ใต้ฟ้าเดียวกัน.... ForGet mE nOt
Group Blog
 
All blogs
 
กายนครคำกลอน ( หน้า 1-10 ค่ะ )



คำปรารภ กายนครคำกลอน

กายนครคำกลอนเป็นหนังสือธรรมะที่สำคัญยิ่งเรื่องหนึ่ง
ที่น่าจะได้ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ให้ดำรงอยู่คู่
กับพระบวรพุทธศาสนา และ ชาติไทย
เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังๆ ได้มีโอกาสอ่านสัมผัสอมตรส
แห่งปรมัตถธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในกายนครคำกลอนเล่มนี้ นักปราชญ์นิรนามท่านหนึ่ง
ได้แต่งกลอน สมมุติ ชีวิต ซึ่งประกอบด้วยส่วนทั้ง 5 คือ
เบญจขันธ์ ว่าเป็นเมือง เรียกว่า กายนคร
คือ เมืองร่างกาย สมมุติรูป คือ ร่างกาย เป็นเมือง มี
ประมาณเป็นมาตรฐาน คือ กว้างศอก ยาววา หนาคืบ
มีประตู 9 แห่ง หมายถึง ทวารทั้ง 9 คือ ตา 2 หู 2 จมูก 2 ปาก 1
ทวารหนัก 1 ทวารเบา 1 สมมุติ วิญญาณ
เป็นราชา ผู้สร้างนคร มีนามว่า จิตราช สมมุติ เจตสิก
คือ เวทนา สังขาร เป็นอำมาตย์ สมมุติ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ
เป็นฝ่ายข้าศึกมาโจมตี จนกายนครแตก
พระเจ้าจิตราชต้องสร้างนครมาใหม่ สร้างขึ้นอีกก็ถูกโจมตีอีก
สมมุติ ไตรลักกษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็น
พระฤาษีผู้เป็นอาจารย์ของพระเจ้าจิตราชมาช่วยคิดอ่านแก้ไข
ฝ่ายข้าศึกจึงทำอันตรายไม่ได้ ต้องเลิกทัพกลับไป
หมายความว่า เมื่อถึงพระนิพพานแล้ว ก็ ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป
ในบทกลอนนี้ วนารีขอมอบอานิสงส์ทั้งหมดให้กับ
เจ้าของผู้แต่งซึ่ง วนารีก็ไม่ทราบนามผู้แต่งค่ะ






1
จะแถลงแต่งกลอนอักษรสาร
มโนน้อมแทนบุปผาสุมามาลย์
หัตถ์ประสานเหนือเศียรแทนเทียนทอง


มนัสการรัตนังสิ้นทั้งสาม
โดยมีความเลื่อมใสมิได้หมอง
จะเปลี่ยนแปลงแต่งความตามทำนอง
ให้ถูกต้องบทกลอนนครกาย


ซึ่งแต่งเป็นเวียงวังเมืองสังขาร
เรื่องโบราณร่ำชี้คดีขยาย
เปรียบในร่างเราทุกสิ่งทั้งหญิงชาย
เป็นนิยายให้คิดอนิจจัง


มิใช่เรื่องชวนเพลินเจริญจิต
แต่ที่คิดปรับปรุงเพราะมุ่งหวัง
เพื่อจะให้เรื่องนี้อยู่จีรัง
ให้ผู้ฟังตรึงตรองในครองธรรม


อันเค้าเรื่องนั้นก็ดีอยู่ถี่ถ้วน
แต่กลอนล้วนเต็มเข็ญไม่เป็นส่ำ
จึงคิดเพิ่มเติมแต่งแปลงถ้อยคำ
ให้แม่นยำถูกถ้วนกระบวนกายฯ

ดำเนินความตามเรื่องเมืองสังขาร
เป็นนิทานอ่านปลงจำนงหมาย
มีเมืองหนึ่งพึงตริอธิบาย
นครกายเรื่องธรรม์รำพันพจน์

ว่ากว้างศอกยาววาทั้งหนาคืบ
มีสืบๆ เป็นลำดับนับไม่หมด
มีกำแพงสี่ชั้นเป็นหลั่นลด
ที่หนึ่งจดตามระยะชื่อตโต

ชั้นที่สองรองคือชื่อมังสัง
เลือดหล่อหลั่งน้ำหนักตั้งอักโข
ชั้นที่สามนามว่านหาโย
เป็นสายโซ่ร้อยทั่วรอบรั้ววัง
3
ชั้นที่สี่อัฏฐินี้แน่นหนา
กั้นพาราให้โตใหญ่ดังใจหวัง
มีคูป้อมล้อมสี่ทิศติดประดัง
ป้อมหนึ่งตั้งนามเกศาดังวาที

