! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2563
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
 
20 กุมภาพันธ์ 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 10 : หักหลัง


ขอบคุณภาพปกนิยาย จากคุณ ApitarN ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

            ฮัน รองหัวหน้า หรืออีกนัยหนึ่ง ผู้รักษาการแห่งกลุ่มราชาสีขาว กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากศัตรูผู้คุกคามรายใหม่  เบื้องหน้าของตนคือชายร่างใหญ่ ผู้เปี่ยมไปด้วยความอหังการ ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าอาคารซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพวกตน  พร้อมด้วยร่างของเชลยที่ทำให้ฮันต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ  ไม่เพียงแค่หนึ่งแต่มีถึงสามคนที่ตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย 

            เป็นใครก็ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ  เมื่อมองเห็นพรรคพวกของตนตกอยู่ในสภาพเนื้อตัวแตกยับ ลักษณะคล้ายถูกซ้อมจนเกือบปางตาย  ภาพที่เห็นแสดงถึงการลงมือเอาจริง รวมถึงความอำมหิตของราชาวิปลาสได้เป็นอย่างดี

            ราชาสีขาวที่ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ ยังไม่รู้เรื่องนี้  เพราะฮันคิดเอาเองว่า เขาสามารถจัดการได้..
 

            “เอาคนมาแลกคน  ให้สามคนเลย แต่กูขอแค่คนเดียว  ผู้หญิงที่มีทีเซลล์อยู่ไหน”  

            สิงโตประกาศกร้าวออกมาตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม  ในตอนนี้ แม้จำนวนคนฝั่งฮันจะมีมากกว่า  หากแต่ความรู้สึกกดดันนั้นกลับมาอยู่ที่อีกข้าง  รังสีความน่าสะพรึงแผ่ออกจากตัวคนร่างใหญ่ และนั่นยิ่งทำให้ชายคนดังกล่าว แลดูน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงแก่ทุกสายตา

            “ตอนนี้ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”  

            ไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิด ในเมื่อต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่า อีกฝ่ายต้องการอะไร  เพราะการที่ราชาวิปลาสพาพวกบุกมาถึงที่มั่นแห่งนี้  อาจสร้างอันตรายอย่างใหญ่หลวง ให้เกิดแก่ฆีมษ์ผู้กำลังพักฟื้นตัวได้

            “เหอๆ  น่าเสียดาย  งั้นก็ไปตามตัวมาให้กูหน่อยสิ”  ราชาวิปลาสพูดราวกับต้องการให้ได้ดั่งใจ บัดเดี๋ยวนั้น  “หรือจะยืนดูไอ้สามตัวนี่ โดนฆ่าตายก็ได้นะ”

            “แกทำแบบนี้ทำไม!”  
            ฮันกัดกรามกรอด  รู้สึกเคืองแค้น เมื่อตกอยู่ในฐานะที่ไม่อาจตอบโต้กลับได้

            “ส่งตัวผู้หญิงคนที่มีทีเซลล์มา  แล้วก็อย่าเล่นตุกติกกะกูเด็ดขาด ไม่งั้นกูจะเผาให้วอดทั้งรังเลย”
            “ก็บอกแล้วไงว่า เธอไม่ได้อยู่ที่นี่  ขอเวลาหน่อย”  ฮันต่อรอง ขอยืดเวลาเพื่อหาทางออกให้กับเรื่องนี้
            “ให้เวลาสามชั่วโมง  เอ้า! เวลาเดินแล้วนะโว้ย  เดี๋ยวกูจะกลับมาอีกรอบ  ยื่นหมูยื่นแมวกัน  ถ้าอยากช่วยเพื่อนก็เอาตัวผู้หญิงมา  ไม่งั้น ไอ้สามตัวนี้ตาย คงไม่เก็บไว้ทำเพื่อนกูหรอก”  

            ราชาวิปลาสแสยะยิ้ม ก่อนหมุนตัวหันหลังกลับ  ร้องสั่งลูกสมุนที่พามาด้วยสี่ห้าคน ให้เข้ามาช่วยกันหามเชลยทั้งสาม เอากลับไปเป็นตัวประกัน  สิงโตผินหน้ามาทางฮัน ส่งสายตาเย็นชาทิ้งท้าย  

