วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการปั่นที่ญี่ปุ่นละ

เราจะปั่นกลับไปยังฐานทัพของเรา(สถานที่เก็บกระเป๋าจักรยาน)

ซึ่งก็คือโรงแรมแรกนั่นเอง Khaosan World Namba 

เส้นทางการปั่นวันนี้ เราจะปั่นไปเที่ยวที่เมือง Uji เมืองแห่งชาเขียวก่อน

แล้วค่อยปั่นไปที่ Osaka

วันนี้เป็นวันแรกที่มองเห็นวิวตอนปั่นเลียบแม่น้ำ

เพราะ ที่ผ่านมา เราปั่นเลียบแม่น้ำตอนมืดแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลย

อันนี้คือทางปั่นเลียบแม่น้ำ ที่เล่าให้ฟังว่า มีทางริมแม่น้ำด้านล่าง กับทางปั่นด้านบน

มาหยุดเล่นดอกหญ้ากัน

วิวเขาสวยจริงๆ ปั่นสนุกอ่ะ

เส้นทางวันนี้ไม่ได้ทำ Route ไว้ใน map ล่วงหน้า

เพื่อนๆก็ดูทางสดๆตรงนั้น ปั่นตามๆกันไป 

ตอนใกล้ถึงเมือง Uji จะผ่านทุ่งดอกหญ้ากว้างมากๆ

พอเข้าเมืองUji ก็จะเป็นทุ่งชาเขียว ทำให้รู้ว่า เราได้มาถึงเมืองUjiแล้วว 

Check Point ของเมือง Uji ได้แก่ 

1. อนุสาวรีย์ของมุราากิ ชิคิบุ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเป็นรูปปั่นผู้หญิงท่านั่งเขียนนิยายบนม้วนผ้า

เราปั่นผ่านสะพานอุจิมาก็เจอเลย

2. บ้านชาไทโฮอัน

แต่วันนี้ไม่มีพิธีชงชา เราก็เลยไปถามที่Tourist Information เขาแนะนำให้ไปอีกร้านนึง

3. Byodo-in Temple เป็นวัดที่ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มไปหมด

อันนี้เราเดินผ่านละ แต่ไม่รู้ว่าเป็น Byodo-in Temple ไม่นึกว่าจะอยู่ใกล้ๆกันไปหมดแบบนี้ ก็เลยไม่ได้เข้าไปในวัด แต่ก็ได้ถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสีนอกวัดนะ

ร้านค้าเล็กๆน่ารักๆบนถนนที่เดินจากสะพานอุจิไปยังวัดเบียวโดอิน

ทุกร้านจะเป็นสินค้าเกี่ยวกับชาเขียวหมดเลย สมแล้วที่เป็นเมืองแห่งชาเขียว

ร้านนี้เป็นร้านขนมที่ดูดีที่สุดในซอยนี้ และขนมก็น่ากินทั้งนั้น

ถ้าเราขับรถมาก็คงขนขนมกลับไปเป็นของฝากได้เยอะเลย

คนญี่ปุ่นเวลาขายของเขาน่ารักมากนะ

พอเขาเห็นเราซื้อหลายๆอัน เขารู้ว่าจะเอาไปเป็นของฝาก

เขาจะชี้ให้ดูก่อนว่า ขนมเขาไม่ได้เก็บไว้ได้นานนะ หมดอายุวันที่เท่านี้นะ

เราจะได้กะเวลาได้ว่าจะเอากลับไปเป็นของฝากที่ไทยทันมั้ย 

พลาดไม่ได้ก็คงเป็น SoftCream นั่นเอง

ไปเมืองไหน ก็ต้องกิน SoftCream ประจำเมืองนั่น ที่นี่ชาเขียว ก็ต้องเป็นชาเขียวค่ะ 

ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่เยอะมากๆ 

ถ้าได้เห็นด้วยตานะมันสวยมากจริงๆ

อันนี้ข้างวัดByodo-in

นกนี้คงเป็น นกกาน้ำ ที่ถูกฝึกให้จับปลามาให้ได้

เป็นเทศกาลที่เรียกว่า อูไก

ซึ่งเขามีแสดงด้วยนะ ต้องมืดๆประมาณ 2 ทุ่ม แต่เราต้องไป Osaka ต่อไม่สามารถอยู่ที่นี่ถึงเวลานั้นได้ 

การจะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ เพื่อไปยังร้านมัชฉะที่เจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวแนะนำ เราจะต้องข้ามสะพานแดงนี้ไป

ซึ่งไม่มีทางจักรยาน ดังนั้น เราต้องแบกจักรยานขึ้นบันไดข้ามไป

(ขอบคุณเพื่อนๆที่ช่วยยกจักรยานและสัมภาระให้เราด้วย) 

