|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความแตกต่างในการแก้ปัญหาของนักวิชาการ กับ ที่ปรึกษาฯ
ความแตกต่างในการแก้ปัญหาของนักวิชาการ กับ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ
วิบูลย์ จุง
ชีวิตของผมที่เป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจมานานแต่กลับต้องเข้ามายังระบบการศึกษากลายมาเป็นนักวิชาการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นเหตุทำให้ผมต้องปรับตัวและปรับแนวความคิดอย่างมาก หลังจากที่เข้าใจถึงสภาพแวดล้อมทางด้านการศึกษามากขึ้น ทำให้ผมตัดสินใจทางเดินชีวิตของผมเองที่จะคงแนวคิดของการเป็นที่ปรึกษา ถึงแม้นว่า ผมเข้ามาอยู่ในสายวิชาการก็ตาม
ผมได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา ซึ่งต้องเข้าร่วมกับนักวิชาการหลายๆท่าน จริงๆในใจผมก็ยังมีความเชื่อว่า นักวิชาการน่าจะมีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดีกว่าที่ปรึกษาธุรกิจอย่าง ผม วิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่าง ทำให้ผลที่ได้รับมีความแตกต่างกัน จะบอกว่าใครดีกว่าใครนั้นก็ขึ้นกับมุมมองของผู้ประเมิน และ ความต้องการ ณ เวลานั้นมากกว่า ซึ่งผมจะอธิบายแนวทางการแก้ไขปัญหาของแต่ละกลุ่มให้เห็นละกันครับว่า มันดีกันในคนละมุมมองจริงๆ
นักวิชาการ
การ แก้ไขปัญหาของนักวิชาการเท่าที่ผมสัมผัสได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ผ่านมาพบ ว่า นักวิชาการจะเจาะลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ้ง เวลาเกือบ 80% เป็นเวลาของการเจาะอยู่กับปัญหาไม่ให้หลุดรอดไปเลยแม้นสักมุมมองหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อดีในการแจกแจงปัญหาออกมาว่า ปัญหาเกิดจากอะไร มีหลักฐานของแนวความคิด มีสิ่งที่เข้ามาสนับสนุนการตัดสินใจ และ ที่สำคัญนักวิชาการก็จะเน้นทางด้านการโน้มน้าวคนรอบข้างให้เชื่อในสิ่งที่ เขากำลังดำเนินการ ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นในตนเอง รวมไปถึงตำแหน่งที่ได้รับมันค้ำคออยู่ ทำให้แนวความคิดที่แตกต่างจากของเขาถูกละเลยไป ข้อเสนอ แนวคิด หรือ วิธีการต่างๆที่ไม่ได้มีการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญ จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือไปทั้งๆที่บางสิ่งเหล่านั้น สามารถนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ตาม
และ เมื่อใช้เวลา 80% ในการเจาะประเด็นของปัญหา จึงเหลือเวลาเพียง 20% ในการหาแนวทางการแก้ไขของปัญหานั้นๆ การตัดสินใจแนวทางแก้ไขปัญหาจึงมุ่งไปยังประเด็นที่ศึกษาเพียงอย่างเดียว มีข้อมูลสนับสนุนในการตัดสินใจเท่านั้น จึงเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่จะตัดสินใจลงมือ ทั้งนี้ ปัญหาต่างๆ จึงได้ถูกวางกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาเฉพาะสิ่งที่วิเคราะห์ได้ และ แนวทางการแก้ไขปัญหา จึงแก้ไขปัญหาเฉพาะในกรอบที่ได้วางและวิเคราะห์เอาไว้ หากผู้บริหารชอบการแก้ไขในเชิงเช่นนี้ หรือ เชื่อมั่นในแนวคิดที่ต้องมีการสนับสนุนจากข้อมูลวิชาการแล้ว ก็จะเลือกแนวทางการแก้ไขปัญหาเช่นนี้
ที่ปรึกษาธุรกิจ
ใน ทางกลับกัน ที่ปรึกษาทางธุรกิจ จะใช้เวลาเพียง 20% ในการศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เจาะประเด็นในเรื่องต่างๆมากนัก แค่ให้ทราบว่าปัญหาเกิดจากที่ใดโดยไม่ต้องมีข้อมูลในการยืนยันถึงปัญหาเหล่า นั้น
ส่วนอีก 80% ที่เหลือนั้นจะมุ่งประเด็นไปยังแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งในช่วงนี้จะนำเอาความรู้และประสบการณ์ที่มี นำมาหาหนทางในการแก้ไขปัญหา วางระบบ วางขั้นตอนการแก้ไขปัญหา เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และแน่นอนว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาไม่ได้ใช้เพียงข้อมูลที่มี แต่ต้องค้นหาข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพิ่ม รวมไปถึงความต้องการของบุคคลที่เกี่ยวข้อง สภาพแวดล้อมทั้งภายใน ภายนอก ในการตัดสินใจในการวางกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนึ่งๆ ทั้งนี้ อาจจะไม่มีข้อมูลทางด้านวิชาการมาสนับสนุนแนวทางการตัดสินใจ แต่แนวทางต่างๆที่คิดออกมาทั้งหมด จะเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้สูงในการแก้ไขปัญหานั้นๆ เท่านั้น