            “คำว่า ฆ่า ก็คือ ทำให้ไม่มีชีวิตอีกต่อไป  มันง่ายนิดเดียว  ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที  เหอะๆ”
 

            เสียงหัวเราะบาดหูจางหายไป  พร้อมกับกลุ่มของราชาวิปลาสที่ถอยกลับไป จากหน้าฐานทัพที่มั่นของสังกัดราชาสีขาวเพียงชั่วคราว  ความรู้สึกของการถูกศัตรูบุกมาหยามหยันถึงถิ่น สร้างความโกรธแค้นเสมือนผึ้งถูกตีรัง  โลหิตในกายสูบฉีดแรงจนเนื้อตัวเต้นเร่า  บรรดาเหล่าสมาชิกกลุ่มราชาสีขาวต่างถูกแรงโทสะปลุกเร้า ให้มุ่งความคิดไปที่การรบราฆ่าฟัน

            ไม่เคยมีใครกล้าบุกมาเขย่ารังพวกเขาเช่นนี้มาก่อน  ดังนั้น ฮันจึงต้องรีบแก้ไขสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด โดยมีเส้นตายที่ขีดไว้ในเวลาเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้น

 
            “ไม่ต้องไปกลัวพวกมันหรอก  เรายกไปให้หมดนี่แหละ  มันไม่ตายก็ให้รู้กันไป”
            “ใช่ เราต้องสู้!”

            ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นในทันที  เมื่อมีเสียงหนึ่งประกาศก้องปลุกระดมขึ้นมา  จากนั้น จึงตามมาด้วยเสียงสนับสนุนอันเซ็งแซ่ของคนหมู่มาก

            “คุณธีราเป็นพวกของเรา  เราก็ต้องปกป้องพวกพ้องของเรา  ใช่ไหม!”
            “ใช่ เราต้องปกป้องพวกของเรา!”

            “แล้วเพื่อนของเราสามคนนั้นล่ะ ใครจะปกป้องพวกเขา”

            พลันเสียงแหลมเล็กของสตรีนางหนึ่ง ดังทะลุผ่าขึ้นกลางวง  คลื่นมวลชนกว่าสามสิบชีวิตในที่แห่งนั้นก็เงียบเสียงลงทันที  ฮันนี่ก้าวออกมายืนต่อหน้าทุกคน พร้อมกับกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ทุกคนต้องตระหนัก

            “คิดให้ดีก่อนสิ  พี่น้องทุกคน  อย่าเพิ่งวู่วาม  ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข  จะเลวร้ายมากหรือน้อยสักแค่ไหน ก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีเสียก่อน  ทีก่อนหน้านี้  ตอนที่พี่ฆีมษ์ถูกทำร้ายเกือบตาย  ยังไม่เห็นคิดที่จะยกกันไปแก้แค้นเลย”

            คำพูดประชดประชันอ้างอิงไปถึงธีราอย่างจงใจ  ฮันนี่ใช้การเปรียบเทียบ ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงน้ำหนักที่แตกต่างกันขึ้นมา  ถึงแม้ตอนนี้ พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย แต่มันก็ช่างประจวบเหมาะพอดี ที่น้องสาวของฮันจะถือโอกาสนี้ จัดการศัตรูหัวใจให้หลุดพ้นไปจากวงโคจรของฆีมษ์

            “อย่าลืมที่เราเคยปฏิญาณกันเอาไว้  แม้ชีวิตก็สละได้เพื่อราชาสีขาว  ถ้าคุณธีราเป็นพวกพ้องของเรา  เธอก็คงเต็มใจที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อพวกเราอย่างแน่นอน  เพราะชีวิตใหม่ที่เธอได้รับเหมือนกับทุกคนที่นี่  ก็มาจากบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือ พี่ฆีมษ์  จริงไหมคะ ทุกคน..”