ดูดำขลับระดับอย่างสนามหญ้า
ชื่อโลมาป้อมสองถัดรองที่
ป้อมที่สามนามนขาสง่าดี
ป้อมที่สี่ทันตาหน้าสงคราม

นครนี้มีประตูอยู่เก้าแห่ง
จัดตั้งแต่งคนไว้ให้ไต่ถาม
เฝ้าประตูดูระวังและนั่งยาม
ตะเกียงตามไฟแดงทุกแห่งไป

ประตูต้นรับขนของถวาย
แต่เช้าสายสนธยาปัจจุสมัย
ขนานนามทวาราที่ว่าไซร้
ประตูชัยมุขะทวารา
4
ของถวายจ่ายให้ชาวในนั้น
กินไม่ทันบูดเน่าเสียหนักหนา
ขุนวาโยให้ร่นขนออกมา
ทวาราที่สองซึ่งต้องทำ

ชื่อประตูอุจจาระน่าโสโครก
ถูกลมโกรกกลิ่นเหม็นไม่เป็นส่ำ
ที่สามนามปัสสาวะขาประจำ
คอยถ่ายน้ำไหลหลั่งดั่งลำธาร

ยังอีกคู่ประตูที่สี่ห้า
ขุนวาตานั่งยามตามสถาน
รูปกลิ้นพร้อมหอมเหม็นเป็นราชการ
นามขนานฆานะทวาโร

ประตูที่หกเจ็ดเขตระยะ
ชื่อโสตะทวารบานเปิดโร
รับความดีความชั่วตัวพาโล
เกิดสุโขทุกขังประดังกัน
5
ประตูที่แปดเก้าแสงวาวแวว
ดังแว่นแก้วทั้งคู่ดุเฉิดฉัน
ชื่อจักษุทวาราน่าอัศจรรย์
เป็นสำคัญทัศนาทั่วปราการ

มีปราสาทห้าแห่งเป็นแหล่งหลัก
หนึ่งชื่อจักษุปราสาทราชฐาน
ประดับด้วยเนาวรัตน์ชัชวาล
สูงตระหง่านที่กระษัตริย์เคยทัศนา


มีสนมนางงามประจำที่
ล้วนผ่องศรีเฝ้าฝ่ายทั้งว้ายขวา
ตัวนายนามพธูชื่อรูปา
คอยตรวจตราและระวังดังจะนง


ที่สองชื่อโสตะคอยสดับ
เป็นที่รับเสียงฟังดังประสงค์
นางสำหรับขับกลอมห้อมล้อมองค์
พิณพาทย์วงมะโหรีปี่ชะวา

6
สดับข่าวสารบอกนอกนิเวศน์
ทุกประเทศมากมายหลายภาษา
ทั้งถ้อยความตามตำแหน่งแพ่งอาญา
ร้องฎีกาถวายสัตย์ปฏิญาณ

นางแน่งน้อยหัวหน้ามียะโส
นามสัทโทสุ้มเสียงสำเนียงหวาน
ปราสาทสามนามฆานะงามตระการ
แจ้งวิตถารหอมเหม็นเป็นสำคัญ

เป็นที่สรงทรงเครื่องสุคันธรส
หอมปรากฏยวดยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
มีนารีที่เฝ้าอยู่เหล่านั้น
นางชื่อคันธานางสำอางนวล

เหนือชิวหาปราสาทสี่ที่เสวย
พระองค์เคยทรงพร้อมรสหอมหวน
เครื่องคาวหวานยักย้ายหลายกระบวน
ทรงรบกวนคนถวายไม่วายวัน
7
เผ็ดขมขื่นกลืนไม่ลงก็ทรงกริ้ว
พระพักตร์นิ่วพิโรธเหล่านางสาวสรรค์
นางรสาโฉมฉายนายกำนัล
กลัวต้องทัณฑ์เฝ้านั่งระวังระไว

มีกายปราสาทศรีเป็นที่ห้า
ที่นิทราแท่นทองงามผ่องใส
พร้อมอนงค์พนักงานการข้างใน
หัวหน้าใหญ่คอยเตือนไม่เคลื่อนคลา

นามผัสโสกรมวังตั้งกำกับ
ที่สำหรับปรางค์มาศปราสาทห้า
ปลัดกรมสมชื่อคือเวทนา
คอยตรวจตราสารพันขยันนัก

