" หน้าบูดเป็นตูดเป็ด! "
ก่อนคุณขึ้นเครื่อง แอร์บันนี่เข้าใจว่าใครๆก็อยากเห็นลูกเรือยิ้มแย้ม แจ่มใสเวลาคุณเดินขึ้นเครื่องไปใช่มั้ยคะ
ไม่ว่าจะเป็นไฟลท์ไหนก็ตาม แปดโมงเช้า ห้าโมงเย็น หรือตีสอง ผู้โดยฯก็ย่อมที่จะอยากเห็นรอยยิ้มของลูกเรือ
อย่างน้อยตอนเดินขึ้นเครื่อง เพราะความประทับใจแรกนั้นสำคัญยิ่งนัก
ก่อนมาทำงานนี้กแอร์บันนี่ก็เหมือนคุณแหล่ะค่ะ คิดว่าถ้าเห็นรอยยิ้มของลูกเรือตอนเดินขึ้นเครื่อง
อย่างน้อยเราก็รู้สึกอุ่นใจแบบถ้าเกิดอะไรขึ้น หรือมีปัญหา มีความรู้สึกว่าเราไม่กลัวที่จะเข้าไปถามลูกเรือ
แต่พอเดินขึ้นเครื่องมาแล้ว คุณเห็นลูกเรือเหม่อๆ หน้าบูดๆ จนคุณอดไม่ได้ต้องคิดในใจ
หรือซุบซิบกันตอนเดินผ่านไปแล้วว่า
" เป็นไรมากมั้ยเนี่ยะ ไม่ได้นอนรึไง ห๊ะ??? "
อันที่จริงขอตอบว่าถูกค่ะ ไม่ได้นอน หรือนอนไม่พอค่ะ
ส่วนมากก่อนขึ้นไฟลท์ น้อยคนมากที่จะได้พักผ่อนมาอย่างเต็มที่
สาเหตุที่ทำให้ลูกเรืออย่างเรานอนไม่เต็มที่ก่อนไฟลท์หรอคะ มีล้านแปดค่ะ
แต่ขอพูดถึงสามสาเหตุหลักๆ สามค่ะ ที่ทำให้บางครั้งลูกเรือหบ้าบูดเป็นตูดเป็ดนะคะ
สาเหตุแรกง่ายสุด ง่ายสุดๆ ง่ายสุดๆจริงๆเลยนะคะ นอนไม่หลับค่ะ
ฟังดูเหมือนแก้ตัวน้ำขุ่นๆเนอะ หึหึ แต่จริงค่ะ ฟังแอร์บันนี่อธิบายก่อนค่ะ
ส่วนมากสายฯแขกของแอร์บันนี่ เวลาที่เครื่องออกมากที่สุดคือช่วงตีสองถึงหกโมงเช้าค่ะ
ไม่แน่ใจสำหรับสายฯอื่นนะคะ แต่สายฯนี้เช้าตรู่ค่ะ
สมมุติว่าวันจันทร์แอร์บันนี่มีไฟลท์ตอนตีสองใช่มั้ยคะ ตอนเที่ยงคืนต้องไปรายงานตัวที่ออฟฟิศแล้ว
เวลาลูกเรือไปทำงาน เราไม่ได้ไปที่สนามบินโดยตรงเลยเหมือนผู้โดยฯนะคะ เราไปที่ออฟฟิศก่อน
เที่ยงคืนนี่ต้องอยู่ที่ออฟฟิศแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นสี่ทุ่ม สี่ทุ่มครึ่งก็ต้องตื่นกันแล้ว แล้วจะไปนอนกันตอนไหน
ให้มาข่มตานอนกันตอนบ่ายๆก็ไม่ไหวค่ะ ลองมาหมดแล้วค่ะ
ตื่นเช้าๆ หาอะไรทำทั้งวัน กะเย็นๆคงง่วงแน่ๆ ไม่ค่ะ ไม่หลับ
หรือ ตื่นสายๆ ไปออกกำลัง กะให้เหนื่อยเต็มที่แล้วจะได้มาหลับก่อนไฟลท์ ไม่หลับอยู่ดีค่ะ
ส่วนตัวแล้วแอร์บันนี่เป็นคนหลับยาก ตื่นง่ายค่ะ บ่นให้พ่อฟังหลายที
พ่อเลยบอกว่า ลองไปเป็นยามดูซิ ดูเหมาะกับอาชีพดี แป่ว!!
