- - - - On the Path of Searching - สุดศิริ ปุยอ๊อก - - - -



เมื่อวานได้ไปดูงานศิลปะดีๆ มาชุดหนึ่งเลยอยากจะชักชวนให้เพื่อนๆ ไปดูบ้าง นั่นคืองานศิลปะของศิลปินหญิง สุดศิริ ปุยอ๊อก ดิฉันได้ยินชื่อสุดศิริครั้งแรกจากจักรวาล นิลธำรงค์ -คนทำงานศิลปะและหนังสั้น ตอนที่ดิฉันติดตามทีมงานนิตยสารฟิ้วไปร่วมสัมภาษณ์เขานั้น เราคุยกันตอนหนึ่งถึงเรื่องทุนในการทำงานศิลปะ จักรวาลเคยได้รับทุนไปเป็น Artist in Residence ที่อัมสเตอร์ดัม จำได้ว่าถามไปว่าทุนที่เขาได้นี่ใครเคยได้มาก่อนบ้าง จักรวาล ตอบว่า สุดสิริ ปุยอ๊อก ความที่มีชื่อพ่อของเธอ สงัด ปุยอ๊อก ( ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ท่านหนึ่ง) ติดอยู่ในหัว ดิฉันคิดไปเองเลยว่างานของเธอต้องเป็นเพ้นติ้งธรรมดาๆ เลยไม่ได้สนใจชื่อของสุดศิริเท่าไรนักในตอนนั้น





เดือนที่แล้ว เพื่อนศิลปิน-โลเล บอกว่า มีงานสวยมากของศิลปินหญิงคนหนึ่ง ห้ามพลาด แสดงที่อยู่ DOB แกลเลอรี่ที่อยู่ใกล้ๆ หัวลำโพง สวยมากต้องไปดูให้ได้ ศิลปินเจ้าของงาน Solo Exhibition นี่ชื่อสุดสิริ ปุยอ๊อก ดิฉันก็เอ๊ะ ชื่อนี้อีกแล้ว คุ้นๆ แถมโลเลยังส่งลิงก์เว็บไซด์ของเธอให้มาดูเป็นออเดิร์ฟ ดิฉันดูผลงานของเธอจากเว็บแล้วก็ร้อง เฮ้ย งานนี้ไม่ไปดูไม่ได้แล้ว

เมื่อวานสะสางงานเสร็จไปบางส่วน เลยนึกขึ้นมาได้ว่า มีงานศิลปะติดค้างที่เราตั้งใจไปดูนี่หว่า ตรงรี่ไปหัวลำโพงเลย เดินข้ามรถไฟฟ้าใต้ดินไปแกลเลอรี่ ดื่มคาปูชิโน่จากร้านข้างล่างไปหนึ่งแก้วก่อนเดินขึ้นไปชั้นสอง
พบกับงานศิลปะของเธอ ตื่นตาตื่นใจเป็นยิ่งนัก

งานของสุดศิริไม่ได้มีแค่เพ้นติ้ง แต่มีทั้งอินสตอลเลชั่น และงานวิดีโอ
-จริงๆ แค่เพ้นติ้งของเธอก็น่าดูมาก ใช้สีน้ำมัน สวย สะอาดตา สงบและเย็นเยียบในบางชิ้น-







ที่ดิฉันชอบมากคืองานเซ็ต Dinner ของเธอมันประกอบไปด้วยงาน
อินสตอลเลชั่น วิดีโอ และงานเพ้นต์ ( ลงบนจานเซรามิก )








ยืนดูวิดีโอของเธอ ( ยาว 15นาที) ด้วยความหลงใหล มันเป็นเรื่องของผู้หญิ่งคนหนึ่งนั่งกินข้าวคนเดียว มีเธอนั่งกินข้าวแบบฝรั่ง ใช้ช้อมส้อม ดื่มไวน์ และมีเธอคนเดียวกันนั่งกินข้าวอยู่อีกฝั่งกำลังกินข้าวแบบไทยๆ ด้วยมือ และมีเธอคนเดียวกันเสิร์ฟอาหารเพิ่มเข้ามาอยู่เรื่อยๆ

