Group Blog
มิถุนายน 2563

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ตอนที่ 7 " 21 ปี ท้อง 2 เดือน"
         เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน ทุกคนรู้ว่าเราคบกัน  หลายๆคนก็ไม่กล้าพูดเล่นหัวกับฉันเหมือนเคย อาจเพราะเกรงใจพี่มานะ ด้วยบุคลิก เคร่งขรึม บึ้งตึง หยิ่งๆ ไม่ค่อยเป็นมิตร เข้ากับคนยาก ถ้าไม่สนิทพี่แกก็ไม่คุยด้วย คบกันไประยะหนึ่ง เราจึงตัดสินใจมาพักอยู่อยู่ด้วยกัน พี่เขาย้ายมาอยู่กับฉัน เพราะประหยัดเวลาขี่ไปกลับ กรุงเทพฯ – นนทบุรี และตกดึกถนนเส้นบ้านเขาจะเต็มไปด้วยรถบรรทุก ขับขี่กันครองถนน อันตรายสำหรับคนขี่มอเตอร์ไซด์   อันนี้ฉันก็เห็นด้วยและเป็นห่วงพี่เขาเหมือนกัน และพ่อแม่พี่น้องที่บ้านเขาก็รู้ว่าย้ายมาอยู่กับฉัน  เขาก็พาฉันไปที่บ้านบางบัวทองด้วย หลายครั้ง เป็นอันว่าผู้ใหญ่รู้ว่าเราคบกัน  ยกเว้นที่บ้านฉัน ไม่มีใครรู้ ฉันขอให้แน่ใจก่อนค่อยบอก   กระทั่งวันหนึ่ง พี่ชายคนรองมาทำงานที่กรุงเทพ โรงแรมอเวนิว แถวปิ่นเกล้า พาแฟนมาแนะนำให้รู้จัก เรารวมญาติๆ ลูกพี่ลูกน้องทั้งหมด พบปะสังสรรค์กัน ฉันจึงตัดสินใจเล่าให้พี่ชายกับแฟนฟัง เรื่องคบกับพี่มานะและตอนนี้เราพักอยู่ด้วยกัน  และคิดว่าถ้าสองคนนี้รู้ คนที่บ้านก็รู้โดยที่ฉันไม่ต้องบอก นั่น คือสิ่งที่ฉันต้องการ
           
           “นาง นาง ไอ้พงษ์มันจะลาออกแล้วนะ ได้ที่ใหม่”  ตาพี่ชาย เดินดุ่มๆมาแจ้งข่าว  ได้ยินแล้วฉันใจหายนะ เสียใจที่จะไม่ได้เจอหน้ากวนๆของนาง ไม่ได้ยินเสียงตอบวอ ของนาง แต่ก็เหอะ ขอให้โชคดีละกัน เรียนให้จบให้ได้ทำงานดีๆเงินเดือนเยอะๆละกันนะ
           
