India @Day5 From Mysore to Bangalore and Pune
Day5 วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556
เป็นอีกวันที่ต้องนั่งรถทั้งวัน แต่ก็ไม่โหดเหมือนวันที่ 2 เพราะวันนี้มีแวะระหว่างทาง
วันนี้เดินทางจากไมซอร์ ไปบังกะลอร์เพื่อต่อเครื่องบินภายประเทศไปเมืองปูเน่
ขึ้นเหนือมาเรื่อย ๆ นี่รู้สึกว่าจะยังพอเห็นดินชุ่มชื้น แบบว่ามีหญ้าเขียว ๆ ปกคลุมบ้าง
โรงเรื่อยไม้ยังพอมีให้เห็น ชาวบ้านยังคงเอาข้าวมาตากบนถนนหน้าบ้านตัวเอง ให้รถเหยียบ
แล้วเย็นมาก็มากวาดเอาเม็ดข้าวกลับไป ประหยัดแรงงานนวดข้าว
- - -
ทางเดินเข้าวัดฮินดู Keshava Temple ของ Somanathapura มีต้นจามจุรีกิ่งก้านสมมาตร
พี่ร่วมคณะท่านหนึ่ง นามสกุลพี่เค้าเหมือนชื่อวัด Somanathapura นี้เลย
เลยถามว่า รู้สึกคุ้นชินกับบ้านเกิดของบรรพบุรุษมั๊ย เผื่อบรรพบุรุษพี่จะเป็นเจ้าที่นี่มาก่อน
สถาปัตยกรรมบนหินสบู่ของที่นี่สวยงามมากจริง ๆ โดยเฉพาะผนังด้านนอกวัดถ้ามองในแนวนอน
จะมีรายละเอียดตามซอกเล็ก ซอกน้อยมากมาย
ที่ว่าวัด วัง ศิลปะขอมสวย ๆ อย่างพนมรุ้ง เราว่ามาดูต้นแบบสถาปัตยกรรมที่นี่เลย สมบูรณ์กว่ามาก
เพียงแต่ขนาดอาจไม่ใหญ่ขนาดเป็นเมือง แต่เทียบกันเป็นจุด ๆ อันนี้ก็สวยไม่แพ้พวกนั้นแน่ ๆ
การจ้างไกด์นี่มันเวิร์คมากจริง ๆ บรรยาย 1 รอบคิด 500 รูปี เหมือนกันทั้งเมือง
แต่เค้าตามคนมาเปิดประตูให้มาเปิดประตู ให้เข้าไปถ่ายรูปกับรูปปั้นพระลักษณมี
ซึ่งถ้าไม่จ้างคงต้องถ่ายรูปผ่านลูกกรงเท่านั้น
อย่างตรงนี้ คือ รูปหงส์ป้อนอาหารลูก ซึ่งเหลือพื้นที่ไม่พอทำหงส์ตัวใหญ่
เลยใส่รายละเอียดเป็นป้อนข้าวลูกลงไปในที่แคบ ๆ สวยงามและอบอุ่น
เพดานด้านในวัด จะมีโดมโค้ง เล่าเรื่องการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ผ่านรูป ปลี กล้วย
จากเป็นดอก เริ่มเป็นหัวปลี แตกออกมาเป็นกล้วยในที่สุด
เป็นการแกะสลักหินได้ลึก คม ชัด ไม่น่าเชื่อว่าวิทยาการสมัยนั้นจะทำได้ขนาดนี้
แต่ก็มีรูปแกะสลักอีกหลายชิ้น ที่ถูกมุสลิมสมัยนั้นทำลายโดยการตัดนิ้วและลบหน้าไป
เราชมสถาปัตยกรรมในเซ็ทนี้เพียงแห่งเดียว
ซึ่งจริง ๆ มีถึง 15 แห่งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อของเค้า หรือ World Heritage Series
