{{Air Bunny}} แฉชีวิตลูกเรือไทยในสายการบินแขก
Group Blog
 
All blogs
 

แฉชีวิตลูกเรือไทยในสายการบินแขก ตอน: " หน้าบูดเป็นตูดเป็ด! "





สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านSmiley
หายไปสองวัน พึ่งกลับมาจากกัวลาฯมะกี้ค่ะ ยังไม่ได้นอนเลย
ไปคราวนี้มีลูกเรือเจ้าบ้านบอกให้ไปลองกิน นาซิ เลหมัก (Nasi Lemak)
อาหารจานหลักบ้านเค้าที่ร้าน Madam Kwan ค่ะ
อร่อยจริงๆค่ะ ใครไปกัวลาฯ อย่าลืมไปลองด้วยนะคะ สั่งคู่กับชาชัก (Teh Tarik)รับรองติดใจแน่ๆค่ะ
วันนี้อากาศเมืองแขกดูไม่ค่อยดีค่ะเพราะมีพายุึทะเลทราย โชคดีที่เครื่องได้ลง ไม่ต้องวนนาน
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งสาย พายุยิ่งแรงค่ะ ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีไฟลท์ดีเลย์เยอะมั้ย หรือโดนยกเลิกรึป่าว




" หน้าบูดเป็นตูดเป็ด! "





ก่อนคุณขึ้นเครื่อง แอร์บันนี่เข้าใจว่าใครๆก็อยากเห็นลูกเรือยิ้มแย้ม แจ่มใสเวลาคุณเดินขึ้นเครื่องไปใช่มั้ยคะ
ไม่ว่าจะเป็นไฟลท์ไหนก็ตาม แปดโมงเช้า ห้าโมงเย็น หรือตีสอง ผู้โดยฯก็ย่อมที่จะอยากเห็นรอยยิ้มของลูกเรือ
อย่างน้อยตอนเดินขึ้นเครื่อง เพราะความประทับใจแรกนั้นสำคัญยิ่งนัก
ก่อนมาทำงานนี้กแอร์บันนี่ก็เหมือนคุณแหล่ะค่ะ คิดว่าถ้าเห็นรอยยิ้มของลูกเรือตอนเดินขึ้นเครื่อง
อย่างน้อยเราก็รู้สึกอุ่นใจแบบถ้าเกิดอะไรขึ้น หรือมีปัญหา มีความรู้สึกว่าเราไม่กลัวที่จะเข้าไปถามลูกเรือ
แต่พอเดินขึ้นเครื่องมาแล้ว คุณเห็นลูกเรือเหม่อๆ หน้าบูดๆ จนคุณอดไม่ได้ต้องคิดในใจ
หรือซุบซิบกันตอนเดินผ่านไปแล้วว่า
" เป็นไรมากมั้ยเนี่ยะ ไม่ได้นอนรึไง ห๊ะ??? "


อันที่จริงขอตอบว่าถูกค่ะ ไม่ได้นอน หรือนอนไม่พอค่ะ
ส่วนมากก่อนขึ้นไฟลท์ น้อยคนมากที่จะได้พักผ่อนมาอย่างเต็มที่
สาเหตุที่ทำให้ลูกเรืออย่างเรานอนไม่เต็มที่ก่อนไฟลท์หรอคะ มีล้านแปดค่ะ
แต่ขอพูดถึงสามสาเหตุหลักๆ สามค่ะ ที่ทำให้บางครั้งลูกเรือหบ้าบูดเป็นตูดเป็ดนะคะ


สาเหตุแรกง่ายสุด ง่ายสุดๆ ง่ายสุดๆจริงๆเลยนะคะ นอนไม่หลับค่ะ
ฟังดูเหมือนแก้ตัวน้ำขุ่นๆเนอะ หึหึ แต่จริงค่ะ ฟังแอร์บันนี่อธิบายก่อนค่ะ
ส่วนมากสายฯแขกของแอร์บันนี่ เวลาที่เครื่องออกมากที่สุดคือช่วงตีสองถึงหกโมงเช้าค่ะ
ไม่แน่ใจสำหรับสายฯอื่นนะคะ แต่สายฯนี้เช้าตรู่ค่ะ
สมมุติว่าวันจันทร์แอร์บันนี่มีไฟลท์ตอนตีสองใช่มั้ยคะ ตอนเที่ยงคืนต้องไปรายงานตัวที่ออฟฟิศแล้ว
เวลาลูกเรือไปทำงาน เราไม่ได้ไปที่สนามบินโดยตรงเลยเหมือนผู้โดยฯนะคะ เราไปที่ออฟฟิศก่อน
เที่ยงคืนนี่ต้องอยู่ที่ออฟฟิศแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นสี่ทุ่ม สี่ทุ่มครึ่งก็ต้องตื่นกันแล้ว แล้วจะไปนอนกันตอนไหน
ให้มาข่มตานอนกันตอนบ่ายๆก็ไม่ไหวค่ะ ลองมาหมดแล้วค่ะ
ตื่นเช้าๆ หาอะไรทำทั้งวัน กะเย็นๆคงง่วงแน่ๆ ไม่ค่ะ ไม่หลับ
หรือ ตื่นสายๆ ไปออกกำลัง กะให้เหนื่อยเต็มที่แล้วจะได้มาหลับก่อนไฟลท์ ไม่หลับอยู่ดีค่ะ
ส่วนตัวแล้วแอร์บันนี่เป็นคนหลับยาก ตื่นง่ายค่ะ บ่นให้พ่อฟังหลายที
พ่อเลยบอกว่า ลองไปเป็นยามดูซิ ดูเหมาะกับอาชีพดี แป่ว!!
นั่นคือคำแนะนำของพ่อตัวเองค่ะ หึหึ
ที่ต้องไปที่ออฟฟิศก่อนเพราะต้องการมีคุยกันเกี่ยวกับไฟลท์ที่จะทำก่อน (บรีฟฟิ่ง)
เช่น ทำความรู้จักกัน เพราะส่วนมากลูกเรือแต่ละไฟลท์นี่เราไม่รู้จักกัน แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนนะคะ
หรืออาจจะเคยปิ๊งๆกันตามผับ ตามบาร์แล้วก็พึ่งจะได้มาเจอกันจริงๆจังๆก็วันนี้แหละค่ะ
แล้วก็ถึงรู้ว่า "อ้าว เป็นเกย์หรอ" หึหึ
แล้วทุกไฟลท์ก็เปลี่ยนลูกเรือไปเรื่อยๆค่ะ น้อยครั้งมากที่จะได้บินกับคนเดิมๆ แนะนำตัวแบบลวกๆ ใครชื่อะไร มาจากประเทศไหนแล้ว
หัวหน้าใหญ่ก็จะมีการถามคำถามลูกเรือเกี่ยวกับความปลอดภัยต่างๆนานาๆ ใครตอบไม่ได้ ได้อีกคำถามนึง
ถ้ายังตอบไม่ได้อีกก็กลับบ้านค่ะ โดนเขียนรีพอร์ทกันไป พูดจริงค่ะ
ถามคำถามกันเสร็จก็คุยกันเกี่ยวกับข้อมูลของไฟลท์ มีอะไรเป็นพิเศษรึปล่าว
เช่น มีวีไอพีรึป่าว มีผู้โดยฯคนไหนต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ย
เสร็จคนขับฯก็จะเข้ามาทำความรู้จักลูกเรืออย่างผิวเผิน เพราะเวลาจำกัดค่ะ เดี๋ยวค่อยคุยต่อกันบนไฟลท์