            หากจะมีใครสามารถปักไม้ลง ท่ามกลางกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากได้  ก็คงมีแต่สองพี่น้องผู้มีวาทะศิลป์อันเป็นเลิศคู่นี้  ฮันสามารถใช้วาจาโน้มน้าวจิตใจคน ให้โอนอ่อนผ่อนตามได้ไม่ยาก  ในขณะที่ฮันนี่สามารถใช้ความคิดอันลึกซึ้งเกินคาด ยกเหตุผลขึ้นมาประกอบคำพูดให้คล้อยตามได้

            และตราบเท่าที่คนเรายังมองกันและกัน ด้วยสายตาที่มีกิเลสตัณหา  คำพูดจากปากหญิงสาวผู้สวยน่ารักราวกับตุ๊กตา ย่อมน่าฟังและน่าเชื่อถือมากไปกว่ายามปกติอีกด้วย

            เมื่อเห็นสมาชิกคนอื่นๆ เริ่มสงบลง และเข้าสู่ภาวะพร้อมรับการชี้นำ  ฮันนี่จึงดึงพี่ชายไปพูดคุยกันตามลำพังตรงมุมหนึ่ง

            “พี่.. คิดได้หรือยัง ว่าจะทำยังไงต่อไป  ฉันว่ายอมแลกกับมันไปเถอะ เอาสามคนนั้นคืนมา”
            “แต่คุณธีราก็สำคัญ  ความสามารถของเธอเผยออกมาแล้วนะ  ผู้หญิงคนนั้นยังทำประโยชน์ให้พวกเราได้อีกมาก”

            “ก็ทำไปแล้วไง  ประโยชน์ของแม่นั่น ก็คือ รักษาพี่ฆีมษ์  ตอนนี้ เราได้ความหวังกลับคืนมาแล้ว แม่นั่นก็หมดความจำเป็นแล้ว  ถ้าหากผู้หญิงคนนั้น เป็นคนที่ใครต่อใครต้องการตัวนักหนา  ยังไงหล่อนก็คงไม่มีทางตายหรอก  พี่คะ อย่าลืมสิว่า..สิ่งที่ทุกคนต้องการจากหล่อน ไม่ใช่ชีวิตหรือร่างกาย  แต่เป็นทีเซลล์ของหล่อนต่างหากล่ะ”

            ฮันเถียงน้องสาวไม่ออก  ฮันนี่พูดถูกทุกคำ  เพราะหากปราศจากทีเซลล์แล้ว ผู้หญิงธรรมดาอย่างธีราก็ไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างจากคนทั่วไป  คงไม่มีความสำคัญอะไร ให้ใครต่อใครมาแย่งชิงตัวกันแบบนี้

            “แล้วเราจะบอก.. ฆีมษ์ยังไง กับเรื่องนี้”   

            ฮันนี่คลี่ยิ้มอย่างสมใจ  เมื่อประโยคนี้ของพี่ชาย หมายถึงโอนอ่อนผ่อนตาม ยอมทำตามคำแนะนำของตนในที่สุด

            “พี่ไม่ต้องกังวลหรอก  ฉันจะเป็นคนอธิบายกับพี่ฆีมษ์เอง  พี่ฆีมษ์เป็นคนรักพวกพ้อง เขาจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน  เหลือเวลาไม่มากแล้ว  พี่รีบไปจัดการเรื่องแม่นั่นให้เรียบร้อยเถอะ  น้องเชื่อในตัวพี่  พี่เป็นคนเดียวที่พวกเราพึ่งพาได้ ในตอนนี้นะคะ”

            แววตาเชื่อมั่นเพิ่มกำลังใจให้แก่ฮัน  เพราะสายตาของน้องสาวผู้นี้ มีไว้ให้เพียงแค่ตนและฆีมษ์  เพียงสองคนในโลกนี้เท่านั้น
 

            ฮันก้าวออกจากตึกสีขาวด้วยจิตใจที่ไม่สะอาด  แรกเริ่มเดิมที พวกเขา ‘ค้นพบ’ ผู้หญิงคนเดียวที่ติดเชื้อจากเหตุบังเอิญ  เมื่อมาถึงเวลาวิกฤตนี้  ก็จำเป็นที่จะต้อง ‘แลกเปลี่ยน’ ตัวเธอไป  หลังจากได้รับผลประโยชน์จากตัวผู้หญิงคนนี้ จนพอเพียงแล้วในระดับหนึ่ง

            ตามจริงแล้ว  พวกเขาไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย  เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ  คนที่จ่ายแทนตัวเองและคนอื่นมาโดยตลอด นั่นก็คือธีรา  หญิงสาวผู้ถูกชะตาผลักลงมา ให้เวียนว่ายในทะเลเลือดอันไร้ขอบฝั่ง  ทั้งยังมีฝูงฉลามคอยหาโอกาสโฉบเข้าใกล้ เพื่อหวังแทะกินเนื้ออยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

            ผู้หญิงคนนั้นจะให้อภัยไหม  หากต้องมารับรู้เอาภายหลังว่า ตัวเองได้ถูกทรยศหักหลัง เพื่อช่วยชีวิตคนอื่นที่ยังไม่ได้รู้จักกันดี เสียด้วยซ้ำ...
 
