Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : เอคโค่ จิ๋วก้องโลก 3D : อนิเมชั่นลดโลกร้อนของเมืองไทย ความสนุกไกลถึงเมืองนอก

เอคโค่ จิ๋วก้องโลก 3D : อนิเมชั่นลดโลกร้อนของเมืองไทย ความสนุกไกลถึงเมืองนอก

เอคโค่ จิ๋วก้องโลก 3D (2555)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

เรทภาพยนตร์ : ท.ทั่วไป สำหรับ ภาษาหยาบคายบ้าง และ ภาพโป๊เปลือยบ้าง

เป็นหนังที่ออกตัวว่าเป็นอนิเมชั่นของไทย ที่จะเข้าฉายในระบบ 3D เรื่องแรกของโลก โดยหนังมีดีกรีเป็นถึงผู้สร้างจากอนิเมชั่นไทยที่เคยทำเงินไปอย่าง ก้านกล้วย ทั้ง 2 ภาค ซึ่งโดยตัวผมก็ไม่ได้เป็นคนที่ติดอกติดใจอนิเมชั่น ก้านกล้วย สักเท่าไหร่ แต่เนื่องด้วยมีคนบอกว่าเรื่องนี้สนุกกว่าที่คิด ก็ไม่พลาดที่จะลอง

“จ่อเป” เป็นเด็กน้อยที่มีความสามารถพิเศษในการพูดคุยกับธรรมชาติ และ “หน่อวา” เป็นเด็กสาวผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร และศิลปะการต่อสู้แบบกะเหรี่ยง ทั้งสองได้พบกับ “แซม” ลูกชายประธานาธิบดีแห่ง Capital State ซึ่งมาเข้าค่ายลูกเสือโลกที่เมืองไทย และเกิดพลัดหลงเข้าไปในป่าหมอก เมื่อ “จ่อเป” และ “หน่อวา” ได้ช่วยเขาไว้ มิตรภาพของเด็กทั้งสามก็เริ่มต้นขึ้น ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะโลกร้อนที่ขึ้นสูงเกินพิกัดได้ก่อให้เกิด ปีศาจความร้อน BUCT มันขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายมหาศาล ด้วยการดูดกินพลังงานทั่วโลก เพื่อแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ที่โลก จิ๋วทั้งสามคนต้องหยุดยั้งมันไว้

เอคโค่ จิ๋วก้องโลก 3D หรือในชื่อภาษาอังกฤษอย่าง Echo Planet เป็นผลงานการกลับมาสร้าง อนิเมชั่น เรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ คมภิญญ์ เข็มกำเหนิด ที่หลังจากในเรื่องแรกเคยทำให้วงการอนิเมชั่นไทยกลับคืนสู่สังเวียนได้อย่างสมศักดิ์ศรีมาแล้วกับ ก้านกล้วย ในภาคแรก เพราะฉะนั้นผลงานเรื่องต่อมาของเขาก็คงไม่แปลกที่ยังจะคงกลับมาสร้าง อนิเมชั่น กับค่าย กันตนา ที่มีข่าวว่าอนิเมชั่น เอคโค่ นี้ได้ใช้ทุนสร้างไปสูงถึง 140 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวหนังได้เปิดตัวทำรายได้วันแรกไปเพียง 1.5 ล้านบาทเท่านั้น โดยส่วนนึงก็ต้องโทษการโปรโมทที่ทำออกมาได้ไม่ค่อยน่าดูเลยสักนิด ทั้งที่จริงแล้วหลังจากผมดู เอคโค่ ต้องขอบอกเลยว่าตัวอนิเมชั่นถือว่าทำออกมาดูสนุกกว่าที่คิด และในเมื่อหนังเป็นการออกตัวตั้งแต่เริ่มว่า อนิเมชั่น 3D เรื่องแรกของเมืองไทย

เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ผมจะพูดถึงหนังเรื่องนี้คือด้านของระบบ 3D ของอนิเมชั่น ที่โดยส่วนตัวความเห็นของผมต่อระบบ 3D เรื่องนี้ผมถือว่ายังสามารถทำออกมาอยู่ในได้ในขั้นของมาตรฐานอนิเมชั่นทั่วไป ไม่ได้ 3D แบบแบนเหมือนกับ 407 เที่ยวบินผี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกนูนจนจับต้องได้เหมือนอนิเมชั่นของเมืองนอกเขา เพราะยังมีหลายๆฉากในตัวหนังที่ยังถือว่าดูแล้วไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่นัก ส่วนมากคนดูจะสามารถมองเห็นมิติของระบบ 3D ได้ เฉพาะฉากที่หนังอยากให้ดูออก และฉากที่หนังพยายามจะนำสิ่งของเข้ามาทะลุตา ทะลุจอ ให้กับเด็กๆได้สนุกสนานกันตามสไตล์ของอนิเมชั่นไทยเรื่องนึง พร้อมทั้งด้านความสนุกของหนัง

ที่ถือว่าเป็นด้านที่เกินคาดสำหรับผมมากที่สุด เพราะถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า เอคโค่ จิ๋วก้องโลก จะเป็นอนิเมชั่นที่ออกมาในรูปแบบ 'เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี' เพราะยังถือว่ายังมีหลายๆจุดไม่ว่าจะเป็นด้านของ มุกตลก หรือแม้แต่การออกแบบตัวละคร ที่ยังถือว่าทำออกเน้นเอาใจเด็กเป็นหลักมากไปหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมต้องขอชม เอคโค่ ในด้านของความสนุกคงหนีไม่พ้นด้านของ การดำเนินเรื่อง และ ฉากผจญภัย ที่สามารถทำเอาคนดูสนุกได้ทั้งครอบครัว ถึงแม้ว่าหลายๆอย่างมันอาจจะดูรีบร้อน และ หาทางออกง่ายเกินไปตามสไตล์อนิเมชั่น แต่หนังก็สามารถตีคืนสิ่งเหล่านี้ได้โดยการใส่ฉากผจญภัย

ที่ไม่ว่าจะเป็น ผู้ใหญ่ หรือ เด็ก ก็สามารถสนุกไปได้ด้วยกัน และทำให้คนดูทำเป็นลืมๆเรื่องพวกนี้ไปชั่วคราว แต่เนื้อหาใจความสำคัญที่สุดของ เอคโค่ 3D อย่างเรื่องของ ภาวะโลกร้อน ที่โดยรวมผมต้องขอบอกเลยว่าค่อนข้าง ยัดเยียด และทำออกมาไม่ต่างจากการ์ตูนโปรโมทให้คนประหยัดไฟกันสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีจุดจุดนึง ที่ถือว่า เอคโค่ สามารถตั้งคำถามให้กับคนทั่วโลกได้ดี นั้นคือ 'โลกเราจำเป็นต้องรอให้ถึงวิกฤติโลกแตกแบบในหนังก่อนหรือไม่ เราถึงจะเริ่มประหยัดไฟกันได้สักที' เพื่อเป็นการเตือนสติให้แก่เด็กและผู้ใหญ่มาร่วมมือกันประหยัดไฟที่ถึงแม้จะยัดเยียดตรงเกินมากไปก็ตามที แต่อย่างไรก็ตามโดยสรุปแล้วผมยังคิดว่า เอคโค่ จิ๋วก้องโลก ยังถือว่าเป็นอนิเมชั่นที่ทำออกมาเพื่อให้คนที่มีลูกหลาน มีครอบครัว ไปดูมากกว่าจะเหมาะกับผู้ใหญ่ไปดูคนเดียว

เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทุกคนจะสนุกกับ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก แบบที่ผมค่อนข้างสนุกหรือปล่าว แต่สิ่งที่ผมรับประกันได้คือ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก 3D จะเป็นอนิเมชั่นไทยที่ถือว่าสามารถมอบความสนุกให้กับเด็กๆได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบ 3D , มุกตลก และฉากผจญภัย ล้วนแต่เอาใจเด็กทั้งสิ้น