คำหล้า คือนามแฝงของน้ามาด
#1 เพลงปาร์เกต์
เขียนโดย คำหล้า
ในคอร์สเรียนดนตรีขั้นพื้นฐาน
ชั่วโมงดนตรีกาลร่วมสมัย
ใครชอบเรียนแนวดนตรี แนวเพลงอะไร
ครูถามไถ่เรียงหน้า ทีละคน
ผมชอบแนวดนตรีแบบเพลงป๊อป
ส่วนหนูชอบเพลงแจ๊ส มันน่าสน
ผมชอบเพลงคลาสสิก ซึ้งกมล
ผมเป็นคนชอบฮาร์ดร็อก บอกทันที
ผมชอบแนวเพลงอิสระ
ส่วนหนูนะชอบเพลงแนวคันทรี
ผมชอบเพลงเร็กเก้มันเท่ดี
จนครูชี้ถึงคำหล้า ท่าอยากรู้
คำหล้าฟังชื่อแนวเพลง ล้วนชื่อฝรั่ง
ก็ตอบมั่งอย่างภาคภูมิ ชื่องามหรู
ผมชอบเพลงปาร์เกต์ นะครับครู
ครูได้ยินสะดุดหู ก็ชะงัก
ย้อนคิดถึงแนวเพลงทุกสมัย
เพลงปาร์เกต์มีที่ไหน ไม่รู้จัก
ไม่เคยมีแนวเพลงนี้ในสำนัก
จึงถามทักให้ชัดเผง ว่าเพลงอะไร
คำหล้าย้ำว่า ชอบเพลงปาร์เกต์ครับ
ครูสดับไม่ผิดหรอก ผมบอกให้
เพลงปาร์เกต์ ก็เพลงพื้นบ้านไง
เคยฟังไหมเพลงพื้นบ้าน มันดีนะครับ
คำหล้า เป็นคนซื่อ คิดซื่อ พูดซื่อ และทำอะไรแบบซื่อๆ ไม่ประสงค์ร้ายกับใคร ไม่เคยต่อล้อต่อเถียงกับใคร ซึ่งก็คือบุคลิกลักษณะนิสัยของ น้ามาด นั่นเอง หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง ชาลี แชบปลิน คำหล้า จะมีลักษณะนิสัยหลายอย่างเป็นเช่นนั้น
#2 เสย เสยไว้ อย่าเอ็ดไป
คำหล้าหนุ่ม จากแดนดินถิ่นอีสาน
เสี่ยงเข้ากรุงมุ่งหางานในเมืองหลวง
ขึ้น บ.ข.ส. ตัดสินใจไปตามดวง
รถแล่นล่วง จน บ.ข.ส. ถึงหมอชิต
ลงจากรถ ตาลาย ใจหวิวสั่น
นึกหวั่นหวั่น พูดภาษากลัวจะผิด
เพิ่งเข้ากรุงเป็นครั้งแรกในชีวิต
ไม่เหมือนคิด ช่างสับสนวุ่นวายเทียว
ด้วยความหิวจึงมองหา สายตาเบิ่ง
ไปเห็นเพิง มีอาแป๊ะขายก๋วยเตี๋ยว
ตัดสินใจจะแก้หิว สักชามเดียว
บะหมี่เกี๊ยว เอ๊ะ จะสั่ง อย่างไรกัน
ตัดสินใจสั่ง อาแป๊ะ อาแป๊ะ ก๋วยเตี๋ยวซ้าม
อาแป๊ะเข้าใจความ ขมีขมัน
ทำก๋วยเตี๋ยวให้สามชาม พร้อมพร้อมกัน
คำหล้านั้น จำยอมกิน สิ้นสามชาม
อิ่มท้องแล้ว จึงรำพึงถึงเรี่ยวแรง
ค่อนข้างดังว่า มี้แฮ้ง อย่างล้นหลาม
อาแป๊ะเกิด ได้ยิน ตาวาววาม
ทำหมี่แห้งให้อีกชาม ในทันที
คำหล้าติดขัดด้วยภาษา ไม่กล้าแย้ง
จึงจำใจ กินหมี่แห้งไม่ถอยหนี
กินจนหมด พลางเอ่ยคำ ย้ำวจี
เชิงผูกมิตร ว่าตอนนี้ เฮ่อ ใค แน่
