บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
9 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
ผลงานขึ้นกับเวลาที่ใช้ไป จริงหรือ?

ผลงานขึ้นกับเวลาที่ใช้ไป จริงหรือ?


วิบูลย์ จุง // Wiboon Joong (wbj)

เพื่อนๆคนทำงานส่วนใหญ่มองว่า เรามีเวลาอย่างจำกัดในการทำงาน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดูเหมือนว่าจะใช้ในการอ้าง หากทำงานไม่เสร็จตามที่กำหนด

เวลาของแต่ละคนเท่ากัน แล้วทำไมบางคนถึงสร้างผลงานออกมาได้ และบางคน กลับไม่สามารถสร้างผลงานออกมาได้เลย ??

บางคนอาจจะตอบว่า "คนที่ทำเสร็จทำงานในวันเสาร์/อาทิตย์ด้วย เขาถึงทำเสร็จ..." ถ้าเขาตอบเช่นนี้กับผม ผมก็จะมองเขาในมุมกลับว่า แล้วทำไมคุณไม่ทำอย่างเขาบ้าง... ???

บางคนจะตอบว่า "งานเยอะมาก ถึงแม้นว่าเขาใช้เวลาทำงานหลังจากเวลาปกติแล้วก็ตาม มันก็ไม่เสร็จ จะให้ทำอย่างไร...?"

หรือบางคนก็ย้อนว่า "เขาทำงานทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ ทำงานวันละ 10 กว่าชั่วโมงเลยนะ แต่งานก็ยังไม่เสร็จ งานของเขาเยอะมากเกินไปแล้ว" ซึ่งฟังดูก็เหมือนว่าจะทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งทำให้ผมมองแตกประเด็นไปได้หลายๆกรณีด้วยกัน

1. การทำงานของเขาในช่วงเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมง เขาทำได้เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า ซึ่งผมพบว่า คนที่ทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมงในที่ทำงาน ส่วนใหญ่ทำงานได้เสร็จตามกำหนด หรือ หากทำงานไม่ตรงตามกำหนด ถ้าเขาเป็นคนรับผิดชอบกับงาน เขาก็จะทำงานโดยใช้เวลามากขึ้นและทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ผลงานออกเสร็จตามกำหนดเวลา ซึ่งคนกลุ่มนี้ จะสังเกตุได้จากการทำงานปกติของเขาว่าเขาทุ่มเทให้กับงานในช่วงเวลาการทำงานมากน้อยเพียงใด

คนตรงข้ามกับคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เวลาทำงานในช่วงเวลาปกติ มักจะทำงานแบบสบายๆ เดินไปเดินมา นั่งคุย นั่งเล่น หรือ ใช้โปรแกรมในกลุ่มของ Social Network ในการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับงาน ทำให้ใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ งานจึงไม่เสร็จ และ ต้องใช้เวลาเพิ่มหลังจากการทำงาน และ/หรือ เสาร์-อาทิตย์ ในการทำงาน ซึ่งเขาก็จะทำงานไปเล่นไปเหมือนกับที่เขาทำในช่วงเวลาปกติ แล้ว คนกลุ่มนี้ จะทำงานให้เสร็จตามเป้าหมายได้อย่างไร ???

2. คนที่ทำงานสำเร็จรวดเร็ว ส่วนใหญ่เขาได้ทำงานในสิ่งที่เขาชอบ หรือ เป็นงานที่ท้าทายความสามารถของเขา ดังนั้น หากพนักงานได้งานที่เขาชื่นชอบ หรือ อยากที่จะทำก็จะสามารถทำให้งานของเขาสำเร็จตรงตามความต้องการขององค์กร และ ของเขาได้ตามเป้าหมาย

