Let's go Nikko นิกโก้ วันเดียวก็เที่ยวได้ เช้าไป - เย็นกลับจากโตเกียว (ตอน1)








ตอนแรกก็กะว่าจะเขียน Blog เล่าแค่ตอนไปครั้งแรกแล้วก็เล่าไปเรื่อยค่ะ แต่คิดมาคิดไป เอาประสบการณ์ของทุกครั้งมายำรวมกันเป็น 1 Day trip แบ่งปันเพื่อนๆ น่าจะดีกว่านะคะ 

และนี่คือแผนการท่องเที่ยวแบบ One day trip ของเรา ไม่เหมาะกับเด็ก สตรี(ผู้ไม่แข็งแรง) และผู้สูงอายุนะคะ เพราะจะเดินค่อนข้างเยอะค่ะ

ครึ่งวันแรก 
-  โซนน้ำตกเคกอน (Kegon)
-  ทะเลสาปชูเซนจิ (Chuzenji)

ครึ่งวันหลัง โซนมรดกโลก
- วัดไทยูนอิน
- ศาลเจ้าฟุตะระซัง
- ศาลเจ้าโทโชกุ
- วัดรินโนจิ
- สะพานชินเคียว

ภาพประกอบเรามันอาจจะกากๆ หน่อยนะคะเพราะว่ายุคนั้นเดินทางด้วย SS Note2 และ SS S5 ค่ะ ภาพช่วงที่มีหิมะจะกากหน่อย ภาพช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะดีขึ้นตามลำดับค่ะ ฮ่าๆๆ ตอนนี้เราตัดสินใจซื้อกล้องไปแล้วค่ะ ดังนั้นภาพเซตหลังๆ ที่ไปเมืองอื่นๆ ก็ (น่าจะ) ดีขึ้นตามลำดับนะคะ

เอาน้ำตกมาเรียกน้ำย่อยก่อนดีกว่า ภาพนี้ช่วงปลายเดือน ตค. ค่ะ ใบไม้เปลี่ยนสีที่น้ำตกเคกอน



นิกโก้ วิธีไปสำหรับนักแบกเป้เที่ยวเจแปนด้วยตัวเอง มีวิธีฮิตๆ ที่นิยมใช้กันอยู่ 2 วิธีค่ะ

1. ใช้ Shinkansen จาก สถานี Ueno ไปลง Utsunomiya และเป็นสายเป็น JR nikko ปลายทางที่ สถานี Nikko วิธีการนี้เหมาะสำหรับท่านที่ถือ JR Pass นะคะ จะ JR Tokyo wide pass หรือว่า JR Rail Pass ฯลฯ อันนี้ ใช้ได้หมด เพราะถ้าใช้การซื้อตั๋ว Shinkansen แบบดิบๆ นี่จะค่อนข้างแพงค่ะ ไปกลับนี่เป็นหมื่นเยนกันเลยทีเดียว วิธีการนี้จะไม่รวมค่าเดินทางใน Nikko ค่ะ ต้องซื้อ Pass สำหรับเดินทางใน Nikko เพิ่ม สำหรับทริปเราก็แนะนำเป็น Chuzenji Onsen Pass 2,000 yen ใช้ได้ 2 วัน แต่ว่าถึงแม้เราจะใช้แค่วันเดียวก็แสนคุ้มแล้วค่ะ Pass นี้ สามารถใช้นั่งรถบัสสาย 2A,2B ถึงป้าย 25 และ 2C เข้า โซนมรดกโลกได้ค่ะ 

เพิ่มเติม : สำหรับท่านที่จะไปแค่โซนมรดกโลกอย่างเดียว สามารถซื้อพาส World Herritage ราคา 500 yen สำหรับเดินทางเที่ยวในโซนมรดกโลกได้นะคะ ใช้ได้ 1 วันค่ะ