กลุ่มจิ๊กโก๋โต๊ะข้างข้าง ได้ฟังถนัด
จึงฮึดฮัดลองเชิงตามเบาะแส
ปาฝาเบียร์ไปกลางโต๊ะไม่เชือนแช
คำหล้ารู้แน่ ไม่ได้หยอก บอก บ่แม่น
จิ๊กโก๋โฉด ฟังภาษาหารู้ไม่
หยิบฝาเบียร์ขว้างใหม่ไปถูกแขน
คำหล้าตกใจกลัวตัวลีบแบน
เอ่ยวอนแค่น อย่าปาข้อย จักน้อยเลย
จิ๊กโก๋เหี้ยม ฉุนคำหล้า ว่าท้ารบ
หยิบขวดเบียร์ หวังตะปบตีเข่าเสย
คำหล้าตกใจ โกยอ้าว ด้วยไม่เคย
วิ่งแล่นเลย ไปสั่นสลด บนรถเมล์
รถแล่นไปทางไหน ไม่รู้จัก
งุนงงนัก รถขวักไขว่ ใจไขว้เขว
คนเมืองกรุง ไม่ยิ้มแย้มแถมเกเร
นั่งลังเล ขวัญเสียละเหี่ยใจ
จนรถแล่น ถึงเขาดินเห็นร่มรื่น
ค่อยใจชื้นเห็นเด็กลง เอ๊ะ ที่ไหน
จึงลงตาม เดินเข้าสวนสัตว์ไป
พอเพลินใจนึกสนุกทุกข์บรรเทา
ผ่านกรงลิง มีชื่อบอก อุรังอุตัง
แต่ผิดหวัง ไม่เห็นลิง กรงว่างเปล่า
เห็นคนเลี้ยงเดินผ่านมา จึงถามเอา
พินอบพิเทาถ้อยวาจาท่าอายอาย
ลุ้งคับลุ้ง สงสัยจริง ลิ้งไปไส
ลุงยิ้มให้ แล้วตอบต่อ ข้อขยาย
ลิงมันตาย น่ะพ่อหนุ่ม มันเพิ่งตาย
น่าเสียดาย แล้วพ่อหนุ่มไปไหนมา
อ๋อ มาหาง้านท้ำ ยังหาบ่ได้
ข้อยบ่ฮู้ จักไผ สักคนหนา
ลุงได้ฟัง นึกสงสารลั่นวาจา
แล้วก็พา ไปสำนักสมัครงาน
ให้ทดลองแต่ง อุรังอุตัง ช่างเหมาะเจาะ
งานมั่นเหมาะ หนุ่มปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
นั่งแทนลิงในกรง คงสำราญ
จิตเบิกบานนึกภูมิใจ ได้งานเบา
วันแรกแรก นั่งนอนเล่นเป็นสุขยิ่ง
ทำท่าลิง คอยสนอง คนดูเขา
ล่วงหลายวัน ชักเริ่มเบื่อเหลือบรรเทา
เดินแกะเกากรงดึงแทะทึ้งทอย
พบรอยขาด ลองแกะสอด ลอดตัวได้
จึงลอดไป กรงข้างข้าง อย่างเงื่องหงอย
เป็นกรงเสือ หารู้ไม่ใจล่องลอย
พลางเดินเดิน ถอยถอย คอยเมียงมอง
พลันเหลือบเห็น เสือร้าย หัวใจหล่น
ตกใจจนประจุขี้ขึ้นสมอง
กระโดดหนีสุดชีวิต จนติดซอง
ปากเผลอร้อง ซอยข้อยแน ซอยข้อยแน
เจ้าเสือร้าย ยินเสียงโลด กระโดดประกบ
รีบตะปบ คอเจ้าลิง ยิ่งย่ำแย่
บีบกระชับดึงหน้าหลังเหมือนรังแก
จุ๊ปากแก้ กระซิบใส่บอกให้รู้
จุ๊ จุ๊ จุ๊ เสย เสยไว้ เสย เสยไว้
อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวต๊กงาน กันทั้งคู่
เฮาคน บ้านเดียวกัน มึงกะกู