            วันนี้ อัสนัย ขึ้นมาช่วยเหมือนทุกครั้ง แต่ดูหน้าคล้ำๆเครียดๆ ไม่ยิ้มเหมือนเคย  ฉันถามก็บอกไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดี จนถึงเวลาเลิกงาน อัสนัยกลับ แต่ฉันต้องอยู่ต่อ เพราะควงกะ บ่ายดึก เพราะรอบดึกลาป่วยคนนึง ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเข้างานรอบดึกหรือควงกะ สนุกดีแรงยังมีเยอะและเมื่อพี่เบล บอยเรียกหา ก็รู้เลยว่ามีออร์เดอร์ถุงยางอนามัย หวานหมูอีกละ แต่พี่เบลบอยตัวแสบ หักค่านายหน้าอีก 20 บาท ไรวะ จ่าย รปภ.ด้วย จ่ายเบลบอยด้วย ฉันจะเหลือกำไรกี่บาท ไหนจะค่าเสี่ยงภัยอีก แขกก็นะ ดันโทรมาเค้าท์เตอร์เบล แทนที่จะโทรหาเค้าท์เตอร์แม่บ้าน  เหมือนเคย ก่อนขึ้นไปส่งของ ก็แจ้งตาพี่ชายให้ส่องกล้องตามด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติก็จัดการเลย  ฉันเอาขึ้นไปให้เลือกหลายราคาหลายแบบ แขกต่างชาติด้วย ถามนู่นนี่นั่น ต่างกันยังไง ลดได้ไหม พอตกลงได้แล้วดันลูกไม้ ให้ฉันเดินไปหยิบเงินหน้าทีวีเลย เขาจะเข้าห้องน้ำ ฉันขยับตัวพ้นประตูเท่านั้นแหล่ะ แขกนั่นรีบปิดประตูห้องทันที แถมเอาตัวยืนบังประตูไม่ให้ฉันออก แกไม่รู้หรอว่าพี่ฉันดูผ่านกล้องเห็นแกปิดประตู แล้วเดี๋ยวพี่ฉันก็มานะ ถามชื่อถามอายุถามนู่นนี่ชวนคุย อยากรู้จัก บอกอย่าเพิ่งไป ฉันพลางตอบพลางหยิบวอขึ้นมาจ่อปากทำท่าจะพูดใส่วอ ขู่ๆ ไม่ทันได้ตอบคำถามจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แขกนั่นหน้าเจื่อนอย่างงงๆ ฉันรีบหยักไหล่ใส่อย่างเป็นต่อพร้อมกับ say “good night, bye” ฮ่าๆๆ สะใจจริงๆ  ฉันเปิดประตูพรวด ตั้งใจจะเม้าส์กับตาพี่ชาย แต่กลับอ้าปากค้างทันที เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่พี่  แต่เป็นอีสมพงษ์ นางพูดหรือบ่นออกมาทันทีที่เจอฉัน
       
          “ทำไมถึงไม่ระวังตัว ให้แขกลากเข้าห้องได้ไง นี่ถ้าไม่เดินตรวจฟลอร์นี้พอดี แล้วมัวแต่รอพี่เธอ     กว่าจะมาถึงจะเกิดอะไรขึ้น คิดบ้างไหม กำไรที่ได้น่ะคุ้มกันหรือเปล่า”
 

นางบ่นไปทำจมูกฟึดๆฟัดๆ และถอนหายใจไปพลาง ฉันมัวแต่อึ้งกิมกี่อยู่จนไม่ได้สนใจจะโต้ตอบนาง แต่ก็ดีใจมากๆที่เป็นนาง ดีใจที่ได้เจอกัน ดีใจที่ในที่สุดก็ไม่ได้ทะเลาะกัน  นางเดินมาส่งหน้าลิฟต์  ฉันถือโอกาสถามเรื่องลาออก นางบอกวันนี้วันสุดท้าย พรุ่งนี้ไม่มาแล้ว  ฉันก็ยังใจหายอยู่ดี แต่ก็ตัดใจบอกลานาง และขอบคุณที่มาช่วยทันเวลา  นางฟังจบไม่ตอบอะไรกลับมา แล้วก็เดินไปตรวจตราฟลอร์อื่นๆต่อ  ฉันเล่าให้ตาพี่ชายฟัง....พี่บอกว่าตอนฉันโทรไปบอกว่าจะขึ้นไปส่งของให้แขก อีสมพงษ์ก็นั่งอยู่ตรงนั้น พอวางสาย นางก็บอกว่าจะขึ้นไปตรวจฟลอร์  และตอนที่แขกปิดประตูห้อง พี่ชายก็วอเรียกสมพงษ์เพราะนางอยู่ฟลอร์นั้นพอดี .....   

                   อืมมม …… ช่างเป็นความพอดีที่ลงตัวจริงๆ  ขอบคุณนะ…….
 
