สวัสดีครับ หลังจากหายหน้าไปหลายวัน เนื่องจากยุ่ง ๆ เรื่องงานตามเคย (คำแก้ตัวเดิม ๆ) วันนี้ก็จะมาขอเขียนเรื่องเกี่ยวกับ Windows 7 ซึ่งทางไมโครซอฟต์ตั้งใจว่าจะให้เป็น Windows ตัวใหม่สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้ครับ ต้องบอกก่อนว่าตัวผมเอง เครื่องหลักที่ใช้อยู่ก็ยังใช้ Windows XP อยู่เลยนะครับ ยังไม่ได้ลองเล่น Vista จริง ๆ จัง ๆ เลย คือจริง ๆ ก็ไปซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่มาเครื่องหนึ่งซึ่งได้ติดตั้ง Vista มาด้วย แต่ตอนนี้ถูกลูกยึดไปใช้แล้วครับ ถ้าอยากเล่น Vista ต้องไปขอเขาเล่นครับ แต่ที่มาเขียนก็เพราะว่ามี เพื่อนชาว bloggang คนหนึ่งได้บอกว่าได้เห็นการโฆษณาเจ้า Windows ตัวนี้แล้ว เลยอยากถามผมว่ามันเป็นยังไงบ้าง มันมีคุณสมบัติเด่น ๆ อะไร น่าใช้ไหม อะไรทำนองนี้ ผมก็เลยคิดว่าน่าจะหาข้อมูลมาเล่าให้พวกเราทั้งหมดได้ฟังกันด้วย แต่คงต้องบอกก่อนนะครับ ข้อมูลที่ผมเล่าให้ฟังนี้ก็เป็นข้อมูลที่ได้แต่อ่าน และรวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่พอจะเชื่อถือได้มาเล่าให้ฟังเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วไมโครซอฟต์นี่ค่อนข้างจะเงียบเกี่ยวกับเรื่อง Windows ตัวนี้นะครับ ทำให้มีข่าวลือต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติของ Windows ตัวนี้ ถึงขนาดที่มีวีดีโอซึ่ง(อาจจะ)จริงบ้างไม่จริงบ้าง แสดงถึงคุณลักษณะของ windows 7 อยู่บน YouTube เต็มไปหมด และเนื่องจากมันยังไม่ได้ออกมันก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นถ้าพวกเราได้เข้าไปดูวิดีโอกันแล้ว ก็อย่าเพิ่งเชื่อกันนะครับว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
สำหรับวีดีโอที่คิดว่าน่าจะเป็นของจริงเท่าที่ค้นได้ในตอนนี้น่าจะเป็นตัวนี้นะครับ คือเป็นวีดีโอจากงาน D6: All things Digital Conference ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ตามกำหนดการที่เป็นทางการของไมโครซอฟต์ Windows 7 จะออกมาให้เราได้ใช้กันในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) ข่าวล่าสุดบอกว่าไมโครซอฟต์จะปล่อยตัวเบต้ามาให้นักทดสอบได้ใช้กันประมาณเดือนธันวาคมปีนี้ ดังนั้นใครที่เป็นนักทดสอบของไมโครซอฟต์อยู่แล้วก็คงจะได้ใช้เจ้า Windows ตัวนี้เร็ว ๆ นี้แล้วนะครับ ยังไงก็อย่าลืมเอามาเล่าให้ฟังกันด้วยนะครับ แต่เท่าที่อ่าน ๆ มาเหมือนว่าไมโครซอฟต์จะไม่รับนักทดสอบใหม่แล้วนะครับ ดังนั้นใครที่ต้องการจะสมัครเป็นนักทดสอบเพื่อที่จะได้ใช้เจ้า Windows ตัวนี้อาจจะทำไม่ได้ อีกวิธีการหนึ่งซึ่งเราอาจจะได้ Windows 7 มาใช้ก่อนก็คือลงทะเบียนเข้าร่วมงาน The Professional Developer Conference (PDC) ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม ที่ Los Angeles หรือเข้าร่วมงาน The Windows Hardware Engineering Conference (WinHEC) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน ที่ Los Angeles (จะมีใครลงทุนขนาดนี้ไหมเนี่ย) ผมคิดว่าหลังจากงานนี้แล้วเราน่าจะได้เห็นคุณสมบัติจริง ๆ บางส่วนของ Windows 7 นี้สักที ผมก็เลยคิดว่าจะรอหลังจากงานนี้ก่อนแล้วค่อยมาเล่าให้ฟังอีกทีแล้วกันนะครับ
แต่ผมคิดว่าคำถามนี่น่าจะใกล้ตัวพวกเรามากกว่าสำหรับพวกเราที่ยังคงใช้ Windowx XP อยู่ก็คือ แล้วเราควรจะเปลี่ยนไปใช้ Vista ก่อนไหม หรือจะรอ Windows 7 เลย และการเปลี่ยนมาใช้ Windows 7 จะมีปัญหาเหมือนกับการเปลี่ยนจาก Windows XP มาเป็น Vista หรือไม่ ถึงตรงนี้หลายคนที่ใช้เครื่องเก่าที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ Vista แล้วเปลี่ยนมาใช้คงทราบดีนะครับว่าผมหมายถึงอะไร เท่าที่ทราบก็คือหลายคนต้องเปลี่ยนกลับไปใช้ Window XP เหมือนเดิม เพราะปัญหาหลัก ๆ ก็คือ Windows Vista ใช้ทรัพยากรของเครื่องค่อนข้างมากประสิทธิภาพไม่ค่อยดี และยังมีปัญหาไม่สามารถใช้งานโปรแกรมเก่า ๆ บางตัวได้อีกด้วย
