆเหมือนเล่นเกมส์อะไรสักอย่างกับตัวเอง เราทุกคนมักเสพติดกับความคุ้นเคยเพราะมันทำให้เรารู้สึกปลอดภัยกับเหตุการณ์เดิมๆที่เกิดขึ้นเป็นประจำเราจะรู้สึกปลอดภัยในดินแดนที่เราไม่เคยสัมผัส หรือรู้สึกถึงมั่นคงขึ้นก็ต่อเมื่อรู้ว่าปัจจุบันยังมีคนคอยดูแลอนาคตเราอยู่ ชีวิตที่เริ่มต้นจากคำถามที่เหมาะสมทำให้เรามักได้รับคำตอบที่พอใจและจากนั้นเราออกหาสิ่งที่เหมือนเพื่อยืนยันในคำตอบนั้น บางคนบอกว่าอยากได้ปัญญา ให้มาอินเดีย จริงเหรอ! - ที่นี่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดได้จริงๆหรือว่าทุกอย่างที่ผมรับรู้มาเป็นเพียงเขาเล่ามา เขาเล่ามาเขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาล่าเมา เขาเลามา ขาเล่าเมา เขาเล่ามาเขาเล่นมา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่นมา เขาลาเม่า เขาเล่ามา เขาเล่ามาเขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาลาเม่า เขาเล่ามา เขาลาเม่า เขาเล่ามา ขาล่าเมา เขาล่าเมา ไม่ได้ขี้เกียจพิมพ์เพราะเรื่องที่เรารู้ที่ในตอนนี้นั้นมีมากกว่าที่ผมเขียนเพียงไม่กี่บรรทัดนี้เรื่องที่เขาเล่าต่อๆกันมา บันทึกแก้ไข ส่งต่อ บันทึก แก้ไข ส่งต่อ คราวนี้ผมวางซ้ำแค่สองรอบในบรรทัดนี้ทั้งที่บางเรื่องถูกกระบวนการนี้ทำซ้ำมาหลายรอบในช่วงหลายร้อยปี หรือเป็นพันปีเรื่องราวที่ต่างกาลเวลามักถูกแก้ไขให้เหมาะสมกับช่วงเวลาปัจจุบัน ปัจจุบันและปัจจุบันบางอย่างอาจไม่เหมือนเดิมเรื่องที่เขาเล่ามาก็ผิดจนความหมายเปลี่ยนไปเหมือนกับที่หลายคนไม่ได้สังเกตเห็นคำแปลกๆแปดคำด้านบนที่เขาเล่ามา(กลับไปหาดูซะ) หากเราสังเกตดูเรื่องเขาเล่ามาไม่ได้ถูกไปเสียทั้งหมดเราฟังต่อๆกันมาจนเบลอ พล่ามัว สู่ความเคยชินและเข้าใจว่ามันคงเป็นแบบนั้นเหมือนเดิมที่ผ่านมาตามที่เขาเล่ามาอินเดียอาจไม่เหมือนเดิม อินเดียไม่ใช่แบบเดิม และ ในความเป็นจริงคือที่นี่ไม่มีทางเหมือนเดิมถึงแม้จะเป็นเรื่องเดิมๆ บนโลกใบนี้เราฟังเขาเล่ามาตั้งแต่เด็กเขาเล่ามาในโรงเรียน เขาเล่ามาในทีวี เขาเล่ามาอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาเจอเขาเล่ามาอาจเป็นแค่บางส่วนที่เขาเลือกแล้วเป็นบางมุมที่เขาเลือกที่จะโชว์ เราฟังเขาเล่ามาจนไม่กล้าออกสู่สิ่งที่เป็นจริงเราเชื่อในสิ่งที่เขาเล่ามาและสมมุติว่าเราเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเล่าด้วยแผ่นกระดาษกับตัวเลขสถิติว่าเราจำสิ่งที่เขาเล่ามาได้มากแค่ไหน สารพัดใบประกาศที่ยืนยันถึงความสำเร็จและเราก็ถูกกระดาษแผ่นบางๆนั้นทับการอยากเรียนรู้ของเราไว้ให้คิดว่าเราสำเร็จแล้วจริงๆ เขาเล่ามาเขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา คราวนี้เขาเล่ามาไม่ผิดเราเริ่มสังเกตมากขึ้นเพราะกลัวโดนหลอกเหมือนครั้งที่แล้วและครั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่เราต้องอ่านทุกตัวอักษรเราเริ่มสังเกตและเข้าสัมผัสด้วยตัวเอง แต่เราอาจลืมนับว่าเขาเล่ามามีแปดรอบเท่ากับที่ผิดครั้งก่อน เขาเล่ามาเขาเล่ามา เขาเล่ามา เขาเล่ามา