ทางเข้ามีร้านขายของที่ระลึก เราปรี่เข้าไป
จากนั้นก็ OTW สู่พระราชวังฤดูร้อนไมซอร์ ของกษัตริย์อินเดียองค์สุดท้ายที่สู้กับอังกฤษ จนตัวตาย
คนอินเดียที่จนก็จนมาก ที่รวยก็รวยมาก พี่ที่ไปด้วยกันเล่าว่ามีพระอาจารย์มาศึกษาที่อินเดีย
ท่านรู้จักขอทานรุ่นปู่ รุ่นพ่อ กลับมาอินเดียอีกที รุ่นลูก รุ่นหลานก็เป็นขอทาน
ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมแบบวรรณะจะยังคงอยู่ไปจนถึงเมื่อไหร่นะ
ที่ดินที่นี่ มีหน่วยเรียกว่า กะทะ 11 กะทะ เป็น 1 ไร่
ที่ดินตามเมืองเศรษฐกิจราคาแพงมาก ว่ากันว่าไร่ละเป็นสิบ ๆ ล้าน
เครือข่ายมือถือที่นี่เยอะมาก เปลี่ยนเมืองปั๊บสัญญาณจะเปลี่ยนชื่อค่ายทันที
เจอดีแทคอินเดียด้วย ชื่อ Uninor โลโก้เหมือนกันเด๊ะ
- - -
มาถึงก็บ่ายแล้ว แดดกำลังร้อนอย่างร้ายกาจ ดำแน่ชั้น
ค่าเข้าชมก็เหมือนกับทุกที่ ชาวต่างประชาติ คนละ 100 คนอินเดียร์ 5 รูปี ที่นี่ไม่เก็บค่ากล้อง
แต่ห้ามถ่ายรูปข้างใน เพราะว่าแสงจะทำลายสีภาพเขียนบนไม้สัก
แต่ลูกพี่เราก็ถ่ายมาจนได้ (ยังถ่ายเจ้าหน้าที่วังมาอีกด้วย)
ทางเข้าเป็นอาคารสีเหลืองพาสเทล หวานมาก
(สังเกตว่า บ้านเรือนคนอินเดียจะเป็นสีพาสเทลเป็นส่วนใหญ่ สงสัยจะเบื่อความคมเข้มของหน้าตาและสีผิวตนเอง ไหวมั๊ย มั่วนะนก)
Tipu Sultan เสียชีวิตที่จุดที่ 5 ขณะรักษาป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้
สแลนบังแดด ไม่ให้ภาพเขียนสีที่ผนัง กำแพง อาคารเสียหาย
ไม่รู้ว่าตอนเช้า หรือ ค่ำ เค้าจะเอาออกหรือเปล่า ซึ่งจริง ๆ หน้าตาสถาปัตยกรรมมันสวยอยู่
นี่ ๆ ฝีมือการถ่ายรูปของลูกพี่เรา ขอยืมรูปหน่อยนะคะ
ทิปู สุลต่าน
วังนี้ เก่า เป็นไม้สัก ไม่ได้หรูหราเหมือนไมซอร์ แต่เราเองรู้สึกภูมิใจลึก ๆ
เป็นรูปเดียว ที่นกแอบถ่ายด้านในมาเอง กลัวแขกจับได้ กลัวต้องกินเครื่องเทศเป็นเดือน
นักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่มาเที่ยววังวันเดียวกะเรา สาหรี่เค้าจะสวยงามมาก และทันสมัยมากขึ้น
ต้นไม้ใหญ่สัก 10 คนโอบยังสูงตระหง่าน อยู่ในสวนข้างตำหนัก
ถ่ายย้อนกลับไปตรงบริเวณทางเข้า แล้วก็จะเดินไปหาห้องน้ำเข้า
ส้วมผู้หญิงอย่างแปลก ชาตินี้คงจะเจอที่นี่ได้ที่เดียวล่ะ มาดูกัน
