ครูยุคนี้ต้องทำนั่น โน่น นี่ ไม่ใช่มีเเค่สอนหนังสือ *เเอบดูชีวิตครู เเอบรู้เรื่องในเเละนอกห้องเรียนของ'จารย์มด*

บทความที่เข้ารอบ (ม. 4/2 เลขที่ 44)

โรงเรียนอัสสัมชัญนั้นมีมาตั้งแต่รุ่นพ่อ และก็มาถึงรุ่นของผมเป็นรุ่นที่ 125 (AC 125) โรงเรียนแห่งนี้มีประวัติ ความเก่าแก่อย่างมาก ไม่ว่าจะในเรื่องการเรียน วิชาการ กิจกรรม ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนอัสสัมชัญของพวกผมนี้ และสิ่งดีงามเหล่านี้จะยังคงมีต่อๆ ไป สืบสานสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน เพื่อสานต่อความฝันของนักเรียนอัสสัมชัญทุกคน

ก่อนที่ผมจะได้มาเข้าโรงเรียนนี้ ผมคิดว่า “โรงเรียนอัสสัมชัญเเห่งนี้ คงไม่ต่างอะไรกับโรงเรียนทั่วไปที่ผมเคยเรียนมาก่อน” แต่เมื่อผมได้มานั่งเรียน เล่น กินกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนนี้ ผมก็เริ่มมีความรู้สึกผูกพัน อาจจะเป็นเพราะเวลาที่ผ่านเลยไป ทำให้ผมชินกับการอยู่โรงเรียนนี้เหมือนโรงเรียนอื่นๆ แต่แล้วผมก็สังเกตได้ว่าโรงเรียนมีอะไรที่ซ่อนเร้นหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ผมรู้สึกผูกพันเป็นอย่างมาก ผมได้รู้ว่าโรงเรียนอัสสัมชัญแห่งนี้ให้อะไรกับผมหลายอย่าง ในเรื่องความเข้มของวิชาการ ความรู้ที่ผมสามารถใช้แข่งกับนักเรียนโรงเรียนอื่นได้ โดยมีรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่ได้สร้างชื่อเสียงไว้มากมาย เป็นเครื่องการันตีได้อย่างแท้แน่นอน และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือกิจกรรมการเชียร์ และแปรอักษรที่ผมได้มีส่วนร่วมในการแปรอักษร ผมได้ฝึกซ้อมอยู่หลายครั้งกับเพื่อน ได้นั่งตากแดดทนร้อนด้วยกัน ตากฝน หิวน้ำ ร้อน เมื่อย ร่วมกันทั้งนั้น และเพื่อนๆ ของผมนั้นก็ต่างร่วมกันเชียร์อย่างเต็มที่ ไม่มีใครเอาเปรียบใคร

เมื่อถึงคราวที่รุ่นผมเริ่มทำเชียร์ เพื่อนๆ ของผมก็ได้ไปช่วยกันทำอยู่หลายคน ถึงแม้ผมจะไม่ได้ร่วมทำเชียร์กับเพื่อนๆ แต่เพื่อนๆ ก็ต่างเต็มที่ในการฝึก เมื่อผมเห็นแล้วก็รู้สึกซาบซึ้ง ถึงความผูกพัน ความรักที่ทุกคนต่างมีให้โรงเรียนแห่งนี้ และความรู้สึกเหล่านี้ผมก็มีไม่แพ้เพื่อนๆ ของผมเหมือนกัน ทุกคนต่างช่วยกันสร้างชื่อให้กับโรงเรียน ต่างมีความสัมพันธ์กันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อนที่ไม่สามารถมีอะไรมาแยกจากกันได้ และสิ่งเหล่านี้จะต้องสืบสานต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และจะไม่มีใครที่จะมาลบความภาคภูมิใจ มิตรภาพ ความรักที่ชาวอัสสัมชัญมีให้กับโรงเรียนแห่งนี้

สุดท้ายนี้คงจะไม่มีอะไรที่ดีกว่าการที่ผมจะบอกว่า “ขอบคุณโรงเรียนอัสสัมชัญแห่งนี้ ที่ได้สรรสร้างความรู้ มิตรภาพที่ดีที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้ และได้สร้างให้ผมเป็นคนดีของสังคมต่อๆ ไป”

“เรารักอัสสัมชัญเเห่งนี้มากครับ”

เขียนโดย พิภู ถาวรชีวิน




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 17:36:05 น.   
Counter : 977 Pageviews.  