สาเหตุถัดมา เจ็ทแล็กค่ะ อย่างไฟลท์ใกล้ๆ เวลาต่างกันสาม สี่ชั่วโมงนี่ไม่เท่าไหร่ค่ะ
แต่ถ้าโดนไฟลท์จิงโจ้ ไฟลท์อเมริกา หรือ อเมริกาใต้นี่หนักค่ะ ต่างกันอย่างน้อยก็หกชั่วโมง นอนยากจริงๆค่ะ
ไปถึงบ้านเค้า ยังบ่ายๆเย็นๆ แต่เมืองแขกปาไปเช้าตรู่แล้ว จะนอนก็ยังนอนไม่ได้ทั้งที่ไฟลท์ก็ยาวมาก
อย่างน้อยไฟลท์ก็แปดชั่วโมงได้ ไฟลท์ยาวสุดก็สิบหกชั่วโมงได้ค่ะ
แต่ถ้าถามว่า "อ่าว ละบนไฟลท์ไม่ได้พักหรอ" ได้พักค่ะ ที่นอนเค้าก็มีให้ แต่นอนไม่หลับค่ะ
เสียงดังเอย ตกหลุมอากาศเอย สารพัดค่ะ
สรุป ไปถึงโรงแรมง่วงมาก บางทีง่วงจนมันนอนไม่หลับ
คิดว่าหลายคนเคยเป็นนะคะ แบบอ่านหนังสือโต้รุ่งใกล้สอบ
ตอนเช้าจะกลับไปนอนที่บ้าน ดันนอนไม่หลับ หึหึ ทำบ่อยค่ะ
วกกลับเรื่องโรงแรมค่ะ กว่าจะนอนหลับก็ใกล้เวลาที่ต้องตื่น
หรือนอนหลับไปแป๊บเดียว ต้องรีบตื่นไปช้อปปิ้ง หรือออกไปดูบ้านเมืองเค้า เดี๋ยวเวลาไม่พอ
ถ้าถามอีกว่า "จะรีบทำไม ทำไมไม่นอนก่อน" คือไฟลท์ส่วนมากของสายฯแขกเราค้างแต่ละที่แค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ
ใช่ค่ะ ไม่ว่าจะไปไกลถึงอเมริกา ไฟลท์สิบสองชั่วโมง เวลาต่างกันประมาณอีกสิบชั่วโมง
สายฯแขกเราก็ค้างคืนเดียวค่ะ ประหยัดตังค์
ลูกเรือก็ทนทำไฟลท์พวกนี้ค่ะ แอร์บันนี่ก็หนึ่งในนั้น ทำไมหรอคะ บ้าซื้อของบางยี่ห้อค่ะ เพราะบางอย่างหาได้เฉพาะในประเทศนั้นๆเท่านั้นๆ
อีกอย่างหรอคะ ค่าชั่วโมงบินเยอะดีค่ะ เพราะไฟลท์ยาว จะได้เอาค่าชั่วโมงบินไปทดแทนกับค่าช้อปปิ้งได้ค่ะ
อย่างน้อยแอร์บันนี่ก็หลอกตัวเองไปแบบนั้น หึหึ


และสาเหตุที่สาม สาเหตุหลักสุดท้าย สาเหตุนี้เห็นแก่ตัวนึดนึงค่ะ อย่าว่าแอร์บันนี่นะคะ
นั่นคือ ไม่ได้นอนค่ะ ส่วนมากเหตุผลข้อนี้ใช้ได้กับลูกเรือที่ทำไฟลท์กลับประเทศของตนค่ะ
เช่น เวลาแอร์บันนี่ได้ไฟลท์ กทม. ค่ะ
"อ้าว ทำไมไม่นอนหล่ะ" นอนค่ะ นอนน้อยมาก หรือแทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะเสียดายเวลาค่ะ
นานๆได้กลับที จะมัวเสียเวลานอนก็ใช่เรื่อง เพราะมีสิ่งที่ต้องทำร้อยแปด ไหนต้องเจอเพื่อนอีก สารพัดค่ะ
คือจริงๆแล้ว งกค่ะ กลัวมาแล้วไม่คุ้ม เลยขอไม่นอน หรือนอนน้อยดีกว่า
คิดว่าอดนอนอีกซักห้า หกชั่วโมงแล้วค่อยกลับไปนอนที่เมืองแขก
จนทุกวันนี้แอร์บันนี่ยังขอบคุณคนที่คิดค้นเครื่องสำอางค์มาจริงๆค่ะ
ไม่ว่าหน้าตอนสี่ทุ่ม หรือตีสองของคุณจะแย่ขนาดไหน
ถ้ามีบ๊อบบี้ บราวน์, แอนนา ซุย, หรือฟรองซัวส์ นารส์ แตะอยู่ซักส่วนบนใบหน้า ผีก็กลายเป็นคนได้ทันทีค่ะ หึหึ