เดี๋ยวต๊กงาน กันทั้งคู่ อย่าเอ๊ดไป
กลอนอีกบทหนึ่ง เอ่ยถึงความใสซื่อ และความมีน้ำใจของแม่ยายที่มีต่อลูกเขย ลักษณะความมีเมตตาแบบนี้ จะพบบ่อยในตัวของน้ามาด สังเกตจากลูกศิษย์ลูกหาจะติดพัน จะแวะเวียนมาเยี่ยม มาชักชวนไปเที่ยวตลอดเวลา
#3 เงินทองเราก็พอมี
ยอดแม่ยาย ประเสริฐนักรักลูกเขย
ไม่ละเลย คอยดูแลเอาใจใส่
ลูกเขยเป็นคนดี มีน้ำใจ
แม่ยายจะทำอะไร ก็ช่วยทำ
จันทร์ถึงศุกร์ ลูกเขยไปทำงาน
กว่าจะกลับถึงบ้าน ก็เย็นย่ำ
เสาร์ อาทิตย์ ก็ออกจากบ้านเป็นประจำ
กลับมาบ้าน หน้าคล้ำ กรำแดดชัด
ห่วงลูกเขย แม่ยายให้สงสัย
รึลูกต้องไป มุงานปฏิบัติ
อยากให้พักผ่อน อยู่บ้าน อยากทานทัด
แต่อึดอัด ทั้งห่วงหาทั้งอาทร
ความสงสารมากพ้น จนล้นอก
อยากปัดยก ภาระเขย ได้พักผ่อน
ไม่ต้องยกถุงยาวใหญ่ ไปตะลอน
ให้กินนอน อยู่กับบ้าน สำราญกาย
ตัดสินใจ เข้าไต่ถามความลูกเขย
เสาร์ อาทิตย์ ไฉนเลย งานมากหลาย
ลูกเขยตอบ อย่างราบเรียบสบายสบาย
บอกแม่ยาย ไปออกรอบตีกอล์ฟมา
แม่ยายฟัง ไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก
คิดว่าตีกอล์ฟหนัก แน่นักหนา
ตีกอล์ฟแล้ว หน้ากร้านดำคล้ำกายา
ทั้งสัปดาห์ ไม่เคยได้หยุดพัก
ใจสงสาร อยากให้เขย ได้พักบ้าง
มองหาทาง ช่วยผ่อนผัน ปัญหาหนัก
ไม่อยากให้ หักโหมกลัวโทรมนัก
ด้วยความรัก จึงตัดใจไขวจี
เข้าไปหาลูกเขย ตอนหัวค่ำ
แล้วออกปากแนะนำ สุขวิถี
ลูกเอ๊ย ! เงินทองเรา ก็พอมี
จ้างเขาตี บ้างก็ได้ ไอ้กอล์ฟน่ะ
น้ามาด ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณอายุตอนเป็นอาจารย์ระดับผู้เชี่ยวชาญ ในภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร เคยสอนวิชาภาษาไทยให้กับโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน หลายปี รวมทั้งร่วมเป็นกรรมการออกข้อสอบเอ็นทรานซ์วิชาภาษาไทยนานหลายปีด้วย
น้ามาด มีประสบการณ์การเขียนกาพย์กลอนโคลงฉันท์บ่อยๆในเทศกาลสำคัญ ของ ม.ศิลปากร และตามคำร้องขอให้ช่วยแต่งให้ในโอกาสต่างๆจากคณาจารย์ และตามคำร้องขอจากหน่วยงานต่างๆ น้ามาด จะเขียนได้ค่อนข้างว่องไว บอกวันนี้ พรุ่งนี้ก็เขียนส่งให้แล้ว และมักจะนึกวรรคกลอนโคลง ไพเราะๆ คมๆ ตอนขณะกำลังขับรถ