สำหรับเรื่องการปรับเปลี่ยนจาก Vista ไปยัง Windows 7 นั้น คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมากนะครับ ซึ่งที่ผมสรุปตรงนี้ก็มาจากคำตอบของคุณ Steave Ballmer ซึ่งเป็น CEO ของไมโครซอฟต์ที่บอกว่า Windows 7 จะเป็น Vista ที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก โดยจะปรับปรุงส่วนติดต่อกับผู้ใช้ และเรื่องของประสิทธิภาพ แต่ก็กลับเป็นปัญหาใหม่ขึ้นมาคือก็มีคนถามว่า ถ้าอย่างนั้น Windows 7 ก็จะเป็นแค่เวอร์ชันปรับปรุงของ Vista ใช่หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ คุณ Ballmer ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะมันมีการปรับปรุงหลาย ๆ อย่างจนเกินกว่าที่จะเป็นเพียงแค่เวอร์ชันปรับปรุงเท่านั้น คุณ Ballmer ยังกล่าวถึงองค์กรที่ยังรีรอที่จะเปลี่ยนไปใช้ Vista ว่า ถ้าอยากจะรอ ก็ใช้ Windows XP ไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าเป็นตัวเขา เขาจะเปลี่ยนมาใช้ Vista ก่อน ฟังจากคำตอบของเขาแล้วนี่เป็นนักการเมืองได้เลยนะครับ
แล้วสำหรับผู้ใช้อย่างเราควรทำอย่างไรดี ความเห็นของผมในเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ครับ ถ้าพวกเราไปซื้อเครื่องใหม่และเขาให้ Windows Vista แท้มาด้วย ก็ใช้เถอะครับ เพราะเครื่องเหล่านี้ควรจะเป็นเครื่องที่รองรับ Vista อยู่แล้ว แต่อาจมีปัญหากับโปรแกรมบางตัว ซึ่งเรื่องนี้วิธีแก้ไขก็อาจต้องหาเวอร์ชันล่าสุดของโปรแกรมมาใช้ หรือใช้บริการสนับสนุนของไมโครซอฟต์ดู ไหน ๆ เราก็ใช้ซอฟต์แวร์แท้แล้วก็ใช้บริการเขาหน่อยน่าจะได้นะครับ แต่ต้องบอกก่อนว่าผมไม่เคยใช้บริการนะครับ (ทั้ง ๆ ที่ผมก็ใช้ Windows แท้เหมือนกัน) ไม่รู้ว่าเขาให้บริการเป็นยังไงบ้าง แต่ถ้าใครใช้เครื่องรุ่นเก่าแล้วต้องการใช้ Vista นี่ผมไม่แนะนำให้ลงทุนนะครับ ถึงจะใช้เวอร์ชันพันทิพก็ไม่แนะนำนะครับ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วสุดท้ายหลายคนก็ย้อนกลับมาใช้ Windows XP ถ้าใครที่เพิ่งซื้อเครื่องมาแล้วเขาให้เป็น Window XP มาผมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องไปดิ้นรนหา Vista มาใช้ เพราะในความเห็นผมตอนนี้ Window XP นี่ก็ค่อนข้างจะเสถียรพอสมควรครับ คราวนี้หลายคนอาจจะกังวลเพราะทางไมโครซอฟต์ประกาศว่าจะเลิกสนับสนุน Windows XP ภายในสิ้นปีนี้แล้ว แต่ผมคิดว่าเรายังคงใช้ต่อไปได้เหมือนเดิมแหละครับ เจ้า Windows 7 นี่จะออกประมาณต้นปี 2010 เราจะรอซื้อเครื่องใหม่ตอนนั้นพร้อมทั้ง Windows 7 เลยก็คงไม่สาย
อีกประการหนึ่งก็คือผมอยากจะชวนให้พวกเรายึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับซอฟต์แวร์ครับ คือเราไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดตลอดเวลาหรอกครับ เราลองคิดให้ดีก่อนว่าเวอร์ชันปัจจุบันมันตอบสนองการทำงานของเราได้หรือยัง เราได้ใช้คุณสมบัติของเวอร์ชันที่เราใช้อยู่ครบถ้วนหรือยัง เวอร์ชันใหม่ที่ออกมามันทำให้เราได้ความสะดวกเพิ่มขึ้นคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ และตอนนี้โปรแกรมแบบ open source หลายตัว ก็ให้เราสามารถใช้ได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย และก็มีประสิทธิภาพดีพอสมควร ระบบปฏิบัติการอย่าง Linux ซึ่งก็มีหลากหลายรุ่นให้เลือก การติดตั้งก็ไม่ยากเหมือนสมัยก่อน โปรแกรมอย่าง Open Office ก็มีความสามารถไม่ด้อยกว่า MS Office และก็มีรุ่นที่ทำงานบน Windows ได้ด้วย เราสามารถหามาใช้ได้ โดยทั้งไม่ผิดลิขสิทธิ์ และยังไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรอีกด้วย ดังนั้นก็อยากชวนพวกเรามาใช้กันในสภาวะเศรษฐกิจเช่นในตอนนี้ครับ เอ... เริ่มต้นจาก Windows 7 ทำไมมาจบที่ Open Source ได้ละเนี่ย....
