Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
12 ตุลาคม 2561
 
All Blogs
 
[R]St. Petersburg - Peterhof พระราชวังฤดูร้อน ในวันใบไม้เปลี่ยนสี



Peterhof 

หรือที่รู้จักกันในนามของ พระราชวังฤดูร้อน ถูกสร้างขึ้นตามพระบัญชาของซาร์
ปีเตอร์มหาราช สำหรับเป็นสถานที่ประทับในช่วงฤดูร้อน ใช้เวลาสร้างยาวนาน
ถึงสิบปี โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้นยังคงเป็นพระราชวังที่ดูเรียบง่ายกว่านี้  แต่ก็ได้รับ
การต่อเติมเสริมแต่งภายหลังให้หรูหราขึ้นในยุค ซารีน่าอลิซาเบธ ผู้เป็นพระธิดา
รวมถึงในยุคของซารีน่าแคทเธอรีน ตามลำดับ ตลอดทั้งที่นี่ก็ยังได้รับฉายาว่าเป็น
'แวร์ซายแห่งรัสเซีย' อีกด้วย






ปีเตอร์ฮอฟ ตั้งอยู่ไกลจากใจกลางตัวเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 
ทางทิศตะวันตก 
29 กิโลเมตร หากมองจากแผนที่ ก็จะเห็นว่าที่ตั้งของพระราชวังแห่งนี้ จะอยู่ติด
อ่าวฟินแลนด์ ทะเลบอลติก และมีจุดเด่นสำคัญคือลานน้ำพุใหญ่และรูปปั้นสีบรอนซ์
ที่
ยืนเรียงกันบนเนินสูงท่ามกลางสายน้ำที่ส่งประกายตอนโดนแสงวิ้ง ๆ  


จากมุมภาพสวย ๆ เหล่านั้น ฉันได้เคยเห็นมาจากเหล่านักถ่ายภาพหลายคนที่เอา
รูปมา
ลงประชันในโลกออนไลน์กันเยอะทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งในแรงจูงใจที่
ทำให้ฉันอยากเดินทางมาเห็นของจริงด้วย
ตาตัวเองบ้าง 

เรื่องของการเดินทางมายังปีเตอร์ฮอฟ ไม่มีอะไรต้องน่ากังวลในกรณีของคนที่มี
แหล่งพักพิงอยู่ที่ใจกลางเมืองใกล้เฮอร์มิเทจ ก็ยิ่งสบายแล้วใหญ่  เพราะถึงมันจะ
อยู่นอกเมืองและไม่มีรถไฟใต้ดินวิ่งตรงดิ่งไปถึงโดยตรง แต่ที่ด้านหลังพระราชวัง
ฤดูหนาวและเฮอร์มิเทจที่ติดกับแม่น้ำเนวา  จะมีท่าเรือไว้สำหรับให้บริการเรือ
ไฮโดรฟอยล์ 
เดินทางเชื่อมต่อทางน้ำไปยังพระราชวังฤดูร้อนถึงที่ ส่วนเรื่องของ
ราคา ไป
-กลับก็ตกอยู่ราคา 1,100 รูเบิ้ล และตั๋วเที่ยวเดียว  650 รูเบิ้ล  
**(ราคาในปี 2013 ส่วนบัตรนักเรียน ISIC มีส่วนลดอีก)

เนื่องด้วยราคาแรง แต่สะดวกกว่า ทำให้ฉันคิดนานไปสามตลบและสุดท้ายก็เลย
ซื้อตั๋วขาเดียวสำหรับเดินทางไปเท่านั้น  
ส่วนขากลับค่อยว่ากันอีกที...คือจะนั่ง
รถเมล์หัวฟูกลับที่พักตอนไหนยังไงก็ได้ 



ภายในเรือโดยสารที่จะเดินทางไปยังปีเตอร์ฮอฟรอบเช้า ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรือเที่ยวแรกเพราะยังเช้า
อยู่มาก คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ ฉันเลือกนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างตรงตำแหน่งกราบขวาของเรือ