น้ามาด เป็นชื่อเรียกเล่นๆ ชื่อจริงของน้ามาด ไม่ใช่ชื่อนี้ แต่อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร และอาจารย์ในหอพักอาจารย์ ม.ศิลปากร แทบทุกคน ไม่ว่าจะอายุประมาณไหน ต่างเรียกชื่อ น้ามาด แบบนี้กันติดปากแทบทุกคน รวมทั้งผู้คนที่ไปทริปทัวร์กับอาจารย์ของ ม.ศิลปากร ก็จะเรียกชื่อ น้ามาด แทนชื่อแท้จริง ตามอย่างอาจารย์ด้วย
#4 กรีน พิ๊งค์ เยลโล่
ณ บริษัทธุรกิจของต่างชาติ
กำลังสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้างานใหม่
หญิงสาวจากหลายประเทศทั้งสาวไทย
สมัครคัด คนเชาวน์ไหวภาษาดี
พื้นฐานงาน ต้องใช้ภาษาอังกฤษ
กรรมการดูความคิด อย่างถ้วนถี่
ผนวกบุคลิกภาพ หน้าตาดี
วางโจทย์มี ให้ทุกคนด้นสบาย
ให้ใช้ คำสามคำ กำหนดไว้
ผูกความหมายให้เหมาะเจาะเหมาะความหมาย
คือคำ กรีน พิ๊งค์ เยลโล่ แบบฟรีสไตล์
แล้วบรรยาย ให้กรรมการฟัง
หลายคนเสร็จ ออกมาหน้าตาชื่น
ยิ้มระรื่นคาดตามด้วยความหวัง
เหลือสาวไทยคนสุดท้าย พะว้าพะวัง
จนกระทั่ง กรรมการเรียกเข้าพบ
ตื่นเต้น แต่ข่มใจไม่ประมาท
ใช้มารยาทแบบสาวไทยเสงี่ยมสงบ
กรรมการให้เรียบเรียง สามคำ ครบ
สาวไทยใช้ยิ้มสยบ แล้วพ่นวจี
เว็น เดอะ เทเลโฟน ริงส์ กรี๊น กรี๊น
แด็ท อิท มีนส์ มายเดียร์ คอล ฟอร์ มี๋
โซ ไอ พิ๊งค์ อิท อัพ อิมมิเดียดลี่
ไอ แอม แฮปปี้ เซย์ เยลโล่ โอ มายเดียร์
น้ามาด กับ จขบ. สนิทสนมกันมานานหลายสิบปีแล้ว ในหลายสถานะด้วย ตอนที่ น้ามาด เริ่มแรกที่จบการศึกษามาใหม่ๆ มาเข้าสอนที่โรงเรียนเกาะสมุยเป็นปีแรก ตอนนั้น จขบ.เรียนอยู่ชั้นบนสุด พอ จขบ.เรียนจบก็เข้ากรุงเทพ ช่วงนี้ก็ห่างเหินกันพอประมาณ แต่พอ จขบ.เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย น้ามาด ก็สอบเข้ามาเรียน ป.โท ต่อที่มหาวิทยาลัยเดียวกันเป็นปีแรก ทีนี้บางวัน อุ อุ น่าจะเรียกว่าแทบทุกวันมากกว่า น้ามาด กับ จขบ.จะทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ทานข้าวเย็นด้วยกัน เพราะ จขบ.พักอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัย บางคืน น้ามาด ก็แอบนอนค้างในหอพักด้วย เพราะนั่งเล่น นั่งคุยกันจนดึกดื่น พอ จขบ.จบ ป.ตรี เรียนต่อ ป.โท ตอนนี้ น้ามาด กับ จขบ.ก็ยิ่งสนิทสนมยิ่งขึ้นไปอีก จากที่เคยเรียกว่า ครู ก็ชักกลับกลายมาเป็นเรียก น้ามาด ว่า พี่ เพราะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง กันแล้ว