แอร์บันนี่เข้าใจนะคะว่า คุณอาจคิดว่านี่มันไม่แฟร์สำหรับผู้โดยฯอย่างคุณ
คุณจ่ายตังค์มาตั้งเยอะ แต่ดันมาเจอลูกเรือหน้าบูด เซ็งนะคะ
ค่ะ แต่ขอคุณช่วยมองจากมุมมองของลูกเรือหน่อยนะคะ
คราวหน้าอนุญาตให้เซ็งได้เหมือนเดิมค่ะ แต่ขอให้เซ็งน้อยลง และขอให้เข้าใจลูกเรือมากขึ้น
ลูกเรือก็คือผู้ทำงานบริการที่มีเวลาทำงาน เวลาพักผ่อนไม่แน่นอนคนนึงค่ะ
บางคนโดนเรียกจากสแตนด์บายให้มาทำงาน โดยไม่รู้มาก่อนว่าไฟลท์ที่จะได้สั้น หรือยาวแค่ไหน
หรือบางคนพึ่งเลิกกับแฟน กระเป๋าตังค์หาย หรือเซ็งหน้าลูกเรือด้วยกันเอง หน้าเลยบูดๆเป็นตูดหน่อย
คราวหน้าคุณก็ลองยิ้มให้ลูกเรือหน้าบูดๆดูก่อนก็ได้นะคะ เพราะรอยยิ้มเป็นโรคติดต่อค่ะ
จะมีใครซักกี่คน เห็นคนยิ้มให้แล้วไม่ยิ้มตอบ
ยังไงลองดูนะคะ คิดว่าน่าจะใช้ได้ผลดี ได้ผลหรือยังไง มาบอกแอร์บันนี่ด้วยนะคะ




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 มีนาคม 2553 13:41:45 น.
Counter : 1141 Pageviews.  

แฉชีวิตลูกเรือไทยในสายการบินแขก ตอน: " แท้จริงแล้วก็มิได้สวยงาม "





สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านSmiley
กลับมาจากกทม.ถึงเมืองแขกแล้วค่ะ ได้เจอเพื่อนๆ ทานอาหารดีๆ
คราวนี้ไปทานข้าวเย็นที่ร้านมินิบาร์ค่ะ ร้านเล็กๆน่าีรัก อาหารอร่อยจัง
แล้วไปต่อที่ร้านฟาลาเบลล่าค่ะ คนเยอะ แต่ก็สนุกดีค่ะ
แต่เมื่อวานตารางบินของเดือนหน้าออกแล้ว เศร้าค่ะ ไฟลท์ไม่ดีเลย
ขอวันหยุดเพิ่มก่อนลาพักร้อนก็ไม่ได้ เศร้าจริงๆค่ะ
หยุดวันนี้ก็คงต้องนั่งแลกไฟลท์มือหงิกแน่ๆค่ะ




" แท้จริงแล้วก็มิได้สวยงาม "





หลายๆคน(รวมทั้งตัวแอร์บันนี่เอง)ก็คงเคยคิดใช่มั้ยคะว่าทำงานบนเครื่องบินมันดูหรู ดูดีจัง
จากยูนิฟอร์มที่ใส่ เดินเชิดๆลากกระเป๋ามาทำงาน ได้ไปเที่ยวประเทศต่างๆ
ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้หรู ดูดีเหมือนที่หลายคนมองจากภายนอกหรอกค่ะ
เหตุผลหลักนึงคือ มันเหม็นค่ะ เหม็นอะไรหรอคะ
เหม็นเท้า เหม็นกลิ่นตัว เหม็นกลิ่นปาก และที่สำคัญเหม็นตดค่ะ เหม็นจริงๆค่ะ


ท่านผู้อ่านเคยสงสัยมั้ยคะระหว่างเดินไปขึ้นเครื่อง ก่อนถึงประตูเครื่องมันจะมีกลิ่นแปลกๆของเครื่อง
นั่นคือกลิ่นของทุกความเหม็นที่เก็บสะสมไว้เป็นเวลาหลายชั่วโมงนั่นเองค่ะ
เครื่องบินที่ทุกท่านขึ้นส่วนมากมีเวลาทำความสะอาด โหลดอาหารใหม่ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนคุณได้ขึ้น
เพราะเครื่องที่มาจอดรับคุณก็คือเครื่องที่มาส่งผู้โดยฯไฟลท์ก่อนหน้าคุณ
พอผู้โดยฯชุดนั้นลงปุ๊บ พนักงานทำความสะอาดก็กรูกันเข้ามารีบทำความสะอาดปั๊บ
อย่าคิดว่าเครื่องบินสะอาดนะคะ ไม่สะอาดค่ะ
พื้นเอย ที่นั่งเอย โดยเฉพาะห้องน้ำนี่อย่าคิดเลยค่ะ
มันดูสะอาดก็จริงแต่จริงๆแล้วมันไม่สะอาดค่ะ
คุณต้องเข้าใจนะคะว่าพนักงานทำความสะอาดเค้ามีเวลาจำกัดค่ะ
มีเวลาประมาณยี่สิบถึงสามสิบนาทีก่อนพวกคุณจะได้ขึ้น
การทำความสะอาดของเค้าก็ตามนี้ค่ะ ที่นั่งนี่ก็แค่มาเก็บเศษขยะ
เปลี่ยนปลอกหมอน เปลี่ยนกระดาษตรงที่พักหัว ส่วนพื้นเข้าก็ดูดฝุ่น
ห้องน้ำหรอคะ เข้าก็เอาสเปรย์มาฉีดๆตรงที่นั่ง เช็ดๆ
แล้วก็เอาผ้าผืนเดิมไปเช็ดพื้น ซักๆนิดนึง บิดๆ
แล้วก็เอาผ้าผืนเดิมผืนนั้นเช็ดอ่างล้างมือต่อ
ชุบน้า บิดๆ แล้วก็เอาผ้าผืนเดิมไปเช็ดกระจก
สรุปมีผ้าผืนเดียวค่ะ อเนกประสงค์ค่ะ หึหึ