2. ใช้ Tobu Line จาก สถานี Asakusa ไปลงสถานี Tobu nikko ต่อเดียวยาวไปค่ะ ซึ่งสายนี้เค้าก็ออก Pass มาค่อนข้างหลากหลายค่ะ แต่สำหรับ One day trip แบบนี้ ขอแนะนำตัว Nikko All Pass ราคา 4,530 yen ใช้ได้ 4 วันค่ะ ความคุ้มของพาสนี้แม้เราจะไม่ได้อยู่ 4 วันก็คือ มันรวมค่ารถไฟไปกลับ นิกโก้ <-> โตเกียวไว้แล้ว พร้อมกับสามารถใช้พาสนี้นั่งรถบัสใน nikko ได้ และ สามารถใช้เป็นบัตรส่วนลด หรือสามารถเข้าฟรีได้บางที่ด้วย (อันนี้จะแนบมาในรายละเอียดตอนซื้อพาสนะคะ)

เพิ่มเติม : สำหรับท่านที่ต้องการไปนิกโก้ และเที่ยยวเฉพาะโซนมรดกโลก ค่ายนี้เค้าก็ทำ Nikko 2 Days Pass ราคา 2,670 yen ใช้ได้ 2 วัน และสามารถใช้นั่งบัสเที่ยวชมในโซนมรดกโลกได้ค่ะ

ตัดภาพมาที่เราทริปของเราบ้าง เนื่องจากว่าในการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้เราไปเมืองรอบๆ โตเกียวค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเราจึงใช้ตัวเลือก คือ JR Tokyo wide pass + Chuzenji Onsen Pass ค่ะ ด้วยพาสนี้ทำให้เราสามารถใช้ JR Tokyo wide pass ไปจองที่นั่ง Shinkansen ไว้ล่วงหน้าได้ก่อนเลย เวลาไปจะได้ชัวร์ไปเลยว่าเราได้นั่งแน่นอน สำหรับขากลับไม่แนะนำค่ะ เพราะมันจะบังคับเราเกินไป ขากลับจะกลับตอนไหนค่อยไปจองที่ Utsuomiya ตอนขากลับ หรือว่าจะนั่งตู้ Non-Reserve เลยก็ได้ ถ้าไม่ชนเทศกาล แต่ถ้าชนเทศกาล ต้องจองให้ได้ทั้งไปและกลับนะคะ ไม่งั้นมียืนถึงโตเกียวแน่ๆ พูดเหมือนเราเคยยืน ใช่ค่ะ เราเคยยืนแบบนั้นจริงๆ แทบตาย ฮ่าๆๆ



เริ่มต้นจากสถานี Tokyo หรือ Ueno > Utsunomiya > JR Nikko เลือกเวลาให้เช้าๆ ไปเลยค่ะ เพราะเราใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน และอย่าลืมซื้อข้าวกล่องติดไปด้วยนะคะ กันหิวค่ะ

สำหรับขบวนที่ไป Utsunomiya มักจะเป็นเจ้าเป็ดเขียว Yamabiko ค่ะ 



เมื่อถึงสถานี Utsunomiya ไม่ต้องกลัวหลงเลยค่ะ ไม่ว่าจะเงยหน้ามองบน ก้มหน้ามองพื้น หรือมองไปตรงๆ ป้ายบอกทางไปต่อขบวน JR Nikko จะมีอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ หมดสิทธิ์หลงอย่างแน่นอน แต่อย่าใจร้อนนะคะ สถานี Utsunomiya นี่ค่อนข้างยั่วกระเป๋านักช้อปอย่างมากเพราะสถานีนี้ มีห้างเลยจ้า แฟชั่น ของกิน ของฝาก มีเพียบบบบ ไว้ซื้อขากลับเนอะ เดี๋ยวต้องแบกไปเที่ยว Nikko ด้วยจะไม่สนุก ขบวนที่จะไป Nikko จะต้องเดินลงบันไดไปชั้นนึงนะคะ ^^