บริเวณท่าเรือจากมุมมองทางหน้าต่างเรือ และที่ตั้งของเฮอร์มิเทจ 


แนวกำแพงของป้อมปีเตอร์แอนด์พอล และยอดสูงของหอระฆ้งของมหาวิหารปีเตอร์แอนด์พอล
ส่วนกำแพงหนาเตอะที่สร้างติดกับริมแม่น้ำ เคยใช้เป็นคุกสำหรับนักโทษทางการเมืองในอดีต


ภาพนี้ยังคงอยู่บนแม่น้ำเนวา เหมือนกับเป็นท่าเทียบเรือ


ไม่นานเรือก็พาแล่นพ้นแม่น้ำเนวาและมาอยู่บนผืนน้ำบนทะเลบอลติกแทนแล้ว
การเดินทางโดยสารทางเรือจะใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น




กลาสีนำเชือกออกมาคล้องเพื่อเทียบท่า เป็นอันสิ้นสุดเส้นทางเดินเรือเรียบร้อย



ทางเดินไปยังจุดจำหน่ายตั๋ว และทางเข้าสวนตอนล่างของพระราชวัง
ค่าเข้าชมในขณะนั้น 
400 / 200 รูเบิ้ล (บุคคลทั่วไป / ผู้ถือบัตร ISIC)  
แต่ปัจจุบันนี้ได้ปรับขึ้นตามค่าเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว > คลิกที่นี่

พอเห็นสัญลักษณ์ธงบนเสาเรียงรายแบบนี้แล้วนึกถึง เรือหลวง เรือรบ แถวบ้านเลยแฮะ
มีชาวเรือคนไหนถอดรหัสได้มั่งเนี่ย? https://th.wikipedia.org/wiki/ธงประมวลสากล 


เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องซื้อตั๋วเข้าชมตามระเบียบ ซึ่งหากใครที่มาทางเรือ ก็จะเข้า
มาถึงยังพื้นที่ของสวนตอนล่าง (lower garden) โดยตรง ทั้งนี้การเก็บค่าเข้าชม
จะเสียเพียงแค่พื้นที่บริเวณสวนตอนล่างที่อยู่ด้านหน้าพระราชวังเท่านั้น แต่สวน
ตอนบน (upper garden) ที่ตั้งอยู่ด้านหลังติดถนนเข้าชมฟรี 

ทั้งนี้จะยังมีค่าผ่านประตูที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมยิบย่อยอีก อย่างเช่น ด้านในพระราชวัง
และส่วนของอาคารอื่นที่เป็นพิพิธภัณฑ์
 ส่วนในฤดูหนาวจะไม่มีน้ำพุเปิดให้ดูค่ะ



ทางเดินเข้าสวน จะเห็นที่ตั้งของพระราชวังที่หันหน้าออกสู่ทะเลบอลติก


Sea canal คลองที่ขุดเชื่อมต่อกับทะเล


ป้ายเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังมิจฉาชีพล้วงกระเป๋า  


รูปปั้นสีบรอนซ์ที่เรียงรายกันอยู่บนเนินหน้าพระราชวัง เอ๊ะ ๆ ...ไหนน้ำพุ?


มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ยืนรอเก็บรูปกันเพียบเลย แอบตื่นเต้นนะเนี่ยที่จะได้เห็นภาพน้ำพุตอนเปิด



เรื่องช่วงเวลาการเปิดน้ำพุ ให้ลองไปตรวจสอบในเวบไซด์ของทางการก่อนจะดีกว่า
โดยทั่วไปก็คือช่วงกลางเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนตุลาคม และขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

สำหรับช่วงเวลาที่ไปในเอนทรี่นี้คือวันที่ 3 ตุลาคม...แน่นอนว่า ยังเปิดทำการอยู่
และตำแหน่งที่ทุกคนต่างพากันจับจ้องกดภาพก็คือ รูปปั้นแซมซันฉีกปากสิงโต
ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางน้ำด้านล่าง ที่ว่ากันว่าสามารถปล่อยน้ำพุได้สูงกว่า 20 เมตร