คราวนี้มีสี่ครั้งแต่เราเริ่มเบื่อเพราะเขาเล่ามาซ้ำๆและถ้าผมยังขืนเล่นแบบนี้อีกต่อไปเราก็จะไม่อ่านและมองดูเรื่องซ้ำๆที่เขาเล่ามานั้นผ่านเลยไปผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความน่าเบื่อเกิดขึ้นเพราะเขาเล่ามา เราเบื่อเรื่องเขาเล่ามาแต่ความเบื่อไม่ได้หมายถึงความกลัวที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในทุกวันของผมนั้นจะหายไปสารพัดความกลัวที่เข้ามาหลอกหลอน กระตุกต่อม สะกิดติ่ง ปะทุเหมือนกับเปลวของดวงอาทิตย์ที่กำลังพวยพุงกระจายอย่างดุเดือดจนกระเด็นกระดอนมาถึงชั้นบรรยากาศของโลก ผมก็คงเป็นแบบนั้นใครบางคนน่าจะโดนเปลวพลังงานอันนี้เข้าบ้าง ใครหลายๆคนที่อยู่เส้นรอบวงโคจรเดียวกันกับผม นี่แหละการอยู่ร่วมกันย่อมได้รับผลกระทบไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งมันกลายเป็นกฎของจักรวาลไปแล้วว่าเราต้องได้รับอิทธิพลจากใครคนใดคนหนึ่งเสมอที่อยู่ใกล้ไม่ว่าจะเป็นระยะทางรอบๆข้างหรือระยะทางที่มองไม่เห็นแต่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุดอย่างการเรียงตัวอักษรสลับกันไปมาสื่อสารให้เราได้อ่านกัน ความกลัวทำให้เราไม่กล้าเปลี่ยนแปลงโดยมีความคุ้นเคยเป็นรางวัลที่ความกลัวมอบให้ ........มันทำให้เรารู้สึกปลอดภัย อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ว่านี่มันไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกเราจะรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้นในดินแดนที่เราไม่เคยสัมผัสก็ต่อเมื่อรู้ว่ามีคนคอยดูแลอนาคตเราอยู่จนเราไม่กล้าที่จะเริ่มกับสิ่งใหม่ๆด้วยตัวเอง การก้าวข้ามความกลัวยังคงมีอิทธิฤทธิ์กระทุ้งก้อนเนื้อในอกที่ที่คอยปั๊มและฉีดเลือดเต้นตูมตามจนเห็นอาการจากภายนอกได้อย่างดีด้วยจังหวะที่รัวกระดิก ระริกๆ เราเริ่มกลัวเพราะมีครั้งแรกที่เจ็บปวดทั้งโดนด้วยตัวเองและเขาเล่ามา ความกลัวเป็นเพื่อนและรู้จักคุ้นเคยกับเรามาตั้งแต่เกิดเป็นครูที่ดีที่คอยสะกิดเราเสมอว่าเจ็บจริง อดจริง ทรมานจริง แต่เราจะรู้รสชาตินั้นได้อย่างดีก็ต่อเมื่อเราเคยสัมผัส กูจะไป ผมย้ำอีกรอบคราวนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หนักแน่นกว่าเดิมเพื่อให้มันหยุดส่งคลื่นเดาะสมองผมเล่นก่อนที่รอยหยักจะลบเลือนจนกลายเป็นบอลลูกกลมๆเวลานี้เหมาะสำหรับเตรียมข้อมูลที่เขาเล่ามาเพื่อการเดินทางที่กำลังใกล้เข้ามาถึงถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ แต่เมื่อเราตัดสินใจเด็ดขาดและแน่นอนมันจะหายตัวไปและจะโผล่หัวมาอีกรอบก็ต่อเมื่อเราพอใจกับความสบาย ไม่เสี่ยง จนเคยชิน ถ้าไม่มีความกลัวย่อมไม่มีการปรากฏกายของความกล้า และการเดินทางพิสูจน์คือ การเข้าสัมผัสด้วยตัวเอง ......ผมจะไปอินเดีย....
------------------------------------------------------------------------------------------------- โหลดตัวอย่างอ่าน
Create Date : 20 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2559 19:22:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 746 Pageviews. |
|
|