กลิ่นเหม็นบนเครื่องเป็นกลิ่นที่ลูกเรือทุกคนต้องสูดดมเป็นประจำ จนเป็นเรื่องปกติ
กลิ่นแรกคือกลิ่นตัว เป็นกลิ่นแรกสุดที่เราต้องดมกันตั้งแต่ผู้โดยฯเดินขึ้นเครื่องมาเลย
บางคนมีกลิ่นตัวแรงโดยธรรมชาติ อย่างเช่น ผู้โดยฯจากแทบแอฟริกา หรือผู้โดยฯหัวยึกยัก
ผู้โดยฯบางคนขึ้นมาหลายไฟลท์ ต่อเครื่องมาเรื่อยๆ ไม่มีโอกาสได้อาบน้ำ
บางคนต้องเช็คเอาท์จากโรงแรมแต่เช้า ทำธุระหรือไปเที่ยวมาทั้งวัน
แล้วมาขึ้นเครื่องตอนเย็นๆ เลยไม่มีเวลาอาบน้ำ


กลิ่นต่อมาคือกลิ่นเท้า ขึ้นเครื่องมาปุ๊บ นั่งลง ถอดรองเท้าเพื่อผ่อนคลาย
แต่คนรอบข้างและลูกเรือไม่ได้ผ่อนคลายแล้วค่ะ เพราะต้องดมกลิ่นเท้าของท่านไป
บางคนถึงขึ้นเราต้องเดินเข้าไปบอกว่า
"คุณคะ เครื่องฯใกล้ออกแล้ว กรุณาสวมรองเท้าด้วยคะ เพราะคุณไม่สามารถทิ้งรองเท้าไว้ตรงนี้ได้"


และสองกลิ่นสุดท้ายที่รุนแรงมาก คือกลิ่นปากและตดค่ะ
สองกลิ่นนี้จะมีความรุนแรงมากโดยเฉพาะไฟลท์ดึกค่ะ
ขอเริ่มที่ตดก่อนละกันนะคะ
คนส่วนมากตดเวลาหลับโดยไม่รู้ตัวค่ะ ลูกเรือก็ต้องเดินไปมาในเคบินอยู่ประจำ
ใครแจ็คพอตก็โดนลูกใหญ่ ใครโชคดีก็โดนลูกเล็กไป
เหตุผลนึงที่ทำให้คุณมีแก๊สในกระเพราะเยอะบนเครื่อง นั่นคือความดันอากาศค่ะ
ซึ่งนั่นมีผลถึงส่วนอื่นๆในร่างกายคุณด้วย เช่น เท้าบวม รองเท้าคุณจะคับมากเวลาเครื่องลง
ใครที่ใส่รองเท้าส้นปรี๊ด หรือรองเท้าหนังแข็งๆนี่ลำบากค่ะ กรุณาเลี่ยงนะคะ
อีกอย่างคือ ท้องพองค่ะ พองเหมือนถุงขนมที่อัดลมเข้าไปเยอะๆจนมันตึงๆ จนคุณรู้สึกไม่สบายตัว


กลิ่นสุดท้ายคือกลิ่นปาก
เวลาผู้โดยฯตื่นมาทานอาหารเช้า โอ้ยคุณคะ จะเป็นลมค่ะ
เวลาสั่งอาหารชอบตะโกนกันเหลือเกิน หันหน้าหนีแทบไม่ทัน
มันเหม็นค่ะ โดยเฉพาะไฟลท์จีน
ลูกเรือส่วนมากลงความเห็นว่าเหม็นที่สุดค่ะ
เพราะปกติเค้ามีกลิ่นปากกันอยู่แล้ว แต่ยิ่งมาโดนตอนเช้าตรู่นี่พูดไม่ออกค่ะ
ถ้าคุณรู้ตัวว่าจะต้องตื่นมาทานอาหาร กรุณาเข้าห้องน้ำ แปรงฟันก่อนนะคะ
ไม่ได้เตรียมแปรงฟันมาก็ขอได้ค่ะ สงสารลูกเรือหน่อยนะคะ


ทานออมเล็ท ดื่มกาแฟ น้ำส้มคั้นกันเสร็จก็ปวดอึกันค่ะ
แล้วส่วนมากห้องน้ำจะใกล้ครัว ซึ่งครัวจะเป็นบริเวณที่พักของลูกเรือ
ลูกเรือนึกว่าจะรอดจากกลิ่นเหม็นแล้ว ยังค่ะ
ต้องตามมาหลอกหลอนกันต่อด้วยอึค่ะ
เหม็นกว่าอีก บางคนลืมกดเวลาเสร็จก็มี
อาวุธที่ลูกเรือมีไว้ต่อสู้กับกลิ่นเหม็นที่มาจากส่วนต่างของผู้โดยฯมีสองอย่างค่ะ
หนึ่งคือสเปรย์ดับกลิ่นค่ะ ซึ่งบางทีก็ได้ผล บางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากค่ะ
บางทีทำให้กลิ่นแย่ลงไปอีกก็มี
และสองคือตดของลูกเรือเองค่ะ
ลูกเรือบางคนก็เดินเข้าไปตดในเคบินแล้วก็เดินออกมา
ปล่อยให้ผู้โดยฯมองหน้า งงกันเองว่าลูกนั้นเป็นของใคร ฮาาาาา




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 มีนาคม 2553 13:40:51 น.
Counter : 950 Pageviews.  