รูปปั้นของ แซมซันฉีกปากสิงโตมือเปล่า (เป็นบทบาทที่ยกเรื่องราวมาจาก ผู้วินิจฉัย (The judges)
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม)  สร้างขึ้นเพื่อเป็นเชิงสัญลักษณ์ของรัสเซียที่มีชัยชนะเหนือสวีเดน
ในมหาสงครามเหนือ
(Great Northern War)


แล้วน้ำพุก็ค่อย ๆ ผุดขี้นมาตามจุดปล่อย เมื่อถึงเวลา 


เหล่ารูปปั้นสีบรอนซ์ที่ดูมีชีวิตชีวาหลังจากได้ยืนอยู่ท่ามกลางสายน้ำ



รูปปั้น เพอร์ซิอุสตัดศีรษะเมดูซ่า 


ไม่รู้จักรูปปั้นนี้ว่าเป็นตัวแทนจากเรื่องราวไหน


ภาพแซมสันฉีกปากสิงโต กับความสูงของน้ำพุ (ช่วงนี้อาจจะไม่ได้เปิดให้พุ่งในระดับสูงสุด)


เหล่ารูปปั้นกับน้ำพุที่มุมย้อนแสง 


เมื่อได้เวลาเปิดน้ำพุให้ได้ชมกัน จะมีการเปิดเพลงบรรเลงคลอขึ้นมาก่อน - จำไม่
ได้หรอกนะว่าเป็นเพลงอะไร (ถ้าเป็นแบบบ้านเราก็น่าจะเป็นมหาฤกษ์ล่ะมั้ง 55) 
แล้วจากนั้นน้ำพุสายต่าง ๆ ก็จะเริ่มไหลออกมาอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะเปิดพุ่งแบบ
เต็มแรง ช่วงนั้นใครที่ถือกล้องเตรียมไว้ก็พากันกดภาพระรัว ส่วนคนที่มายืนชม
แบบมือว่างอยู่ก็จะพากันปรบมือเพื่อต้อนรับการเปิดแสดงค่ะ  


นอกเหนือไปจากความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมของตัวพระราชวังแล้ว เรื่องของ
'น้ำพุ' ที่ปีเตอร์ฮอฟแห่งนี้ก็เป็นที่เลื่องลือไม่แพ้กันเพราะถือว่าเป็นงานสร้างที่น่า
ทึ่งมาก ๆ ในยุคโน้น เพราะน้ำพุที่เปิดนั้นไม่ได้ใช้ตัวปั๊ม แต่อาศัยแรงดันจากกลไก
ทางธรรมชาติ  ส่วนในบริเวณอื่นก็จะยังมีจุดปล่อยน้ำพุน้อยใหญ่ทั่วไปหมดนับ
ร้อยกว่าจุด มองดู
แล้วก็น่าจะเหมาะกับการมาเยือนในช่วงหน้าร้อนมาก ๆ

แต่การมาเยือนผิดฤดูแบบนี้ทำให้ตัวเองไม่ค่อยอยากเข้าใกล้น้ำพุสักเท่าไหร่
ช่วงนั้นอากาศเริ่มเย็นแล้ว ได้เจอละออองน้ำกับลมแรงนานเข้าเดี๋ยวหวัดจะกิน

ฮัดชิ้ววว !!!