สำหรับ Chuzenji Onsen สามารถซื้อได้ที่สถานี JR Nikko ได้เลยค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้พาสมาพร้อมกับ แผนที่และตารางเวลาของรถบัสแต่ละสาย ซึ่งป้ายรถบัส No.1 จะอยู่หน้าสถานี Nikko เลยค่ะ แต่ถ้าเน้นความชัวร์ อยากอ่านรายละเอียดอะไรบางอย่างให้ชัดๆ ก่อน ก็สามารถเดินไปยังสถานีรถบัส ที่อยู่ตรงข้ามกับ สถานี Tobu nikko ได้เลยค่ะ ป้ายนี้ จะค่อนข้างใหญ่ เป็นสัดส่วน แยกสาย A,B,C เลย เส้นทางการเดินคือ เมื่อออกมาถึงด้านหน้าสถานี Nikko ให้เดินเลียบไปตรงไหล่ทางด้านขวามือ แล้วเดินตรงไป ประมาณ 200-300 เมตร ก็จะเห็นป้ายรถบัส (อยู่ทางซ้ายมือ) แล้วค่ะ 

อันนี้คือหน้าตาของ Chuzenji Onsen Pass ค่ะ Pass นี้เดินทางไปได้ถึงป้าย 29 ก็จริงนะคะ แต่ว่าพึงสังเกตุที่ด้านหลัง Pass นิดนึงค่ะว่า ถ้าป้ายไหนขึ้นเป็นเส้นประ หรือเส้นเทาๆ บางๆ นั่นหมายถึงการเดินรถทางเดียวนะคะ  เช่น ในโซนมรดกโลก



ที่หมายแรกที่เราจะไปคือ น้ำตกเคกอน และทะเลสาบชูเซนจิ และเมื่อดูพิกัดแล้วพบว่า สองสถานที่นี้อยู่ติดกันค่ะ สามารถเดินถึงกันได้ โดยลงที่ ป้าย 24 Chuzenji Onsen ที่เดียวได้เลย และเมื่อดูเส้นทางเดินรถแล้วจะพบว่ามี 2 สายที่ผ่านค่ะ คือสาย 2A, 2B จากนั้นก็ก้มดูตารางเวลาที่ได้มาว่า สายไหนจะมาเข้าป้ายก่อน ก็เลือกไปเข้าแถวที่ป้ายของสายนั้น

หน้าตาของ Tobu Nikko ค่ะ คือด้วยความสามารถในการถ่ายภาพ ณ ตอนนั้น ก็ได้มาประมาณนี้ค่ะ 



รถบัสจะใช้เวลาวิ่งจาก Tobu Nikko หรือ JR Nikko เนี่ย ประมาณ 30 นาทีค่ะ ทางก็จะเป็นป่าเขาลำเนาไพรมีขึ้นเขาอยู่อึดใจใหญ่ๆ เหมือนกัน แต่ก็จะสวยๆ ฟินๆ บอกเลยว่าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของ Nikko เด็ดมากๆ ต้องลองค่ะ ถ้าเลือกได้ขาไป ให้นั่งติดหน้าต่างฝั่งเดียวกับคนขับค่ะ ส่วนขากลับก็นั่ง ติดกระจกฝั่งซ้ายตรงข้ามคนขับ เลือกหน้าต่างที่มองเห็นวิวได้นะคะ ไม่เอาแบบอันเตี้ยที่มองเห็นแต่ขอบ

เมื่อรถบัสเทียบป้ายที่ 24 แล้ว พอลงจากรถ ให้เดินออกไปที่ถนนค่ะ หันหน้าหาถนนไว้ ก็จะกำหนดทิศได้ดังนี้ ทางขวามือ จะเป็นทางไปน้ำตกเคกอน และทางซ้ายมือ จะเป็นทางไปทะเลสาบชูเซนจิ ทางไหนก่อนก็ได้ค่ะ เพราะต้องเดินเหมือนกัน