ตอนกลับออกมา ยังได้ไปเปิดอ่านสูจิบัตรงหน้างาน งานชุดดินเนอร์นี้ สุดศิริอธิบายงานของเธอเป็นภาษาไทยว่า "กินข้าวคนเดียวไม่อร่อย" เธอบอกว่าตอนอยู่อัมสเตอร์ดัม เธอต้องไปปารตี้บ่อยครั้ง ได้กินข้าวกับเพื่อนๆ ศิลปินมากหน้าหลายตา แต่ลึกๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวของการกินข้าวคนเดียว โอ อิจฉาศิลปิน สามารถบรรยายความโดดเดี่ยวได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด

งานของเธอน่าดูทุกชิ้นเลย อยากให้ไปดูกันค่ะ จัดแสดงจนถึงวันที่ 24 มีนาคมนี้ ที่ ดีโอบี แกลเลอรี่

ดีโอบี ( DOB Hualumphong gallery) เป็นแกลเลอรี่ศิลปะเพิ่งเปิดใหม่ สวยงาม เดินทางสะดวก อยู่ตรงสี่แยกหัวลำโพงเลย ไปรถไฟฟ้าลงตรงสถานีหัวลำโพงออกประตู 1 เดินมาให้ถึงสี่แยก ข้างล่างแกลเลอรี่เป็นร้านกาแฟสวย สงบ และโก้มาก ( สงบและโก้กว่าสตาร์บั๊ก แถมราคากาแฟถูกกว่ากันเกินครึ่ง )

รูปทั้งหมดมาจากเว็บของเธอ เข้าไปชิมลางดูประวัติและการงานของเธอได้ก่อน ที่นี่เลย

//www.sudsiripuiock.com/




 

Create Date : 11 มีนาคม 2552   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 18:11:35 น.   
Counter : 4148 Pageviews.  

+ + + + + + + + Fat Festival 8 - - Maywa Denki - A series of Nonsese + + + + + + + +





แฟตเฟสติวัลครั้งที่ 8 กลับมาอีกครั้งแล้ว ครั้งนี้จัดที่เดิมชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี วันที่ 8-9 พ.ย.นี้ และเช่นเดียวกับปีที่แล้ว ปีนี้จะมีสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ โผล่ขึ้นมาในฮอลล์ เราเรียกมันว่า"ศิลปะเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ " มันคืออะไรก็ได้ที่คุณไปดูแล้ว สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างความคิดใหม่ๆ ให้คุณ ( จริงๆ อาจไม่ต้องเรียกมันว่างานศิลปะก็ได้นะ )

ปีนี้งานศิลปะในแฟตเฟส 8 ยังคงมีหลากหลายเช่นเคย
แต่ จขบ. นี้ขอลำเอียงแนะนำเมวะ เด็นกินี้เป็นพิเศษ





เมวะ เด็นกิ ( Maywa Denki ) เราจะเรียกเขาว่าอะไรดี เป็นกลุ่มศิลปินจากญี่ปุ่นที่ผลิตอะไรที่ติงต๊องๆ อะไรที่ดูเหมือนสิ่งไร้สาระ พวกเขาจัดตั้งเป็นบริษัทด้วย มีประธานบริษัทเรียบร้อย ( ดูเป็นขนบของคนญี่ปุ่นจริงๆ )

เมวะ เด็นกิเริ่มต้นจากพี่น้องสองคน ที่สนใจเกี่ยวกับเครื่องประดิษฐ์ต่างๆ สิ่งที่พวกเขาสนใจประดิษฐ์ มักจะเป็นสิ่งที่ผู้คนคาดไม่ถึงเช่น เครื่องปล่อยลูกแอปเปิ้ล เครื่องทำให้เสียงสั่น เครื่องตีหัวเหมือนที่ใช้ในเล่นตลกคาเฟ่ เครื่องทำหน้าโกรธ ( พวกเขาจะประดิษฐ์สิ่งพวกนี้ไปทำไมหว่า คำตอบง่ายๆ คือพวกเขาอยากรู้ว่าเมื่อผู้คนเผชิญกับสิ่งอัจฉริยะปัญญานิ่มแบบนี้แล้ว ผู้คนจะมีปฎิกิริยาต่อสิ่งนี้อย่างไร )