ใบไม้เปลี่ยนสีช่วงต้นเดือนตุลาคม (2013)



พระราชวังบนเนินสูง จะเห็นว่าค่อนข้างมีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับพื้นที่สำหรับสวนและลานน้ำพุ



ชายหญิงในชุดโบราณ น่าจะแต่งตัวเลียนแบบซาร์ปีเตอร์มหาราช และพระนางแคทเธอรีน  
เดินตระเวณไปมาอยู่แถวหน้าพระราชวังเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับนักท่องเที่ยว (ไม่รู้ค่าตัวเท่าไหร่) 


จากภาพที่เห็น จะมีใครคิดบ้างมั้ยว่าทำไมตัวพระราชวัง รูปปั้น และอื่น ๆ ถึงดู
ใหม่เอี่ยมข้ามกาลเวลาเสียขนาดนี้? นั่นก็เพราะที่นี่ได้ถูกบรูณะซ่อมแซม ไม่ก็
ต้องจำลองของเดิมแทนส่วนที่โดนขโมยหรือทำลายไปในช่วงสงคราม ที่ถูก
กองทัพนาซี
บุกยึดในระยะหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ได้เห็นในปัจจุบันจึงไม่ใช่ของของเก่า
แก่ทั้งหมดค่ะ


ส่วนพื้นที่ภายในพระราชวังฉันไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชม แต่สำหรับผู้ที่สนใจที่จะ
เข้าไปชมโดยเฉพาะคนไทย ตรงบริเวณห้อง White hall ยังคงมีของใช้ส่วน
พระองค์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ 
(รัชกาลที่ 5) เก็บเอาไว้ เมื่อครั้ง
เสด็จเยือนประเทศรัสเซียเมื่อปี ค.ศ. 1897 
(พ.ศ. 2440)  ขณะที่มาประทับ ณ
พระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ ก็นับว่าเป็นเครื่อง
ยืนยันความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสอง
ประเทศที่มีมาช้านานตั้งแต่ในอดีต 



......



ภาพจากมุมอื่น ๆ ในสวนตอนล่าง 



สองสาวกำลังยืนถ่ายรูปกันที่จุดปล่อยน้ำพุอีกแห่ง 



น้ำพุกลางสวน



รูปปั้นของซาร์ปีเตอร์มหาราช ส่วนฉากที่เห็นอยู่ไกล ๆ คือจุดปล่อยน้ำที่ไหลจากที่สูงลงมา
มองดูแล้วเหมือนกับน้ำตก 



นี่ก็...ซาร์ปีเตอร์ฯ ทรงสมาร์ทโฟน (เข้าใจคิดเนอะ) เห็นป้ายนี้แล้วเราก็ทึกทักไปว่า
ที่ ปีเตอร์ฮอฟ คงมีสัญญาณ wifi พอกดเช็คดูแล้วก็พบว่ามีจริง ๆ ซะด้วยสิ  


นี่ก็น้ำพุ (นับด้วยมั้ย)



ศาลานั่งพักสำหรับจิบกาแฟ รับประทานอาหารว่างมื้อเล็ก ๆ ที่พอจะมีขายในนี้



เด็กรัสเซียที่หน้าร้านขายไอศกรีม ฉันเองก็มายืนรอซื้อพายพร้อม ๆ กับน้อง แต่ก็ต้องมายืนเซ็งเป็ด
กับกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้ใหญ่กลุ่มนี้ที่ยืนมะรุมมะตุ้มกันอยู่ด้านในอย่างไม่รู้ระเบียบ จนน้องเขาถอดใจ
หันไปมองแม่เหมือนว่าไม่อยากยืนรอตรงนี้แล้ว 




สวนดอกไม้ในฤดูนี้ก็มีแค่นี้แหละ (ข่าวว่าช่วงหน้าร้อนจะเป็นทิวลิป)



มุมวางรูปปั้นในสวน



ศาลาริมน้ำอีกแห่ง จำไม่ได้ว่าเป็นอะไร


กระรอกในสวน


แนวต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นทรงกลมที่เนินหญ้า ถ้าหากเดินขึ้นถัดไปจากตรงนี้ก็คือชายฝั่งทะเล



ริมทะเลบอลติก ลมแรงมาก ๆ ในช่วงนั้น...ดูเวิ้งว้างดี



อีกมุมหนึ่งของชายฝั่งทะเล ส่วนแผ่นดินฟากตรงข้ามก็คือประเทศฟินแลนด์นั่นเอง
อยู่ใกล้แค่นี้เองเนอะ...แต่ไม่ได้ทำวีซ่าเผื่อไว้ก็อด (ยืนมองดูด้วยตาปริบ ๆ)


