|
กายนครคำกลอน (หน้า 76-80 ค่ะ)
ทุกข์ที่สองรองมาชราร่าง ไม่เว้นว่างเดือนวันที่มั่นหมาย อายุเปลืองคร่ำคร่าชรากาย เคยสบายครั้นแก่ก็แปรปรวน
ทั้งตามืดหูหนัฟันหักหมด กายก็ขดกำลังน้อยถดถอยถ้วน เทวทูตที่สองมาปองกวน ว่าจะชวนถึงข้อมรณา
ทุกข์ที่สามนามมรณทุกข์ เข้าถึงยุคร่างกายวายสังขาร์ ย่อมขึ้นพองหนองในไหลออกมา ทั้งแร้งกาหมู่หนอนเข้าฟอนกิน
สำหรับจมถมสุธาน่าอนาถ เกิดเป็นอาตม์มาแล้วไม่แคล้วสิ้น ถึงมนุษย์เทวัญชั้นพรหมินทร์ คงจะสิ้นชีพทั่วทุกตัวคน
77 ทุกข์ที่สี่นี้หรือคือโสกะ ย่อมปะทะอั้นอัดคิดขัดสน ปริเทวะเล่าซ้ำเข้าปน คือพร่ำบ่นโศกซ้ำเฝ้าคร่ำครวญ
อันทุกข์เจ็บกายนี้เป็นที่หก ดังใครชกตีโบยให้โหยหวน เหลือที่สัตว์จะทนได้หลายกระบวน เจ็ดจำนวนทุกขะโทมนัส
คอยเบียดเบียนจิตใจมิให้สุข ต้องทนทุกข์เศร้าหมองคิดข้องขัด อุปายาสคับแค้นแสนรึงรัด ให้กลุ้มกลัดในอารมณ์ไม่สมคิด
อัปปิเยหิซ้ำประจำเก้า ประจวบเข้าอารมณ์ใดไม่ชอบจิต กระทบกระทั่งดังว่าปัจจามิตร ให้แค้นจิตแค้นใจมิได้วาย
78 ปิเยหิวิปโยคะทุกขะ สิเนหะแสนสวาทญาติสหาย มานิราศแรมร้างไปห่างกาย หรือล้มตายก็ตั้งหน้าโสกาลัย
ทุกข์สิบเอ็ดเสร็จกิจยัมปิจฉัง ความทุข์ตั้งเติมต่อเป็นข้อใหญ่ ปรารถนาในอารมณ์ไใ่สมใจ ก็คลั่งไคล้จนวิตกหัวอกตรม
ทุกข์สัจจ์เบ็ดเสร็จสิบเอ็ดนี้ ดังรูปชี้แจงจริงทุกสิ่งสม ย่อมมีทุกรูปนามตามนิยม ถึงอินทร์พรหมไม่เว้นตัวทั่วโลกา
ถวายความตามที่อริยสัจจ์ ที่สองถัดจะรำพันในตัณหา มันผูกมัดรัดดรึงคอยตรึงตรา ดลวิญญาณ์ให้ทะยานการโลกีย์
79 ท่านกล่าวตามนามว่าตัณหาสาม หนึ่งคือกามตัณหามาเสียดสี ในรูปเสียงกลิ่นรสปรากฏมี หลงยินดีอภิรมย์เฝ้าชมเชย
พัสดุเงินทองของทั้งหลาย ต่างมุ่งหมายถือมั่นเจียวท่านเอ๋ย ทะยานอยากปรารถนาไมาว่าเลย ร่ำภิเปรยไม่รู้สุดสมุททัย
ทั้งภวตัณหาเล่าก็เฝ้าต่อ ให้เกิดก่อหนุนเนื่องสร้างเมืองใหม่ วิถวตัณหาคอยพาใจ ให้อยากไม่มีเป็นเห็นทะยาน
อวิชชาพาใจให้ใหลหลง ต้องเวียนวงเที่ยวไปในสงสาร ไม่พ้นชาติชราพญามาร ต้องทนทานเจ็บป่วยและม้วยมรณ์
80
ส่วนนิโรธสัจจ์นี้เป็นที่สาม จะแจ้งความเชิญจำตามคำสอน จงทิ้งขว้างวางตัณหาอย่าอาวรณ์ และตัดรอนอวิชชาอย่าคิดรัก
แม้ตัดตัวอวิชชาตัณหาแล้ว จะผ่องแล้วล้ำเลิศประเสริฐศักดิ์ ได้ถึงที่พระนิพพานสำราญนัก ด้วยองค์มัคคสัจจ์อัษฎางคิก์
ส่วนปริศนาว่าไว้สั้นให้ต่อ ได้ในข้อแปดองค์จงสืบสาง คือสัมมาทิฏฐิตริอย่าวาง เห็นชอบทางสัจจะสี่ประการ
มีปรีชาแจ้งในพระไตรลักษณ์ ไม่พะวักพะวงหลงในสงสาร เห็นเป็นอนิจจังสิ้นทั่วดินดาล ซ้ำถึงกาลทุกข์พิบัติอนัตตา
ความตายมาเยี่ยมแท้ ทุกคน หญิงชายในสกล โลกนี้ ใครเล่าจักล่องหน หลบหลีก ได้เอย พระพุทธองค์ทรงชี้ หมั่นน้อมระลึกถึง
ทั้งคนมั่งมี ทั้งคนยากจน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า
Create Date : 02 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 7:59:27 น. |
|
3 comments
|
Counter : 754 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พิจักษณา วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:11:06 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:35:18 น. |
|
|
|
โดย: พิจักษณา วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:43:55 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
หัดเขียนเพื่อเรียนรู้ค่ะ ^^^^^^^^^^^^ ความรัก เสลาสลักสวยใส งามใดเล่า งามใด เทียบได้งดงาม ความรัก จรดลึก ในความทรงจำ ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก นิรันดรนั้น นานหนัก แต่รักเรา นานกว่านั้น ^^^^^^^^^^^^
เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง
|
|
|
|
|
|
|
พี่สบายดีคะ..ตอนนี้ติดฝนอยู่ที่ทำงานคะ..
" ความตายมาเยี่ยมแท้ ทุกคน
หญิงชายในสกล โลกนี้
ใครเล่าจักล่องหน หลบหลีก ได้เอย
พระพุทธองค์ทรงชี้ หมั่นน้อมระลึกถึง
ทั้งคนมั่งมี ทั้งคนยากจน
ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า "
พี่ชอบมากเลยคะ..เพราะว่าคือ "ความจริง"ที่ทุกคนควรตระหนักรู้นะคะ...
แฮะๆๆแต่พี่ยังปลงไม่ได้ทุกอย่างหรอกคะ..
ปล.อากาศเปลี่ยนรักษาสุขภาพนะคะ..