แม่จอมซ่าส์ชอบพาลูกเที่ยว
 
 

รูปดอกจันทน์กะพ้อของปีพ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009)

กระทู้ของปีนี้ไม่อยู่แล้วค่ะ

ปีนี้บานวันแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. อย่างที่เคยแจ้งไว้ว่าถ้าอากาศไม่หนาวจันทน์กะพ้อก็จะไม่ออกดอก ปีที่แล้วก็เริ่มเห็นเป็นตุ่มเล็กๆแล้ว แต่หนาวไม่นานก็เลยไม่ยอมโต แห้งไปเลย กลายเป็นใบอ่อนไปซะอีก ต้นปีนี้อากาศหนาวต่อเนื่องกันนานหน่อยก็เลยโชคดีได้เห็นดอก ดอกจันทน์กะพ้อจะบานแล้วเริ่มส่งกลิ่นหอมตอนค่ำ แล้วร่วงแยกเป็นกลีบในตอนเช้า



ช่อเดียวกันกับในรูปแรก แต่เป็นรูปของเช้าวันที่ 7 ก.พ. ช่อนี้อยู่สูงต้องซูมเอา ช่อล่างๆก็ยังไม่บาน



ปกติปีนึงจะออกดอกรุ่นเดียว แล้วทยอยบาน แต่ปีนี้ยังมีรุ่นสอง เป็นตุ่มเล็กๆตามมาอีก แต่ตอนนี้ไม่หนาวแล้ว ไม่รู้ว่ารุ่นนี้จะไม่ยอมโตแล้วแห้งไปเลยเหมือนปีที่แล้วหรือเปล่า



ดูดอกจันทน์กะพ้อกันใกล้ๆค่ะ



รูปนี้ช่อยาวที่สุดของปีนี้ค่ะ ปีนี้จะดอกเล็กกว่าแล้วช่อก็ไม่ใหญ่เท่าของเมื่อปี 2549 (2006)



รูปนี้จะเห็นว่า ดอกจันทน์กะพ้อจะเป็นช่อ กระจายอยู่ทั่วไป ที่มุมล่างสุดด้านขวาของรูปนี้จะเป็นช่อแรกที่บานที่เห็นจากในรูปแรก








 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 19:44:05 น.   
Counter : 1051 Pageviews.  


รูปดอกจันทน์กะพ้อของปีพ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006)

ไม่น่าเชื่อว่ากระทู้นี้จะยังเก็บอยู่ ใครอยากอ่านกระทู้ตามลิงค์นี้ไปเลยค่ะ

//topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2006/02/J4128233/J4128233.html


มาดูการเจริญเติบโตของดอกจันทน์กะพ้อกันค่ะ

เริ่มถ่ายจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เริ่มเห็นดอกโผล่ออกมานิดๆแล้ว



อีก 1 อาทิตย์ถัดมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ดอกตูมออกมาเต็มที่แล้วค่ะ



2 วันถัดมา วันที่ 11 กุมภาพันธ์ เริ่มบานแล้วค่ะ



วันที่ 18 กุมภาพันธ์ บานเต็มที่พร้อมกันเป็นช่อใหญ่ค่ะ



มาดูว่ากิ่งช่อดอกออกมาจากตรงไหนของกิ่งต้นจันทน์กะพ้อกัน



รูปต้นจันทน์กะพ้อที่บ้าน อายุหลายปีมากแล้ว ต้นสูงเท่ากับทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นเลยค่ะ



จันทน์กะพ้อร่วงพรูเป็นแบบนี้ค่ะ ดอกจะร่วงออกมาเฉพาะกลีบ เหลือรองดอกที่เป็นสีน้ำตาลติดกับต้นไว้



คุณแม่ชอบร้องเพลงนี้มาก ขอบคุณ K.thid chum ที่มาโพสต์ไว้ที่กระทู้ค่ะ

จันทน์กะพ้อร่วง

คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน


ดอกจันทน์กะพ้อร่วงพรู
เจ้ามิใช่ร่วงสู่แผ่นดินแห่งไหนโดยง่าย
ลมพาเอากลีบกระจาย
ร่อนปลิวพร่างพลิ้วพราย
ไม่มีที่หมายใด

ดูดังฝูงฝึ้งแตกรัง
เมื่อไร้กำลัง...หล่นก็ลงฝังทั่วไป
ไร้ผู้จะเหลียวใส่ใจ
ไม่มีใครที่ไหน
เก็บเอาไปเพื่อไว้บูชา

บางกลีบเขาเหยียบลง
แหลกเป็นผลอย่างไร้เมตตา
กลีบจมแผ่นดินสิ้นสูญราคา
กลิ่นนั้นหนายังหอมเป็นค่าผูกพัน

จันทน์กะพ้อคือเหล่าสตรี
มีราคีเพราะชายขยี้พรหมจรรย์
ความสาวแหลกเหลวสิ้นกัน
ไร้ค่าผูกพันเหมือนจันทน์กะพ้อร่วงพรู




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 19:02:56 น.   
Counter : 1558 Pageviews.  


ความรู้ทั่วไป และชื่อทางวิทยาศาสตร์ของจันทน์กะพ้อ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ใครอยากทราบรายละเอียดของจันทน์กะพ้อ คลิ๊กไปตามลิงค์นี้เลยค่ะ

ภาษาไทย
//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%AD

ภาษาอังกฤษ
//en.wikipedia.org/wiki/Vatica_diospyroides


ข้อมูลที่น่าสนใจบางส่วนจากวิกิพีเดีย เอามาให้ดูกันง่ายๆ

Binomial name: Vatica diospyroides

Conservation status

Critically Endangered (IUCN 2.3)

Scientific classification

Kingdom: Plantae
(unranked): Angiosperms
(unranked): Eudicots
(unranked): Rosids
Order: Malvales
Family: Dipterocarpaceae
Genus: Vatica
Species: V. diospyroides

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

จันทน์กะพ้อเป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (สูงประมาณ 5 - 15 เมตร) ต้นค่อนข้างตรง เปลือกเกลี้ยง เรือนยอดเป็นพุ่มรีหรือกว้าง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรียาว ขนาดยาว 7 - 9 เซนติเมตร กว้าง 2 - 3 เซนติเมตร สีเขียวเข้ม เรียงตัวแบบเวียนไปตามกิ่งห่างๆ กัน ดอกออกตามกิ่งเป็นช่อเล็กๆ ทยอยบานครั้งละ 1 - 2 ดอก แต่มักจะมีช่อหลายช่อเป็นกระจุกและเรียงเป็นระยะๆ ตามกิ่งดอกขนาด 1.2-1.5 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีขนสีน้ำตาลกลีบดอกเรียงเวียนซ้อนเกยกันเล็กน้อย ด้านในสีขาวนวลหรืออมชมพู ด้านนอกมีแถบแคบๆ มีขนละเอียดสีน้ำตาลอมแดง กลิ่นหอมแรง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน






 

Create Date : 31 ตุลาคม 2552   
Last Update : 31 ตุลาคม 2552 17:21:43 น.   
Counter : 1024 Pageviews.  



AiMaMi
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add AiMaMi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com