นั่นคือคำแนะนำของพ่อตัวเองค่ะ หึหึ
ที่ต้องไปที่ออฟฟิศก่อนเพราะต้องการมีคุยกันเกี่ยวกับไฟลท์ที่จะทำก่อน (บรีฟฟิ่ง)
เช่น ทำความรู้จักกัน เพราะส่วนมากลูกเรือแต่ละไฟลท์นี่เราไม่รู้จักกัน แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อนนะคะ
หรืออาจจะเคยปิ๊งๆกันตามผับ ตามบาร์แล้วก็พึ่งจะได้มาเจอกันจริงๆจังๆก็วันนี้แหละค่ะ
แล้วก็ถึงรู้ว่า "อ้าว เป็นเกย์หรอ" หึหึ
แล้วทุกไฟลท์ก็เปลี่ยนลูกเรือไปเรื่อยๆค่ะ น้อยครั้งมากที่จะได้บินกับคนเดิมๆ แนะนำตัวแบบลวกๆ ใครชื่อะไร มาจากประเทศไหนแล้ว
หัวหน้าใหญ่ก็จะมีการถามคำถามลูกเรือเกี่ยวกับความปลอดภัยต่างๆนานาๆ ใครตอบไม่ได้ ได้อีกคำถามนึง
ถ้ายังตอบไม่ได้อีกก็กลับบ้านค่ะ โดนเขียนรีพอร์ทกันไป พูดจริงค่ะ
ถามคำถามกันเสร็จก็คุยกันเกี่ยวกับข้อมูลของไฟลท์ มีอะไรเป็นพิเศษรึปล่าว
เช่น มีวีไอพีรึป่าว มีผู้โดยฯคนไหนต้องดูแลเป็นพิเศษมั้ย
เสร็จคนขับฯก็จะเข้ามาทำความรู้จักลูกเรืออย่างผิวเผิน เพราะเวลาจำกัดค่ะ เดี๋ยวค่อยคุยต่อกันบนไฟลท์
สาเหตุถัดมา เจ็ทแล็กค่ะ อย่างไฟลท์ใกล้ๆ เวลาต่างกันสาม สี่ชั่วโมงนี่ไม่เท่าไหร่ค่ะ
แต่ถ้าโดนไฟลท์จิงโจ้ ไฟลท์อเมริกา หรือ อเมริกาใต้นี่หนักค่ะ ต่างกันอย่างน้อยก็หกชั่วโมง นอนยากจริงๆค่ะ
ไปถึงบ้านเค้า ยังบ่ายๆเย็นๆ แต่เมืองแขกปาไปเช้าตรู่แล้ว จะนอนก็ยังนอนไม่ได้ทั้งที่ไฟลท์ก็ยาวมาก
อย่างน้อยไฟลท์ก็แปดชั่วโมงได้ ไฟลท์ยาวสุดก็สิบหกชั่วโมงได้ค่ะ
แต่ถ้าถามว่า "อ่าว ละบนไฟลท์ไม่ได้พักหรอ" ได้พักค่ะ ที่นอนเค้าก็มีให้ แต่นอนไม่หลับค่ะ
เสียงดังเอย ตกหลุมอากาศเอย สารพัดค่ะ
สรุป ไปถึงโรงแรมง่วงมาก บางทีง่วงจนมันนอนไม่หลับ
คิดว่าหลายคนเคยเป็นนะคะ แบบอ่านหนังสือโต้รุ่งใกล้สอบ
ตอนเช้าจะกลับไปนอนที่บ้าน ดันนอนไม่หลับ หึหึ ทำบ่อยค่ะ
วกกลับเรื่องโรงแรมค่ะ กว่าจะนอนหลับก็ใกล้เวลาที่ต้องตื่น
หรือนอนหลับไปแป๊บเดียว ต้องรีบตื่นไปช้อปปิ้ง หรือออกไปดูบ้านเมืองเค้า เดี๋ยวเวลาไม่พอ
ถ้าถามอีกว่า "จะรีบทำไม ทำไมไม่นอนก่อน" คือไฟลท์ส่วนมากของสายฯแขกเราค้างแต่ละที่แค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ
ใช่ค่ะ ไม่ว่าจะไปไกลถึงอเมริกา ไฟลท์สิบสองชั่วโมง เวลาต่างกันประมาณอีกสิบชั่วโมง
สายฯแขกเราก็ค้างคืนเดียวค่ะ ประหยัดตังค์
ลูกเรือก็ทนทำไฟลท์พวกนี้ค่ะ แอร์บันนี่ก็หนึ่งในนั้น ทำไมหรอคะ บ้าซื้อของบางยี่ห้อค่ะ เพราะบางอย่างหาได้เฉพาะในประเทศนั้นๆเท่านั้นๆ