 

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
 


            เจ็ดโมงเช้าเป็นเวลาแห่งการผจญภัยบนท้องถนน สำหรับคนที่ต้องดิ้นรนไปศึกษาเล่าเรียนหรือทำงาน  แต่สำหรับคนที่ไม่มีภาระใดใดให้ต้องวุ่นวาย  มันก็ยังเป็นยามเช้าที่น่าถวิลหาอยู่บนเตียงอยู่ดี

            ธีรานอนพลิกตัวซ้ายขวา  พยายามปิดกั้นโสตตัวเอง ไม่ให้เสียงรัวเคาะประตูห้อง ทะลุผ่านความฝันเข้ามาปลุกตนให้ตื่น  แต่สุดท้าย เธอก็พ่ายต่อแรงฝ่ามือของผู้บุกรุก  ผู้ซึ่งบุกเข้ามากระหน่ำตีไปตามแขนขาของเธอจนได้  ผู้เป็นแม่ส่งเสียงบ่นลูกสาว พลางส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ  หญิงสาววัยยี่สิบห้าถูกเร่งให้ลุกขึ้นจัดการตัวเองโดยไว  เมื่อได้ยินว่า มีใครบางคนมารอพบอยู่ที่ชั้นล่าง

            ระหว่างแต่งตัว  ธีราไม่อยากนึกคาดเดาเอาเองว่าเป็นผู้ใด  เพราะในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน  เธอก็ไม่อยากที่จะพบเจอด้วยทั้งนั้น

           
            “สวัสดีครับ”

            พอมองเห็นชัดถนัดแก่สายตา  ธีราก็นึกอยากกลับเข้าห้องและล้มตัวลงนอนต่อในบัดดล  เผื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝันร้ายที่ยังไม่สิ้นสุด  อาคันตุกะของยามเช้าปรากฏกาย ในชุดนักศึกษาสุภาพเรียบร้อย  เสื้อขาวแขนยาวกลัดกระดุมทุกเม็ด  ปราศจากเข็มกลัดหรือเครื่องประดับห้อยติดรุงรังเหมือนเคย  แม้ผมยาวสีเทาเข้มก็รวบตึงแน่นเรียบแปล้ แลดูเรียบร้อยผิดหูผิดตา

            คำถามอยู่ตรงที่ว่า  -- พิจิกเข้ามาถึงในบ้านของตนทำไม --
 
            “นายไม่มีสิทธิ์ เข้ามาในบ้านนี้  มาที่นี่ทำไม นายต้องการอะไร”

            คู่ร้างชั่วข้ามวันนั่งเผชิญหน้ากัน อยู่บนเก้าอี้รับแขกฝั่งตรงกันข้าม  สีหน้าของธีราแสดงออกถึงอาการเครียดขึ้งบึ้งตึง  ในขณะที่พิจิกจุดรอยยิ้มพิสุทธิ์ ประดับบนดวงหน้าเกลี้ยงเกลา  แววตาใสซื่อแลดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสา  ทำราวกับไม่ได้ตระหนักเลยว่า ตนคือสาเหตุของอาการระคายของอีกฝ่าย ในตอนนี้

            อันที่จริงแล้ว  พิจิกมาซุ่มรออยู่นานแล้วตั้งแต่เช้ามืด  เขาแค่รอเวลาให้พวกผู้ชายในบ้านนี้ออกไปให้หมดเสียก่อน  แม่ของธีราเปิดประตูต้อนรับเขาด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ  แต่ก็ยอมอนุญาตให้ตนเข้ามานั่งรอข้างใน  เมื่อเขาบอกไปว่า ตนเองเป็นรุ่นน้องแวะมาขอคำปรึกษา เรื่องโครงงานเก่าที่อีกฝ่ายเคยทำเอาไว้  จากนั้น มารดาของธีราก็ขึ้นไปตามตัวลูกสาวที่ชั้นบน  ปล่อยให้แขกแปลกหน้าอย่างเขานั่งรอ พลางลำดับความคิดไปด้วยว่า ควรเริ่มต้นบอกกล่าวเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไรดี..