ในทางกลับกัน ผู้บริหารส่วนใหญ่ มักให้งานในสิ่งที่พนักงานไม่มีความสามารถในด้านนั้น โดยใช้คำอ้างว่า "เป็นการสร้างทักษะเรียนรู้ให้กับพนักงาน" ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ดูเหมือนจะดีทีเดียว ถ้ามีเวลาให้พนักงานท่านนั้น ได้ศึกษาเรียนรู้อย่างเพียงพอ แต่ทางด้านธุรกิจแล้ว การทำเช่นนี้เท่ากับการทำให้เวลาเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ การจะทำเช่นนี้ได้ ผู้บริหารจึงควรมีเวลาเพียงพอในการสอนงานด้วย ถึงจะทำให้งานออกมาตรงตามที่ต้องการและเป็นการสร้างทักษะของพนักงานไปในต้ว แต่คำถามคือ "ผู้บริหารมีเวลาในการสอนงาน จริงหรือ?"

เมื่อพนักงานได้รับงานที่ไม่เคยทำไป บางคนพยายามหาหนทางที่จะทำให้สำเร็จ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะโดดเด่นในการทำงานที่แปลกๆใหม่ๆหรือสั่งงานอะไรก็สามารถทำให้ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ผู้บริหารต้องการเป็นอย่างยิ่ง

แต่บางคนก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการทำงานที่ไม่เคยทำมาก่อน บางคนก็รับงานมาโดยไม่กล้าที่จะปฏิเสธ แต่ก็ไม่พยายามที่จะทำโดยไม่พยายามที่จะอ้างสาเหตุต่างๆนานๆ หรือ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป ถ้าไม่สามารถทำก็ควรจะแจ้งให้ผู้บริหารรับทราบให้เปลี่ยนคนทำงาน ยอมเสียหน้าหรือเสียเครดิตกับเจ้านาย ดีกว่าที่จะ ไม่ได้ดำเนินการอย่างไรทั้งสิ้น คนกลุ่มนี้ทำให้งานขององค์กรไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังเป็นตัวถ่วงขององค์กรอีกด้วย ซึ่งถ้าองค์กรมีคนเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ...

ผู้บริหารในระดับต่างๆ ควรจะเข้าใจในพฤติกรรมการทำงานของพนักงานในแต่ละคนว่าเป็นเช่นใด ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดจากพนักงานเหล่านั้น บางทีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะดีน้อยกว่า การแก้ไขปัญหาก่อนที่ปัญหาจะเกิด หากเรากำจัดปัญหาออกไปได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น ผลกระทบที่จะเข้ามาสู่องค์กรก็จะน้อยลง หรือ ไม่มีเลย...

3. พนักงานมีเรื่องที่ถูกแทรกในการทำงานมากน้อยเพียงใด ซึ่งบางองค์กร มีการแทรกงานต่างๆเข้ามาทำให้ มีเวลาให้กับงานที่ต้องรับผิดชอบน้อยลง ทำงานอยู่ก็มีโทรศัพท์เข้ามา หรือ ต้องเข้าประชุมจนไม่มีเวลาทำงาน สิ่งต่างๆเหล่านี้ถึงแม้นว่าจะเกี่ยวข้องกับงาน แต่ก็ทำให้พนักงานไม่สามารถทำงานที่ต้องรับผิดชอบได้อย่างเต็มที่.. ซึ่งสิ่งต่างๆที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่พนักงานมักใช้เป็นข้ออ้างเช่นกัน

มองในมุมกลับกัน พนักงานที่จะประสบความสำเร็จจริงๆ คือ พนักงานที่รู้ว่า อะไรเป็นสิ่งที่จำเป็น และ อะไรเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และ เลือกที่จะดำเนินงานในสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอยู่เสมอ พนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้มองถึงจุดนี้ จึงได้เลือกในสิ่งที่ตนเองอยากทำ หรือ เลือกในสิ่งที่ตนเองถนัดเป็นส่วนใหญ่

นอกจากการคัดเลือกประเภทของงานพิเศษแล้ว การบริหารเวลาก็เป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งถ้าบริหารเวลาไม่ได้ และ ไม่รู้จักการคัดเลือกงานที่ต้องทำแล้ว โอกาสที่พนักงานจะประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไปคงมีน้อยลง