หลังจาก น้ามาด จบ ป.โท ด้านอักษรศาสตร์ ภาษาไทย ก็ทำเรื่องย้ายจากโรงเรียนเกาะสมุย เข้ามาสอนนักศึกษาในคณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร และเมื่อ จขบ. จบ ป.โท ก็ย้ายออกจากหอพัก มาซื้อแฟลตของตัวเอง คราวนี้ ความสนิทสนมก็ยิ่งมีมากขึ้นเข้าไปใหญ่ อุ อุ สงสัย ชักจะมี กะตังค์ เลยได้เที่ยวกันมากขึ้น
บางครั้ง จขบ.ก็ไปค้างที่หอพักของ น้ามาด หอพักอาจารย์ ม.ศิลปากร น่ะ และบางครั้ง น้ามาด ก็มาค้างที่แฟลต ของ จขบ. บางครั้ง พวกเราก็ไปเที่ยวทั้งในประเทศ และนอกประเทศด้วยกัน ไปกันแบบจำนวนเยอะๆ ทั้งอาจารย์ศิลปากรกับคนภายนอก สถานะความเป็นพี่เป็นน้อง จึงยิ่งสนิทสนมยิ่งขึ้น
กลอนบทต่อไป น้ามาด เขียนบนเครื่องบิน ขณะที่ น้ามาด กับ จขบ. นั่งติดกัน เมื่อพวกเราไปเที่ยวยุโรป น้ามาด หยิบกระดาษอะไรก็ไม่รู้ (กระดาษถุงอ๊วก มั๊ง) มาเขียนกลอน ทันทีที่ได้ยินเหตุการณ์ขำขัน เมื่อคุณลูกสาวที่เป็นเถ้าแก่เนี๊ย และไปเที่ยวพร้อมกับคุณแม่ คุณลูกสาวเธอสั่งอาหารของเธอกับของคุณแม่ ต่อแอร์โฮสเตส กลอนบทนี้เป็นเหตุการณ์จริง
#5 แล็มบ์ ออร์ ชิคเค่น
สาวไทยหนึ่ง ขึ้นเครื่องที่แฟรงเฟิร์ด
กลับบ้านเกิดที่กรุงเทพฯดังใจประสงค์
ต้องต่อเครื่องที่บาห์เรน ไม่บินตรง
ก่อนแวะลง ได้มีเรื่องประเทืองใจ
เธอนั่งเพลินชมพลางอยู่ข้างแม่
มองดูแอร์โฮสเตส เดินถามไถ่
บริการผู้โดยสารทุกเพศวัย
ประสงค์ใด ก็สั่งได้ไม่ยากนัก
สักครู่ใหญ่ แอร์โฮสเตสก็เสิร์ฟอาหาร
บริการผู้โดยสารเป็นมื้อหนัก
มีข้าวผัดเนื้อไก่ไม่ใส่ฟัก
หรือเนื้อแกะ ให้สมัครเลือกสรรเอา
เดินมาถึงสาวไทย ไม่นานช้า
เธอทักทายด้วยวาจาท่วงท่าเฉลา
สาวไทย ก็ยิ้มตอบ ชอบไม่เบา
คอยฟังเอา ไม่ลำบากไม่ยากเย็น
แอร์โฮสเตสถามสาวไทย ไม่ยอกย้อน
Do you want a lamb or chicken
สาวไทยเธอนั่งงง หลงประเด็น
ตอบ I want two kitchens would you please.