มันเป็นโถปัสสาวะสำหรับผู้หญิง มีน้ำไหลออกจากรู 3 รู นั้นตลอด แล้วปัสสาวะก็ไหลลงท่อ Drain นั่น
แปลกโครต ๆ ยังไงก็จำเป็นต้องเข้าละ ไปไกลกว่านี้ก็ไม่ไหวล่ะ อั้นไว้น่ากลัวกว่า
โอว่ แม่เจ้า ฉันมาถึงพระราชวังฤดูร้อนของทิปูสุลต่านอย่างเต็มภาคภูมิ 555
จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังเมืองบังกะลอร์เพื่อต่อสายการบินภายในประเทศให้ทัน
เที่ยงวันนี้ กินข้าวก็บ่ายสองกว่าแล้ว วันนี้กิน KFC อินเดีย เป็นร้านบน Motorway
มันอร่อยมาก ชิ้นใหญ่กว่าประมาณ 1.5 เท่า ราคาถูกกว่าประมาณ 40%
(คำนวณจากราคาไก่ 12 ชิ้น 699 รูปี คือ 420 บาท แต่บ้านเรา 699 บาท)
แหม ๆ อร่อย แต่รอนานมากกกกกก พนง.สับสนอะไรกัน แค่สั่ง Take home 11 ชุดเอง
งก ๆ เงิ่น ๆ ใส่น้ำแข็งให้แล้วก็ไม่กดน้ำใส่แก้วนะ ไปเปิดเป๊บซี่เป็นขวดมาเท แต่ก็ปลอดภัยดี
แต่ดูพี่หมับจะมีความสุขมากที่ได้กิน KFC เพราะแกเบื่อเครื่องเทศจะแย่อยู่แล้ว
บังกะลอร์ เริ่มเจริญเป็นเมืองศูนย์กลาง IT ของอินเดีย
มาถึงสนามบินบังกะลอร์ ก็เลยเจอป้าย โฆษณา IBM ไม่ให้เสียชื่อ
การเรียนที่อินเดียจะแบ่งเป็นวิทยาลัยไปเลย เช่น วิทยาลัยกฎหมาย ศิลปะ
หรืออยากเรียนโยคะ ก็เรียนในวิทยาลัยจริงจัง เรียนจนได้ Diploma หรือปริญญากันจริง ๆ เลย
ไม่ใช่เรียนเป็นคอร์สเล็ก ๆ ไก่กาแบบบ้านเรา
สนามบินอินเดียตรวจหลายขั้นตอนมาก สแกนแล้วสแกนอีก ต้องเผื่อเวลาสุด ๆ ค่ะ
พี่ที่ปรึกษา IT บริษัท ถูกปล่อยตัวเป็นคนสุดท้าย แทบจะเทสายชาร์จต่าง ๆออกหมดกระเป๋า
เพราะพี่เค้ามีเยอะจริง ๆ ตม.คงคิดว่าจะมาต่อสายระเบิด ก่อการร้ายในประเทศเค้ามั๊ง
ที่นี่ซื้อช็อกโกแลตอร่อยจากสวิสฯ เอ็นไวร์ชอบ White Chocolate
ราคาถูกกว่าสนามบินมุมไบ แต่ไม่มีถุงใส่ให้นะคะ ซื้อเยอะแค่ไหนก็หอบเอา ด้วยกฎหมายควบคุมพลาสติก
แอร์สายการบินภายในก็ดุจริง เอวบางร่างน้อย หน้าสวยนะ แต่สั่งให้ลบรูปเธอออกจากกล้องทันทีที่พี่เค้าถ่ายด้วย
บ๊ายบายบังกะลอร์ เจอกันจ๊ะปูเน่ เย้ ๆ ไม่ต้องนั่งรถ บิน บิน บิน
Index of India Trip Blogs
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2556 |
Last Update : 5 ตุลาคม 2559 9:52:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3559 Pageviews. |
|
|