บทความที่เข้ารอบ (ม.4/2 เลขที่ 42)

โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนที่มีความเก่าแก่และมีชื่อเสียงโรงเรียนหนึ่งในประเทศ โรงเรียนเริ่มก่อตั้งจากเรือนไม้หลังเล็กๆ มีนักเรียนอยู่ไม่กี่คน และก็เริ่มพัฒนาและปรับปรุงมาเรื่อยๆ โดยคุณพ่อกอลอมเบต์ผู้ก่อตั้ง จนเป็นโรงเรียนที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน

ผมไม่ได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมเหมือนเพื่อนๆ หลายๆ คน แต่ผมนั้นเข้ามาเรียนในโรงเรียนตอน ม. 1 ซึ่งในตอนนั้นก็ยังไม่รู้สึกว่ารักโรงเรียนเหมือนกับเพื่อนๆ ที่อยู่มา 6 ปีแล้ว แต่แค่รู้สึกทึ่งในความยิ่งใหญ่ของโรงเรียนที่สามารถสร้างเด็กนักเรียนรุ่นพี่ของผมหลายๆ รุ่นให้เป็นคนดีมีความสามารถ จนเป็นที่ยอมรับกับคนในสังคมและเมื่อเริ่มอยู่ในโรงเรียนนานขึ้น ก็ยิ่งมีความผูกพันกับโรงเรียนมากขึ้น ประกอบกับมีกิจกรรมมากมายที่ทำให้เกิดความรักโรงเรียนมากขึ้น

นอกจากนั้น รุ่นพี่ที่อยู่ในโรงเรียนให้รู้จักคำว่า “สุภาพบุรุษอัสสัมชัญ” ว่าเราควรปฏิบัติตนอย่างไรในโรงเรียนและกับคนรอบข้าง ให้สมกับคำว่าลูกผู้ชาย สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าในโรงเรียนนั้นนอกจากจะสอนเรื่องที่เป็นวิชาการแล้ว ยังสอนให้รู้จักการวางตัวที่ดี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สง่างามอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีบุคคลตัวอย่างมากมายในโรงเรียน เช่น คุณพ่อกอลอมเบต์ เจษฏาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ เป็นบุคคลตัวอย่างในการดำเนินชีวิต ทั้งในปัจจุบันและอนาคตและด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ผมเกิดความรักในโรงเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะนี้ผมอยู่ม. 4 แล้ว ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้ทั้งหมดผมก็จะพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้นเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต นอกจากนี้เมื่อผมอยู่ ม. 6 แล้วผมก็จะทำงานต่างๆ เท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะปรับปรุงและพัฒนาโรงเรียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และทำให้โรงเรียนอยู่ตราบนานเท่านาน

เขียนโดย ษษิษ วิวัฒรางกูล




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 17:41:32 น.   
Counter : 383 Pageviews.  

บทความที่เข้ารอบ (ม.4/2 เลขที่ 39)

“ชื่ออัสสัมชัญ นั้นเด่นมาช้านาน ยังมีพยานปรากฎรับรอง ไม่เคยมีใครลบเกียรติอัสสัมชัญ เราต้องช่วยกันคอยประคับประคอง.... ให้อัสสัมชัญนั้นชื่อคงถาวร ฟุ้งเฟื่องขจร ถึงช่วงนิรันดร์ ฮ่า ฮ่า ฮ้ะ ฮ่า” นี่คือบทเพลงที่ชาวอัสสัมชัญทุกคนรู้จักดี ทุกเช้าวันจันทร์ต้องร้องหลังจากเคารพธงชาติ และสวดมนต์เพื่อระลึกถึงเกียรติและชื่อเสียงที่โรงเรียนมีจากศิษย์เก่าต่างๆ มาช้านาน มิให้เราลืมถึงสิ่งเหล่านั้น