แฉชีวิตลูกเรือไทยในสายการบินแขก ตอน: " ยกให้ตลอดรอดฝั่ง "





สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านSmiley
ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงค่ะ คืนนี้แอร์บันนี่มีไฟลท์ กทม. ค่า!!!
ดีใจจริงๆ เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้ทำไฟลท์กทม.ก็เกือบๆครึ่งปีได้
ไฟลท์นี้ได้ยากจริงๆค่ะ ดวง ดวง ดวงและดวงเท่านั้น
ไม่ว่าลูกเรือชาติไหน ดำ ขาว เหลือง อ้วน เตี้ย ผอม สูง หญิง ชาย ตุ๊ด แต๋วขอไฟลท์นี้กันทุกคนค่ะ
บางคนโชคดีจริง ได้เดือนละสามไฟลท์หลายเดือนติดกัน
พอได้เยอะๆ บางคนก็บ่นค่ะ บ่นว่าเบื่อเพราะไปบ่อยเกิน
พอแอร์บันนี่ไปขอแลก เค้าไม่ให้ค่ะ เอ๊ะ ไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่เดือนนี้โชคดีค่ะ เพราะมีคนเอาไฟลท์กทม.มาขอแลกกับไฟลท์จิงโจ้ของแอร์บันนี่ค่ะ
จะเหลือหรอคะ กดรับทันทีค่ะ พรุ่งนี้บ่ายๆเจอกันที่กทม.ค่ะ




" ยกให้ตลอดรอดฝั่ง "





เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างผู้โดยฯกำลังขึ้นเครื่อง
ผู้โดยฯหญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ
นั่งชั้นตั๋วแพงและที่สำคัญ บลิงมากค่า ใส่เครื่องประดับมาเพียบ!!!
เดินมาถึงประตูเครื่อง แล้วเธอก็โยนกระเป๋าลงตรงนั้น
แอร์บันนี่และลูกเรือเกาหลีมองหน้าเธอด้วยความงง
ผู้โดยฯไม่สนใจ เดินไปยังที่นั่งของตนหน้าตาเฉย
ลูกเรือเกาหลีหันมามองหน้าแอร์บันนี่ แล้วส่ายหน้า
แอร์บันนี่เดินตาม เตือนผู้โดยฯคนนั้นว่า "คุณคะ คุณลืมกระเป๋าไว้ที่ประตูค่ะ"
ผู้โดยฯตอบว่า "เปล่า มันหนัก" แอร์บันนี่อึ้งค่ะ อึ้งไปเล็กน้อย
แล้วพูดต่อว่า "คุณคะ ถ้าคุณอยากเก็บกระเป๋าไว้บนเครื่อง กรุณาเดินไปรับกระเป๋าคุณที่ประตูค่ะ
มิเช่นนั้นเราต้องโหลดกระเป๋าลงใต้ท้องเครื่องนะคะ"
สงสัยผู้โดยฯลืมไปว่า บนเครื่องเราไม่ได้มีพนักงานยกกระเป๋าเหมือนในสนามบินนะคะ
ผู้โดยฯเริ่มชักสีหน้า
แล้วถามแอร์บันนี่ว่า "ยกมาให้หน่อยไม่ได้หรอ???"


ฮ่าๆๆๆ ตลกค่ะ ตลกจริงๆ พูดมาได้ยังไงคะ
แอร์บันนี่เลยแสยะยิ้มแล้วหยอกๆไปว่า "คุณพูดเล่นใช่มั้ยคะ"
แล้วแอบเหน็บต่อว่า "ถ้าคุณบอกว่ากระเป๋าคุณเองหนัก คุณยังยกไม่ไหว
แล้วดิชั้นจะยกไหวได้ยังคะ ตัวคุณใหญ่กว่าดิชั้นตั้งเยอะ!!!"
แล้วยิ้มค่ะ ยิ้มอย่างเดียว
ผู้โดยก็คงพยายามแปลความหมายของประโยคที่แอร์บันนี่พึ่งพูดไป
ในใจคงคิดว่า ยัยนี่ว่าชั้นว่าอ้วนเร๊อะ?
เอ๊ะ ปล่าวนะคะ แอร์บันนี่ไม่ได้ใช้คำว่า "อ้วน" นะคะ
แล้วเค้าก็นั่งอยู่อย่างนั้น ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลุกไปเก็บกระเป๋ามา
แอร์บันนี่เลยบอกว่า
"งั้นดิชั้นขอตัวไปเรียกกราวด์สต๊าฟมาเอากระเป๋าคุณโหลดลงใต้ท้องเครื่องนะคะ"
แค่นั้นแหละค่ะ ผู้โดยฯก็เดินสะบัดตูดไปรับกระเป๋าที่ประตูซะ


หลายครั้งทีเดียวที่เล่าลูกเรือต้องเผชิญปัญหานี้กับผู้โดยฯชาย
มาถึงก็วางเลย ไม่สนใจอะไรแล้ว
โอเคค่ะ บางทีผู้หญิงเรายังพอเข้าใจนะคะ
แต่นี่ถ้าคุณเป็นผู้ชาย มันน่าอาย ขายหน้าตัวเองปล่าวๆค่ะ


นี่คือปัญหาที่ลูกเรืออย่างแอร์บันนี่ต้องเผชิญแทบทุกวันก่อนเครื่องออก
และหลายครั้งปัญหานี้ทำให้เครื่องล่าช้า
ส่วนมากกระเป๋าที่ผู้โดยฯหลายคนหิ้วมานั้นมันใหญ่มาก
ใหญ่เกิ้นค่ะคุณ ใหญ่ขนาดที่ควรเป็นกระเป๋าที่โหลดเข้าใต้ท้องเครื่อง
บางคนกลัวว่ากระเป๋าจะหายถ้าโหลดเข้าท้องเครื่อง
เลยขนขึ้นเครื่องมันมาซะหมด
กระเป๋าคุณไม่หายไปไหนหรอกค่ะ
มันอยู่ใต้ที่นั่งคุณแหละค่ะ