แต่ความอัจฉริยะกึ่งๆ บ้าของพวกเขาไม่ได้หยุดแค่เครื่องประดิษฐ์ติงต๊อง ของเล่น และมันยังลามไปถึงเครื่องดนตรีด้วย พวกเขาประดิษฐ์เครื่องดนตรีแปลกๆ เช่น Takedamaru มันคือ แตรลมทรงแซ็กโซโฟน สามารถสร้างเสียงได้ 6 สเกล และมีไฟแว่บๆทุกครั้งที่เป่า หรือ Guitar-la slim (for night) เครื่องดนตรีพันธุ์ผสมระหว่างออแกน และ กีตาร์ ฯลฯ แน่นอนเมื่อมีดนตรีก็มีการแสดง พวกเขาจึงมีคอนเสิร์ตที่เล่นด้วยดนตรีที่พวกเขาประดิษฐ์เอง และทั้งของเล่นติงต๊อง เครื่องดนตรีติงต๊อง การแสดงติงต๊อง
จะมาปรากฎในงานแฟตเฟส 8 ครั้งนี้ด้วย



ฟังดูเผินๆ เหมือนเป็นปรากฎการณ์ติงต๊อง แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไรภายใต้ความติงต๊องเหล่านั้น ไม่อย่างนั้นเมวะ เด็นกิคงไม่ถูกเชิญไปแสดงงานตามแกลเลอรี่สำคัญๆ ทั่วโลก

หรือว่า เมวะ เด็นกิ อยากให้เราทบทวนความหมายของเทคโนโลยี ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากยิ่งเท่าไหร่ เรายิ่งต้องทบทวนความหมายของมันมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาบอกว่า

" เรารู้สึกว่าอุปกรณ์อย่างไอพอดหรือซินธีไซเซอร์มันให้ดนตรีเชิงข้อมูลกับเรา คือ เดี๋ยวนี้คนเราฟังเพลงจากลำโพงกันหมดแล้ว และถ้าสังเกตดีๆ คนฟังและทำดนตรีสมัยนี้เนี่ยจะชอบพูดอวดกันว่า ‘เพลงซาวนด์ประหลาดแบบนี้น่ะชอบ’ , ‘เพลงแบบนี้เราก็ remix ในคอมได้’ , ‘เรามีไฟล์เพลงเพียบเลย’ แต่ส่วนตัวพวกเราสนใจดนตรีที่เกิดจากการกระทบกันของวัตถุจริงๆมากกว่า เพราะฉะนั้นในขณะที่ทุกคนใช้เทคโนโลยีสร้างดนตรีแปลกๆใหม่ๆ พวกเรากลับใช้เทคโนโลยีมาสร้างการกระทบของวัตถุให้เกิดดนตรีแปลกใหม่ "

ยิ่งเพ่งพินิจสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา เราจะพบว่ามันไม่ใช่ของเล่นใหม่ๆ ของชาวเนิร์ด แต่มันคืองานฝีมืออันละเอียดลออของมนุษย์เรานี่เอง

รู้จักพวกเขามากกว่านี้ได้ที่นี่ //www.maywadenki.com/english/00main_e_content.html

แล้วจะพบว่าเราไม่สามารถนิยามพวกเขาได้ว่าเป็นศิลปิน เป็นนักประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้แปลกๆ เป็นนักประดิษฐ์ของเล่น เป็นนักแสดงเพอร์ฟอร์มานซ์ เป็นนักดนตรี แต่ว่าพวกเขาเป็นทุกอย่าง ( และอาจจะมากกว่า ) ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

งานศิลปะในแฟตเฟส 8 ไม่ได้มีแค่นี้ แต่มีมากกว่านี้ ไปดูรายละเอียดได้ที่นี่

//bangkokok.typepad.com/duckunit/

...