โรงเรียนอัสสัมชัญ เกิดขึ้นจากความต้องการของคุณพ่อที่ว่าเด็กในสมัยก่อนไม่ได้เรียนหนังสือ เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ ด้วยอุดมการณ์ที่อยากจะให้เด็กมีความรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง และประเทศชาติ เวลาได้ผ่านไปและโรงเรียนอัสสัมชัญก็ได้สร้างศิษย์เก่าที่มีความสามารถไปพัฒนาประเทศชาติ จนสร้างชื่อเสียงแก่โรงเรียนไว้มากมาย แต่หากกาลเวลาผ่านไปในปัจจุบัน กลับไม่ได้เพิ่มชื่อเสียงของโรงเรียนเลย ในทางกลับกัน กลับเริ่มลดลง อย่างน่าเสียใจ เพราะการประพฤติปฏิบัติตัวในด้านระเบียบวินัยของนักเรียนในโรงเรียน และนอกโรงเรียน ทำให้คนภายนอกที่พบเห็น มีความรู้สึกที่แย่กับ คำว่า“อัสสัมชัญ” โรงเรียนชายล้วน ที่เป็นโรงเรียนแม่ของคณะเซนต์คาเบรียล ประจำประเทศไทย ทั้งการแต่งกาย หรือแม้กระทั่งการพูดคุย ที่ได้ลบสิ่งสำคัญที่เราชาวอัสสัมชัญ ยึดถือ คือ สุภาพบุรุษอัสสัมชัญไปจนสิ้น

ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะมีงบประมาณในการนำเทคโนโลยีการศึกษา ในการสร้างสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่สิ่งเหล่านี้มิช่วยให้คำว่าโรงเรียนอัสสัมชัญนั้นกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ได้ หากแต่เป็นนักเรียนนั้นคือสิ่งและส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนโรงเรียนให้ได้ ฉะนั้นผมจึงมุ่งมั่นเพื่อนำอัสสัมชัญเก่าๆ กลับมา

ผมเป็นนักเรียนอัสสัมชัญมาก็ประมาณสี่ปีแล้ว ตลอดเวลาทุกปี ผมก็พยายามที่จะพัฒนาตนเองและเตือนเพื่อนๆ ให้ทำดีแก่โรงเรียน ในการปฏิบัติตนเอง แม้ว่าจะเป็นเพียงจุดๆเดียวเล็กๆ ในสังคมโรงเรียนอัสสัมชัญ แต่เพียงได้ทำเท่านั้นก็สบายใจ และมีความสุขแล้ว ที่เราได้ให้ความรักของเราใส่ไว้ไปในการพัฒนาตนเอง ทั้งเพื่อตนเองในการที่จะได้มีบุคคลิกที่ดีขึ้นและโรงเรียนที่จะมีชื่อเสียงดีขึ้นในสายตาของบุคคลอื่น

ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกคนที่เป็นชาวอัสสัมชัญ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์เก่า จะเป็นผู้ปกครอง หรือศิษย์ปัจจุบัน ให้รักอัสสัมชัญ แล้วคำว่ารักในที่นี่ไม่ขอให้เป็นเพียงคำพูดจากลมปาก แต่ขอให้เป็นการกระทำที่ทุกคนจะตระหนักได้ ไม่ว่าจะการปลูกฝัง การมีบุคคลิกที่ดีสมคำว่าสุภาพบุรุษอัสสัมชัญ หรือการช่วยโรงเรียนจัดกิจกรรมก็ตาม เพื่อให้โรงเรียนกลับมายิ่งใหญ่ สมกับความยิ่งใหญ่ที่ศิษย์เก่าได้สร้างสมไว้

เขียนโดย นายสิรวิชญ์ ธรรมธิติวัฒน์




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 17:43:10 น.   
Counter : 366 Pageviews.  

