คนบ้านเราดีใจทุกครั้งที่ได้รับรู้ว่า ใครสักคน ชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์
เพราะรู้ซึ้งดีกว่า ชีวิตเริ่มต้นจากติดลบ มันโหดร้าย
มันลำบากเลือดตาแทบกระเด็นแค่ไหน
แต่ถ้าเริ่มต้นจากศูนย์ หากพากเพียรมุ่งมั่น
ไม่นานมันต้องมี...หนึ่ง...สอง...สาม...และสุดท้ายคือความภาคภูมิใจในชีวิต
ขณะที่การ "ตะกาย" ขึ้นจาก "ติดลบ" มันช่างยากเย็นนัก
เพราะเจ้าหนี้ทั้งหลายไม่เคยปรานี
"กฎหมาย" ณ วันที่ชีวิตติดลบ ก็เป็นได้ทั้ง "หลุมหลบภัย" และ "หอกทิ่มแทง"
ทุกครั้งที่นึกย้อนอดีต
เราก็รู้ดีกว่า ไม่ได้มีแต่บ้านเราหรอกที่ต้องเจอกับประสบการณ์แบบนี้
ก็เหมือนหลายๆ ครั้งที่เราบอกบ่นๆ อยู่เสมอว่า
ความจนความทุกข์ความเจ็บป่วยความลำบาก ไม่ได้มีการจำกัดโควต้า
มีคนมากมายบนโลกนี้ ที่เคยทุกข์ เคยจน เคยเจ็บป่วย เคยลำบาก
และแน่นอนก็มีไม่น้อยที่มีประสบการณ์โชกโชนกว่าครอบครัวเรา
แม้ว่าคนที่รู้จักกับสมาชิกในบ้านเราดี จะเอ่ยปากว่า ผ่านเรื่องแบบนี้มาได้อย่างไร
แถมยังผ่านมันมาอย่าง นิ่ง มาก ไม่โวยวายเหวี่ยงวีนใส่ใคร
แต่พร้อมจะฝ่าฟัน เดินไปข้างหน้าอย่างยอมรับความจริง และ จำกัดจุดอ่อนในชีวิต
เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับอะไรซ้ำๆ
หลายคนยังบอกว่า บ้านเราโง่ ที่ปล่อยคนชั่วลอยนวล หรือ ปล่อยนายทุนล้มบนฟูก
แต่เราเชื่อว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาย่อมเป็นสิ่งดี
แม้มันจะทำให้เราเป็นคนเย็นชา
และดูไร้น้ำใจกับ มนุษย์คร่ำครวญมนุษย์ผู้ไม่ทนความลำบาก
ก็เพราะชีวิตเราเหมือน รถไฟเหาะตีลังกา
เราผ่านมาแล้วความยากจน ความลำบาก ความทุกข์ยาก
ชนิดที่พี่ชายเราเคยต้องถามคุณนายแม่ว่า ทำไมเราไม่ถอนหญ้าหน้าบ้านมากินกัน
หรือชีวิตที่เป็นคุณหนูตัวน้อยๆ มีคนรองมือรองไม้ทำทุกสิ่งให้อยากได้อะไรก็ได้
หรือความเจ็บป่วยที่ไม่รู้ความตายจะมาพรากไปเมื่อใด
ที่ขำๆ คือ เหมือนวงจรมันจะสวิงทุกๆ 12 ปี เริ่มตั้งแต่เราเกิดมาวนขึ้นวนลง
ด้วยปัจจัยนอกเหนือการควบคุม
จนได้เห็นอนิจจังของชีวิต
แรกเริ่มด้วยน้ำใจและความเมตตาของ คุณลุง คนหนึ่งในโลกสีน้ำเงิน
ที่วันนี้คุณลุงพักผ่อนสบายบนสวรรค์ไปนานแล้ว
ก็ทำให้เราคิดว่า ถ้าก่อนที่จะเกิดเหตุใดๆ กับครอบครัวเรา มี จิ้งจกสักตัวคอย ทัก
สิ่งเลวร้ายที่ครอบครัวเราต้องเจอ ก็คงไม่เกิดขึ้น
งานมโนว่า ตัวเองเป็น จิ้งจก จึงเริ่มต้น
เป็นจิ้งจก ที่ลมหนาวกรีดใจให้คนลืมตาตื่นกับความจริง
เพราะตราบใดที่คนไม่เห็น ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีวันที่จะแก้ปัญหาได้
แต่ก็ทำได้เป็นพักๆ
เพราะได้ประจักษ์มานานแล้วว่า เวรกรรม เป็นสิ่งเฉพาะบุคคล
และยังมีอะไรอีกเยอะบนโลกแห่งความจริงที่ เราเอาเวลาไปทำประโยชน์ที่ดีกว่าการเป็นจิ้งจก บนโลกเสมือน
แต่ก็ด้วยสันดานที่ยากจะเปลี่ยน ก็มิวาย เผือก เรื่องชาวบ้านตลอด
ยิ่งในจังหวะที่ได้กลิ่นคล้ายๆ ต้มยำกุ้ง รสเผ็ดร้อนนรกแตกโชยมาอย่างแผ่วเบา
ก็มีโผล่แว๊บๆ กลับมาเป็นระยะ แต่จากนี้ก็คงห่างออกไปเรื่อยๆ
เพราะเวลาบนโลกเหลือน้อยลงทุกที
ก็ได้แต่ย้ำอีกครั้งว่า เป็นบุญหนักหนาที่ชีวิต ไม่ติดลบ
ยิ่งถ้าเคยผ่านความตายมาแล้ว สุข จากการมีบ้าน มีรถ มีชื่อเสียงร่ำรวย
หมดลมไปก็เท่านั้น จะขวนขวายอะไรก็เอาแต่พอดีๆ เถอะ ออเจ้า!
จะมี "หนี้" ก็ให้ "มีสติ"
เผื่อให้ "สุขกาย-สุขใจ" ณ วันนี้ แลอนาคตจริงๆ ด้วยเถอะ
กราบสวัสดีพี่น้องชาวไทย
ป.ล. ไม่ได้มาบ่นๆ อย่างคนขี้แพ้...เพราะถึงจะไม่เฟื่องฟูเหมือนเก่า
แต่ก็อยู่ในสถานะที่รู้สึกเป็นภาระจากการมีอสังหาริมทรัพย์หลายแปลง
ที่ถ้าย้อนกลับไปได้...จะซื้อทำไมเนี้ย!!! ไม่มีเวลาดูแล -_-'