คุณเคยสงสัยมั้ยคะว่าทำไมบางสายการบินเค้าเข้มงวดมาก
สำหรับขนาดและน้ำหนักของกระเป๋าที่คุณสามารถหิ้วเครื่องขึ้นได้
โดยทั่วไปแล้วนอกจากกระเป๋าสะพายของคุณผู้หญิง หรือกระเป๋าแลปทอปแล้ว
คุณสามารถลาก/หิ้วกระเป๋าขึ้นเครื่องได้อีกหนึ่งใบ
สายการบินบางสายเข้มมาก
ถึงขั้นให้กราวด์สต๊าฟเดินตรวจขนาด และน้ำหนักของกระเป๋าหิ้วของคุณก่อนขึ้นเครื่อง
เหตุผลง่ายๆคือ ที่เก็บกระเป๋าบนเครื่องมันจำกัดค่ะ


ผู้โดยฯจำนวนไม่น้อยขึ้นมาบนเครื่องแล้ว ทิ้งกระเป๋ามันซะตรงนั้น
ถ้ากระเป๋าใบเล็กๆคุณสามารถเก็บไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าของคุณได้
แต่ถ้ายัดไม่เข้า คุณก็ต้องเก็บไว้ที่เก็บของเหนือศรีษะ
ถ้าคุณไม่อยากยกเองเพราะหนักไป หรือใหญ่ไป
ขอให้ลูกเรือช่วยได้ค่ะ เค้าช่วยคุณอยู่แล้ว
แต่ถ้าคุณมาถึงแล้วทิ้งมันซะตรงนั้น
อารมณ์ที่ว่า "ชั้นลากมาไกลพอแล้ว"
ลูกเรืออย่างเราต้องเอากระเป๋าคุณลงใต้ท้องเครื่องอย่างเดียวค่ะ


กระเป๋าที่คุณหิ้วขึ้นเครื่องควรเป็นใบที่พกพาง่าย ไม่หนักมาก
บางทีเครื่องไม่ได้จอดตรงที่มีงวงมารับ
คุณต้องนั่งรถบัสไปขึ้นเครื่อง
ไปถึงคุณต้องเดินขึ้นบันไดอีก
เวลาคุณจัดกระเป๋า ช่วยห่วงสุขภาพใหล่และหลังของคุณเอง
และสุขภาพขอลลูกเรือที่ต้องช่วยคุณยกกระเป๋าหน่อยนะคะ






 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 มีนาคม 2553 13:40:07 น.
Counter : 1045 Pageviews.  

แฉชีวิตลูกเรือไทยในสายการบินแขก ตอน: " น้ำสลัดเป็นเหตุ "





สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านSmiley
เมื่อคืนใครไปออกไปฉลองที่ไหนกันแบบโรแมนติค หรือแบบแบดโรแมนซ์กันที่ไหนบ้างคะ
แอร์บันนี่ได้ฉลองที่บ้านที่เมืองแขกนี่แหละค่ะ
เพราะเช็คราคาตามร้านอาหารแล้ว ไม่ไหวค่ะ แพงเกิ้น
อาหารสามคอร์สแบบถูกสุดตกคนละประมาณสามพันห้าค่ะ คนละนะคะ ได้แชมเปญแก้วนึง
ไม่ไหวค่ะ เลยตัดสินใจอยู่บ้าน แชมเปญหมดไปขวดนึง ไม่เสียเงินด้วย เพราะเหลือมาตั้งแต่ปีใหม่ค่ะ





" น้ำสลัดเป็นเหตุ "





ใครจะคิดคะว่า แค่น้ำสลัดก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้
เหตุเกิดตอนไฟลท์ขากลับจากสกอตแลนด์ค่ะ แอร์บันนี่ก็เสริ์ฟอย่างสวยงามอยู่ในชั้นตั๋วแพงตามปกติ
พอมาถึงผู้โดยฯชายหน้ากลัว ตัวใหญ่คนนี้แหล่ะค่ะ เค้าอยากได้น้ำสลัดแบบเปรี้ยวค่ะ ซึ่งมันหมดไปแล้ว
แอบมองดูชื่อในลิสต์ ปรากฏว่าเค้าเป็นสมาชิกชั้นเยี่ยมค่ะ
ซึ่งสายฯแขกของแอร์บันนี่เน้นย้ำทุกวันว่า ถ้าเป็นสมาชิกชั้นเยี่ยมแล้ว ต้องพินอบพิเทา เอาใจเป็นพิเศษเพราะตั๋วเราแพงจริงค่ะ
ซึ่งวันนั้นแอร์บันนี่ก็อารมณ์ค่อนข้างดี เลยเอาใจผู้โดยฯคนนี้นี่หน่อย เพราะเห็นหน้าบูดตั้งแต่เดินขึ้นเครื่องมา


แอร์บันนี่ก็พยายามโฆษณาน้ำสลัดอีกสามชนิดที่เหลือค่ะ ขอย้ำอีกทีว่าสามชนิด
แต่ผู้โดยฯกลับจ้องหน้าแอร์บันนี่อย่างเยือกเย็น
เหมือนตอนเวลาตอนเราเด็กๆทำแม่โกรธมากๆ แล้วแม่ไม่อยากพูดด้วย แม่ได้แต่จ้องหน้าอย่างเดียว
ถ้ายังเด็กอยู่แอร์บันนี่ก็คงร้องไห้ไปแล้ว เำพราะสายตาที่จ้องมองมานั้น ช่างน่ากลัวและเยือกเย็นเหลือเกินค่ะ
แต่วันนั้นแอร์บันนี่ก็จ้องกลับค่ะ หนามทิ้มต้องเอาหนามบ่ง
แล้วก็แสยะยิ้ม แล้วพูดไปว่า "มันหมดค่ะคุณผู้โดยฯ ขออภัยค่ะ"