ฉันใช้เวลาอยู่ในสวนนานเกือบครึ่งวันถ้าไม่หนีเมฆดำที่กำลังทำท่าจะคลุมท้องฟ้า
ช่วงบ่ายแก่ ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่นานกว่านี้แหง... เป็นอันสรุปว่า ขากลับหนนี้ฉันไม่
ได้นั่งเรือกลับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่เลือกที่จะนั่งรถเมล์แทนเผื่อว่าจะได้เห็นบ้าน
เมืองและการจราจรบนท้องถนนของที่นี่ไปด้วย
(เป็นข้ออ้างที่ดีงามเนอะ)




พื้นที่ของสวนตอนบนด้านหลังพระราชวัง หากใครที่เดินทางมาด้วยรถก็จะมาถึงยังจุดนี้ก่อน 



ซึ่งก็ต้องเดินออกมายังสวนตอนบน (upper garden) เพื่อตรงไปยังถนนและรอรถ

ประจำทางกลับ และเนื่องจากที่ฉันไม่ได้นั่งรถมายังปีเตอร์ฮอฟตั้งแต่ต้น ก็แอบมี
เบลอ ๆ หลงขึ้นรถตู้ (Marshrutky) ผิดฝั่ง แต่ดีที่กระเป๋ารถเดินมาเก็บตังค์และ
ถามก่อน
เลี้ยวเข้าซอย  เลยได้ความว่าไม่ได้ผ่านเมโทร Avtovo อย่างที่เข้าใจ

ฉันจึง
ต้องข้ามมาอีกฟากถนนเพื่อรอรถคันถัดไป มาถึงตอนนี้ก็จำไม่ได้แล้วนะว่า
ฝั่งไหน
ของถนนที่รถจะวิ่งไปถึงเมโทรดังกล่าวได้  เป็นอันว่าถึงช่วงขากลับ
จาก
ปีเตอร์ฮอฟ คราวนี้อาจจะดูทุลักทุเลกว่าเดินทางด้วยเรือก็ตาม อย่างน้อย
มันก็ยัง
ทำให้ฉันได้มีโอกาสเห็นโบสถ์ออโธดอกซ์แห่งหนึ่ง ตั้งเยื้องอยู่ที่ฝั่ง
ตรงข้ามไม่
ไกลไปจากสวนตอนบนนัก

รูปทรงดูคล้ายกับ St. Basil ที่มอสโก นิด ๆ แต่ดูมีสีสันที่หวานกว่ามาก




ลองมาค้นชื่อดูภายหลังเลยเพิ่งรู้ว่าชื่อ St. Peter and Paul เช่นเดียวกับที่เห็นตรงเกาะแฮร์
(Hare Island) ไม่รู้ว่าทำไมถึงใช้ชื่อซ้ำกันไปมาเช่นนี้  


การเดินทางกลับด้วยรถเมล์ก็มีเรื่องยุ่งเล็กน้อย และเสียดายที่ไม่มีรูปถ่ายข้างทาง
เหมือนกัน  หลังจากที่ขึ้นรถถูกฝั่งแล้ว ก็ต้องยืนบนรถอยู่ครู่หนึ่ง เพราะช่วงนั้น
ใกล้เวลาเย็นคนเลยเยอะ และยังต้องใช้ความพยายามถามค่า
โดยสารกับคุณป้า
กระเป๋ารถเมล์ ที่บอกเรามาเป็นภาษารัสเซีย ก็
ฟังไม่ออก...ให้ทำมือนับเลขป้าก็
ไม่เล่นด้วย  โอ กว่าจะทำความเข้าใจได้ว่า 35 รูเบิ้ล และมีที่นั่ง รถก็พาวิ่งเข้า
เมืองไปไกลเรียบร้อยแล้วจ้า  (^__^')






" อื่น ๆ "

