สัมผัสบรรยากาศเกาะลิบงที่มั่นคงความเชื่อ แรงศรัทธา และมิตรแปลกหน้า
สัมผัสบรรยากาศเกาะลิบงที่มั่นคงความเชื่อ แรงศรัทธา และมิตรแปลกหน้า ไปตรังคราวนี้เราได้พำนักค้างแรมกันที่โรงแรมศรีตรัง 2 คืน ที่เสิร์ชจากพันทิป เป็นโรงแรมดีมากๆๆ สำหรับเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา ความสะอาดและทำเลที่ใกล้กับสถานีรถไฟ ใจกลางเมือง พร้อมความประทับใจที่เราจะไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือ พนักงานต้อนรับ นาเดีย ที่สวมผ้าคลุมฮิญาบหน้าสวยคนนี้ พอได้พูดคุยกันกับเราในเรื่องของการวางแผนเที่ยวตรังแบบครบ ๆ นางแนะนำมาแบบจัดเต็มแต่ราคาสบายกระเป๋าเลยทีเดียว อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรก และนาทีสุดท้ายที่ออกจากโรงแรมเพื่อไปค้างที่อื่นแทน คืนที่ 3 ของทริปตรังนี้ เราจะไปค้างที่ เกาะลิบง ที่อยู่ของพะยูน ธรรมชาติ ชาวประมง ศาสนาอิสลาม วัฒนธรรม ภาษาและวิถีชีวิต โรงแรมศรีตรัง รุ่งเช้า นาเดีย จัดแจงเตรียมรถตู้มารับถึงหน้าโรงแรมในเวลา 9 โมงได้ ผู้โดยสารสายบ้านหาดยาวมีไม่มาก คือเป็นชาวบ้านที่โดยสารไปลงระหว่างทางไปบ้านหาดยาว นอกนั้นมีเรา เอคุง และนักท่องเที่ยวที่นอกเหนือจากเราอีกแค่ 1 คน มุ่งหน้าไปเกาะลิบงเช่นกัน เขาคือชาวต่างชาติ เราฉีกยิ้มไปให้ เขาก็พูดสวัสดีตอบ (พูดไทยมาเล้ย) ระหว่างเดินทาง เส้นทางเดิมที่เราเคยเช่ามอเตอร์ไซค์ขับมากันตั้งแต่วันแรกที่ถึงตรัง เราเลยไม่ได้สนใจข้างทางเท่าไหร่ เรากลับหลังหันไปเซย์ฮัลโลกับชายต่างชาติจากที่มัวซุบซิบ ๆ อยู่กับเอคุงว่าจะทักดีมั้ย ในใจเอาวะ ฝึกพูดภาษาอังกฤษนอกสถานที่ คำแรกที่ทักคือ Hello Wherere you going? เขาก็ตอบมาประมาณว่าไปหาดยาว แล้วก็ไปเกาะลิบง ตอบกลับว่า Me too หลังจากนั้นก็ มั่ว ๆ ซั่ว ๆ ไปเลยจ้า แต่ก็ได้ความมาว่าเพื่อนเดินทางคนใหม่ของเราคนนี้ชื่อว่า แองเจโล่ เป็นชาวอิตตาลี เขาเพิ่งมาอยู่เมืองไทยได้ 2 สัปดาห์ เดินทางมาสอนภาษาอังกฤษนักเรียนประถม 6 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในหาดใหญ่(จำชื่อไม่ได้) พอเขาถึงกทม.ก็เดินทางโดยสารทางรถไฟเพื่อมาลงสถานีหาดใหญ่ เขาเล่าว่าสนุกมากทั้งขบวนน่าจะมีเขาเป็นชาวต่างชาติคนเดียว มีคนนำอาหาร ขนม มาให้กิน นั่งมาจากกรุงเทพฯ หลายชั่วโมง ทั้งนั่งทั้งนอน (เดาเองว่าน่าจะเป็นชั้น 3 เพราะเขาวาดที่นั่งไม้ แล้วนอนบนที่นั่ง) เขามีกำหนดการอยู่เมืองไทยแค่ 3 เดือน แล้วการเที่ยวของเขาก็ต้องการแบบประหยัด เขาอยากไปที่แหลมจูโหยบนเกาะลิบงเป็นอุทยานที่มี Dugong(พะยูน) แถมไปดูที่พักฟรี (นึกในใจทำไมนาเดียไม่บอกเรามีที่พักฟรี