ใน การทำงานร่วมกันบ่อยครั้งขึ้น ทำให้ผมเห็นว่า จุดบกพร่องของผมอยู่ที่การไม่โน้มน้าวผู้ตัดสินใจให้เชื่อในสิ่งที่ผมคิดและ วางแผน เนื่องจากประสบการณ์การเป็นที่ปรึกษาธุรกิจทำให้รู้ว่า แนวทางการตัดสินใจของที่ปรึกษาธุรกิจไม่ได้ถูกต้องเสมอไป บางครั้งเราก็อาจจะไม่เข้าใจบริบทที่เจ้าของกิจการเหล่านั้นเผชิญอยู่ จึงได้แต่เสนอแนวทางการดำเนินงานและปล่อยให้เจ้าของกิจการเป็นคนเลือกที่จะ ดำเนินการตามที่เห็นสมควร ซึ่งการทำเช่นนี้อาจจะดีในวงการที่เจ้าของกิจการมีความเชื่อมั่น และ มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาขององค์กรอย่างแท้จริงด้วยตัวของตัวเอง
แต่หากนำไปเสนอกับเจ้าของกิจการที่ไม่มีความเชื่อมั่น หรือ ผู้บริหารงานที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรแต่ต้องการความมั่นใจในการ ตัดสินใจใดๆแล้ว อาจจะเป็นแนวทางไม่ถูกต้อง เพราะคนที่ไม่มุ่งมั่นและต้องการความมั่นใจสูงๆก็ต้องการ การยืนยันอย่างหนักแน่น มีเหตุผล มีหลักการณ์ ซึ่งต้องโน้มน้าวให้คนเหล่านั้นเห็นถึงแนวทางให้มากกว่าที่ผมดำเนินการมา แนวทางการแก้ปัญหาจึงถูกนำไปใช้ แต่ผลที่ได้ก็จะเป็นความคิดของผม สร้างความเชื่อมั่นแบบผิดๆในตัวผมขึ้นมา และ อาจจะทำให้องค์กรเกิดความย่ำแย่จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผมก็ได้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ ที่ปรึกษาธุรกิจ ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดๆก็ตาม ดังนั้น ณ วันนี้ที่ได้ทำงานร่วมกับนักวิชาการ จึงเป็นเหมือนกระจกที่ส่องให้เห็นความเป็นตัวตนของผมมากขึ้น และ ชี้ให้เห็นว่า ผมจะยังคงเป็นที่ปรึกษาที่ไม่โน้มน้าวและปล่อยให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ เลือกแนวทางที่คิดไว้ โดยไม่ยอมกลายมาเป็นคนเชิดหุ่นผู้บริหารขององค์กรใดๆ และนี่เป็นปณิธานที่ผมตั้งไว้ในใจจากประสบการณ์ในครั้งนี้....
Create Date : 26 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 2:43:01 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2431 Pageviews. |
|
|
|
โดย: natsu IP: 58.8.177.25 วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:13:37 น. |
|
|
|
โดย: ทีปรึกษาเหมือนกัน... IP: 61.90.165.65 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:15:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]
|
ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544
วิทยากรเชิงกิจกรรม วิทยากรกระบวนการ ที่ปรึกษาธุรกิจด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การวางแผนกลยุทธ์ วิจัยธุรกิจIT Dashboard
ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
ดวงถาวร
ดวงตามวันเกิด
ดวงตามปีเกิด
;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'
|
|
ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong
ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ
การตลาดและการประชาสัมพันธ์
การบริหารทรัพยากรมนุษย์
และ การวางแผนกลยุทธ์
วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ
นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ
Executive & Management Coach
ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
|
|
|
|
| |
|
|
|
เพราะที่ผ่านมา เค๊าบอกว่า คนในองค์กรมักยอมทำตามที่ปรึกษา แต่ในความเป็นจริง คือ..... ที่ปรึกษาก็เอาปัญหาที่นักวิชาการไม่กล้านำเสนอมาเป็นไอเดียในการนำเสนอนายในระดับบริหาร พูดง่าย ๆ คือ ที่ปรึกษาก็สอบถามปัญหาต่าง ๆ จากนักวิชาการนั่นแหละ
สิ่งที่อยากเห็น มันจะดีมากกว่านั้นไหมที่นักวิชาการ ควรที่จะสามารถเป็นที่ปรึกษาได้ด้วย จริงอยู่ที่ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนที่พูดความจริงมักจะตายเสมอ (ถ้านายไม่ยอมรับ) หรือคุณว่าไง?