อีกอย่างหรอคะ ค่าชั่วโมงบินเยอะดีค่ะ เพราะไฟลท์ยาว จะได้เอาค่าชั่วโมงบินไปทดแทนกับค่าช้อปปิ้งได้ค่ะ
อย่างน้อยแอร์บันนี่ก็หลอกตัวเองไปแบบนั้น หึหึ
และสาเหตุที่สาม สาเหตุหลักสุดท้าย สาเหตุนี้เห็นแก่ตัวนึดนึงค่ะ อย่าว่าแอร์บันนี่นะคะ
นั่นคือ ไม่ได้นอนค่ะ ส่วนมากเหตุผลข้อนี้ใช้ได้กับลูกเรือที่ทำไฟลท์กลับประเทศของตนค่ะ
เช่น เวลาแอร์บันนี่ได้ไฟลท์ กทม. ค่ะ
"อ้าว ทำไมไม่นอนหล่ะ" นอนค่ะ นอนน้อยมาก หรือแทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะเสียดายเวลาค่ะ
นานๆได้กลับที จะมัวเสียเวลานอนก็ใช่เรื่อง เพราะมีสิ่งที่ต้องทำร้อยแปด ไหนต้องเจอเพื่อนอีก สารพัดค่ะ
คือจริงๆแล้ว งกค่ะ กลัวมาแล้วไม่คุ้ม เลยขอไม่นอน หรือนอนน้อยดีกว่า
คิดว่าอดนอนอีกซักห้า หกชั่วโมงแล้วค่อยกลับไปนอนที่เมืองแขก
จนทุกวันนี้แอร์บันนี่ยังขอบคุณคนที่คิดค้นเครื่องสำอางค์มาจริงๆค่ะ
ไม่ว่าหน้าตอนสี่ทุ่ม หรือตีสองของคุณจะแย่ขนาดไหน
ถ้ามีบ๊อบบี้ บราวน์, แอนนา ซุย, หรือฟรองซัวส์ นารส์ แตะอยู่ซักส่วนบนใบหน้า ผีก็กลายเป็นคนได้ทันทีค่ะ หึหึ
แอร์บันนี่เข้าใจนะคะว่า คุณอาจคิดว่านี่มันไม่แฟร์สำหรับผู้โดยฯอย่างคุณ
คุณจ่ายตังค์มาตั้งเยอะ แต่ดันมาเจอลูกเรือหน้าบูด เซ็งนะคะ
ค่ะ แต่ขอคุณช่วยมองจากมุมมองของลูกเรือหน่อยนะคะ
คราวหน้าอนุญาตให้เซ็งได้เหมือนเดิมค่ะ แต่ขอให้เซ็งน้อยลง และขอให้เข้าใจลูกเรือมากขึ้น
ลูกเรือก็คือผู้ทำงานบริการที่มีเวลาทำงาน เวลาพักผ่อนไม่แน่นอนคนนึงค่ะ
บางคนโดนเรียกจากสแตนด์บายให้มาทำงาน โดยไม่รู้มาก่อนว่าไฟลท์ที่จะได้สั้น หรือยาวแค่ไหน
หรือบางคนพึ่งเลิกกับแฟน กระเป๋าตังค์หาย หรือเซ็งหน้าลูกเรือด้วยกันเอง หน้าเลยบูดๆเป็นตูดหน่อย
คราวหน้าคุณก็ลองยิ้มให้ลูกเรือหน้าบูดๆดูก่อนก็ได้นะคะ เพราะรอยยิ้มเป็นโรคติดต่อค่ะ
จะมีใครซักกี่คน เห็นคนยิ้มให้แล้วไม่ยิ้มตอบ
ยังไงลองดูนะคะ คิดว่าน่าจะใช้ได้ผลดี ได้ผลหรือยังไง มาบอกแอร์บันนี่ด้วยนะคะ
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 18 มีนาคม 2553 13:41:45 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1142 Pageviews. |
|
เวลาขึ้นเครื่อง ป้าไม่ได้คาดหวังให้นางบำเรอกำปั่นเหาะมาฉอเลาะหรืออะไรมากมาย อย่ามาขบหัวอิชั้นเข้าก็พอใจมากแล้วค่ะ อิอิ