            ธีรามองสลับไปมา ระหว่างมารดากับชายหนุ่มอันตรายตรงหน้า อย่างอึดอัดใจ

          -- แม่จะรู้ไหมว่า ผู้ชายคนนี้ที่แม่เชิญเข้าบ้าน พาลูกสาวแม่เข้าโรงแรม เมื่อวานนี้เอง --

            โอกาสดีเป็นของพิจิก ที่แม่ของฝ่ายหญิงไม่อยู่ร่วมฟังบทสนทนาด้วย  ทำให้เขาสามารถพูดบอกออกมาตามตรงได้แบบไม่ต้องปิดบัง  ชายหนุ่มขยับเปลี่ยนท่านั่ง  ค้อมตัวลงเล็กน้อย พร้อมกับประสานมือไว้ตรงกลางระหว่างขา  พูดด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจัง

            “ธีรา~ ผมมีเรื่องมาเตือนนะ  เรื่องความปลอดภัยของธีราเอง  ผมรู้มาว่า จะมีคนมาลักพาตัวธีรา ไม่แน่นะ..อาจจะเป็นวันนี้เลยก็ได้  ผมไม่ได้พูดเล่นนะ  เพราะผมอยู่ด้วย ตอนที่พวกมันสั่งงานกัน”

            “จับตัวฉันไปตอนนี้เลยไหมล่ะ แต่ขอลาแม่ กับขอทานข้าวเช้าก่อนก็แล้วกันนะ”  

            หญิงสาวพูดจาประชดประชัน  เสมือนเห็นคำบอกเล่าของอีกฝ่ายเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นขำขัน  ไม่สำเหนียกต่อข่าวสารอันตราย ซึ่งกำลังจะกลายเป็นจริงในอีกไม่ช้า

            “นี่ผมพูดจริงๆ นะ”
            “ยังจะมีอะไรจริง จากปากคนอย่างนายอีกเหรอ”

            พิจิกขมวดคิ้ว  ยกมือกุมขมับข้างหนึ่ง คล้ายมีอาการปวดศีรษะ

           -- นี่ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกัน  เขาจะต่อยให้คว่ำเลย  จะพูดไป ชกไป ให้เจ็บตัวจนหนำใจ จนกว่าจะยอมเข้าใจเลยทีเดียว -- 

            ดวงตาคู่สีเทาเข้มของพิจิก กะพริบมองอีกฝ่าย ด้วยสายตาแสดงความไม่เข้าใจ  ธีราจะตกอยู่ในอันตราย  ถ้าหากเธอไม่ยอมเชื่อในข่าวสารนี้ที่ตนกำลังสื่อเพื่อเตือนภัย

            “งั้นเรามารำลึกความจริงกันสักหน่อยก็ได้  ผมจะพูด  แล้วธีราก็บอกด้วยละกัน ว่าอันไหนมันจริง หรืออันไหนไม่จริง”

            แค่อ่านแววตาก็พอจะรู้แล้วว่า พิจิกกำลังจะย้อนความหลังไปถึงเรื่องอะไร  ด้วยเหตุนี้ ธีราจึงจำเป็นต้องตัดบทเสียแต่ตั้งแต่เนิ่นๆ  เพื่อป้องกันมิให้ความลับอันแปดเปื้อน ลอยเข้าหูมารดา

            “ไม่ต้องหรอก  นายมาเพื่อเตือนแค่นี้ใช่ไหม  ถ้าหวังดีจริงๆ  ทำไมถึงไม่หยุดเสีย ตั้งแต่ตอนที่พวกนายวางแผนกัน..”  พอปรับสติอารมณ์ให้เข้าที่ได้  สติปัญญาก็พลันบังเกิด  หญิงสาวเริ่มคิดตามและไตร่ตรอง  “..เดี๋ยวก่อนนะ  นี่มันบ้าอะไรกัน  ใครวางแผนอะไร  แล้วจะจับตัวฉันไปทำไม เล่าอีกครั้งซิ แล้วอธิบายด้วยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

