Be The Miracle...Be The Almighty
Group Blog
 
All blogs
 
Review: The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor



The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor ภาคต่อจากหนังสุดฮิต The Mummy และ The Mummy Returns กลับมาในภาคนี้ซึ่งเปลี่ยนทั้งผู้กำกับและนางเอก อีกทั้งยังเปลี่ยนคอนเส็ปท์ของความเป็นหนังมัมมี่ทั้งสองภาคแรกไปอย่างสิ้นเชิง ในภาคนี้ได้ผู้กำกับ Rob Cohen (xXx, Stealth, The Fast and the Furious) มานั่งแท่นผู้กำกับแทน Stephen Sommers จากมัมมี่ทั้งสองภาค และยังได้นางเอก Maria Bello มารับบทเป็น เอฟเวอริน แทน Rachel Weist อีกทั้งยังได้นักแสดงดังจากฝั่งเอเชีย Jet Li มารับบทเป็นมัมมี่ในภาคนี้อีกด้วย จากการเปลี่ยนแปลงทั้งคนแสดง ผู้กำกับ รวมไปถึงคอนเส็ปท์หนัง ทำให้มัมมี่ภาคนี้กลับมาโดยที่เน้นเอาแต่ความมันส์และความบันเทิงเต็มรูปแบบ เนื้อเรื่องที่ยังคงดำเนินต่อจากภาคที่แล้ว แต่ขาดอารมณ์การผจญภัยของหนังสไตล์มัมมี่ไปอย่างสิ้นเชิง

The Mummy ในภาคนี้ ครอบครัวโอคอนเน็ลต้องมาปราบมัมมี่กันอีกครั้งในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นตำนานมัมมี่ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีทั้งองค์จักรพรรดิมังกรซึ่งถูกสาป และอเล็กซ์ ลูกชายคนเดียวของตระกูลโอคอนเน็ลซึ่งได้ค้นพบสุสานจักรพรรดิมังกร แต่แล้วมีกลุ่มทหารคอมมิวนิสต์ที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ ซึ่งอยากที่จะสร้างอำนาจให้แก่ตัวเอง โดยมีแผนการที่จะปลุกชีพจักรพรรดิมังกรขึ้นมาเพื่อให้ได้ครองโลก หนังเต็มไปด้วยความโกลาหลอย่างสุดโต่ง มีทั้งฉากสงครามมัมมี่ ปืนกล ปืนสั้น ปืนพก มีดพก ดาบ ระเบิด ประทัด พลุ ทุกอย่างล้วนสร้างความสนุกสนานแบบตูมตามได้เต็มที่เลยทีเดียว หนังเล่าเรื่องไปอย่างรวดเร็วมาก แทบไม่มีสิ่งลึกลับน่าค้นหาเหมือนภาคก่อนๆ ภยันอันตรายที่ยังไงก็เดาได้ว่าตัวเอกก็ต้องรอดอยู่วันยังค่ำ แต่จะให้มนุษย์ธรรมดาสู้กับจักรพรรดิที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ก็กระไรอยู่ ทางฝั่งพระเอกของเราจึงมีผู้ช่วยเหลือบ้างคือ ผู้ที่ต่อต้านองค์จักรพรรดิและอยู่อย่างเป็นอมตะมานานนับ 2,000 ปี แม่นางซื่อหยวน (Michelle Yeoh) ผู้ที่ร่ายมนต์สาปองค์จักรพรรดิอันชั่วร้าย ได้ปลุกชีพกองทัพนักโทษที่ถูกฝังอยู่ใต้กำแพงเมืองจีน เพื่อมาสู้กับกองทัพนับแสนขององค์จักรพรรดิมังกร แต่สู้ไปก็ไม่มีใครตาย เพราะล้วนแต่เป็นมัมมี่กันทั้งนั้น หัวใจหลักอยู่ที่ เมื่อองค์จักรพรรดิสิ้นชีพ ทุกอย่างก็จะจบสิ้น ริคแค่ต้องใช้มีดสั้นวิเศษแทงทะลุหัวใจขององค์จักรพรรดิเป็นพอ

จาก 2 ภาคแรกที่ผ่านมา เรารู้แล้วว่าการไล่ล่ามัมมี่เป็นอย่างไร ในภาคนี้จึงได้แต่ไล่ล่าเพียงประเด็นเดียวคือการสังหารองค์จักรพรรดิมังกรให้ได้ เสน่ห์ของมุขที่ใช้ในภาคแรกแทบไม่มีเหลืออยู่ กับการลุ้นกับการอ่านอักษรอักขระพิเศษ เพื่อเป็นมนต์ร่ายเวท โดยนางเอก เอฟเวอริน (ภาคนี้เอฟเวอรินได้แปลตั้งหนึ่งประโยคจากอักษรจีน), เสน่ห์ความลึกลับของมัมมี่ที่หายไป, กับดักกลไกต่างๆที่มีแค่ในฉากแรกเพียงเท่านั้น นอกนั้นคือการไล่ล่า ต่อสู้ ระเบิดตูมตาม สงครามอันยิ่งใหญ่ และการเอาชนะมัมมี่ ในฉากจบเรื่องก็ไม่มีอะไรน่าสนใจหรือแปลกใหม่กว่าสองภาคแรกเลย ดูจะแย่กว่าสองภาคแรกไปด้วยซ้ำ โดยรวมของ The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor เป็นหนังที่ดูเพื่อความบันเทิงในแบบเก่าๆและไม่ต้องคิดอะไรมาก ใครที่คาดหวังว่าจะได้รับความรู้สึกผจญภัยค้นหาความลึกลับแบบอียิปท์โบราณ ขอบอกได้เลยว่า ไม่มีอะไรที่ลึกลับเลยในเรื่องนี้!

GRADE C


Create Date : 31 กรกฎาคม 2551
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 22:22:08 น. 1 comments
Counter : 717 Pageviews.

 
อ่า....จะไปดูดีมั้ยเนี่ย?


โดย: punkygals วันที่: 1 สิงหาคม 2551 เวลา:10:57:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OaterALMIGHTY
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Live my Life as a Movie.
Friends' blogs
[Add OaterALMIGHTY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.