บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
แด่องค์กรที่แสนรัก - 33 - มีไฟ...ไฟก็เผาตัวเอง

 แด่องค์กรที่แสนรัก...


<< มีไฟ ไฟก็เผาตัวเอง >>

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)

งานเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญมาก ไม่ว่างานใดก็ตาม ผมให้ความสำคัญหมดทุกงาน ถึงแม้นไม่ใช่งานที่ต้องทำ แต่ถ้าผมเห็นแล้วว่างานนั้นเป็นงานพื้นฐานที่เมื่อทำแล้วสามารถทำให้ทั้ง ระบบมีความคล่องตัว ดีขึ้น หรือแม้นแต่ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ ผมก็จะทำงานเหล่านั้น ด้วยความเต็มใจ ถึงแม้นว่ามันจะไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบก็ตาม


เมื่อเป็นเช่นนี้ งานหลายๆงานจึงถูกส่งมอบมาให้ผมเป็นผู้รับผิดชอบ ผมถือว่างานของเจ้านายเป็นงานที่ต้องทำเป็นอันดับแรกๆ ซึ่ง ถ้าเจ้านายสั่งงานมา ผมก็ต้องให้ทำก่อนอยู่เสมอ แต่เนื่องจาก เจ้านายดูแลงานหลายหลากมากมาย งานที่ผมทำจึงมีความหลากหลาย และ ใช้ทักษะมากมายเพื่อให้งานเหล่านั้นเสร็จสิ้น แต่ไม่ว่าจะทำงานออกไปมากขนาดไหน จ่ายงานให้ลูกน้องไปทำมากขนาดไหน งานก็เข้ามาไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว จนเจ้านายเป็นคนบอกผมเองว่า หัดปฏิเสธงานบ้าง และ เรียกผมว่า Mr.Yes ไป แต่ถึงกระนั้น เมื่อผมบอกปฏิเสธครั้งใด ก็จะได้รับคำถามว่า

"ตอนนี้ทำอะไรอยู่"

เมื่อตอบว่าเป็นงานที่เจ้านายสั่งอีกงานหนึ่ง เจ้านายก็จะกล่าวในเชิงว่า

"งานนั้นไม่สำคัญ คุณทำงานนี้ก่อนละกัน"

สรุป ก็คือ งานทั้งหมดก็สุมเข้ามาที่ผมคนเดียวอยู่นั่นเอง ปีแรกๆก็ไม่เท่าไหร่ยังรับงานได้ แต่เมื่อทำงานลักษณะนี้ไป 3-4 ปีมันก็ไม่ไหวเช่นกัน วันพักร้อนมีให้ 15 วันต่อปี ใช้ไปได้เพียง 1-2 วันเท่านั้น แถมถ้างานใดต้องรีบเร่งให้เสร็จใจวันจันทร์ ผมก็ต้องเข้ามาเสาร์ และ อาทิตย์ เพื่อทำงานให้เสร็จ ช่วงเวลานั้นบอกได้เลยว่า "หมดไฟ"

อาการของคนที่เคยทำงานอย่างสนุก สนาน กลับทำงานตามหน้าที่บ้าง และ ปล่อยงานให้กับน้องๆทำ และตามงานลูกน้องอย่างเดียว ส่วนหนึ่งคือต้องการพักบ้าง อีกส่วนหนึ่งก็ต้องการผลักดันลูกน้องให้ขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนได้แล้ว ซึ่งงานทั้งหมด แน่นอนว่าผมก็ส่งไปให้ อรินต๊ะ จัดการให้ทั้งหมด และ ให้เขารายงานเจ้านายโดยตรง เพื่อที่จะให้เจ้านายเห็นความสามารถและกระจายงานที่จะส่งให้ผมให้กับ อรินต๊ะ ไปบ้าง