หมายเหตุ ก่อนเที่ยงคืนวันที่ 7
เพิ่งกลับมาจากชาเลนเจอร์ฮอลล์ ดู เมวะ เด็นกิ ซ้อมมา สุดยอดมาก

ไม่อยากเรียกว่าเป็นการดูคอนเสิร์ต แต่มันมีทุกอารมณ์ เหมือนดูตลก
เหมือนดูงานแนะนำสิ่งประดิษฐ์อันแปลกๆ ที่ให้เสียงตนตรี
แต่ที่แน่ๆ สนุกมาก มีอะไรให้ดูบนเวทีเต็มไปหมด

ที่ทึ่งมาก คือ วงนี้ ซาวด์เช็คตั้งแต่ ห้าโมงครึ่ง จนใกล้ๆ เที่ยงคืน ข้าพเจ้าจะกลับบ้านแล้ว พวกเขายังเช็คเสียงกันอยู่เลย
ละเอียดมากๆ
เอาพลังกันมาจากไหนนี่

ใครไปงานแฟตเฟส อย่าลืมอ่านป้ายแนะนำงานศิลปะที่ติดอยู่หน้าบู้ทงานศิลปะต่างๆ
ยิ่งโดยเฉพาะ บู้ทเมวะ เด็นกิ ใกล้เวทีใหญ่ แนะนำให้อ่านเป็นพิเศษ

Text ทั้งหมด นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เรียบเรียง
มี ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง บรรณาธิกร ( เขียนถูกแล้วจ้า ตั้งใจเขียนว่า บรรณาธิกร )

ฝากอ่านบอร์ดทั้งหลายด้วยจ้า เผื่อว่าจะช่วยให้เดินดูงานอย่างสนุกและเข้าใจมากขึ้น


...





ในงานนี้ยังมีซีดีที่น่าสนใจคือ Peacefully Yours เป็นอัลบั้มที่รวบรวมงานศิลปินไทยและต่างชาติ อัลบั้มนี้มี 2 ซีดีทั้งเพลงป๊อบและเพลงโพสต์ร็อค จุดประสงค์สำคัญของการทำซีดีนี้เพื่อนำรายได้ของการขายซีดีมอบให้กองทุนสันติสุข นำไปซื้ออุปกรณ์การเรียน เวชภัฑณ์ และของใช้จำเป็นให้กับนักเรียนในสามจังหวัดภาคใต้
รายได้ทั้งหมดยกให้กองทุนโดยไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซีดี Peacefully Yours มีขายที่บู้ท M 191

รายละเอียดเพิ่มเติม //www.myspace.com/peacefulyours


สรุป รายการโชว์ที่ได้ดูในงานแฟตเฟส 8

เมะ เด็นกิ 6 รอบ ดูโชว์บนเวทีใหญ่ 2 รอบ ( วันเสาร์-อาทิตย์ เล่นไม่เหมือนกัน วันอาทิตย์เล่นสนุกกว่า เพิ่งรู้ว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกๆ ที่พวกเค้าเล่นเวทีใหญ่ๆ ปรกติพวกเค้ามักเล่นบนเวทีในแกลเลอรี่ ดูพวกเขาเล่นเวทีเล็ก ในบู้ทเขา อีก 4 รอบ ( นี่ยังไม่นับวันซ้อม ) ดูวันอาทิตย์นี่อุตส่าห์แทรกตัวไปด้านหน้าๆ เวทีเลย เป็นหน้าม้าเต็มที่ เด็กที่นั่งข้างๆ นั่งหลับ ( คงรอดู Friday วงที่เล่นต่อจากเมวะ เด็นกิ ) อีกกลุ่มด้านขวามือได้ยินพวกเค้าคุยกับเพื่อนว่าวงเมวะ เด็นกิน่ารักดีๆ

( จะสรุปทำไมหว่า ดูอยู่แค่วงเดียว )

ซื้อซีดี 1 แผ่น อัลบั้มแฮนด์เมดของซามูไร ลาว ( ไม่นับ ของ Peacefully Yours ที่ไปช่วยเขาที่บู้ท และจองไว้ 1 แผ่น )
เสื้อยืดของซามูไร ลาว หนึ่งตัว ปกซีดีของซามูไร ลาว ทำมาหลายแบบมาก คนขายเชียร์ให้ซื้อปกนี้ เห็นแล้วขำก๊าก ซื้อเลย มาแซววงโปรดอีกวงเราด้วย ซื้อเลยๆ 5 5 5



ป.ล. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Michael Crichton คนเขียนหนังสือเรื่องจูราสสิค ปาร์ค เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เสียดายจังคนเก่งๆ เสียชีวิตไปอีกคนแล้ว




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 19:24:23 น.   
Counter : 1883 Pageviews.  

- - - - ศิลปะเพื่อแรงบันดาลใจสู่ FAST ARTงานศิลปะสำหรับคนเยอะๆ ดูเร็วๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ - - -






Over Head Night Club โดยวิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์และจิโร่ เอนโดะ


จงเติมตัวเองลงในช่องว่างให้ถูกต้องโดย วิศุทธิ์ พรนิมิตร

คงจำกันได้สำหรับงานศิลปะอันเป็นแรงบันดาลใจในงานแฟต เฟสติวัลที่ผ่านมา คนมากมายที่หาพิกัดบ้านของตัวเองจากแผนที่ทางอากาศขนาดใหญ่ของกูเกิ้ล เอิร์ธ หรือ มุดหัวเข้าไปฟังเพลงในคลับตัดหัว ได้ถ่ายรูปกับอนิเมชั่นของตั้ม วิศุทธิ์ รวมทั้งได้ไปแหงนคอมองรอข้อความที่ตัวเองส่ง sms ไป ณ แท่นรับ-ส่งข้อความขนาดใหญ่ ของยักษ์วัดแจ้ง หรือบางคนคงเคยถ่ายรูปตัวเองโดยมีแผ่นภาพขนาดใหญ่ของ Exjample เป็นฉากหลังมาแล้ว มาคราวนี้งานศิลปะเพื่อแรงบันดาลใจอันนั้นกลับมาอีกครั้ง โดยมีชื่อว่า FAST ART
เข้าใจ FAST ART ได้ง่ายๆใน 3 ขั้นตอน

1.FAST ART เป็นกระบวนการจัดการศิลปะที่ใช้หลักการเดียวกับฟาสท์ฟู้ด คือ ทําง่ายๆ เสพง่ายๆ สะดวกและรวดเร็วทันใจ แน่นอนFAST ARTย่อมมีจุดอ่อนเช่นเดียวกับฟาสท์ฟู้ด แต่เราขออนุญาตเอาหู ไปนาเอาตาไปไร่ก่อน เนื่องด้วยเราหวังว่าการแจกจ่ายศิลปะให้กับผู้ชมจํานวนที่มากให้เป็นเรื่องปกติใน ชีวิตประจําวัน จะทําให้เราคุ้นเคยและเลิกมีจริต
จก้านกับศิลปะ เหมือนกับที่เราเลิกเห่อแฮมเบอร์เกอร์ เห่อพิซซ่า เมื่อสิบปีก่อน แล้วย้อนกลับมานิยมกินอาหารใกล้ตัวที่ถูกปากและในขณะเดียวกันก็กินอาหาร ต่างรสต่างชาติเพิ่มสีสันให้กับชีวิตได้อย่างไม่เคอะไม่เขิน