- ในส่วนของพระราชวัง (Grand Palace) 
ปิดทำการทุกวันจันทร์ และวันอังคารสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

รายละเอียดอื่น ๆ และข้อมูลปัจจุบันตรวจสอบที่ :
https://en.peterhofmuseum.ru/plan-a-visit

- Peterhof หรือ Petergof (Петерго́ф ) เป็นคำที่หยิบยืมมาจากภาษาเยอรมันอีกตามเคย
แต่พอถึงในช่วงสงครามที่มีการต่อต้านเยอรมนี การเรียกชื่อของพระราชวังฤดูร้อนก็ได้ถูกเปลี่ยน
ไปเป็น Petrodvorets (Петродворец) ซึ่งหมายถึง วังของซาร์ปีเตอร์ฯ ในช่วงปี ค.ศ. 1944-1977

ขากลับ

- รถโดยสารที่จะไปลงเมโทร Avtovo 
สาย K-300, K-424 และ 200,210 หรือหากจำไม่ได้
ก็ให้มองจากป้ายข้างรถที่เขียนว่า 
Автово และขึ้นให้ถูกฝั่งเป็นพอ

ค่ารถประจำทางาก Peterhof - Metro Avtovo : 35 รูเบิ้ล
รถไฟใต้ดิน สถานี Avtovo - Admiralteyskaya : 28 รูเบิ้ล 

พอเทียบกับทางเรือแล้ว....ช่างเป็นค่าเดินทางที่ถูกมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ






Create Date : 12 ตุลาคม 2561
Last Update : 15 ตุลาคม 2561 11:39:32 น. 15 comments
Counter : 2782 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณโอพีย์, คุณSweet_pills, คุณtoor36, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณKavanich96, คุณJinnyTent, คุณRain_sk


 
อ่านถึงเปิดน้ำพุแล้วมีเพลง..เมืองไทยเราก็มีนะคะ
น้ำพุหน้าสวน สิริกิต ใกล้ๆสถานนีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์
มีเพลงบรรเลง น้ำพุออกมาเป็นสีหลายสีด้วยหากจำไม่ผิด
แต่คงไม่อลังการสู้ที่นี้ของรัสเซียไม่ได้คะ


โดย: โอพีย์ วันที่: 14 ตุลาคม 2561 เวลา:5:10:11 น.  

 
ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนพระราช Peterhof สวยสดชื่นมากค่ะน้องฟ้า
น้ำพุกับรูปปั้นสีทองสวยสมการรอชมนะคะ มีเพลงบรรเลงประกอบยิ่งเพิ่มความเพลิดเพลิน
ทึ่งในความคิดและการก่อสร้างของคนสมัยก่อนด้วยค่ะ
กับน้ำพุที่อาศัยแรงดันจากกลไกธรรมชาติ

ป้ายซาร์ปีเตอร์มหาราชทรงถือสมาร์ทโฟนที่สื่อถึงการมี wifi
ร่วมสมัยมากค่ะ

ทำเลพระราชวังติดทะเลด้วย สวยสงบมาก
ขอบคุณน้องฟ้าที่พาเที่ยวนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 15 ตุลาคม 2561 เวลา:10:35:16 น.  

 
@โอพีย์ : เพลงเปิดแค่ตอนปล่อยน้ำพุครู่เดียวเองค่ะ
หลังจากนี้ก็ไม่มีมโหรีอะไรแล้ว 555
ยังไม่เคยไปดูน้ำพุที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
เลย เดี๋ยวคงต้องหาโอกาสไปดูบ้าง


....

@Sweet_pills : ไม่คิดว่าที่ตั้งของวังจะติดทะเลแบบนี้เลยค่ะพี่ต๋า
ดูสร้างแล้วเหมาะกับฤดูร้อนจริง (น่าจัดเล่นสงกรานต์ในนั้น อิอิ)


โดย: กาบริเอล วันที่: 15 ตุลาคม 2561 เวลา:14:53:05 น.  