ไม่นึกว่าจะได้ผลเกินคาด งานที่เคยส่งให้ผมอย่างเดียวก็ถูกกระจายงานออกไป บางงานก็ให้ อรินต๊ะ ทำ บางงานก็ให้ผมทำ ทำให้งานต่างๆของผมลดน้อยลง และ มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น ทำให้ผมมีเวลาเรียนรู้ และ ศึกษาสิ่งรอบตัวมากขึ้น และ หนึ่งในนั้นก็คือ การใช้อินเทอร์เน็ต เพราะข่าวคราวของทางบริษัทฯแม่ ได้ให้ข่าวในการตรวจวัดเรตติ้งทางอินเทอร์เน็ตด้วย ผมเลยอยากรู้ว่า อินเทอร์เน็ต คืออะไร และ ทำไมทางบริษัทฯแม่ถึงสนใจมากขนาดนี้

ผม เริ่มใช้ อินเทอร์เน็ต จากการเข้าสนุกดอทคอม และก็เริ่ม Chat และ ก็เข้ามายังพันทิป ตอนที่ห้องสีลมเพิ่งเริ่มเปิดตัวใหม่ๆ และมีเมล์ส่งไปให้ผมเนื่องจากผมเป็นสมาชิกทางด้าน Tech และ คอมพิวเตอร์ อยู่ด้วย

ผมแปลกใจที่ทำไมคนส่วนใหญ่เข้ามาพูดคุยปรึกษากันในห้องนี้ บางเรื่องก็เป็นเรื่องง่ายๆที่น่าจะมีคำตอบในใจกันได้เอง ผมก็ได้ตอบแต่เรื่องทางด้านการบริหารจัดการที่ผมพอจะมีความรู้เล็กๆน้อยๆ รวมไปถึงการพัฒนาตนเอง และแนวคิดต่างๆ แต่บางเรื่องที่เขาคุยกันก็เป็นเรื่องที่ผมไม่รู้มาก่อน สิ่งหนึ่งที่ในช่วงนั้นมีการคุยกันมากคือการตลาด เมื่อผมอ่านก็เลยทำให้อยากเรียนรู้ทางด้านการตลาดขึ้นมา และ แน่นอน หนังสือจำนวนมากจากชั้นขายหนังสือ ก็มาอยู่ในบ้านผม เป็นอะไรที่ดูเหมือนใหม่สำหรับผม แต่เมื่อศึกษามากๆเข้า กลับค้นพบว่า การตลาดก็ไม่ได้ยากอะไรสักเท่าไหร่ เป็นการประยุกต์เอาจิตวิทยามาใช้กับคนหมู่มาก เพียงแต่คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้คำนึงถึงคนอื่น แต่คำนึงถึงตนเองก่อนเลยอาจจะมองไม่เห็น ณ จุดที่การตลาดนำมาประยุกต์ใช้ ดีหน่อยที่ผมมีพื้นทางด้านการบริหารมา ซึ่งก็ใช้จิตวิทยาในการบริหารจัดการมากกว่าการออกคำสั่ง ดังนั้น ผมจึงเรียนรู้ได้รวดเร็ว และ เข้ามาคุย ตอบปัญหาให้กับเพื่อนๆในห้องได้บ้าง

เมื่อ เรียนรู้เรื่องธุรกิจมากเข้า ให้คำตอบกับเพื่อนๆมากเข้า ก็เข้าใจถึงสภาพของสิ่งต่างๆ ทำให้ผมเปิดธุรกิจเอง ซึ่งเป็นธุรกิจที่แทบไม่มีความเสี่ยง ลงทุนพอประมาณ คืนทุนภายในระยะเวลาไม่นาน ที่เหลือคือกำไรทั้งหมด มีแต่รายรับ แต่งานทั้งหมดผมให้ภรรยารับผิดชอบไป ส่วนผมเองก็ยังคงทำงานให้กับองค์กรที่แสนรักอยู่

เมื่อทำธุรกิจเอง จึงเห็นสภาพขององค์กรว่า ขาดสิ่งใดบ้าง ซึ่งข้อเสนอแต่ละอย่าง ซึ่งเป็นการตลาดเชิงรุก ถูกปฏิเสธ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ลองในสิ่งใหม่ๆที่ผมเสนอไป แค่เสียเวลาในการทุ่มเทการทำงานมากขึ้น ก็จะทำให้องค์กรเปลี่ยนแปลงไปจากหลังมือเป็นหน้ามือได้ ทำให้เริ่มงงกับความรู้ที่ได้รับมาว่าจริงๆแล้ว เราคิดไปเองหรืออย่างไร ทำไมองค์กรถึงทำแต่การตลาดเชิงรับเพียงอย่างเดียว