2 . FAST ART ต้องการให้ผู้คนจํานวนมากเริ่มต้นด้วยการไปจับต้องสร้างความคุ้นเคยกับศิลปะก่อน อย่างน้อยก็ช่วยกระตุ้นให้จํานวนคนที่สนใจศิลปะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น โดยยึดหลักปริมาณมาก่อนคุณภาพ แต่ยังคงอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าคุณภาพแปรผันตามปริมาณ เมื่อมีจํานวนผู้สนใจศิลปะเพิ่มมากขึ้น ย่อมมีความต้องการเสพงานศิลปะที่ลึกซึ้งสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเป็นเป็นเงาตามตัว อุปมาเหมือนจํานวนประชากรของสาวสวยในประเทศจีนย่อมมากกว่าประเทศไทย ที่ถึงแม้ความจริงแล้วอัตราส่วนของสาวสวยต่อจํานวนประชากรของไทยอาจมากกว่าชาวจีนก็ตาม

3. FAST ART เป็นการจัดแสดงงานศิลปะนอกเงื่อนไขของขนบปฏิบัติของการจัดแสดงศิลปะ โดยมุ่ง หวังตามจุดประสงค์ดังกล่าวข้างต้น นิทรรศการศิลปะ FAST ART ที่จัดขึ้นในหอสศร.นี้ เป็นความ พยายามที่จะรวบรวมเนื้อหา หลักฐาน และเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการจัดแสดงดังกล่าวมาสรุปรวมในเชิง สารคดี หาได้เป็นการนําผลงานดังกล่าวมาจัดแสดงซ้ำอีกครั้งหนึ่งไม่ เพราะปัจจัยที่สําคัญคือจํานวนผู้ชม กว่าหนึ่งแสนคนในระยะเวลาสองวันของการจัดแสดง เป็นสิ่งที่ยากที่จะทําให้เกิดขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไข ของการจัดแสดงศิลปะในแบบปกติ

“ FAST ART ” กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 8 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน 2551 เวลา 1๐.๐๐ – 19.๐๐ น. ณ หอศิลป์ สศร. ชั้น 1 อาคารทีพีไอ ทาวเวอร์ ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เขตสาทร กรุงเทพฯ

ดาวน์โหลดสูจิบัตรงานได้ที่นี่ //bangkokok.typepad.com/weblog/files/fast_art.pdf ( pdf ไฟล์ 2.18 Mb. 68 หน้า )





 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 19:28:08 น.   
Counter : 1421 Pageviews.  

- - Thirty-six views of Mt.fuji by Hokusai งานศิลป์ระดับมาสเตอร์พีซของโลก - - -



วันก่อนได้ทราบข่าวว่าที่ On art แกลเลอรี่ตรงสามเสน มีงานศิลปะชิ้นเยี่ยมของโลกมาแสดง นั่นคืองานภาพพิมพ์ไม้ของญี่ปุ่นชุด Thirty-six views of Mt.fuji by Hokusai



จากงานทั้ง 36 ชิ้น ชิ้นที่มีชื่อเสียงมากคือคือ รูปคลื่นยักษ์ The Great Wave off Kanagawa กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว




โฮกูไซ คัตซูชิกา ( Hokusai Katsushika , 1760-1894 ) ทำงานด้านภาพพิมพแกะไม้ เขียนภาพประกอบหนังสือ และเป็นคนเขียนการ์ตูนด้วย ว่ากันว่าเขาเป็นคนรักธรรมชาติและกระตือรือร้นตลอดเวลา งานของเขามีอิทธิพลต่อศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ที่มีชื่อเสียงฝั่งตะวันตกหลายคนเช่น โมเนต์ , เดการ์ และฮองรี โรเทค