บ้านเกิดของน้ามาด อยู่ที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี แต่เพราะบ้านเกิด อยู่ใกล้ตลาดไชยาเกินไป หลังจากเกษียณ น้ามาด ก็มาปลูกบ้านหลังใหม่ ใกล้กับทะเล ที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี รูปภาพในบล็อกวันนี้ ถ่ายที่บ้าน น้ามาด อ. ท่าชนะ ทั้งสิ้น
รอบบ้านของน้ามาด คืออุทยานดอกไม้และพรรณไม้งดงามมาก ใครไปเยี่ยม ใครมักจะหลงเสน่ห์ ไม่อยากรีบกลับ เพราะน้ามาด เลี้ยงดี ด้วยแหละ อาหารอร่อยๆ ทุกมื้อ
#6 จะไม่ให้สนใจได้ยังไง
มีสองสาวเพื่อนคู่ขวัญทันสมัย
ชวนกันไปดูหนังการกุศล
เขาจัดฉายในโรงภาพยนตร์
ความมืดดล เหตุเนื่องเกิดเรื่องราว
กลางความมืด ขณะหนังกำลังฉาย
สาวหนึ่งกระซิบกระส่าย บอกเพื่อนสาว
ด้วยสุ้มเสียงสั่นสดับอัพแอนด์ดาวน์
ร้อนร้อนหนาวหนาวแกมตื่นเต้นเป็นพัลวัน
นี่เธอรู้มั๊ยว่า ขณะนี้
ผู้ชายที่ นั่งติด กันกับฉัน
เขากำลัง ข่มขืนตัวเอง อย่างเมามัน
เพื่อนสาวได้ยินดังนั้น ก็หูกาง
กระซิบดุ บอกว่า ช่างเขาปะไร
เธออย่าไป สนใจเขาซะอย่าง
เรื่องของเขา คนละเรื่องคนละทาง
ต่างคนต่าง หลบเลี้ยวไม่เกี่ยวกัน
จะไม่ให้ ฉันสนใจได้ยังไง
เธอแย้งขัด ทันใดใจสั่นสั่น
จะไม่ให้ ฉันสนใจ ยังไงกัน
ก็เขาเอา มือของฉัน ไปทำน่ะ
จขบ. จะกลับไปใต้ในวันนี้ จะไม่เข้าบล็อกอีกหลายวัน จะไปร่วมงานสังสรรค์นักเรียนเก่าของโรงเรียนเกาะสมุย ซึ่งจะจัดงานโรงเรียนครบรอบ 60 ปี แน่นอนว่า ไปครั้งนี้ จะต้องเจอ น้ามาด เพราะ น้ามาด เคยเป็นครูสอนที่โรงเรียน แม้จะไม่เคยเรียนก็ตาม
ก่อน จขบ. จะออกเดินทาง ก็เลยถือโอกาสนี้ ขอแนะนำ น้ามาด ผู้เป็นทั้งครู ทั้งรุ่นพี่ และจะเรียกว่าเป็นพี่ชาย ของ จขบ. ก็ยังได้ ฝากไว้ให้เพื่อนๆรู้จัก
#7 ได้อยู่คู่กันเสียที
อนงค์หนึ่งออนซอนร้อนเสน่ห์
หน้าสวยเก๋หุ่นเซ็กซี่ เธอมีฝัน
ชายมากหน้าหลายตา มาติดพัน
ไวไฟครัน เธอผูกสนิทมิตรไมตรี
ในที่สุด เธอปลงใจกับหนุ่มหนึ่ง
ตั้งแต่วัย ยังไม่ถึงไม่ได้ที่
อยู่กินกัน ฟันฝ่ากามราวี
จนห้าปี เธอลูกดกถึงหกคน
แล้วสามีก็ตายด้วยอุบัติเหตุ
แต่งามเนตรยังสดใส มีชายสน
เธอจึงคว้าสามีใหม่ ในบัดดล
ได้ลูกอีกสามคน ในสามปี
จู่ จู่ สามีคนที่สอง ต้องตายจาก
เธอไม่พรากเวลา ให้ห่างหนี
เธอคว้าสามีคนที่สาม ทันท่วงที
อยู่กันนานสี่ปี ลูกสี่คน
แล้วอยู่อยู่ สามีเธอ นอนใหลตาย
ไม่ทันคลายโศกเศร้า ก็เห็นผล
เธอได้สามีคนที่สี่ มาอีกคน
อยู่กินจน ได้สองปีชีวิตโทรม
ได้ลูกอีกสอง จนวาระสุดท้าย....