            ชายหนุ่มจัดการย้ายตัวเองไปนั่งข้างอีกฝ่าย  พิจิกทำทีเป็นกางหนังสือลงบนโต๊ะตรงหน้า  แสร้งทำเหมือนดังว่า ตนเองกำลังขอคำปรึกษา ตามที่ได้บอกกล่าวกับแม่ของธีราไว้ในตอนแรก  เนื่องจากเขาจับความรู้สึกได้ว่า  ผู้สูงวัยกว่ากำลังจับตามองดูเขาอยู่

            “ตอนนี้ พร้อมจะรับฟังแล้วหรือ  ธีรา..ที่รัก~”

            เสียงกระซิบกระซาบใกล้หู สร้างความปั่นป่วนข้างใน  ถึงแม้จะยังเคืองโกรธในตัวของอีกฝ่าย  แต่ธีรารู้ตัวเองดีว่า ในความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้มีความเกลียดเจือปนอยู่เลย ..แม้แต่นิดเดียว
 

            หลังจากพิจิกกลับไป  ธีราก็เริ่มตกสู่ห้วงเหวแห่งอาการวิตกจริต  ตลอดทั้งวัน เมื่อเสียงกริ่งประตูหน้าบ้านดังขึ้นทีไร  หญิงสองวัยผู้อาศัยอยู่ในบ้านพินิจใจ จะมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันขึ้นมาทันที  คนหนึ่งจะรีบกระวีกระวาดเดินอย่างกระฉับกระเฉง เพื่อออกไปต้อนรับขับสู้  ผิดกับอีกคนที่มีอาการหวาดระแวง ในมือกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น เตรียมพร้อมกดโทรออกอยู่ตลอดเวลา

            นางปวีณาไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของบุตรสาวสักเท่าไหร่  นางรู้แค่วันนี้ ธีราหยุดงานอีกแล้ว  และพอพ่อหนุ่มผมยาวคนนั้นกลับไป  ลูกสาวของนางก็มีอาการลอกแลกอยู่ไม่สุข คล้ายกำลังหวาดระแวงอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา แต่เจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นเพราะเหตุใด

            ธีราคอยชะเง้อมองผ่านไหล่แม่ทุกครั้งที่ประตูเปิด  ตอนที่พิจิกบอกให้รีบโทรหา ถ้าหากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นนั้น  เธอยังทำคอแข็ง หน้าเชิดใส่ ไม่ตอบรับความช่วยเหลือดังกล่าวนั้นอยู่เลย  แต่พอเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนบ่าย  ธีราก็ลังเลที่จะกดโทรหาอีกฝ่าย นับได้เกือบสิบรอบแล้วกระมัง

          -- ไม่ว่าใครก็เข้าข่ายน่าสงสัยไปหมด เมื่อใจนึกหวาดระแวงไป ตามคำเตือนของพิจิก --

            คงมีผู้มาเยือนรายล่าสุดนี้ ที่พอทำให้ความกังวลคลายลงไปได้  ธีรารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อคนกลุ่มนี้มาเยือน
 

            “อ้าว! สวัสดีจ้ะ  มาหาธีราหรือจ๊ะ  เข้ามากันก่อนสิ  ฮัน ดนู เชิญจ้ะ”

            เพื่อนอุปโลกน์กลุ่มเดียวที่แม่ของธีรารู้จัก ได้รับการต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี  ฮันทำทีเป็นเดินทางมา เพื่อเชิญชวนธีราให้ไปเยี่ยม และตรวจสอบผลการรักษาฆีมษ์  ธีราลังเลในตอนแรก  แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปตามคำชักชวนดังกล่าว  สตรีผู้มีทีเซลล์แอบแฝงคิดคำนวณในใจ  บางที นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดี  ถ้าได้ไปอยู่ในที่ที่มีกลุ่มคนซึ่งสามารถให้ความคุ้มครองแก่ตนได้  และมันอาจปลอดภัยกว่า สำหรับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยอย่างแม่ของตน

            “ก็ดีเหมือนกัน  ฉันเองก็อยากรู้ว่า เขาดีขึ้นหรือแย่ลง  ได้! ฉันจะไปกับพวกคุณ”

            หญิงสาวตัดสินใจ  โดยไม่รู้เลยว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ตนจะออกจากบ้านไป และไม่มีโอกาสได้หวนคืนกลับมาอีกเลย 
 


 
+++++++++++++++++++++++++++++++

 
 