บทความที่เข้ารอบ (ม.4/2 เลขที่ 36)

ในขณะนี้ผมมีอายุ 15 ปีแล้ว ใน 15ปีนี้ ผมอยู่โรงเรียนที่ชื่อว่า “อัสสัมชัญ”มาถึง 10 ปี ตั้งแต่ผมอยู ป.1 จนปัจจุบันอยู่ม.4 ก็ยังอยู่ที่อัสสัมชัญ มันจึงไม่แปลกที่ผมจะรู้สึกผูกพันและรักโรงเรียนแห่งนี้มาก ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนบ้านแห่งที่ 2 ของผม เป็นสถานที่ ซึ่งผมได้พบเพื่อน ได้รู้จักสิ่งต่าง ๆ และได้เรียนรู้อะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสิ้นหวังหรือความสำเร็จ ทุกๆเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ผมไม่ได้แค่ผูกพันกับที่แห่งนี้ แต่เหตุการณ์ต่างๆทำให้เกิดมิตรภาพขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพกับเพื่อนหรือกับครู ในเวลาที่พบกับปัญหา ก็ได้คำปรึกษาจากครูหรือเพื่อนเสมอ เวลาที่ไม่รู้จะพึ่งใครก็ยังรู้ว่ามีเพื่อนอยู่ข้างๆ ที่แห่งนี้จึงเป็นที่ทำให้ผมมีความสุขและอุ่นใจอยู่ตลอดเวลา

ระยะเวลาถึง 10 ปีนี้ ผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโรงเรียนจะเปลี่ยนแปลงของโรงเรียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทุบอาคารทิ้ง สร้างอาคารใหม่ ปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ ร่วมถึงการเปลี่ยนคนดูแลด้วย สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าโรงเรียนจะเปลี่ยนไปยังไง ผมก็คิดเสมอว่า “นี่แหละโรงเรียนของเรา” และมักจะภูมิใจที่มีโรงเรียนที่เพียบพร้อมไปเกือบทุกอย่าง ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงบางอย่างผมจะไม่ชอบใจก็เถอะ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปผมก็ยอมรับกับมันได้

ในตอนที่ยังอยู่ชั้นประถม ผมได้เรียนรู้เพียงแค่การศึกษาและสังคมในวัยเรียนเท่านั้น แต่เมื่อผมได้มีอายุมากขึ้นผ่านไป 1 ปีก็เปลี่ยนห้องใหม่ที สังคมของเพื่อนใหม่ก็เข้ามาแทน เป็นอย่างนี้จนเข้าถึงมัธยมศึกษา ด้วยความที่คุ้นเคยกับเพื่อนในรุ่นเดียวกันมาตลอด ทำให้เกิดการพูดคุย สนิทสนมกันมากขึ้น และยังได้รู้จักถึงระบบรุ่นพี่-รุ่นน้องซึ่งเข้ามาด้วย คือรุ่นน้องจะต้องเคารพรุ่นพี่ เมื่อรุ่นน้องมีปัญหาอะไรก็สามารถถามรุ่นพี่ได้ ทำให้เกิดความผูกพันขึ้นระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง ยิ่งผมอายุมากขึ้นก็ยิ่งรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “อัสสัมชัญ”มากขึ้น ไม่ได้รู้เพียงประวัติของโรงเรียนความสำคัญของวันต่างๆ แต่รู้ถึงความเป็นอยู่ การเปลี่ยนแปลงและสังคมด้วย โรงเรียนแห่งนี้ทำให้ผมรู้สึกอยากที่จะมาเพราะที่แห่งนี้ไม่ได้ให้เพียงวิชาความรู้ อบรมนิสัย แต่ที่นี่ให้ความอบอุ่นผมได้เสมอ ในความคิดของผม สำหรับคนที่ผูกพันกับที่นี่จริงๆ คำว่า “รัก” คงจะน้อยเกินไปกับความผูกพันนี้ แล้วคงไม่ใช่ส่วนน้อยที่รู้สึกแบบนี้

“อัสสัมชัญ”แห่งนี้เป็นที่ๆให้ทุกอย่างจริงๆและอาจรวมถึงอนาคตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำการศึกษาต่อหรือกลุ่มเพื่อนที่สามารถพึ่งกันได้ในเรื่องการงานในอนาคต ในตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า “ผมรักอัสสัมชัญ” เป็นที่ๆทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นถึงข้างใน ช่วงชีวิตของผมทั้งหมด คงไม่มีสิ่งใดเลยที่จะทำให้ผมลืมคำว่า “อัสสัมชัญ” หรือทำให้รู้สึกถึงความรักความผูกพันกับ”อัสสัมชัญ”น้อยลง

เขียนโดย ณรีพัฒน์ ธีรรัฐวรสิน




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 17:44:49 น.   
Counter : 316 Pageviews.  

