|
สิ่งมีชีวิต
พุทธพจน์พระพุทธเจ้า......ตรัสเตือน ดูก่อนมนุษย์เรือน........ร่างล้วน อนัตตลักษเลือน........ลักษณะ อนิจจังจริงถ้วน.......... เที่ยงแท้วางวาย
ชีวิตคือเจริญเผชิญกรรม ร่างกำยำเคลื่อนลุกไปทุกที่ กินอาหารสืบพันธ์ผิวพรรณมี รูปธรรมนี่สิ่งนี้มีชีวิต
ทั้งมนุษย์ทั้งสัตว์ศสงัดทุกข์ ในทุกยุคเวียนวนดลสถิตย์ เจ้าชะตาแปรเปลี่ยนใช่เพียรขีด วิปริตตามกรรมกระทำมา
ต้องเวียนเกิดเวียนตายวางวายวน ชีวิตคนแตกดับสลับจ้า กรรมวิบากวิญญาณภพกาลพา ลักขณารูปงามรูปนามใด
ขณิกมรณะชั่วขณะ ลักขณะตายเกิดกำเนิดให้ จิตดับวูบวิบวับแล้วกลับไว อยู่เรื่อยไปจนสิ้นดับวิญญาณ
ฝึกเรียนรู้ก่อเกิดกำเนิดจิต พรหมลิขิตก็เปล่าเพียงเล่าขาน เป็นด้วยกรรมเกี่ยวดองประคองกาล เจ้าสังขารปฏิสนธิกรรม
อกุศลอุดหนุนค้ำจุนผล บันดาลดลให้คนขัดสนล้ำ ชนกกรรมหนุนเนืองประเทืองงำ วิบากกรรมชะตาเจตนาครอง
20 กันยายน 2552
(จะเขียนต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะสิ้นลม)
Create Date : 20 กันยายน 2552 |
Last Update : 20 กันยายน 2552 16:43:03 น. |
|
4 comments
|
Counter : 895 Pageviews. |
|
|
|
โดย: oDaineo วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:17:28:18 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:17:37:13 น. |
|
|
|
โดย: วนารี วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:18:55:46 น. |
|
|
|
โดย: mookyja วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:14:10 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
หัดเขียนเพื่อเรียนรู้ค่ะ ^^^^^^^^^^^^ ความรัก เสลาสลักสวยใส งามใดเล่า งามใด เทียบได้งดงาม ความรัก จรดลึก ในความทรงจำ ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก นิรันดรนั้น นานหนัก แต่รักเรา นานกว่านั้น ^^^^^^^^^^^^
เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบคือค่าเสมอชีวิตนั่น
สิ่งมีค่าใดใดในโลกันต์
ทรัพย์อนันต์แลกชีวิตใครคิดเอา?
แล้วสิ่งใดคือในเนื้อเยื่อชีวิต
กาย กับ จิต เท่านั้นดอกไม่หลอกเจ้า
ทุกชีวิตทรงคุณค่าอย่าดูเบา
จะสุขเศร้าสรรพสัตว์รักชีวี
กายนั้นเป็นเช่นกลไกอ่อนละเอียด
สิ้น รู้สึก ไม่ละเมียดเพียงศพผี
ย่อมเย็นชืดขึ้นอืดเน่าเปื่อยทันที
เพราะไม่มี รู้สึกครองก็ต้องตาย
ชีวิตเปี่ยม รู้สึกอันลึกลับ
ผัสสะจับ รู้ทันทีตีความหมาย
ขณะก่อนความคิดวิจิตรพราย
ขณะนั้นนั่นแหละนายของชีวิต
ระลึกรู้ รู้สึกตัว มีสติ
สัญญานชีพอันบานผลิจริงในจิต
คน หมดความรู้สึกสิ้นนึกคิด
ร่างหมดฤทธิ์เพราะสติสิหมดไป..(คือ หมดสติ)
คนเสียศูนย์อาละวาดคือ ขาดสติ
ตรองดูสิ สติ นั้นสำคัญไฉน
เสียสติคือหลุดโลกเหลือโศกใจ
แบก รู้สึกไม่ไหวจึงหนีจริง
ชีวิตพึ่ง ความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง
แต่กลับซ่อนไว้ก้นบึ้งซึ่งยวดยิ่ง
สร้างกำแพงแข็งกระด้างไว้อ้างอิง
เพื่อโต้ติงอธิบายให้เบี่ยงเบน
เรานับถือ เหตุผล คนฉลาด
เราปรามาส ความรู้สึกนึกเขม่น
มอง รู้สึกเป็นเพียงกากเป็นซากเดน
เพราะไม่เป็นวิชาการด้านใดใด
แต่เจ้าความ รู้สึกอันลึกนี้
วิจิตรมีพิสดารสะท้านไหว
ละเอียดยิ่งวิ่งระยับจับกายใจ
ทอสายใยชีวันอันงามงด
เจริญสติ ต้องอยู่กับ รู้สึก
นิ่งแต่ลึก รู้สิ่งใด วางได้หมด
ตลอดตัวทั่วพร้อมน้อมประณต
แล้วชีวิตก็ปรากฏอย่างงดงาม
มีชีวิตชีวาอีกคราหนึ่ง
ในโลกซึ่งสดใหม่ออกไหลหลาม
การหยั่งรู้ใน รู้สึกใช่นึกตาม
ย่อมพาเราก้าวข้ามกำแพงใจ
เพราะ รู้สึกระลึกเห็นเป็นไปสิ้น
สรรพสัตว์ทั่วธรณินทร์อสงไขย
รักชีวิตเพราะ รู้สึกลึกด้านใน
จึงหวาดภัยรักตัวและกลัวตาย
ค่าชีวิตจึงทรงค่ากว่าใดอื่น
ธรรมชาติสะอาดชื่นอันเริงร่าย
คือระบำเหล่าชีวิตวิจิตรพราย
เคลื่อนเป็นสายเหตุปัจจัยไหวสะเทือน
หาสิ่งใดมีค่าเท่าเหล่าชีวิต
สิ่งประดิษฐ์ใดใดก็ไม่เหมือน
มนุษย์น้อยเพียงหนึ่งในสายใยเตือน
เพราะ รู้สึกจึงเห็นเพื่อนชีวาลัย
ใน รู้สึกมีสำนึก รู้สึกร่วม
สามารถสวมแทนเข้าเอาใจใส่
ทุกขณะมายาภาพหลุดคราบไคล
ทุกขณะเพิ่มผ่องใสในใจจินต์
ใจจะเปี่ยม ความรู้สึกอันลึกซึ้ง
เป็นใจซึ่งเป็นธรรมชาติสะอาดสิ้น
เป็นหนึ่งเดียวทั้งนอกในไร้ราคิน
รู้สึก สื่อสรรพชีวินให้เรารู้
จึงได้รู้ค่าชีวิตวิจิตรล้ำ
รู้โดยธรรมจาก สติ อันผลิอยู่
รู้กายจิตภายในตนจนพรั่งพรู
ตระหนักรู้จึงเห็นค่าของชีวิต.
............
เข้ามาอ่าน เข้ามาชื่นชม
เข้ามาอนุโมทนากุศลจิตค่ะ
เลยเอากลอนที่เขียนมาให้อ่านด้วยค่ะ