การบริหารเวลาที่ดีที่สุด ไม่ใช่การจัดเวลาต่างๆว่าจะทำอะไรอย่างไร เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความฉลาดในการทำงานควบคู่ไปด้วย ทำไมผมถึงกล่าวเช่นนี้

เพราะ ถ้าคุณฉลาดในการทำงาน คุณก็จะสามารถหาวิธีการทำงานให้ใช้เวลาน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด หมายถึง การทำงานอย่าง SMART นั่นเอง ใช้ความสามารถ ใช้ประสิทธิภาพของคุณ ในการดำเนินงานโดยใช้เวลาน้อยที่สุด ใช้ทรัพยากรที่มีให้มากที่สุด เพื่อให้ได้ผลงานมากที่สุด จะทำให้คุณโดดเด่นในการทำงานในทุกๆด้าน

4. ถ้าเขาทำงานทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์ บางคนบอกว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่จริงๆแล้ว การทำเช่นนี้ เท่ากับคุณกำลังทำให้คุณไร้ประสิทธิภาพทางอ้อม

เราต้องมาดูว่า ความอ่อนล้าของพนักงาน จะทำให้ผลงานของเขาไม่ออกด้วยหรือไม่ เพราะ ความอ่อนล้าจากการทำงาน จะทำให้ประสิทธิภาพในการคิดลดลง พฤติกรรมการกระตือลือล้น ลดลง และ เริ่มที่จะทำงานโดยปล่อยเวลาให้สูญเปล่ามากยิ่งขึ้น

แม้นว่า ผู้บริหารต้องการเวลาจากพนักงานอย่างเต็มที่ก็ตาม ก็ควรที่จะต้องคำนึงถึงผลที่จะออกมาจากการทำงานจนเกิดอาการล้า ซึ่งควรจะแนะนำให้พนักงานมีเวลาในการ Refresh หรือ ชาร์ทแบต ตนเองเพื่อให้กลับมาสดชื่นในการทำงานด้วย

และ เป็นที่น่าแปลกที่ผลสำรวจพบว่า การทำงานแบบใช้เวลายืดหยุ่น กลับได้ผลดีต่องานที่ทำมากขึ้นถึง 61% แต่ก็มีส่วนทำให้พนักงานขี้เกียจทำงานถึง 13% ซึ่งก็คุ้มค่าอยู่

จากข้อมูลทั้งหมด ชี้ให้เห็นชัดว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เวลา แต่ปัญหาทั้งหมด อยู่ที่ตัวพนักงาน และ หัวหน้างาน ที่จะทำงานสอดประสานกันได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น ถ้าคุณจะตัดสินใจโดยการเอาเวลามาเป็นเครื่องวัดการทำงาน ผมขอเสนอให้คุณใช้ ผลงานและการทุ่มเทในการทำงาน เป็นตัววัดเพื่อประกอบกับเวลา ซึ่งจะเห็นผลงานได้ชัดเจนกว่าการใช้เวลาเพียงอย่างเดียว...



วิบูลย์ จุง // Wiboon Joong (wbj)




Create Date : 09 กันยายน 2555
Last Update : 9 กันยายน 2555 10:06:21 น. 2 comments
Counter : 4284 Pageviews.

 
เจ้าเวลานี่ สำคัญจริงๆ นะคะ อิอิ
แวะมาเยี่ยมทักทายค่ะ
คุณ จขบ.สบายดีนะคะ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 9 กันยายน 2555 เวลา:18:25:28 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณจุง แวะมาทักทายและมาขอก๊อป ข้อมูลไปเผยแพร่นสพ.อมตะนิวส์ ตรัง ค่ะ ขอบคุณและระลึกถึงคุณจุงเสมอน่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
อยู่


โดย: พรรณยุพา IP: 183.88.251.6 วันที่: 30 ตุลาคม 2555 เวลา:15:54:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.