อยู่ๆ พี่มานะก็เริ่มเบื่ออาหารที่โรงแรม เบื่ออาหารร้านข้างทาง เบื่อกับข้าวตลาดแถวบ้าน อยากกลับไปกินฝีมือแม่  ฉันก็ไม่ว่าอะไร บางวันเขาก็กลับไปกินข้าวบ้านแล้วแม่จะทำกับข้าวห่อมาฝากฉันทุกครั้ง ก็อร่อยนะแต่ให้กินทุกวันฉันคงกินไม่ได้ เพราะไม่ค่อยชอบกับข้าวแนวจืดๆและเน้นแต่เต้าหู้ ออกแนวคนจีน  เห็นพี่มานะบอกว่าใช่ ครอบครัวเขามีเชื้อจีน ตรุษจีนก็ต้องไหว้เหมือนกัน   สาเหตุหลักๆ ฉันว่าพี่เขาคงคิดถึงบ้านคิดถึงครอบครัว เพราะเขาไม่เคยแยก หรือห่างจากครอบครัวเลย ตั้งแต่เด็กจนอายุปูนนี้ แม้แต่สมัยเรียนก็ไม่เคยอยู่หอกับเพื่อน เลือกที่จะขี่รถไปกลับ อันนี้ก็เข้าใจนะ และถึงแม้พี่เขาจะมาอยู่กับฉัน ค่าเช่าห้องและค่าใช้จ่ายต่างๆ เราก็ช่วยกันจ่าย ไม่ได้ให้พี่เขารับผิดชอบหมด เพราะพี่เขาต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟและแบ่งให้แม่ใช้ทุกเดือน อันนี้ก็เข้าใจนะ
         
          “ยิ้มยิ้ม  เดือนหน้าเราลาออกแล้วนะ”
   จู่ๆ อัสนัย ก็โผล่เข้ามาตอนที่ฉันกำลังปูเตียงอยู่ และทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ แขนฉันก็ไม่มีแรงยกเตียงเลย แล้วอัสนัย ก็มาคว้าผ้าจากมือฉันไปทำต่อ ปล่อยให้ฉันยืนหน้าเอ๋อปากหวออยู่ เสียใจและใจหายอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งทำใจเรื่องอีสมพงษ์ลาออก ก็มาวันนี้อีก

“อ้าว ทำไมถึงออกเร็วจังล่ะ จะไปทำอะไรที่ไหน”  ฉันถามกลับโดยไม่อยากได้ยินคำตอบใดๆ อยากอยู่เงียบๆ ณ ชั่วโมงนั้น  อัสนัย เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ สุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน ใจดีชอบช่วยเหลือเพื่อนๆ ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ดีที่สุดในบรรดาเพื่อนๆในแผนก คนที่ฉันคิดว่าจะถูกเชิญออกกลับไม่ได้ออกไปไหน ก็ยังอยู่เหมือนเดิม จะใครล่ะ ก็พี่สุดใจ พ่อรูปหล่อตัวเหม็น ไง 
       
     ในเมื่อแต่ละคนมีความพอใจ อยากได้อยากมีไม่เท่ากัน ความทะเยอะทะยานต่างกัน และเมื่อมีโอกาสที่ดีกว่า ที่ที่ดีกว่า เขาก็ไป ส่วนฉัน ที่นี่คือโรงเรียนสอนพื้นฐานเกี่ยวกับงานด้านโรงแรมได้เป็นอย่างดี และในเมื่อฉันทำงานที่นี่ด้วยเรียนด้วยได้ ฉันก็ยังจะอยู่ต่อไปก่อน ไม่ใช่เพราะพี่มานะทำอยู่ที่นี่หรอกนะ ไม่ใช่เหตุผลนี้จริงๆ
       
          และหลังจากที่หลายคนในแผนกทยอยลาออกตามๆกัน  ฉันก็ต้องควงกะมากขึ้น เพราะเด็กใหม่ยังได้ไม่ครบ  ก็ช่วยๆกันพยุงกันไว้ก่อน แถมวันไหนมีฟังก์ชั่น หรืออีเว้นท์กลางคืน ก็ต้องแปลงกายไปเป็นเด็กเสิร์ฟ ช่วยงาน banquet โครตเหนื่อยแต่ก็สนุก และพี่มานะก็จะบ่นๆ เขาไม่ชอบให้ควงกะ ไม่ชอบให้ทำงานเยอะๆ คงกลัวว่าฉันจะเหนื่อยมั้ง ได้แค่พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ อีกอย่าง ถ้าวันไหนมีเรียนฉันก็ไม่ทำอยู่แล้ว อย่าสนใจ ปล่อยให้บ่นไป ฉันอยากทำก็ทำ ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน  การมีแฟนก็ไม่ใช่ว่าจะจำกัดความคิดความอ่านความต้องการในชีวิตฉันได้ และเวลาที่ให้เขาก็ยังมีเหมือนเดิมไม่ได้น้อยลงเลย