 
บางครั้งการเดินทางแบบตั๋วไปกลับถึงมันจะถูกกว่าก็จริง แต่มันก็ผูกมัดเราเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เคร่งเรื่องงบประมาณซื้อขาเดียวก่อนแบบนี้ก็เป็นเรื่องดีครับ

ที่ไหนคนเยอะที่นั่นก็ย่อมมีโจรเยอะเป็นธรรมดาถึงขนาดมีป้ายบอกไว้เลย แต่ป้ายเค้าก็ดูน่ารักดีนะ

ข้างนอกนี่ดูสวยจริงๆ ดูหรูหราสมเป็นพระราชวังของเค้าล่ะครับ สวนเขาดูร่มรื่นดี มีเจอเจ้าถิ่นด้วย

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอีกทีจ้า วันนี้หมด แหะๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 ตุลาคม 2561 เวลา:20:48:00 น.  

 
ค่าเรือแพงทีเดียวค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 16 ตุลาคม 2561 เวลา:13:07:56 น.  

 
ตอนเช้าถึงท้องฟ้าโปร่งแต่ภาพมัวดูอะไรก็ไม่ค่อยชัดเลย สงสัยเป็นเพราะหมอก
พอสาย ๆ แดดจ้าค่อยเห็นความสวยงามของน้ำพุหน่อย ไม่งั้นมาเสียเที่ยวแย่เลย ><
(แต่รูปหล่อบรอนซ์รูปนั้นดูไม่ออกจริง ๆ ว่ามันคือตัวอะไร ^^")

ธงสัญลักษณ์สำหรับการเดินเรือนั่นพอรู้จักอยู่บ้าง (รู้จักจากการ์ตูนเรื่องหนึ่งน่ะ)
แต่จำสัญลักษณ์ตัวอักษรอะไรแทบไม่ได้เลย จำได้แค่ว่าเค้าออกแบบมาแบบว่า
เวลาคนเห็นธงกลับด้าน (เนื่องจากลมพัด) ก็ยังรู้ว่าเป็นตัวอักษรอะไร ^^


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 18 ตุลาคม 2561 เวลา:23:12:18 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 19 ตุลาคม 2561 เวลา:3:11:28 น.  

 
ฟ้าจะกลับเข้าบล็อกอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์
ช่วงนี้จะเข้าบล็อกแบบนานทีปีหนและตอบช้ามาก ๆ
ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยือนของเพื่อนบล็อกทุกคนด้วยค่ะ

--------------------------------------

@ toor36 : อยากเห็นวิวนอกเมืองด้วยแหละ ไหน ๆ ก็ออกมาแล้วเนอะ ชอบบรรยากาศสวนของที่นี่มาก มีกระรอกเยอะด้วย

@ tuk-tuk@korat : ได้เห็นรอยเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำเนวา
กับทะเลบอลติก ก็คุ้มแล้วน้อพี่ตุ๊ก...อยู่ที่นี่เป็นเมืองสุดท้าย
เลยไม่ค่อยคิดนานเท่าที่อื่น 555

@ ทุเรียนกวน ป่วนรัก : เย้ยย....เช้านั้นหมอกไม่ลงนะฮะ
แค่กระจกบนเรือไม่ใสกิ๊งเท่านั้น จะออกไปยืนกร่างเก็บภาพ
ข้างกราบเรือด้านนอกท้าลมหนาว ๆ ก็คงไม่ไหว

@ Kavanich : ขอบคุณค่ะ


โดย: กาบริเอล วันที่: 19 ตุลาคม 2561 เวลา:11:30:33 น.  

 
สวยงามจริงๆจ้า


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 19 ตุลาคม 2561 เวลา:21:07:36 น.  

 
ขอบคุณน้องฟ้าที่แวะเที่ยวกับพี่ต๋านะคะ
เรือนไทยปลูกแบบขยายให้ลูกหลานอยู่ด้วยกัน
วิถีชีวิตสมัยก่อนอบอุ่นดีนะคะ

ขอบคุณน้องฟ้าสำหรับกำลังใจ
นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 21 ตุลาคม 2561 เวลา:22:09:11 น.  