โอ้ย บอกว่า"หมด"เท่านั้นแหละคุณ ผู้โดยฯโกรธจนตัวสั่นค่ะ
คือเค้าก็โกรธตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอยืนยันว่าหมดจริงๆเท่านั้น เค้ายิ่งโกรธเข้าไปอีก
ผู้โดยฯรอบข้างก็เริ่มมองมาที่เราค่ะ อยากรู้อยากเห็นกันมากว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วผู้โดยฯคนนั้นก็ทนไม่ได้ค่ะ ชี้นิ้วตะโกนใส่หน้าแอร์บันนี่บอกให้ไปเรียกหัวหน้าใหญ่มา
เพราะการที่ไม่มีน้ำสลัดชนิดนี้ เป็นสิ่งเหลือทนจริงๆ


แอร์บันนี่เริ่มโกรธมากค่ะ แต่ต้องเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวไม่สวย
ดังนั้นก็เลยตอแหลยิ้มไป และตอบกลับไปว่า "ค่ะ เดี๋ยวจะไปเรียกหัวหน้าให้ค่ะ"
แล้วแอร์บันนี่ก็เดินเข้าไปบอกหัวหน้าใหญ่ในครัว หัวหน้าใหญ่ก็ทำหน้าเบื่อหน่าย
เพราะผู้โดยฯประเภทนี้หาได้ทุกวันในทุกไฟลท์ของสายฯแขกของแอร์บันนี่ค่ะ น่าภูมิใจเสียจริง


หัวหน้าใหญ่ก็ต้องออกมาขอโทษตามหน้าที่
โดยปกติแล้วผู้โดยฯประเภทนี้ขึ้นเครื่องมาแล้วคาดหวังว่าจะได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษค่ะ
เพราะคิดว่าการเป็นสมาชิกชั้นเยี่ยมนั้นต้องได้สิทธิพิเศษเหนือใคร
มันก็จริงค่ะ แต่แค่ในระดับนึง
อย่าลืมซิคะ ว่าเราบินอยู่ที่ความสูงตั้งสามหมื่นแปดพันฟุต จะเอาอะไรก็ต้องได้นั้น มันก็ค่อนข้างยาก
ส่วนมากก็ได้หมดแหละค่ะ ถ้ามีเราก็ให้ แต่ถ้าไม่มี คุณก็ต้องเข้าใจเราด้วยว่า เราไม่มีจริงๆ
ในกรณีนี้ แอร์บันนี่จะแอบเก็บน้ำสลัดไว้กินเองก็ใช่เรื่อง
จะขอให้คนขับ(เครื่องบิน)แวะจอดปั๊มน้ำมัน แล้ววิ่งไปหาซื้อให้ แบบนั้นมันก็ไม่ได้


หลังจากขอโทษขอโภยกันไปแล้ว แชมเปญสามสี่แก้วต่อมา ระดับอี่โก้เริ่มลดต่ำลง
ผู้โดยฯคนนั้นก็ขอน้ำสลัดชนิดที่เหลืออย่างสุภาพ
ใช้คำว่า กรุณา และขอบคุณอย่างเป็นว่าเล่น
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่สร้างเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดบนโลกนี้ขึ้นมา
ทำให้ผู้โดยฯและอี่แอร์อยู่กันอย่างสงบสุขค่ะ






 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 มีนาคม 2553 13:39:22 น.
Counter : 843 Pageviews.  

แฉชีวิตลูกเรือไทยในสายการบินแขก ตอน: " เมาแล้วต้องตีกัน "





สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านSmiley
สุขสันต์วันตรุษจีนและสุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ
ในที่สุดแอร์บันนี่ก็กลับมาถึงเมืองแขกค่ะ
เมื่อวานถือว่าเป็นไฟลท์ที่ค่อนข้างทรมาน แต่ชอบไฟล์นี้เป็นการส่วนตัว เลยต้องกลั้นใจทำค่ะ
ทรมานยังไงหรอคะ?
หนึ่ง เจ็ทแลกค่ะ มากด้วย เพราะเวลาต่างกันประมาณสิบชั่วโมง
สอง ไฟลท์ยาวค่ะ สิบสี่ชั่วโมง ทุกทีถ้าได้พักผ่อนอย่างดีมาก่อนไฟลท์เหมือนขาไป บินแหลกค่ะ แต่ถ้านอนไม่หลับเลยก่อนไฟลท์เหมือนขากลับมานี่ มันทรมานจริงๆค่ะ
และสาม ไฟลท์เต็มค่ะ และยังดีเลย์ประมาณชั่วโมงกว่าๆเนื่องจากต้องรอผู้โดยฯประมาณยี่สิบกว่าคนที่ต่อเครื่องมาค่ะ แต่หลังจากไฟลท์นี้ โชคดีได้หยุดอีกสามวันค่ะ





" เมาแล้วต้องตีกัน "





เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนสมัยแอร์บันนี่ยังเริ่มทำงานใหม่ๆ ยังเอ๊าะๆอยู่ในชั้นประหยัดค่ะ
ไฟลท์นี้ขึ้นชื่อรือนามมาก ใครเห็นเป็นต้องหนี
เป็นหนึ่งในไฟลท์ที่ยุ่งที่สุดในสายฯแขกก็ว่าได้ นั่นก็คือไฟลท์ลอนดอนเมืองผู้ดีนั่นเองค่ะ ยุ่งยังไงหรอคะ?