บทความที่เข้ารอบ (ม.4/2 เลขที่ 10)

อัสสัมชัญเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งมาช้านาน โดยคุณพ่อกอลอมเบต์เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นที่วัดอัสสัมชัญ ต่อมาโรงเรียนได้รับการสนับสนุนจนเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพมาจนถึงทุกวันนี้ โรงเรียนอัสสัมชัญได้ผลิตบุคคลากรที่เป็นบุคคลที่มีคุณภาพและมีผลงานสำคัญต่อประเทศชาติมากมาย เช่น ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์

โรงเรียนอัสสัมชัญเป็นโรงเรียนที่ไม่ได้สอนความรู้ด้านวิชาการให้แก่นักเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นบุคลลากรที่มีระเบียบวินัยและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน เป็นคนที่มีคุณภาพและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างปกติสุข เด็กอัสสัมทุกคนที่จบจากโรงเรียนแห่งนี้ไป ส่วนมากจะมีฐานะทางการงานและสังคมที่ดี เพราะได้รับการอบรมมาตั้งแต่เด็ก โรงเรียนอัสสัมชัญเป็นโรงเรียนระดับแนวหน้าของประเทศที่ผลิตบุคคลากรที่มีคุณภาพออกมาทำงานเพื่อประเทศชาติและสังคม

ผมเข้าเรียนอัสสัมชัญตั้งแต่ชั้น ป.1 มาจนถึงปัจจุบัน รู้สึกรักและหวงแหนโรงเรียนของผมมาก เพราะอัสสัมชัญสอนสิ่งต่างๆ ให้ผมได้เรียนรู้มากมาย ไม่ใช่แค่วิชาการ แต่เป็นความสามัคคีในหมู่เพื่อน ความเคารพผู้ใหญ่ ความเคารพต่อรุ่นพี่รุ่นน้อง อัสสัมชัญทำให้ผมได้เจอเพื่อนดีๆ มากมาย และสอนประสบการณ์ชีวิตต่างๆที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้

ถึงแม้ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะมองว่าอัสสัมชัญในวันนี้ทั้งเรื่องวิชาการและระเบียบวินัย ด้อยลงกว่าเมื่อก่อนมากและไม่ได้เหนือโรงเรียนอื่นๆมากมายนัก แต่ผมในฐานะเด็กอัสสัมชัญก็ยังมีความรักและความตระหนักที่จะทำให้โรงเรียนของเรา กลับมายิ่งใหญ่เหมือนในสมัยก่อน ที่รุ่นพี่รุ่นต่างๆ ได้สร้างชื่อเสียงเอาไว้มากมาย และจะรักษาชื่อเสียงของอัสสัมชัญเอาไว้ตราบนานเท่านาน ไม่ให้เสียชื่อเด็กอัสสัม

เขียนโดย เกียรติพงศ์ วิรพงศ์สิริ





 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 17:46:09 น.   
Counter : 580 Pageviews.  

1  2  3  

ajarnmodabac
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เพราะเชื่อว่า ครู/อาจารย์สมัยใหม่ต้องทำได้หลายอย่าง วิชาการงานสอนก็ต้องทำ กิจกรรมก็ต้องจัด เเละต้องหัดเปิดหูเปิดตา ให้เวลากับสิ่งรอบตัว เเละเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ จึงเป็นที่มาของคติประจำใจในวันนี้ - เครียดๆขำๆ เราทำได้ :D
[Add ajarnmodabac's blog to your web]

MY VIP Friend