แถมโทรจองให้เราแล้วเสร็จสรรพ) เขาพกกระดาษสำเนามาจากหนังสือไกด์ในการเที่ยวเกาะลิบง แล้วก็ชี้ให้เราดู นอกจากที่เราพอจะรู้เรื่องเขาบ้าง เรากับเอคุงยังจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในฐานะเจ้าของถิ่นและนักเดินทางในไทย กับประสบการณ์สน็อกเกอร์ดำน้ำดูประการัง ไม่พลาดที่จะแนะนำ เกาะหลีเป๊ะ แถมโชว์รูปประการัง ที่เซฟไว้ในไอพอดให้อีก แองเจโล่ร้องเลย โอ้อะเมซิ่ง แต่พอพูดถึงราคาทัวร์ราคาเดินทางเท่านั้นแหละ แองเจโล่ถอยทัพเลยสู้ไม่ไหว บอก อะลอทออฟ ฮ่าๆๆ
จากนั้นเราก็มาถึงบ้านหาดยาว ท่าเรือที่จะนำเราไปยังเกาะลิบง ท่าเรือหางยาวราคาชาวบ้าน โดยสาร 15 ที่นั่ง ต่อลำ ราคาต่อคนคือ 30 บาท เดินทางครึ่งชั่วโมงถึง ตกนาทีละบาท โหย ถูกมาก แต่ไม่ใช่วันนั้นค่ะ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงรอนมฎอน ช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิมนี่เอง ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะไม่สัญจรเข้าเมืองเหมือนช่วงอื่นที่มีคนพลุกพล่านเสมอ เรา 3 คนก็รอกันไป ให้เหมาเรือไป 3 คนจากคนละ 30 เป็น 150 บาทนะฮะ รอก่อน ๆ อธิบายแองเจโล่ไป อย่างนี้ ๆ นะ และก็ได้ข้อมูลมาว่าแหลมจุโหยที่แองเจโล่จะไปนั้นต้องเหมาเรือไปเองคนเดียวก็ 900 บาท ที่พักฟรีจริงแต่เหมาเรือไปทางเดียวไม่มีถนนถึงที่นั่น ทำให้แองเจโล่ถอยทัพกลับลำสู้ราคาไม่ไหว จนมีคนมาสบทบอีก 2 คน เหลืออีก 10 คน เพื่อ 30 บาท แองเจโล่ยังเล่นมุกตอบกลับ โห งั้นคงเดินทางพรุ่งนี้ ฮ่าๆ เราก็เดินเล่นแถวท่าเรือไปพลาง ๆ รอเวลาคนมาสบทบ นั่งเล่นแมว ออกไปเดินถ่ายรูป เจอเด็ก ๆ ลูกหลานชาวบ้านแถวนั้นยืนถ่ายรูปสักพักเวลาล่วงเลยมาเป็นชั่วโมง จำนวนผู้โดยสารยังเท่าเดิม จึงได้มีการไปต่อรองราคากัน คือ คนละ 90 บาท พอดี 5 คน 450 บ. เรามีหน้าที่ไปตามแองเจโล่ ด้วยประโยคนี้เลยมั่นใจ Do you go now? แองเจอโล่ตอบไปเลยอย่างรวดเร็ว สงสัยจะหิวด้วย แองเจโล่กับเด็กซ่าบ้านหาดยาว เรานั่งกันไป เกิน 6 ชีวิต เหตุผลคือ ผู้โดยสาร 5 คนขับ 1 และมีญาติน้องเมียคนขับอีก 4-5 คนค่ะ เราส่งต่อแองเจโลให้อามิน หนุ่มเกาะลิบงที่ทำงานในเมืองแล้วจะกลับบ้านที่ลิบง เขาโดยสารมาด้วยกันตั้งแต่แรก พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าเรานิดนึง อิอิ คอยเป็นสารถีพาแองเจโล่เที่ยวแทนเราจะดีกว่า จึงได้แยกย้ายกันที่ท่าเรือ เกาะลิบง โดยอามินพาเราไปหาที่เช่ามอ'ไซค์เพื่อเดินทางไปยังที่พักของเรา คือ หาดหลังเขา อยู่ไกลจากท่าเรือ ประมาณ 5-6 กิโลได้ ส่วนอามินก็ขี่มอไซค์ อามินขี่รถออกจากท่าไปโดยด้านหลังคือแองเจโล่โบกมือบ้ายบาย ตะโกนว่า See you คือคุยกันว่าพรุ่งนี้กลับพร้อมกันประมาณนั้น เมื่อเราเช่ามอไซค์ในราคา 350 บาทเสร็จปุ๊บ เอคุงเช็คน้ำมัน เติมลมพร้อมลุย จุดเติมน้ำมันมีอยู่ทั่วเกาะ เป็นแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเลย) ส่วนทางที่จะไปหาดหลังเขาก็ง่ายนิดเดียว คือ ตามถนนเส้นหลังของอิฐตัวหนอนไปเรื่อย ๆ ทางราบเรียบไม่เหมือนเกาะอื่นที่เราไปต้องขึ้นเนินสูง ๆ อาจเพราะเกาะลิบงมีพื้นที่ใหญ่ ถ้าขับ ๆ ไปคิดว่าหลงก็หยุดถามชาวบ้าน ชาวบ้านก็ชี้ลงไปอีก ๆ และแล้วเราก็มาถึง หาดหลังเขา จนได้ ถนนอิฐตัวหนอน กับท่าเกาะลิบง เราต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปในตรอกเหมือนพื้นที่ส่วนตัวบ้านชาวบ้านชาวประมงสักพักเลยกว่าจะเจอที่พัก sunset ดูร้าง ๆ ที่มีแต่แมวและหมา 1 ตัว (จริง ๆ แล้วเหมือนมีแมวอยู่ทุกบ้าน ทั่วเกาะ) ไม่มีใครมาพักเลย มีพักอยู่ห้องเดียวทั้งรีสอร์ทพิเศษจากนาเดีย ปกติไม่ใช่ช่วงเขาจะไม่เปิด รีสอร์ทตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ 3 หมู่บ้านใหญ่ มองที่ชาดหาดเป็นหินดำแทรกทราย มีเรือชาวประมงจอดอยู่บ้างไกล ๆ เมื่อเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย เราเห็นว่ามีร้านอาหารตามสั่งเปิดอยู่แถวนั้น มีร้านเดียวเลยอยู่ริมหาด บรรยากาศจัดแบบชาวบ้านเพราะได้วิวสวยจากทะเลอยู่แล้ว มีลูกค้ากิตติมศักดิ์กลุ่มเดียวที่อยู่ในร้านกับเราคือพวกเด็ก ๆ ที่ไม่เคร่งช่วงรอมฎอน เด็ก ๆ จะพูดว่า บวชแตก คล้าย ๆ เจแตกภาษาวัยรุ่นเข้าใจง่ายน่ารักดี อาหารมื้อแรกบนเกาะ เมื่อเที่ยวเตร่แถวนั้นมาสักพักแล้วรู้สึกอ่อนเพลียเนื่องจากเที่ยวติดต่อมาหลายวันแล้วเลยกลับเข้าที่พักกันก่อน พอร่างกายได้พักเต็มอิ่ม ก็เลยว่าจะขับรถไปหาอะไรกินมื้อเย็น รอมฎอนนั้น ช่วงนี้ก็ต้องมีคนออกมาขายอาหารกินกันแน่นอนเลย ตะวันตกดินแล้วนี่นา แต่ปรากฏว่าผิดคาดค่ะ ขี่รถออกมาจนหมดหมู่บ้านก็เงียบเชียบไม่มีของกินของขาย ขี่ไปเรื่อย ๆ มาถึง หมู่บ้านปาตูบูเต๊ะ ก็ยังไม่มีร้านขายอาหาร ที่ผ่านมามีแต่ ร้านขายของชำเท่านั้น สุดท้าย ความหิวก็ชนะทุกสิ่ง แวะกินมาม่าต้มที่ร้านโชว์ห่วยแห่งหนึ่งทางไปท่าเรือที่ใช้โดยสาร ขึ้น-ลงเรือ มีอยู่ท่าเดียว เจ้าของร้านโชว์ห่วยรวยน้ำใจทั้ง 2 คนอัธยาศัยดีมาก บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ และรับฟังเรื่องราวของเรา จึงมีการช่วยแนะนำเรือที่จะพาเราไปเที่ยวแหลมจุโหยและพากลับที่บ้านหาดยาว บอกว่าไหน ๆ มาถึงนี่แล้วน่าจะไปให้ครบ เขาเองเป็นคนที่นี่แท้ ๆ ยังไม่ค่อยได้ไปแหลมจุโหยเลย มองออกไปจากในห้อง