ป้าย 24 หน้าตาแบบนี้



ส่วนเราเลือกเดินมาทางขวามือ คือโซนน้ำตกเคกอนก่อนค่ะ ในบริเวณโซนน้ำตกก็จะมี อาหาร เครื่องดื่ม และร้านกาแฟ เต็มไปหมดค่ะ ทีเด็ดของที่นี่จะเป็นปลาเสียบไม้ย่างค่ะ 

ทางเดินไปน้ำตกเคกอน



เมื่อเดินมาถึงบริเวณจุดชมวิว ก็จะมี 2 ชั้น เข้าฟรีค่ะ คือ ชั้นที่เราเดินไปถึงเลยจะเป็นชั้นบน เราสามารถเดินลงมาอีกชั้นนึง เพื่อเก็บวิวอีกหนึ่งมุมมองได้เช่นกันค่ะ จุดนี้มันมีทริคเหมือนกันว่า ถ้าไปตอนเช้า แล้วถ่ายภาพเราคู่น้ำตก จะย้อนแสงค่ะ ถ้าเป็นช่วงบ่าย ก็จะไม่ย้อนแสงค่ะ // ดังนั้น สามารถ สลับแผน เช้า - บ่าย กับโซน มรดกโลกได้ตามอัธยาศัยเลยนะคะ แต่สำหรับช่างภาพ หรือมือถือสมัยนี้แล้ว เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่นะคะ


อันนี้เป็นภาพที่ถ่ายได้ในช่วงปลายเดือน ตค. นะคะ 



ส่วนนี้ ก็ถ่ายช่วงปีใหม่ เดือนมกราคม ค่ะ 


.
อีกมุมนึงจากจุดชมวิวของน้ำตกเคกอนค่ะ




หลังจากอิ่มเอมจากโซนน้ำตกแล้ว ก็กลับมาทางเดิมค่ะ และเดินตรงเลยป้ายรถบัสไป จากน้ำตกมาทะเลสาบประมาณ 700 เมตร ค่ะ ซึ่งบริเวณทะเลสาบก็จะมี เสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่อยู่ตรงสี่แยกให้เราเห็นพอดี เมื่อไปถึง ก็สามารถแวะ แชะ & ชิว กันได้ค่ะ บริเวณนี้จะไม่มีอะไรขายนะคะ ดังนั้นถ้าจะทานอะไร ก็จัดการที่น้ำตกไปเลยค่ะ

ถ้าเจอเสาร์นี้ ตั้งอยู่กลางถนน ใช่แล้ว เดินข้ามทางม้าลายไปค่ะ เจอทะเลสาบแน่นอน



บริเวณรอบๆ ทะเลสาบค่ะ




ใบไม้เปลี่ยนสี สวยเลอค่ามาก



บริเวณท่าเรือ



เมื่อจัดครบสองสถานที่แล้ว เราก็จะกลับไปที่ โซนมรดกโลกค่ะ โดยกลับไปขึ้นบัสตรงบริเวณที่เราลง แต่อันนี้คนละจุดกันนะคะ ขามาเราจะลงบริเวณป้ายด้านหน้าเกือบติดกับถนน แต่ว่าขากลับ ต้องเดินเข้าไปรอตรงลานด้านในค่ะ มีนักท่องเที่ยวสับสนกันเยอะตรงนี้ 

พบกันตอนหน้านะคะ  จะเขียนใส่ตอนเดียวหมด เดี๋ยวจะยาวเกินไปค่ะ ^^



Create Date : 28 พฤษภาคม 2560
Last Update : 28 พฤษภาคม 2560 21:08:13 น.
Counter : 17911 Pageviews.

1 comments
  
สวยค่ะ รอบที่แล้วไปแล้วพลาดค่ะ มีปัญหาต่าง ๆ ทำให้อดขึ้นเขา 48 โค้งเลย รอบหน้าอยากไปอยู่นะคะ แพลนไว้อยุ่ แต่เปอร์เซ้นนี่สิจะเท่าไหร่ อิ อิ
โดย: mariabamboo วันที่: 6 มิถุนายน 2560 เวลา:12:54:21 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

YUI_Arkari
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]