หน้าแกลเลอรี่มีแผ่นผ้าแสดงชัดเจน



บรรยากาศภายใน On art แกลเลอรี่






งานภาพพิมพ์ไม้ชุดนี้ เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัวของ Mt. Hisao Okawa ผู้ใจดีนำงานสวยๆ ระดับมาสเตอร์พีชของโลกมาให้คนไทยชื่นชมกัน ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
งานศิลปะนั้น ถ้ามีโอกาสได้ชื่นชมภาพจริง ภาพต้นฉบับ ถือได้ว่าเป็นบุญตาอย่างยิ่ง ไปดูว่าสีฟ้าอันละเอียดอ่อน สีแดงขรึมขลัง ในภาพพิมพ์ของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร ทิวทัศน์ที่รายล้อมภูเขาไฟจิ ในสายตาของโฮกุไซ น่ารักขนาดไหน
( รูปจากคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถแทนค่าความสวยงามของภาพจริงได้เลย)

ออน อาร์ต แกลเลอรี่ตั้งอยู่ที่สามเสน ถ. เศรษฐศิริ ซอยโรงพยาบาลวิชัยยุทธ์ ไปไม่ถูก สอบถามทางได้ที่นี่ 086-9888011,086-7129666, 02-6197304
หรือเช็คข้อมูลได้ที่นี่ //www.onartgroup.com/
งานมีแสดงจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายนเท่านั้น

ป.ล. เอสเตรา ผู้ไปดูงานนี้มาแล้วหลายรอบแจ้งว่า ทางผู้จัดขยายงานไปจนถึง
วันที่ 4 ธ.ค. เป็นวันสุดท้าย





 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 19:29:26 น.   
Counter : 3073 Pageviews.  

- - - - - ดูงานศิลปะใน แฟต เฟสติวัล (2) - - - - -



งานแฟต เฟส ฯ ครั้งนี้ตัวเองไปถึง 3 วัน ( เอ๊ะ งานเขามี 2 วันไม่ใช่เหรอ ? ) อย่างที่บอกไปในบล็อกที่แล้ว งานแฟตคราวนี้ตัวเองมีส่วนร่วมในการอธิบายแนวความคิดของศิลปินที่นำงานศิลปะเพื่อแรงบันดาลใจมาแสดงในงานครั้งนี้ด้วย วันศุกร์จึงไปดูศิลปินติดตั้งงาน เลยได้เห็นภาพแบบนี้





เดินเล่นในชาแลนเจอร์ฮอลล์ อันกว้างใหญ่ไปเรื่อย ได้ยินเสียงเพลง "ไปทะเล กันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสันต์ ..." เดินตามหาเสียงเข้าไปในเวที A 1 เลยได้ดูภาพผู้ชายคนนี้ซ้อมอยู่ ในสูจิบัตรสำหรับงานวันเล่นจริงบอกไว้แค่ว่า เขาคือ ป. ประกาศไม่ได้ ปานศักดิ์ รังสิพราห์มณกุล นั่นเอง


วันเสาร์ที่ 10 พ.ย. ตอนแรกว่าจะไม่ไป แต่อาการตื่นเต้นจากวันศุกร์ยังมีอยู่ อยากเห็นงานศิลปะ และบอร์ดรีวิวหน้างาน เลยตัดสินใจไปงานวันเสาร์ด้วย เดินดูงานศิลปะเพื่อแรงบันดาลใจก่อนเลย




พี่วสันต์ เอาสีมาแจกจ่ายให้คนที่มาดูงานละเลงกันได้เต็มที่ ปล่อยให้คนวาดกันเอง ตามหลักการ "หัวใจคือไม่ปกครอง" ของพรรคศิลปิน ของพี่เขา



Navins of Bollywood การตามหาคนชื่อนาวินในประเทศอินเดีย โดยนาวิน ลาวัลย์ชัยกุล


นาวิน เอาหุ่นตัวเองมาตามหาคนชื่อนาวินถึงนี่ ทำเอาคนแถวๆ นี้คิดไปว่านาวินมายืนเองจริงๆ มาแล้ว




Exjample ภาพ Illustration ถูกนำมาปรินท์โชว์อย่างใหญ่ มีคนมาถ่ายรูปด้วย ไม่ขาดสาย


งานของสองสาวร็อกเกอร์ kiiiiiii งานศิลปะของพวกเธอหวานและกุ๊กกิ๊ก และแอบแรงในบางจุด