มาถึงร้านพิธีชงชาละ

มีอุปกรณ์มาคนละ set พร้อมขนมหวาน (สั่งเพิ่ม) อีก 3 sets

พนักงานเขาก็จะมาอธิบายให้เราฟังขั้นตอนในการชงชา และวิธีการจับถ้วยจิบชา

ชามีสองอย่างคือ

Matcha กับ Sencha

อัน Matcha นี่เป็น Green Tea Power ชงด้วยไม้ไผ่ตีๆๆให้เป็นฟองเล็กๆ อร่อยดี

แต่! Sencha ซึ่งเป็นใบชา มันเหมือนยาพิษ เหอๆๆ ขมสุดๆ มันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราปั่นจักรยานต่อไปแทบไม่ไหว

หลังจากพวกเรากินชาและขนมกันจนหมดเกลี้ยงแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ

เราเลือกไปเส้นทางเลียบแม่น้ำUji ปั่นอยู่บนภูเขาMakinooyama  ระดับสูงกว่าระดับแม่น้ำพอสมควร

วิวการปั่นช่วงนี้สวยมากจริงๆ เห็นแม่น้ำและใบไม้เปลี่ยนสีตลอดทาง

แต่ก็มีความตื่นเต้นตลอด เพราะเป็นทางไต่เขาที่ มีรถแล่นผ่านตลอดเวลา โดยเฉพาะ รถบรรทุก!

ปั่นไปกลัวไปอ่ะ ตอนเรามองไปที่เพื่อนข้างหน้า เสียวทุกครั้งที่รถบรรทุกแล่นไปใกล้ๆเพื่อน  เหอๆๆ 

ปั่นไปเรื่อยๆ พอลงจากเขาก็ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว

เราปั่นไปตามถนนสาย 1 ทีแรกก็หวั่นๆอยู่ว่า จะเป็นถนน highway หรือเปล่า จักรยานจะปั่นไปได้มั้ย

ปรากฎว่า...ตลอดเส้นทางสาย1 อันยาวนี้ มีทางจักรยานอย่างดีอยู่ข้างๆ(ด้านล่าง) ไปตลอดทางเลยจ้า เป็นเส้นทางที่ดีมากจริงๆ 

วันนี้เป็นวันที่เราปั่นเหมือนคนตาบอดเลยอ่ะ เราไม่ได้ดูแผนที่เลย ปั่นๆไปตามคนข้างหน้าอย่างเดียว

เขาบอกซ้ายเราก็ไปซ้าย บอกขวาก็ไปขวา ไม่รู้ทิศทาง ระยะทางอะไรเลย ตาบอดมาก 

ระหว่างทางสาย 1 จักรยานเพื่อนมีปัญหา พวกเราหยุดแก้ไขกัน ไม่นานก็เดินทางต่อได้

แล้วในที่สุดเราก็เข้าเขต Osaka แล้ว

แวะวนรอบปราสาทโอซาก้ายามค่ำคืน อากาศหนาวมากๆ

มาถึงที่พักเก็บของ ก็ห้าทุ่มละ

กะจะฉลองความสำเร็จของพวกเราด้วยอาหารมื้อใหญ่

แต่ว่า ทุกร้านปิดหมดแล้ว เหลือแต่ ราเมง 

ราเมงมื้อนี้จึงเป็นการฉลองความสำเร็จของพวกเรา 555 

เจอmagazine เล่มนี้วางอยู่ใน Hostel ทำให้รู้สึกว่าเส้นทางที่เราปั่นเนี่ย ก็ได้รับความนิยมนะ 

Distance 73.6km 

ทริปนี้สนุกมากๆ เป็นการเดินทางในต่างประเทศด้วยจักรยานเป็นครั้งแรกของเรา 

กังวลมาก ว่าจะไม่สำเร็จ กังวลว่าจักรยานจะมีปัญหา กังวลว่าจะไม่ปลอดภัยหรือบาดเจ็บ กังวลว่าเส้นทางที่เลือกจะไม่ใช่ทางที่ปั่นจักรยานได้

แต่ทั้งทริปนี้ก้ผ่านไปได้อย่างดีมากๆ ปั่นไปตามเส้นทางได้ตามแผน จักรยานไม่มีปัญหาที่แก้ไม่ได้ แล้วทุกคนก็ปลอดภัย ไม่มีใครป่วยด้วย 

ถ้าเทียบความเหนื่อย ว่าปั่นแบบนี้ใช้แรงเยอะมั้ย เหนื่อยมั้ย... เรารู้สึกว่ามันไม่ได้เหนื่อยกว่าการขับรถเที่ยว หรือตอนขึ้นรถไฟเที่ยวเลยนะ จริงๆ

เราชอบมากที่ได้อยู่ outdoor ตลอด  จริงๆการเดินทางด้วยจักรยานก็คล่องตัวกว่าการขับรถด้วยนะ เราสามารถหยุดดูทาง และค่อยๆตัดสินใจเลือกทางได้

ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่ทำให้ทริปนี้สำเร็จ 

ถ้ามีโอกาส เราจะไปปั่นtouringอีกแน่นอน