สามีหัวใจวาย เพราะหักโหม
เธอไม่ปล่อยให้ความเหงา มารุกโรม
ได้สามี มาเล้าโลม อีกทันควัน
เพียงปีเดียว ได้ลูกหนึ่ง ก็จบเห่
.
สามีที่ห้า ต้องลงเปล สู่สวรรค์
หลังสามีคนที่ห้า ตายจากกัน
เธอโศกศัลย์มองหาใหม่ ใจทุกข์ทน
เธอซูบซีดผ่ายผอม ตรอมใจนัก
วันหนึ่งใจลอยหนัก เดินข้ามถนน
ถูกสิบล้อ กระแทกกายจนวายชนม์
ร่างปี้ป่นชะตาขาดไม่คาดคิด
ในงานศพอุทิศตนกุศลสร้าง
ทุกคนต่างวิจารณ์เธอ ถึงกามกิจ
ไม่หยุดหย่อนมาตลอดชั่วชีวิต
หนึ่งชนิดไม่มีสองในตองอู
หลังพิธี ส่งวิญญาณสู่ความสงบ
ให้พานพบสวรรค์คาม ที่งามหรู
หลวงพ่อปลง พลางรำพึงถึงพธู
เฮ้อ! สุดท้ายได้อยู่คู่กันเสียที
คู่กับผัวคนไหนล่ะเจ้าคะ
เสียงเพื่อนบ้าน ถามจะจะ อย่างถ้วนถี่
หลวงพ่อตอบ ไม่ใช่คนไหนหรอกเทวี
ขาของหล่อน ต่างหากที่ ได้คู่กัน
กลอนสนุกๆ ที่นำมาถ่ายทอดลงในบล็อกวันนี้ เครดิตเป็นของ น้ามาด ทั้งสิ้น มีพิมพ์ขายด้วย น้ามาด นอกจากจะแต่งกลอน แนวหัสคดีคำกลอน แบบนี้แล้ว น้ามาด ยังถนัดแต่งโคลงกลอนแนวปริศนาคำกลอนอีกด้วย คือ คำถามจะเป็นพวกสักวา พวกดอกสร้อย หรืออาจจะเป็นโคลงสี่สุภาพ เป็นต้น แล้วใครมีฝีมือ ก็นึกหาคำตอบจากคำกลอนคำโคลงเหล่านั้น เป็นคำตอบปกติธรรมดา
แต่ โฮะ โฮะ ยาก ชมัด
มีพิมพ์ขาย พร้อมคำเฉลย
เชิญทายกันเล่นๆ
ปริศนากลอนลูกโซ่
แต่ละวรรค จะมีหนึ่งคำตอบ และแต่ละคำตอบ จะเกี่ยวพันกับคำตอบต่อไปเป็นลูกโซ่
อะไรเอ่ย
เสือตัวใหญ่ นี้หรือคือเสือโคร่ง (คำตอบคือ)
กล่าวกลอนโยง โดยไม่ได้ คิดมาก่อน (คำตอบคือ)
กระปรี้กระเปร่าเบิกบานจริต คิดออนซอน (คำตอบคือ)
ยกย่องซ้อนยินดี ปีติจริง (คำตอบคือ)
ดูอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อย (คำตอบคือ)
ท่อนไม้เลื่อยไว้รองราง รถไฟวิ่ง (คำตอบคือ)
รูปลักษณ์เป็นรูปสามเหลี่ยม ไว้แนบอิง (คำตอบคือ)
โผงผางยิ่ง ไม่เกรงใจใครใครเลย (คำตอบคือ)
คำเฉลย ปริศนากลอนลูกโซ่
ลายพาดกลอน
กลอนสด
สดชื่น
ชื่นชม
ชมนกชมไม้
ไม้หมอน
หมอนขวาน
ขวานผ่าซาก