รีสอร์ทซันเซท พอรุ่งเช้าเราขี่รถมอไซค์ออกไปเยี่ยมชมมุมต่าง ๆ บนเกาะ ไปแวะสอบถามที่พักที่อื่นบ้าง จนเมื่อเราผ่านหมู่บ้านบาตูปูเต๊ะ เข้าไปมีหมู่บ้านชาวประมง ไม่มีหน้าหาด มีท่าเรือยาว ๆ ออกไป ฝนเริ่มไล่ เราก็แวะข้างทาง มีชาวบ้านแกะกรรเชียงปูนึ่งอยู่ จึงแวะซื้อมากิน สด อร่อยมาก มีร้านขายขนมชิ้น 5 บาท ขนมฝีมือชาวบ้านทำสด ๆ ร้อน ๆ ไว้ขายในช่วงเย็น (บ่าย3-5 โมงเย็น เมื่อคืนที่ขี่รถหาของกินนั่นตลาดเขาวายแล้ว) บาตูปูเต๊ะเป็นหมู่บ้านใหญ่ มีคนอยู่แบบชุมชน ๆ ชาวบ้าน เราขี่มาด้านนอกมีร้านอาหารอยู่แถวบริเวณหน้าโรงเรียนบาตูปูเต๊ะ เลยแวะกินขนมจีบไก่ กระเพาะปลาในยามเช้า หมู่บ้านชาวประมงหมู่บ้านบาดูปูเต๊ะ มื้ออาหารที่สามารถเจอในเดือนนี้ เมื่อทานเสร็จก็แว๊บเข้าหมู่บ้าน ไปทางลิบงแคมป์ ซึ่งเราเข้าใจว่าน่าจะเป็นที่แองเจโล่มาพัก ราคาถูก ที่นี่สวยมาก มีบ้านพักทำด้วยไม้หลังคามุงจาก ตัดกับชายทะเลและต้นมะพร้าวเรียงยาว มีสระบัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เมื่อเจอกับเจ้าของบังกะโล จึงได้สอบถามว่ามีฝรั่งมาพักมั้ยเมื่อคืน เขาบอกว่าไม่มีนะ เรากับเอคุงเลยคิดสงสัยไปพักกับอามินรึป่าว เอคุงโทรถามอามิน(มีให้เบอร์ก่อนแยกกันไว้) เพราะว่าเผื่อยังไม่กลับจะได้ไปเที่ยวแหลมจุโหยกัน เมื่อโทรไป อามินบอกว่าแองเจโล่กลับไปแล้ว ตอนนั้นประมาณ 9 โมงเช้าได้ นึกในใจ โห กลับเร็วจังเนาะ เสียดายจะได้ไปแหลมจุโหยแบบไม่ต้องเหมาไปคนเดียว เมื่อส่งคืนรถเช่า และได้เจอน้องคนขับเรือที่เจ้าของร้านโชว์ห่วยคนสวยติดต่อมา ได้เวลามาล่องเรือเที่ยวชมธรรมชาติ บุกไปตามดู พะยูน ตัวเป็น ๆ สักที นาเดียบอกว่า ขอให้โชคดีได้เจอด้วยเถอะ เราก็คาดหวังอย่างนี้แหละที่ถือว่ามาถึงตรังจริง ระหว่างทางที่นั่งเรือก่อนไปชมนกชมไม้ เอคุงเห็นโลมากระโดดและไม่ได้ตัวเดียวนะ มาคู่กัน แต่เรามัวแต่ อะไร ไหน ไม่มี ไม่เห็น เสียดายง่ะ เราชอบโลมามากกกก!
พอไปถึงจุดชมนก จะเป็นเกาะเล็กจิ๋วหลิวมีแต่ต้นไม้ชายหาดเล็ก ๆ ให้นกจ้องกินปูหาปลา คนขับเรือ เขาบอกว่าเป็น นกหนีหนาว มาจาก ไซบีเรีย "นกอีก๋อย"เราก็ดูไม่เป็นว่าใช่จริงรึป่าว แต่คนขับพยายามไปใกล้สุดมันก็บินไปเกาะยอดไม้ พอจะเข้าไปใกล้อีกพวกมันก็พากันบินไปเป็นฝูงเลย ชมนกชมไม้กันเสร็จแล้ว เขาก็แล่นเรือพาเราวนกลับมาที่ แหลมจุโหย พามาจอดเรือให้เราเดินเที่ยวชมแหลม ก็เป็นสไตล์อุทยาน มีต้นสนอยู่ริมหาด ชายหาดกั้นปูนกันน้ำทะเลเซาะ แต่บริเวณนั้นมีหญ้าทะเลอาหารหลักของบรรดาพะยูน เดินไปมีบอร์ดอธิบายกรณีศึกษา ต้นกำเนิด พะยูน นู่นนี่แล้วก็รูปปั้น พะยูน เอ่อ ลืมอธิบายว่าตอนจอดเรือจะมีผู้ชายคนนึงเขาขึ้นไปบนหอ คล้าย ๆ นั่งร้าน ทำด้วยปูนอยู่บนท่าเรือยื่นออกไปตรงแหลมนี่แหละ แล้วเขาก็พกกล้องไปตัวนึง เพื่อถ่ายรูปพะยูนเก็บเป็นสถิติ วันนั้นเขาก็เจอไปแล้วเหมือนกัน