เชื่อฉันของคธา พรหมสุภา งานกึงเกมกึ่งวิดีโอ ที่คนดูต้องหยุดการส่ายหน้าของคนในรูปให้ได้ ชมภาพเคลื่อนไหว งานศิลปะของคธาได้ ที่นี่



ภาพถ่ายกรุงเทพทางอวกาศ ตามหาคอนโดมีเนียมของตัวเองเจอด้วย เห็นภาพผู้คนก้มหน้าก้มตาหาบ้านของตัวเองกันอย่างเมามัน แล้วสนุกจริงๆ


ตู้ขายของอัติโนมัติฝีมือมนุษย์ ไปซื้อกาแฟและขนมจากตู้นี้หลายรอบ ป้ายที่ตู้บอกว่า มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่พูดกับเครื่อง แต่ตัวเองก็พูดถามตู้ไป คือมือก็กดปุ่ม ปากก็พูดว่า "เอากาแฟร้อนนะคะ " ตู้ตอบกลับมาด้วย 5 5 บ้าพอกัน ของที่ขายดีที่สุดในตู้น่าจะเป็น สายไหมสีหวาน ช่วยเติมบรรยากาศงานวัดได้ดีจริงๆ


(รูปโดย แจน-ธีระดา)
จงเติมตัวเองลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ของวิศุทธิ์ พรนิมิตร คนในรูปเติมตัวเองลงในช่องว่างได้เจ๋งมาก อิจฉาๆ


คลับตัดหัว ที่คนฟังเพลงสามารถได้แค่ยื่นส่วนหัวเข้าไปในคลับ บางคนโชคดีไปคลับตรงเวลาที่น้อย วงพรูมาเต้นอยู่รอบหัว ทำไมดิชั้นไม่เจอมั่งหว่า เจอแต่เพลงตื้ด ตื้ด


sms มนุษย์ การแจ้งข่าวที่เปลี่ยนผ่านจากดิจิตอล มาสู๋มือมนุษย์ ให้คนเรารู้จักความมหัศจรรย์ของการรอ

ภาคดนตรี



ที่ประหลาดใจและสนุกที่สุดสำหรับตัวเองคือ วง The cat cat catz ของสอง วงพาราด็อกซ์ เสียงกีตาร์ เสียงกลองเร้าใจมาก สองตอแหลสุดๆ ไม่ยอมพูดภาษาไทยเลย เพลงที่ร้องก็เป็นภาษาฝรั่งหมด ที่สนุกรองลงมาเห็นจะเป็นวง stylish nonsense และ The photo sticker machine แจมกับตั้ม วิสุทธิ์ ( ตีกลอง ) อ้อ ชอบแบงค์ เรดทะเวนตี้ด้วย โดยเฉพาะตอนร้องเพลงเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม และสาดน้ำให้คนดู เห็นว่าปีนี้ทำลายล้างเข้าของบนเวทีน้อยลงมากแล้ว


เสียดายไม่ได้ไปดูวงโปรดของตัวเองอีกวง Samurai Loud ได้ข่าวว่ามีพร็อบและคอสตูมใหม่ๆ แล้ว



(รูปโดย แจน ธีระดา)
โซนหนังสือทำมือ ที่ตัวเองยังไปเดินดูอยู่ ได้หนังสือทำมือมาด้วยหนึ่งเล่ม

สรุป งานปีนี้ ได้ซีดีมา 2 แผ่น หนังสือทำมือมาหนึ่งเล่ม และได้ดูงานศิลปะจุใจมาก

ป.ล. ขอบคุณ วิชญ์ พิมกาญจนพงศ์ ที่ชวนไปทำงานสนุกๆ แบบนี้
ขอบคุณเต๋อด้วยจ้า ที่เขียนเท็กซ์ได้กวนๆ ดี





 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 19:33:38 น.   
Counter : 1466 Pageviews.  

1  2  

grappa
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
[Add grappa's blog to your web]