แต่ถึงกระนั้นผมก็ ยังคงเสนอเจ้านายถึงแนวทางต่างๆ อยู่บ่อยๆ จนเบื่อที่จะเสนอ และ เป็นคนหยุดเสียเองจะดีกว่า แต่ผมก็ไม่หยุดในการที่จะสร้างธุรกิจของภรรยาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อคำนวนแล้วว่า อีกสัก 5 ปี ก็น่าจะหยุดทำงานที่องค์กรได้แล้ว และ จะออกมาทำธุรกิจของตนเอง เลยตัดสินใจบอกเจ้านายไป...

"พี่ผมคิดว่าผมจะทำงานให้พี่อีก 3-4 ปี ผมก็จะลาออก"

ได้ เรื่องเลย มีการวางตัวคนทำงานใหม่เกือบหมด ผมได้รับการตอบรับโดยการกีดกันงานต่างๆทั้งใหม่ ทั้งเก่า ออกจนหมด แต่เมื่อมีงานใหม่ ไม่มีคนรับผิดชอบได้ ก็ต้องส่งมาให้ผมจัดการทำให้อยู่ดี แต่ก่อนที่จะเสร็จงานก็จะโอนให้กับน้องๆท่านอื่นๆ เสมอๆ แรกๆผมก็รับไม่ได้ในการกระทำเช่นนี้ ผลงานของผมใกล้จะเสร็จกลับไปยกให้กับคนอื่น หมายความว่าอย่างไร แต่เมื่อโดนเข้าไป 4-5 งานก็เลยปลง จะเอายังไงก็เอาผมมาทำงาน ไม่ใช่มาสร้างผลงานเหมือนก่อนแล้วนิ ช่วงระยะเวลา 3-4 ปีที่เหลือ ขอใช้เวลาในการถ่ายทอดความรู้ต่างๆให้น้องๆดีกว่า

งานของผมมีทั้งงาน พิเศษ และ รับผิดชอบหลักๆคืองานประจำปีที่ต้องปรับปรุงจำนวนประชากรในทุกๆปีให้กับระบบ งาน ผมก็ใช้เวลาในช่วงนี้ สอนงานต่างๆให้ อรินต๊ะ เพื่อสามารถรองรับงานของผมได้ทั้งหมด

เวลาผ่านไป เมื่อครบกำหนดเวลาที่ผมบอกว่าผมจะออก เจ้านายก็มักจะถามอยู่เสมอๆว่า คุณยังอยากจะทำงานที่นี่อีกหรือเปล่า ซึ่งจริงๆผมก็ไม่อยากออก ก็เลยตอบเจ้านายว่า ก็ยังอยากทำงานอยู่ เมื่อเจ้านายถามถึงกิจการภายนอกผมก็พูดความจริงว่า ภรรยาผมยังสามารถดูแลงานต่างๆได้อยู่ แต่ก็อยากที่จะทำงานที่นี่ ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปี ผมได้รับแต่คำถามในเชิงนี้ และ การโอนผลงานต่างๆให้คนอื่นดูแลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผมก็เข้าใจว่า งานที่ผมทำให้ผมดูแลมากๆ หากผมออกไปใครเขาจะมาดูแลได้เหมือนผม สู้เอางานของผมที่สร้างขึ้นไปให้ลูกน้องที่คิดว่าจะอยู่กับองค์กรได้นาน ดีกว่า ลูกน้องก็ได้ผลงานไป สามารถโปรโมทพวกเขาได้ง่ายๆ และ ยังดูแลระบบงานต่างๆได้ต่อไป ซึ่งถ้าให้ผมดูแลก็ไม่รู้ว่าผมจะออกเมื่อไหร่

แต่ตัวผมเองกลับมีความรู้สึกแย่ๆต่อการกระทำที่ได้รับ เลยต้องวางเฉยไว้บ้าง และถามตัวเองเสมอๆว่า

"จริงๆแล้วเราไม่มีประสิทธิภาพหรือเปล่า?"