อันพระองค์ผู้ดำรงทศพิธ
พระนามจิตราชเรืองประเทืองศักดิ์
มีสองพระมเหสีเป็นที่รัก
นามนงลักษณ์อวิชชาฝ่ายขวานาง
8
องค์ฝ่ายซ้ายนางงามนามตัณหา
ภัสดาพิสมัยมิได้หมาง
สำเร็จกิจทั่วไปที่ในปรางค์
ท้าวเธอวางพระทัยหลงปลงอารมณ์

ไม่เคยคลาดลุอำนาจนางทั้งสอง
เฝ้าประคองเคียงชิดสนิทสนม
ทูลอะไรได้สมหวังดังนิยม
สองทรามชมกำเริบรุกขึ้นทุกที

ทั้งส่วยอากรขนอนตลาด
เที่ยวรุกราษฎร์ด้วยกักชักภาษี
เห็นสิ่งของชาวประชาบรรดามี
ให้ยินดีอยากได้ไปทั้งนั้น

ทำอุบายร้ายดีปรานีนัก
ให้เห็นรักร่วมจิตคิดขยัน
ทำสนิทชิดชอบประกอบกัน
ว่าแบ่งปันซื้อขอพูดล่อลวง
9
อวิชชาตัณหามเหสี
ได้ครองที่นางในเป็นใหญ่หลวง
สาวสนมกรมวังสิ้นทั้งปวง
ทุกกระทรวงเหนือใต้ในพารา

คนขึ้นเฝ้าเอาของกองถวาย
ออกเหลือหลายหลากหลากมากนักหนา
พระทรงฤทธิ์จิตราชกระษัตรา
เชื่อวาจาสองนางไม่ห่างองค์

ทั้งพงศาพวกพ้องสองนางนาฏ
คอยเฝ้าบาทยุให้พระทัยหลง
แต่งตั้งที่ดีล้ำให้ดำรง
นึกว่าตรงซื่อสัตย์ปฏิญาณ

หลวงโทโสโกรธาคู่หน้านั้น
ตัวสำคัญเป็นฝ่ายนายทหาร
หลวงโลโภโมหะได้ประทาน
เป็นทหารทั้งสี่ดีด้วยกัน
10
ถ้าศึกเสือเหนือใต้ใครข่มเหง
ไม่กลัวเกรงรอนราญชาญขยัน
ทั้งโทโสโกรธากล้าฉกรรจ์
เรื่องแทงฟันชกต่อยไม่ถอยรา

หลวงโลโภโมหะไม่ละนิ่ง
สองนายวิ่งเก็บของเที่ยวมองหา
ทั้งเงินทองของเข้าขนเอามา
ถวายนางตัญหาทุกคราไป

นางโฉมยงจัดแจงให้แต่งตั้ง
มีขุนคลังดูแลกุญแจไข
ชื่อขุนมัจฉริยังไม่ฟังใคร
เบิกสิ่งใดยากแค้นแสนทวี

พยาบาทวิหิงสาเสนาใหญ่
เจ้ากรมในราชวังทั้งกรุงศรี
ถ้าเคืองขัดเข่นฆ่าเที่ยวราวี
ถึงสิบปีก็ไม่หายคลายโกรธา


วนารีจะพิมพ์ลงมาให้ทุกท่านได้อ่านจนหมดนะค่ะ
รอตามอ่านคะเพราะทุกบทดีมากๆค่ะ























Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 16:34:30 น. 3 comments
Counter : 3699 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมค่ะหนูบัว มีความสุขมากๆ นะคะ
ราตรีสวัสดิ์


โดย: บัวริมบึง วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:05:01 น.  

 
สวัสดีคร๊า
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

กายนครเหรอคะ
ไม่เคยได้ยินเลยอ่า
มรดกต้องอนุรักษ์ไว้เน๊อะ
ขนาดรุ่นเรายังไม่ค่อยมีใครรู้จักแล้วอ่ะ
เฮ้อ

สุขสันต์วันหยุดจ้า


โดย: clown_in_crown วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:16:56 น.  

 
แวะมาอ่านจ้า...

ได้ความรู้มากขึ้นเชียวนะคะ



โดย: gripenator วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:46:33 น.  

วนารี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หัดเขียนเพื่อเรียนรู้ค่ะ
^^^^^^^^^^^^
ความรัก เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า งามใด
เทียบได้งดงาม ความรัก
จรดลึก ในความทรงจำ
ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้น นานหนัก
แต่รักเรา นานกว่านั้น
^^^^^^^^^^^^

เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง
Friends' blogs
[Add วนารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.