       พี่มานะเริ่มอาการหนัก กินเผ็ดไม่ได้ เหม็นปลาร้า เหม็นซีฟู้ดซะงั้น ทั้งๆที่ฉันก็กินประจำ  “สั่งอะไรมาพี่ก็กินไม่ได้ ไม่กินละเดี๋ยวพี่กลับไปกินข้าวกับแม่”   อ้าววว! หงุดหงิดใส่เฉยเลย     “กินไม่ได้ก็สั่งอันที่กินได้ ก็จบ มันดึกแล้วกว่าจะขี่รถถึงบ้าน กว่าจะได้กิน พี่ทนได้เหรอ?”  

แล้วพี่มานะก็เป็นอย่างงี้ถี่ขี้น และถี่ขึ้น เลิกงานตอนเย็น รีบขี่รถกลับไปบ้านแล้วห่อกับข้าวมาฝากฉันตลอด เพื่อมากินที่ห้อง ขี่ไปๆมาๆ เพราะเรื่องอาหาร เรื่องกับข้าวแค่นั้น  ฉันพูดไม่ได้ด้วย ชวนทะเลาะ หาว่าอาหารแถวนี้ฉันกินได้คนเดียว พี่เขากินไม่ได้ จะให้ทำยังไง… อ่ะ เอาที่พี่ท่านสบายใจเหอะ ขี่รถก็ระวังด้วยละกัน

          พักนี้แค่สูดกลิ่นควันรถตอนขี่มาทำงาน ทำฉันเวียนหัวตลอดเลยทีเดียว  ทำงานไม่ไหว จนต้องลาครึ่งวันเพื่อกลับไปพัก พี่มานะก็ลาด้วย และแล้วฉันต้องไปตรวจนะ เห็นท่าไม่ค่อยดี เพราะฉันเป็นคนแข็งแรงสุดอึดสุดถึกสุดละ จะอ่อนแอแค่กลิ่นควันรถ ไม่ใช่แน่ๆ และแล้วก็ตามคาด ผลตรวจบอก ฉันท้อง 2 เดือนละ   
 
         “ฉัน อายุ 21 ปี ตอนนี้ฉันท้องได้ 2 เดือน จะยังไงต่อล่ะ  อย่างแรกที่ต้องทำคือ จับเข่าคุยกันกับพี่มานะ เขาต้องรีบบอกที่บ้าน และก็ได้เรื่องทันทีคือ ทุกคนให้หยุดทำงาน แล้วย้ายเข้าไปอยู่บ้านบางบัวทอง เพื่อประหยัดค่าเช่าห้อง และฉันก็จะมีคนคอยดูแลตอนท้อง จนกว่าจะคลอด  ฟังดูก็น่าสนใจนะ แต่ขอคิดดูก่อน กลัวและกังวลนู่นนี่สารพัด ใจก็ยังอยากทำงานแต่ก็เกรงใจเพื่อนร่วมงาน กลัวกินแรงคนอื่นเขา ยิ่งคนในแผนกไม่พอ คนอื่นๆก็ยังต้องควงกะ เรื่องเรียนไม่มีปัญหา drop ไว้ก่อนได้ คลอดแล้วค่อยกลับมาเรียน เรื่องที่กลุ้มใจสุดคือ ถ้าไม่ทำงานจะเอาตังค์ที่ไหนใช้ล่ะ คนเคยทำงานหาเงินใช้เองไม่เคยแบมือขอใคร แม้กระทั่งพี่มานะ ฉันก็ไม่เคยเอ่ยปากขอ ถ้าอยากให้เขาให้เอง เรื่องใหญ่เลยนะเนี่ย

7171413


 
 
 
 

 



Create Date : 19 มิถุนายน 2563
Last Update : 19 มิถุนายน 2563 21:32:00 น.
Counter : 932 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 5022081
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]