ช่วงที่เราเดินบนเกาะ คนขับเรือวิ่งมาตามบอกว่าพะยูนมาอยู่แถวที่เรือเราจอด เราก็รีบไปดูดิ ไม่เจอแล้ว เสียดายอีกแล้ว พี่เขาเลยชวนเราปีนบันไดลิงขึ้นไปบนหอที่เขาถ่ายรูป เมื่อคำนวณเวลาเกรงว่าจะไม่น่าทันกลับเลยไม่ขึ้นไปดีกว่า
นั่งเรือพร้อมความเสียดายแต่คอไม่ตกนะพยายามมองทะเลเรายังพอมีความหวังก่อนไปถึงบ้านหาดยาว ระหว่างนั้นเองความโชคดีก็ได้บังเกิดขึ้นกับเราสักที ได้เห็น โลมา ธรรมชาติ มาทั้งคู่คู่เดิมรึป่าวไม่รู้ โดดเล่นน้ำกันเราเห็นแค่รอบเดียว เอคุงเห็น 2-3 รอบ แต่ถ่ายวิดิโออัดไม่ทัน น่าเสียดายอีกครั้ง เราคิดว่าไม่เป็นไรถ้าเที่ยวใน พ.ศ. นี้แล้วยังเห็นว่ายังมีสิ่งมีชีวิตน่ารักอยู่คู่ทะเลไทยบ้านเราก็ใจชื้น กลับไปก็คุ้มที่ได้เห็นโลมาที่ชอบแทนพะยูนเจ้าถิ่นขึ้นชื่อลิบง ท่องเรือชมท้องทะเลฝั่งอันดามัน บรรยากาศเกาะลิบง(ภาพล่างโลโก้ของเอคุงให้เครดิตตากล้องสักหน่อย) ขากลับรถแท็กซี่มาส่งที่โรงแรมศรีตรังเหมือนเดิมเพื่อไปขึ้นเครื่องซึ่งเกือบไม่ทันเนื่องจากไม่มีรถตู้มาที่บ้านหาดยาวสักที รอเป็นชั่วโมง เลยมีการโบกรถเข้าเมือง ได้รถกระบะที่ไปไกลสุดคือ กันตัง เราต้องเหมาแท็กซี่ที่กันตรังอีกที เขารับรองว่ามีตลอดสาย สุดท้ายก็มาทันโดยมีรถตุ๊ก ๆ หน้ากบแสตนบายรอเพื่อส่งเราไปสนามบินจัดเตรียมโดยนาเดียน่ารักมากที่คอยรับฝากเข้าของบางส่วนเรากับหมูย่างเมืองตรังที่สั่งเขาไว้ ก่อนจากกันบอกนาเดียว่าไม่เห็นพะยูนนะเห็นแต่โลมา เขาปลอบใจว่าก็โชคดีแล้วค่ะ จบแล้วจริง ๆ ผู้อ่านที่รักทั้งหลายเกาะลิบงนี่เป็นที่ ๆ เราไม่ได้ทำการบ้านก่อนมาเที่ยวอะไรมาก รู้แค่ว่าเป็นเกาะใหญ่ ชาวบ้านประมงอยู่กันจริง เป็นแหล่งพะยูน ยังคงธรรมชาติวิถีชุมชนคือจังหวะที่เรามาเนี่ย มันเป็นวันหยุดยาว วันสำคัญทางพุทธศาสนา แต่เมื่อมาเที่ยวเกาะลิงบงครั้งนี้ เลยไม่ได้มีโอกาสเข้าวัดทำบุญตามแบบพุทธศาสนิกชนเพราะไม่มีวัด ที่นี่มีแต่มัสยิดประจำหมู่บ้าน แถมอยู่ในช่วงถือศีลอด เราจึงเห็นวิธีการละหมาดแทน ถึงจะอย่างนั้น สิ่งที่เรามองเห็นได้นั่นคือแรงศรัทธา และความเชื่อ ที่มนุษย์เรายังต้องการพึ่งพาจิตใจให้ผ่องใส เกิดเป็นแสงสว่างนำทางเพื่อเป็นพลังในการดำรงชีวิตต่อไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
Create Date : 25 สิงหาคม 2556 |
| |
|
Last Update : 28 สิงหาคม 2556 10:48:55 น. |
| |
Counter : 3341 Pageviews. |
| |
|
|