สวัสดีครับ เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังวันนี้เป็นงานวิจัยที่มีประโยชน์ แต่อาจเป็นเรื่องที่บางทีพวกเราหลายคนอาจไม่ชอบก็ได้นะครับ เรื่องก็คือตอนนี้มีงานวิจัยที่พัฒนาโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์สามารถคำนวณอายุโดยดูจากใบหน้าของเราได้ งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยจาก University of Illinois at Urbana-Champaign (UIUC) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา
ศาสตราจารย์ Thomas S. Hung กล่าวว่าโปรแกรมนี้จะใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่นการป้องกันไม่ให้วัยรุ่นซึ่งอายุไม่ถึงเข้าไปในสถานบันเทิง การป้องกันไม่ให้ซื้อบุหรี่จากตู้หยอดเหรียญ (ไอ้ตู้นี้ผมหวังว่าประเทศไทยคงไม่มีนะครับ ) หรือป้องกันไม่ให้เด็กเข้าไปเว็บลับเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ (ที่ผมไม่ชอบคืออันนี้แหละครับ คือเดี๋ยวมันจะอ่านหน้าผมแล้วไม่ยอมให้ผมเข้าไป )
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงอนาคตของ Search Engine ตัวหลักที่พวกเราส่วนใหญ่ใช้กันอยู่ก็คือ google คุณ Marisa Mayer ซึ่งเป็นรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์การสืบค้นและประสบการณ์ผู้ใช้ (search products and user experience) ของ google ได้กล่าวว่าในปัจจุบันนี้การค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตนั้นยังไม่ง่ายพอ ซึ่งเธอบอกว่าในสิบปีข้างหน้านี้เราน่าจะได้เห็นพัฒนาการของการสืบค้นข้อมูลเช่น การค้นหาผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เช่นโทรศัพท์มือถือจะสามารถทำได้ง่ายขึ้น
อีกเรื่องหนึ่งก็คือการแปลภาษาครับ เช่นถ้าเราต้องการข้อมูลซึ่งเธอบอกว่าไม่ว่าจะอยู่ในภาษาอะไรก็ตาม google ก็น่าจะสามารถแปลกลับมาให้อยู่ในภาษาของเราได้ ซึ่งตรงนี้เธอบอกว่า google ก็เริ่มทดลองแล้วนะครับ อยู่ที่ cross-language information retrieval tool. ผมลองเข้าไปดูแล้วยังไม่มีภาษาไทยนะครับ แต่ตามความเห็นส่วนตัวคิดว่าเรื่องแปลภาษานี่จะให้ถูกต้องทั้งหมดคงยากครับ เพราะเอาเท่าที่ใช้ google เวอร์ชันไทยอยู่ตอนนี้ ดูคำแปลบางคำก็ดูแปลก ๆ อยู่นะครับ
อีกจุดหนึ่งซึ่งเธอมองว่าน่าจะมีส่วนช่วยในการค้นข้อมูลก็คือ ความรู้เกี่ยวกับตัวผู้ค้นข้อมูลครับ เช่นถ้า google มีข้อมูลว่าผมเป็นอาจารย์สอนคอมพิวเตอร์อยู่ และถ้าผมป้อนคำว่า OS ซึ่งเป็นคำที่นักคอมพิวเตอร์ใช้เพื่ออ้างถึง ระบบปฏิบัติการ (Operating Systems) google ก็จะสามารถค้นข้อมูลให้ผมได้ตรงมากขึ้น แต่แน่นอนครับอันนี้ก็หมายความว่า google ก็จะต้องมีข้อมูลของเราไว้ ซึ่งก็อาจเป็นปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวได้