บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
เทคนิคการสร้างผู้ช่วย บริหารพนักงานของพ่อค้าแม่ค้า

เทคนิคการสร้างผู้ช่วย บริหารพนักงานของพ่อค้าแม่ค้า


จาก patham ห้องสีลม พันทิป



นึกอยู่นานเหมือนกันนะจ๊ะ ว่าควรจะเขียนหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้ เราต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ พอพูดถึงพระเดชและพระคุณก็แปลว่า เราต้องแบ่งภาคได้ มีทั้งภาคคิตตี้ และภาคเสือเขี้ยวยาว คนใจอ่อน คนใจไม่ถึง เด็กและสตรีมีครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยง เพราะการบริหารคน บทจะโหดมันต้องสมบทบาทนะจ๊ะ ถ้าเงื่อง่าราคาแพง เก้ๆ กังๆ เราว่าไปไม่รอดนะจ๊ะ

คนที่เอาแต่ใจดี เอาแต่เกรงใจ กลัวลูกน้องจะออกก็ไม่ไหวนะจ๊ะ แต่ขอให้ปฏิบัติกับเขาอย่างเหมาะสมถูกต้อง ไม่ใช้อารมณ์ ไม่กดดันจนน่าเบื่อ หรือปล่อยปละละเลยให้เขาไม่นับถือเรา ก็ถือว่าใช้ได้นะจ๊ะ และอีกเรื่องคือ ถ้าเลี้ยงลูกน้องให้เหมือนเลี้ยงแมวได้จะดีมาก เพราะไม่มีใครอยากเป็นลูกหมา มอบหมายหน้าที่แล้วก็ให้เขารับผิดชอบตัวเอง ให้เกียรติ ไม่ระแวง ไม่จับผิด ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว

ฉะนั้น บทนี้อาจมีฉากหวาดเสียวบ้าง ฉากโหดบ้างอะไรบ้างก็โปรดเข้าใจ เราคิดว่าไม่มีคนทำธุรกิจคนไหนที่จะเติบโตขึ้นมาบนหนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ และการค้าขาย ทำกำไรมันก็คือการฟาดฟันซึ่งกันและกัน ถึงไม่ได้เอาอาวุธมาทำร้ายกัน ผลมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก เพราะคนที่ค้าขายเหมือนเรา และพร้อมจะเบียดให้เราตกไปจากเวทีนั้นมีมาก

การที่เราได้เงินจากลูกค้า หมายถึงคนอื่นอดเงินจากลูกค้า การที่เราอยู่ดีกินดี รุ่งเรือง เป็นเพราะมีใครอีกหลายคนต้องอดเพราะขายของไม่ได้ ธุรกิจไม่ก้าวหน้า การที่เราเติบโตดีเป็นเพราะเราดึงศักยภาพคนของเราออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และคนที่ไม่มีศักยภาพถ้าอยู่กับเราก็ไม่ต่างจากปรสิต กาฝาก พยาธิ ริน เหลือบ ไรที่เกาะกินดูดเลือดเราไป โดยมิได้ยังประโยชน์อะไรให้แก่เรา

การบริหารคนจึงต้องเป็นศาสตร์และศิลป์ที่สำคัญมาก ให้และรับอย่างเหมาะสม เขาได้ด้วย เราได้ด้วยถึงจะไปกันรอด เป็นเหมือนการที่ต้องปกครองเลี้ยงดูผู้คน อย่างที่เขาใช้คำว่า"ลูกน้อง"นั้นถูกแล้ว ต้องเลี้ยงเขาให้เหมือนทั้ง"ลูก" และ "น้อง" ควบคุ่กันไป

แต่ในทางกลับกัน เขาเห็นเราเป็นแค่"นายจ้าง"เท่านั้น ไม่ได้ผูกพันอะไรกัน อย่างดีก็เป็น"ลูกพี่" เท่านั้น คือเป็นลูกของพี่เขา มีฐานะเป็นแค่หลาน เขาอาจเอ็นดูเราบ้าง แต่ยังไงก็ไม่ให้อะไรเราเท่ากับลูกของตัวเองแน่นอน




ตอนที่ 1 คนแรกที่ต้องหาให้ได้ก่อนคือเด็กช่วยทำงานบ้าน หรือคนรับใช้นี่เอง



เด็กช่วยทำงานบ้านหรือคนรับใช้ เป็นอะไรที่ใกล้ตัวที่สุด เนื้องานเข้าใจง่ายที่สุด และค่าแรงต่ำสุดในบรรดาลักษณะงานที่เราจะจ้างได้ ถ้าคุณเป็นพ่อค้าแม่ค้ามีรายได้พอสมควร แต่ยังไม่ถึงขั้นจ้างคนมาช่วยงานบ้านได้ ให้พักเรื่องคิดอยากมีลูกน้องก่อนะจ๊ะ ลืมไปเลยก็ได้ เพราะคุณยังไม่มีรายรับพอที่จะพร้อมจ้างคนใดคนหนึ่งมาช่วยงาน

มันเป็นการตรวจสอบตัวเองด้วย ว่าคุณมีวุฒิภาวะพร้อมมีลูกจ้างของตัวเองแล้วหรือยัง การมีลูกจ้างของตัวเองกับลูกน้องในที่ทำงานที่คุณก็เป็นลูกจ้างเหมือนกันมันคนละเรื่องเลยนะจ๊ะ เพราะผลงานของเขา การทำหรือไม่ทำอะไร มันผลาญเงินในกระเป๋าสว่นตัวคุณ การทำอะไรเจ๊งหรือพังมันคือการทำลายทรัพย์สินของคุณ ไม่ใช่ของนายจ้าง ฉะนั้น บางคนอาจพบว่าตัวเองอดทนกับพฤติกรรมงี่เง่าของลูกน้องที่ทำงานได้ แต่กลับจะเป็นจะตายกับความขี้เกียจเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กรับใช้ที่บ้าน

นอกจากนี้ ถ้าแค่ค่าจ้างเด็กรับใช้คนหนึ่ง คุณยังเสียดายหรือปล่อยความไว้วางใจไม่ได้ แปลว่าคุณจะยิ่งเสียดายและเป็นกังวลมากขึ้น กับลูกน้องที่คุณต้องจ้างออกไปไกลหูไกลตา มอบความไว้วางใจให้ วันๆ ไม่รู้ทำอะไร มีผลงานแค่ไหน และจะโกงบ้างหรือเปล่า ถ้ากับเด็กรับใช้คนหนึ่ง คุณยังสั่งานไม่ได้ เอาให้อยู่หมัดไม่ได้ ผูกจิตและครองใจเขาไม่ได้ อย่าเพิ่งคิดหาลูกน้องที่ทำงานไกลหูไกลตา

สำหรับเราเองก็ลำบากอยู่พักใหญ่นะจ๊ะ ทำงานคนเดียวอยู่ 2-3 ปี กว่าจะเริ่มมีปัญญาจ้างคนได้ พอเริ่มมีปัญญาเราก็เริ่มจากจ้างคนมาดูแลหน้าร้าน แต่ปัญหาคือ เขาแค่ช่วยเรื่องต่างๆ ได้นิดๆ หน่อยๆ ตัวหลักก็ต้องเป็นเรา แถมกลับบ้านก็วุ่นอีก เพราะต้องดูแลเรื่องเสื้อผ้า อาหาร 3 มื้อ ทำความสะอาดบ้านเองอีก ทำแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว เอาปัญญาที่ไหนมาดูแลลูกน้อง

ทำแบบนี้อยู่หลายปีนะจ๊ะ ก็เจอปัญหาซ้ำเดิมๆ คือ ออกบ่อย ขี้โกง งานไม่ได้เรื่อง พอลูกน้องออกทีนึง ต้องปิดร้านไปพักนึง หรือไม่ก็ต้องเหงือกแห้งมาเฝ้าร้านจนเซ็ง ที่สอนงานไปยังไม่ทันไร เอาอีกละ มันออกอีก นี่จะต้องมานั่งสอนงานคนใหม่อีกเหรอ

จนกระทั่งเรามานึกกลับกันว่า ถ้าเราจ้างคนมาทำงานบ้านแทน ดูแลเราทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร 3 มื้อ ทำความสะอาด ซักเสื้อ รีดเสื้อ จัดการงานส่วนตัวให้ แล้วให้เราสบายตัวมากๆ กลับทำให้เราไม่เครียด สบายเนื้อสบายตัว มีจิต สมอง และแรงกายทำงานเพิ่มได้อีกเยอะ

ถ้าบางช่วง ร้านไม่มีใคร เรานั่งเฝ้าเองก็ไม่ใช่ปัญหา ยังมีเวลาทำอย่างอื่นอีกเยอะหากบางช่วงลูกค้าน้อย ถึงมีลูกค้ามาก ก็ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง เลิกงานปิดร้านกลับถึงบ้านชิวๆ เข้าบ้านปุ๊บมาน้ำเสริฟ มีข้าวกัน เข้านอนสบาย หมอนหอมๆ ผ้าห่มนุ่มๆ สุขภาพจิตก็ดี ตื่นเช้ามาก็สดชื่น มีแรงกลับไปทำงานใหม่

เวลาจ้างเด็กรับใช้มาก็ไม่ใช่ไม่มีปัญหานะจ๊ะ เข้าๆ ออกๆ ทำกับข้าวไม่อร่อย ขี้เกียจ ขี้ขโมย ไม่ถูกใจกันอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเราคิดวิธีแก้ปัญหาใหม่ จ้างมัน 2 คนเลย มาทำงานเหมือนๆ กัน และก็ผลัดกันไปดูร้านพร้อมเรา ดูคนไหนหน่วยก้านดีก็เก็บไว้ คนไหนไม่ได้เรื่อง พอครบเดือนก็ให้ออก ระหว่างนี้คนที่อยู่เดิมก็เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น รู้ว่างานบ้านต้องทำอะไร และงานร้านต้องทำอะไร พอได้คนใหม่มาก็ให้คนเก่าฝึก ที่ผ่านมาเคยให้ออกวนเวียนกัน 3-4 รอบเหมือนกัน แต่ก็คิดว่า สักวันมันต้องอยู่ตัวกันบ้างแหละน่า

การจ้าง 2 คนทำหน้าที่เดียวกัน เราพบว่า ทำให้เราไม่ต้องลุ้น ว่าเด็กจะลาออกเมื่อไหร่ เพราะโอกาสที่จะออกพร้อมกัน 2 คนคงน้อยมาก และแปลว่าเราคงเป็นนายจ้างที่ไม่ได้เรื่อง นอกจากนี้ คนเก่ายังสอนคนใหม่ได้ และดูเหมือนพวกเขาพึงพอใจ เพราะจู่ๆ ได้เป็นลูกพี่มีคนให้สอนงาน นอกจากนี้ คนเก่าเมื่ออยู่ระยะหนึ่งแล้ว เราก็ควรเพิ่มค่าจ้างให้ แต่เงินที่เพิ่มไม่ได้เพิ่มเปล่าๆ เพราะเราเพิ่มความรับผิดชอบให้ทีละน้อย แต่ถ้ายังได้คนไม่ถูกใจให้รีบเปลี่ยนคนไวๆ อย่าเสืยเวลาฝึกหรือเปลี่ยนนิสัยคนที่ไม่ใช่ เราจะเป็นฝ่ายมีปัญหาเอง

เมื่อเราเปลี่ยนวิธีมาทำอย่างนี้ โอกาสฟลุคที่จะได้คนดีๆ นั้นมีมาก เราเคยถึงขั้นมีเด็กรับใช้จบ ม. 3 ที่เก่งขนาดเป็นโอปะเรเตอร์ รับออร์เด้อร์ ขายสินค้าแทน แถมให้กรอกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ปิด เปิดเครื่องเป็น ปรินท์เอกสารได้ ทำไม้จิ้มฟันยันเรือรบ สบายไปแปดตลบ เด็กรับใช้บางคนพอให้ไปขายของ มันดันขายเก่งกว่าพนักงานขายด้วยซ้ำไปก็มี พวกอย่างนี้แหละ ต้องเก็บไว้ให้ดี ขึ้นค่าจ้างให้ไว

เมื่อได้อย่างนี้ก็แปลว่า เรามีขุนพลอยพยักอยู่อย่างน้อย 1 คนแล้ว เขาจะให้ความเคารพนับถือ เชื่อฟังคำสั่ง และบอกให้ไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนก็ยอม ขณะเดียวกัน เราต้องมีกิจวัตรแต่แรกเริ่มที่แม่นยำ และชัดเจนในทางที่ว่า เขาจะไม่มีโอกาสบิดเบี้ยว โกหก หรือโกงเราไปได้ ต้องเป็นคนละเอียดรอบคอบเสมอต้นเสมอปลาย อย่าเผลอเรอเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องการเงินหรือจัดซื้อ แล้วเขาจะทำงานให้เราอย่างเหมาะสมถุกต้อง




ตอน 2 ให้คนในฝีมือดีที่สุด ออกไปช่วยคุมอาณาจักร



พอได้คนในที่ฝีมือดีที่สุด เราก็ส่งออกไปช่วยคุมอาณาจักรนะจ๊ะ เนื่องจากทำงานให้กันมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นหน่วยก้านแล้ว รู้นิสัยแล้ว ศึกษาข้อดีข้อด้อย จุดอ่อนจุดแข็งกันแล้ว ทำให้การทำงานราบรื่นมาก เพราะคนเราไม่มีใครเก่งทุกอย่าง หรือพร้อมทุกด้าน ลูกน้องเรา ถ้ามันเก่งหรือฉลาดมากๆ มันคงไม่มาเป็นลูกน้องใครนะจ๊ะ คงไปทำอาชีพของตัวเองกันหมด ฉะนั้น อย่าเหนื่อยที่จะสอนคน และอย่าหงุดหงิดถ้าเขาทำบางอย่างให้เราไม่ได้ ถ้าศึกษากันแล้ว คุณสมบัติโดยรวมผ่านก็ถือว่าคนนั้นน่าจะทำงานให้เราได้แล้วนะจ๊ะ

ตัวเราก็คอยอุดช่องโหว่ หรือทำในส่วนที่คนของเราไม่ถนัด ทำไม่ได้ ไม่พร้ม ให้เขาทำอย่างนี้ที่เขาถนัด หรือให้เวลาเขามากๆ หน่อย ให้เขาค่อยๆ ฝึกค่อยๆ เรียนรู้ ทำอย่างนี้ก็จะหมดห่วงไปอีกเปลาะนึง เสร็จแล้วเราเอาเวลาที่เหลือไปฝึกเด็กอีกคนที่บ้านให้เกงๆ เรียนรู้นิสัยใจคอกัน ประเมินว่าเขาไปไหวหรือเปล่า ไว้ใจได้มั้ย มีโอกาสที่อารมณ์จะแปรปรวนหรือไม่

การฝึกเด็กให้ทำงานบ้าน เราว่าง่ายที่สุดแล้ว ขั้นตอนนี้ ถ้าเด็กยังทำให้ดีไม่ได้เราถือว่าไม่ผ่าน ไม่น่าจะมีปัญญาทำอะไรอีก เราจะหาจังหวะเปลี่ยนคนไวๆ ไม่ให้เสียเวลาโดยเด็ดขาด ในทางกลับกัน ถ้านายคนไหน สอนหรือดูแลคนทำงานในเรื่องพื้นๆ ไม่ได้ แค่กวาดบ้าน ถูพื้น ซักเสื้อรีดผ้า ทำกับข้าว นายคนนั้นก็ไม่เหมาะที่จะดูแลเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ หรือทิ้งคนของตัวให้ไกลหูไกลตา

ส่วนคนที่ดีแล้ว ก็ค่อยๆ ปล่อยทีละน้อย มอบหมายหน้าที่ให้ดูแลมากขึ้น ทิ้งความรับผิดชอบให้มากขึ้นเท่าที่เขาจะทำได้ ช่วงแรกต้องเหนื่อยแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าหาใครมาทำงานแล้วปล่อยได้เลย เป็นไปไม่ได้หรอก เราต้องประกบ ประคบประหงมกันนานเลยนะจ๊ะ 3-5 เดือนขึ้นไปถึงจะรู้มือกันและวางใจได้มาพอที่จะปล่อยให้ทำอะไรด้วยตัวเอง

ใครที่คิดจะปล่อยลูกมือให้ดูแลงานด้วยตัวเอได้ ไม่ใช่คิดปุ๊บปั๊บแล้วจะเกิดขึ้นเลย ต้องมีการเตรียมการแต่เนิ่นๆ เตรียมตัวและวางหน้าที่ความรับผิดชอบ วางแผนไว้แต่แรกแล้วค่อยๆ ดำเนินตามแผนไป ความต้องการที่วางไว้แต่แรกก็จะเกิด

คนที่มีงานประจำอยู่ถ้าอยากจะหาคนไว้ใจได้สักคน คิดว่าก็ต้องไม่พ้นวิธีการนี้ ที่จะมีโอกาสเป็นไปได้สูงสุด จะทำธุรกิจต้องลงทุนนะจ๊ะ จะมีลูกน้องดีสักคนนอกจากต้องลงทุนด้านเงินแล้ว ต้องลงทุนทั้งเวลา แรงใจ แรงกาย ถึงจะได้คนดีๆ มาอยู่ด้วยสักคน




ตอน 3 เปิดสนง. สร้างศูนย์บัญชาการ



ถ้าเรามีคนดีที่ไว้ใจได้จริงๆ สัก 2-3 คน ส่งไปคุมตามจุดต่างๆ แค่นี้สำหรับเราก็เหลือเฟือแล้วนะจ๊ะ เด็กๆ ในสังกัดจะส่งเงินเข้ามาให้ทุกวัน โดยไม่ต้องย่างกรายเข้าไปในจุดขายเลย สำหรับเรา ตั้งเป้าหมายง่ายๆ แค่ว่า ใน 6 เดือนแรก ขอแค่มีรายรับพอจ่ายค่าเช่าที่กับค่าแรงเด็ก เราก็ถือว่าจุดขายนั้นประสบความสำเร็จแล้ว หลังจากนั้นขอให้มีเงินมาเข้ากระเป๋าจุดละ 500-1000 ต่อวัน ก็นอนอยู่บ้านสะดือปลิ้น ไม่ต้องไปลุ้นไปโลภอะไรอีกแล้ว

แต่จะพบว่า ภาระงานหนักจะเพิ่มขึ้น เพราะจะมีการโทรติดต่อ สั่งของชิ้นนั้นชิ้นนี้ รวมถึงเรื่องสวัสดิการต่างๆ ไม่สบายบ้าง เจ็บท้องบ้าง ลาหยุดบ้าง มาสายอีก ของพวกนี้จะต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แรกๆ ก็ปวดหัว ไม่รู้จะทำไงดี เด็กๆ บางทีก็ทะเลาะกับแฟน พ่อป่วย น้องติดคุก ฯลฯ วุ่นไปหมด เราก็ต้องเหนื่อยยากไปจัดการแทน บางทีไม่ทัน บางทีมีปัญหาต่างๆ ซับซ้อน บางทีเด็กรับปากลูกค้าไว้เรื่องนั้นเรื่องนี้

ถึงตอนนี้เราตัดใจอีกแล้ว จ้างเด็กมานั่งทำงานเป็นเรื่องเป็นราว เปิดสำนักงานไว้เป็นศูนย์บัญชาการ ตามประสา เขาอายุไล่เรี่ยกันจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่า บอกความในใจกันง่ายกว่า หรือโทรมาขอลาหยุดลาป่วยง่ายกว่า โทรสั่งของกันเองสะดวกกว่า งานก็จะลื่นไหลมาก เราก็ไม่วายต้องหางานมาป้อนเด็กที่ออฟฟิศให้เยอะๆ ให้คุ้มค่าจ้าง และเด็กที่ออฟฟิศนี่แหละ เราจะส่งไปดูแลสาขาต่างๆ และเป็นหน่วยแทนมันซะเลยถ้าจุดไหนคนขาด

คนที่อยู่ออฟฟิศจ้างที่มีความรู้สูงหน่อย เป็นฝ่ายวิชาการ ใช้ประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูล ไว้รับลูกค้าไฮโซ ส่วนที่อยู่ตามจุดก็มีความเก๋าในเรื่องประสบการณ์ ทั้ง 2 หน่วยงานจะทำงานรับประสานกันเป็นอย่างดี ไม่มีเรื่องเหน็ดเหนื่อยระอาใจให้กับเรา แล้วเราก็ยังคงสถานะอยู่ว่างๆ อยู่ได้ มีเวลาศึกษาอะไรเพิ่มเติม หาอะไรใหม่ๆ มาเติมเสริมแต่งได้อยู่เรื่อยๆ




ตอน 4 พึ่งทั้งไสยศาสตร์ และเทคโนโลยี



เราว่าสมัยนี้ยิ่งสบายมากนะจ๊ะ เพราะมีเทคโนโลยีให้พึ่งพามากมาย ช่วงแรกเรามีอุปกรณ์กันขโมย ก็ไม่ได้กันขโมยที่ไหนหรอกจ้า ลูกน้องขโมยเงินเรานี่เอง จู่ๆ อุปกรณ์กันขโมยร้องเสียงหลง โหย ลูกน้องมาแอบเปิดลิ้นชัก อ้างแบบสีข้างเข้าถูก แค่จะดูว่ามีอะไรอยู่ในลิ้นชัก แหม..ทำไปได้


ก่อนหน้านี้ก็เคยนะจ๊ะ ลูกน้องรับเงินแล้วไม่ออกใบเสร็จ ฝากไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟแล้วไม่ไปจ่าย เพราะตัวเองกะจะออกอยู่แล้ว ช่วงจะถึงวันออกนี่ เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เข้ากระเป๋าตัวเอง เราก็เจอมาแล้ว ก็ไม่ได้คืนหรอกจ้า


หรือลูกน้องบางคนแอบเอาของตัวเองมาขายให้ลูกค้า แทนที่จะเป็นของเรา หรืออาสาไปส่งของให้ลูกค้าเอง แหม..ทีแรกคิดว่าคนดี ที่ไปเพราะเอาของเราไปส่งชิ้นนึง ที่เหลือไปส่งของตัวเอง โอ้ย สารพัดสารเพ


ช่วงหลังมีกล้องวงจรปิดและดูผ่านอินเตอร์เน็ทได้ ทีนี้สบายเลย เปิดเน็ทดูสถานการณ์ได้ตลอดเวลา ทำให้พนักงานไม่กล้าโกง แต่กลับขโมยเงินกันเอง ก็ดูจากกล้องย้อนหลังนี่แหละ ถึงเห็นว่าพนักงานขโมยเงินกันเอง


แต่กล้องก็มีปัญหานะจ๊ะ เพราะถ้าเราไม่ได้นั่งดูตลอด 24 ชั่วโมง จริงๆ แล้วถ้าสินค้ามีเยอะ บทมันจะหายไปชิ้นสองชิ้นก็จับไม่ได้หรอกจ๊ะ ว่าใครขโมยไป มันยังมีจุดอ่อนอยู่ เพราะหากรู้ว่าของขาดเฉพาะเมื่อเช็คสต็อค ก็ไม่รู้จะเอาปัญญาที่ไหนไปดูภาพย้อนหลัง สมมุติเช็คสต็อคกันเดือนละหน


เกิดของหายขึ้นมาก็เหงือกแห้งเหมือนกัน หมายถึงเราต้องไปเบิ่งตาดูภาพย้อนหลังวันละ 10 ชั่วโมงย้อนไป 30 วัน เพื่อดูว่าใครขโมยของไป ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้ของราคาเรือนพัน ถ้าให้มามองกล้องย้อนเป็นเดือนก็ทำไม่ไหว มันก็ใช้ได้แค่ป้องปรามระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าใครจะบอกว่าสามารถเดินหน้าภาพให้วิ่งเร็วๆ ได้ มันทำได้แหละนะจ๊ะ แต่พอภาพมันเดินเร็ว ก็ดูไม่ทันอยู่ดี เพราะหัวขโมยบางคนใช้เวลาหยิบของไม่เกิน 5 วินาที กล้องก็จับภาพไม่ทัน


นอกจากนี้ยังพึ่งไสยาศาสตร์ด้วย คือเลี้ยงกุมารทอง จะมีอยู่จริงหรือไม่ก็สุดแท้แต่ว่าใครจะเชื่อนะจ๊ะ แต่กุมารทองที่เราเลี้ยงนี่ เฮี้ยนได้ใจจริงๆ พนักงานลือกันเองเลย ว่าบางคนนั่งหลับ ฝันว่ามีเด็กหัวจุกมาปลุก บางคนนิสัยไม่ค่อยดี กุมารทองมาไล่ในฝันเลย บางทีนั่งกันอยู่ชั้นล่าง ได้ยินเสียงวิ่งโครมครามอยู่ชั้นบน ทำให้พนักงานอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าเยื้องกรายขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นที่เก็บสินค้าและเอกสารสำคัญ


ตัวเราเองเลี้ยงกุมารทองอยู่เกือบ 10 ปี ไม่เคยสัมผัสอะไรเลย มาสัมผัสได้อยู่ 2 หนแรกคือ พอดีเรานอนอยู่ชั้นบนของออฟฟิศ ทีนี้พอตังค์เยอะขึ้นก็ไปซื้อบ้านอยู่อีกหลังนึง ทีแรกตัดสินใจว่าจะให้กุมารทองอยู่ที่เดิม


เท่านั่นแหละ คืนนั้นจู่ๆ ตกใจตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเสียใจมากๆ เหมือนของสำคัญในชีวิตหายไป แล้วใจก็ไปนึกถึงกุมารทอง รู้สึกขึ้นมาเองว่ากุมารทองอยากตามไปด้วย ไม่อยากให้ทิ้งไว้ที่ออฟฟิศ รุ่งขึ้นก็ย้ายกุมารทองไปที่บ้านใหม่เลย


อีกหน จู่ๆ ตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วได้ยินเสียงเหมือนมีเด็กเล็กๆ วิ่งอยู่ในห้องนอน วิ่งอยู่ 4-5 ก้าวแล้ววิ่งทะลุออกประตูลงบันไดไป ในห้องไม่ได้มืดมาก มีแสงไฟจากนอกหน้าต่างทำให้เห็นทุกอย่างค่อนข้างชัด แต่ในห้องไม่มีอะไรเลยนะจ๊ะ และบ้านก็ปลูกห่างกันมาก ไม่มีทางที่จะเป็นเสียงแว่วจากข้างนอกหรือบ้านหลังอื่น



Create Date : 08 ธันวาคม 2554
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 11:09:52 น. 2 comments
Counter : 4387 Pageviews.

 
จะต้องเพิ่มศาตร์และศิลป์


โดย: สามารถ คำลุม IP: 171.98.0.79 วันที่: 14 ธันวาคม 2554 เวลา:14:24:13 น.  

 
ขอบคุณ ความรู้ในการบริหารคน


โดย: นุช IP: 223.204.140.27 วันที่: 13 กรกฎาคม 2555 เวลา:14:52:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.