เริ่มที่(หนึ่ง) ผู้โดยฯส่วนมากถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ คือผู้โดยฯแขกหัวยึกยักที่ส่วนมากไปอยู่เมืองผู้ดีมานานทีเดียว
(สอง) ลูกเด็กเล็กแดงเยอะมากค่ะ ส่วนมากไปก็คลอดที่นู่นเพราะจะได้พาสปอร์ตสีแดงของเมืองผู้ดีค่ะ
(สาม)นอกจากอาหารพิเศษที่ต้องแจกให้เด็กก่อน อาหารพิเศษมังสวิรัติและเจเยอะมาก
เหล่าลูกเรือต้องแจกอาหารพิเศษเหล่านี้ก่อนอาหารปกติค่ะ
ซึ่งเวลาแจกอาหารพิเศษนี่ต้องเดินเอา ถือทีละสอง สามถาด บางทีมีเป็นจะร้อยถาดก็ต้องเดินกันขาขวิด
บวก ลบ คูณ หารเอาเองนะคะว่าต้องเดินกันคนละกี่รอบ และที่สำคัญ
(สี่)ไฟลท์นี้ออกเวลาประมาณเช้าตรู่มาก เพราะฉะนั้นอารมณ์ของเหล่าลูกเรือก็จะยังไม่ค่อยเข้าที่กันค่ะ


เรื่องนี้เกิดตอนขากลับจากลอนดอนค่ะ ออกจากลอนดอนประมาณบ่ายๆ ผู้โดยฯส่วนมากก็ยังไม่มีใครง่วงกัน
ดื่มแอลกอฮอล์กันเยอะค่ะ เพราะส่วนมากก็ไปเที่ยวกัน
สายแขกฯของแอร์บันนี่เป็นหนึ่งในสายฯที่ยังบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฟรี ไม่จำกัด และตัวเลือกเยอะมากทีเดียว
ผู้โดยฯก็เลือกดื่มกันตามใจชอบแหละค่ะ ใครมาเดี่ยวก็ดื่มคนเดียวเบาๆ ใครมาเป็นกลุ่มคณะก็ชนแก้วกันยกใหญ่
ผู้โดยฯส่วนมากลืมไปว่าการดื่มแอลกอฮอล์ที่ความสูงระดับสามหมื่นแปดพันฟุตนั้น
หนึ่งแก้วบนฟ้าเท่ากับประมาณสี่แก้วบนดินนะคะ
เวลาเมาบนฟ้าจะรู้สึกว่าเมาช้ากว่าเวลาเมาบนดินค่ะ ผู้โดยฯก็เลยดื่มเรื่อยๆเพราะยังไม่รู้สึกเมาซักที
แต่เหล่าลูกเรือเราก็จับตาดูนะคะ ใครเริ่มเมาแล้ว เราก็เสิร์ฟช้าลง
หรือว่าถ้าเมามาก เราก็ต้องของงดเสริ์ฟค่ะ
เพราะถ้าผู้โดยฯเมาแล้ว มันอันตรายต่อตัวเค้าเองและผู้โดยฯรอบข้างค่ะ


ตอนเครื่องเริ่มลดระดับลง แอร์บันนี่และเหล่าลูกเรือก็ได้ยินเสียงโวยวายในเคบินค่ะ ดังมาก
เราก็ไปดูกัน เพราะส่วนมากเวลาเราเสร็จเซอร์วิซกันแล้ว เหล่าลูกเรือก็จะนั่งคุยกันอยู่ในครัวค่ะ
ชะโงกออกไปดูในเคบิน เห็นผู้โดยฯชายแขกหัวยึกยักกำลังกระชากคอเสื้อของผู้โดยฯอีกคนนึงค่ะ
ลูกเรือและแอร์บันนี่ก็เริ่มมองหน้ากัน คิดกันว่าจะทำอย่างไรดี
ส่วนมากลูกเรือก็เป็นผู้หญิงกัน ถึงบางไฟลท์จะมีลูกเรือชาย ก็ชายไม่จริงค่ะ
ลูกเรือชายจริงๆนั้นหาได้น้อยมาก


ลูกเรือหญิงญี่ปุ่นคนนึงก็ตะโกนบอกให้หยุดค่ะ
แต่ผู้โดยฯสองคนนั้นก็ไม่ได้สนใจ เริ่มแลกหมัดกันแล้ว
ลากกันเข้ามาในครัว ลูกเรือก็เริ่มถอยห่างกัน
แอร์บันนี่ก็รีบโทรตามหัวหน้ารองซึ่งเป็นชายคนเดียวบนไฟลท์นั้น แต่ก็ชายไม่จริงค่ะ
หัวหน้ารองก็รีบวิ่งมา ลูกเรือทุกคนก็ยังหวั่นๆกันว่าหัวหน้ารองจะทำอย่างไร
หัวหน้ารองก็เดินเข้าไปแล้วบอกให้หยุด แล้วเอามือกันผู้โดยฯสองคนนั้นให้หยุด
ซึ่งตอนนั้นเราตกใจกันมากเพราะหัวหน้ารองกลายเป็นชายเต็มตัวขึ้นมาทันที


ถามผู้โดยฯบางคนที่เห็นเหตุการณ์แต่แรก เค้าก็บอกว่าสองคนนี่ดื่มเยอะพอสมควร
แล้วก็คงคุยผิดหูกัน เลยเริ่มลงไม้ลงมือแลกหมัดกันซะ
ดีที่หัวหน้ารองสามารถหยุดไว้ได้ มิฉะนั้นเหล่าลูกเรือคงต้องพากันมัดมือ มัดเท้าของผู้โดยฯสองคนนั้น
พอเครื่องลงตำรวจก็มารอนำตัวสองคนนั้นไปดำเนินการสืบสวน สอบสวนค่ะ


โชคดีที่ไม่มีใครโดยเฉพาะเด็กเล็กโดนลูกหลงของผู้โดยฯสองคนนั้น
อย่าลืมนะคะ ถ้าจะดื่มบนเครื่อง จิบเบาๆก็พอค่ะ
















 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 มีนาคม 2553 13:38:31 น.
Counter : 1019 Pageviews.  

1  2  3  4  

Air Bunny
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แอร์บันนี่เป็นลูกเรือไทยในสายฯแขก ที่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์การทำงานให้คนที่อยากเป็นลูกเรือ คนที่ไม่อยากเป็นลูกเรือ คนที่ชอบแอบมองลูกเรือ คนที่อยากมีแฟนเป็นลูกเรือ หรือคนที่ชอบทะเลาะกับลูกเรือได้ฟังกัน ว่าจริงๆแล้วอาชีพนี้เป็นอย่างไร

Friends' blogs
[Add Air Bunny's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.