คำ ตอบที่ได้รับจากตัวเองก็จะเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่ ซึ่งทำให้ผมคิดว่า ผมต้องพิสูจน์ตัวเองจากการทำงานอีกสักครั้ง และแน่นอนว่า ถ้าผมสามารถทำผลงานออกมาได้ทั้งๆที่เจ้านายไม่ตั้งสั่ง ผมถึงจะมั่นใจได้ว่าผมมีความสามารถอย่างแท้จริง และแล้วผมก็ทำได้จนสำเร็จ...

(หมายเหตุ: ถ้าผมเป็นเจ้านายผมแล้วลูกน้องมาบอกลักษณะนี้ ผมก็คงทำเหมือนเจ้านายของผมเช่นกัน)


(อ่านต่อตอนหน้านะครับ...)



ข้อคิดที่ได้รับ



- หัวหน้างานมักสั่งงานให้กับคนที่คิดว่าสามารถทำงานได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมือขวาเพียงคนเดียว งานของคนที่มีความสามารถเลยมีปริมาณมากกว่า เพราะ หัวหน้างานมักมีความคาดหวังของงานที่จะออกมาให้ดี

- การสั่งงานให้คนๆเดียวรับผิดชอบหลายๆงาน อาจจะทำให้ผลงานที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

- หัวหน้างานส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ลูกน้องปฏิเสธงาน หากมีข้อแก้ตัวเจ้านายก็จะมีเหตุผลในการให้รับงานอยู่ดี

- การทำงานหนักมากเกินไปเป็นเวลานานๆ จะทำให้เบื่อกับงานที่ทำ และ อาจถึงกับการหยุดชงักในการทำงานเลย

- การสร้างลูกน้องให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น จะช่วยให้เวลาของการทำงานของเรามีมากขึ้น

- การเรียนรู้ในองค์กร ควรจะเรียนรู้พื้นฐานในทิศทางของบริษัทฯแม่ที่จะไปในอนาคต

- อินเทอร์เน็ต เป็นโลกกว้างที่เปลี่ยนชีวิตของคนหลายๆคนมาแล้ว

- การศึกษาสิ่งใหม่ๆ เมื่อจับหลักการณ์ต่างๆ และเปรียบเทียบกับความรู้เดิมที่มี เราจะสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

- การเสนอแนวความคิดใหม่ๆ ควรจะดูว่าองค์กรสามารถปฏิบัติหรือ มีแนวความคิดในการยอมรับ หรือ สามารถทำในแนวคิดใหม่ๆ ได้หรือไม่ด้วย

- ถ้าจะออกจากองค์กร อย่าบอกหัวหน้างานของคุณนานจนเกินไป

- เมื่อรู้ว่า Key Man ในงานจะออกสิ่งสำคัญที่สุดคือการหาคนที่สามารถทำงานทดแทน หรือ สร้างให้เป็น Key Man ได้ให้มาดำเนินการสืบทอดแทน

- ผลงานสำหรับคนที่จะออก กับการให้ผลงานกับคนที่ยังอยู่ในองค์กร ควรจะให้น้ำหนักกับ คนที่ยังอยู่ในองค์กร มากกว่า คนที่จะออกจากองค์กร

- การลดความสำคัญกับพนักงานที่จะออก ก็เพื่อที่จะให้คนที่อยู่ต่อมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีการปรับตำแหน่ง ก็จะทำให้คนที่อยู่ต่อสามารถปรับได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

- หากคิดว่าจะออกจากองค์กร ควรสอนงานของเราตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ไม่ให้องค์กรเกิดความเสียหาย หากเราต้องออกจากองค์กรจริงๆ

"ยามท่านมาเราดีใจ ยามจากไปเราคิดถึง"




Create Date : 28 มีนาคม 2552
Last Update : 14 มิถุนายน 2556 23:11:50 น. 1 comments
Counter : 1058 Pageviews.

 
ดีมากๆ ค่ะ กำลังจะลาออกพอดี


โดย: หน่อย IP: 113.53.70.48 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:38:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.