 
สวัสดีค่า

ดีใจได้เจอทาสหนามอีกคนแล้ว อิอิ
ยิมโนเลี้ยงง่ายค่ะ ลืม ๆ แป๊บเดียว ให้ดอกได้เรื่อย ๆ
และบานนานด้วยค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปที่บล็อกนะคะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 23 ตุลาคม 2561 เวลา:22:16:13 น.  

 
สวย ๆ ค่ะ ดูภาพเพลินเลย
เข้าใจอารมณ์ตอนรอดูน้ำพุเลย
ยกกล้องแชะ ๆ กันสนั่นเลย อารมณ์ร่วมกับ นทท.คนอื่นด้วย
น้ำพุแต่ละที่ก็อารมณ์คนละแบบนะคะ
สวยงามแปลกตาต่างกัน แต่สวยทุกที่

ม่อน หมายถึง ภูเขา / ดอย นั่นแหละค่ะ
บางคนก็เรียกเป็นดอย บางคนก็เรียกเป็นม่อน
แล้วแต่ภาษาท้องถิ่น

แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่า
ม่อนน่าจะเป็นดอยลูกเล็กกว่าดอย
เออ แต่ก็สูงอยู่นะ 555

หายไปนานเลยนะคะคุณฟ้า
ไม่ค่อยได้ทักทายกัน สบายดีน๊า
ไว้มาตามเที่ยวในโอกาสหน้าค่า


โดย: JinnyTent วันที่: 24 ตุลาคม 2561 เวลา:14:01:37 น.  

 
อากาศแจ่มใส ฟ้าสีสวยเลย


โดย: ลุงแมว IP: 203.113.0.234 วันที่: 24 ตุลาคม 2561 เวลา:16:11:49 น.  

 
สวยจังค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 26 ตุลาคม 2561 เวลา:8:39:06 น.  

 
เก่งมั้กๆมากหลานสาวฟ้ากาบริเอล
อายุลุงแอ็ดอยู่จนมาถึงวันนี้ เสียดายที่ได้แต่"ฝัน"ยังไม่เคยมาสัมผัสเมื่องที่มีตำนานเล่าขาน เช่น แซมสันฉีกปากสิงค์โต ฯลฯ ลุงเคยชมหนังฝรั่ง....

ถ้าลุงแอ็ด เกิดไดัรับความไว้วางใจ จากเพื่อนฯ ที่ลุงแอ็ดส่งสารไป ลุงคงมีความสุขใจยิ่งนัก ที่จะมีเพื่อน จะได้ขอติดตามตามเธอไป(ไปใหน?ฯลฯไปด้วยกัน)...
ลุงแอ็ดเป็นผู้หนึ่ง ที่ชอบบันทึกความทรงจำฯลฯเอาไว้ เอามาไว้ชม...มันมีความสุขใจ ในทุกครั้งที่ได้ย้อนกลับมาชมอีกฯ....,

ลุงแอ็ดตนนี้ เป็นลูกชาวน้ำ ชอบนั่งเรือเป็นชีวิตจิตใจ แต่เรือที่หลานฟ้าไปนั่งมา ลุงแอ็ด"คิดนึกในใจ"อดตื่นเต้นมากๆไม่ได้ ประดุจดังเด็กบ้านนอกเข้ากรุงฉนั้น(ปี2506),

เมื่อได้พบ วิถีชีวิตของชาวเมืองต่างถิ่น(นั่งรถเมล์สาธารณะ)นอกจากจะประหยัดตังแล้ว ยังได้รับบรรยากาศ ที่แปลกไปจากสังคมที่ตนอยู่ น้อยนามนัก ที่นักท่องโลกกว้างจะได้ไปสัมผัส,


โดย: ธนู ลุงแอ็ดชวนเที่ยว (สมาชิกหมายเลข 4365762 ) วันที่: 23 มกราคม 2562 เวลา:23:07:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.