 
            ราชาวิปลาสหัวเราะร่า  เมื่อตนได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงกำหนดเวลา  และมองเห็นสิ่งที่เขาต้องการได้มาปรากฏอยู่ต่อหน้าตามความประสงค์

            ภายใต้ผิวสีขาวเหลือง  โครงร่างที่บอบบาง แลดูอ้อนแอ้นอ่อนแอนั่นน่ะหรือ  คือร่างที่บรรจุไว้ซึ่งเซลล์มหัศจรรย์  ผู้หญิงคนนี้เองหรือคือบุคคลที่มีความสำคัญ มากเสียจนใครต่อใครต่างหมายมั่นปั้นมือ ต้องการที่จะแย่งชิง...

            สิงโตถามตนเองเป็นเชิงประเมินในใจ  เพราะหากนี่คือ ความคาดหวังที่มีมากเกินไป  ดวงตาซึ่งแสดงออกให้เห็นความหวาดหวั่นนั้น  เหตุใดกัน ถึงเปล่งประกายท้าทายออกมาได้ในคราเดียว

 
            อากาศยามบ่ายร้อนจัดเข้าขั้นระอุ  ฮันเดินนำทุกคนออกมาจากตัวอาคาร  ดนูคนตัวใหญ่คอยยืนซ้อนหลังระวังให้กับฮัน  ตรงกลางคือ ธีรา ผู้ถูกพาตัวมา โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวก่อนหน้า เลยแม้แต่นิดเดียว

            ฝ่ายตรงข้ามคือชายร่างใหญ่  ผิวสีน้ำผึ้ง  ผู้วางท่าเป็นหัวหน้าดีดนิ้วเปาะ  ทันใดก็มีคนหามร่างของชายสามคนซึ่งมีอาการบาดเจ็บหนัก ออกมาวางทิ้งไว้ให้ต่อหน้าของฮัน  มันดูเป็นภาพการแลกเปลี่ยนตรงๆ แบบไร้เล่ห์กลหรือมารยา  ราชาวิปลาสทำใจดี เลือกเป็นฝ่ายคืนคนให้แก่อีกฝ่าย  ก่อนฝ่ายตนจะได้รับสิ่งแลกเปลี่ยนเสียด้วยซ้ำ

            ภาพเหตุการณ์คล้ายคลึงกันเช่นนี้  ธีราเคยเห็นผ่านตามาบ้างจากหนังหรือละคร เลยพอจะจับความเข้าใจได้  แต่ยังไม่ทันที่เธอจะขยับตัวหรือทำอะไร  สายลมก็พัดมาปะทะตัววูบหนึ่ง  ในกระแสสัมผัสนั้นมีทั้งความร้อนจากอุณหภูมิในอากาศ และจากมือของใครคนหนึ่งจากทางด้านหลัง ซึ่งยื่นออกมาจับข้อมือเธอให้พลิกหงายขึ้น  ด้วยมือที่แข็งราวกับคีมเหล็ก

            ธีราทันเห็นวัตถุสีเงินตวัดผ่านสายตาไปชั่วแวบ  จากนั้น ปลายนิ้วชี้ของตนก็ถูกบาด เสียวปลาบ และมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมา  ด้านหลังซึ่งควรจะว่างเปล่า กลับมีแผ่นอกของใครบางคนมารองรับเอาไว้  ตอนที่หงายหลังไปสัมผัสโดนเข้า ด้วยความตกใจและไม่ทันได้ระมัดระวังตัว
 

            “ของแท้  มีจริงๆ ซะด้วย”  

            สิงโตเอ่ยอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นชัดประจักษ์แก่สายตา  เพียงแค่ห้าวินาที  เลือดที่ออกตรงบาดแผลก็หยุดไหล  เนื้อเยื่อสมานตัวอย่างรวดเร็ว  รอยแผลเชื่อมตัวเองปิดสนิท  แม้กระทั่งลายนิ้วมือยังต่อกันชนิดไม่มีคลาดเคลื่อน  มันรวดเร็วถึงขนาดที่ว่า เจ้าของร่างเองนั้นยังไม่ทันจะรู้สึกเจ็บปวด เสียด้วยซ้ำไป

            มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ทั้งรวดเร็ว และแปลกประหลาดเป็นที่สุด  ราชาวิปลาสเข้ามาประชิดตัวธีราตอนไหน  ไม่มีแม้สายตาสักคู่ที่สามารถมองเห็นหรือตามทันได้  เพียงแค่พริบตาเดียว  ร่างของหญิงสาวก็ถูกดึงตัวให้ออกห่างจากกลุ่มของฮัน  ไปยืนอยู่ด้วยกันในอีกฟากฝั่งกับชายแปลกหน้า

            ธีรายืนซวนเซไปมา ทรงตัวไม่อยู่ ด้วยถูกกระชากให้ติดตามมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง  เธอตวัดสายตาแห่งความขุ่นเคือง มองดูคนตรงหน้าอย่างเริ่มมีอารมณ์  แม้ในใจมีความหวั่นกลัวต่อคนตัวใหญ่กว่าก็จริง  แต่ก็เริ่มบังเกิดโทสะที่ถูกก่อกวนอย่างไร้เหตุผล ด้วยเช่นกัน

            “เคืองเรอะ อยากช่วยพวกตัวเอง ก็ต้องเสียสละบ้าง จะเป็นไร”  

            สิงโตปล่อยมือ  พูดจาด้วยคำยียวนที่หญิงสาวยังไม่อาจลุแก่ความเข้าใจ  มีดขาววาววับถูกดีดขึ้นมาถือไว้ในมือกร้านใหญ่นั้นอีกครั้ง

            “พูดอะไรของแก  ฉันไม่รู้เรื่อง!”  

            ธีราพูดพลางกับถอยหลังกรูด เมื่อมองเห็นอาวุธมีคมในมือของอีกฝ่าย  ทว่าในพริบตา อีกฝ่ายก็สะอึกตัวเข้ามาหา ทำท่าเหมือนจะแทงมีดเข้าใส่  หัวใจของหญิงสาวหยุดเต้นไปชั่วขณะ เมื่อความตายกระโจนเข้าใส่ในระยะที่ตนไม่อาจหลบพ้น
 
          “โอ๊ย!”
 
            อาวุธดังกล่าวไม่ได้มีเป้าหมายคือร่างของธีรา  เพราะหญิงสาวถูกสิงโตผลักให้พ้นไปทางหนึ่ง  ภาพที่คนทั้งหมดเห็นนั้นก็คือ ดนู คนตัวใหญ่พุ่งเข้าปะทะกับราชาวิปลาส  หมัดลุ่นๆ แต่เต็มไปด้วยความหนักหน่วงตะบันเข้าเต็มเหนี่ยวตรงปลายคาง  ก่อนที่มีดของราชาวิปลาสจะจ้วงแทงถูกตัว  สิงโตถึงกับล้มทั้งยืนแต่ก็ไม่ถึงกับหลับ  ดนูเกร็งกำลังยกแท่งปูนหนาหนักขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงบริเวณนั้น  เตรียมจะทุ่มใส่ หมายสร้างความเสียหายให้เกิดแก่อีกฝ่ายให้มากที่สุด

            ในฐานะผู้ถูกทำให้ติดเชื้อ  ดนูทำได้ดีที่สุดแล้วในด้านการใช้พละกำลัง  แต่คำว่า ‘ระดับ’ นั้นย่อมมีความแตกต่างให้เห็นอย่างชัดเจน  เพราะในวินาทีที่แท่งปูนถูกทิ้งทุ่มลงมา  ร่างของผู้เป็นราชาก็พลันหายไปจากทุกสายตา  ทั้งที่ความน่าจะเป็นได้คำนวนแล้วว่า  ชายผู้นั้นควรจะยังต้องนั่งมึนอยู่กับที่ ในสภาพมึนงง

            ราชาวิปลาสปรากฏกายอีกครั้ง ทางด้านหลังของดนูราวกับปีศาจ  ตวัดมีดในมือปาดไปมา เพื่อสร้างรอยแผลบนร่างของอีกฝ่าย  รวดเร็วชนิดไร้โลหิตติดปลายคมเสียด้วยซ้ำ  ใบหน้าในยามนี้ แสดงออกถึงความกระหายในการเข่นฆ่า  ดนูผู้กำลังถูกชำแหละทั้งเป็น ไม่ทันจะหมุนตัวหันกลับไปเผชิญหน้า  มีดขาววาววับก็เงื้อขึ้นสุดหล้า เตรียมจะแทงปักลงมา  หมายสังหารให้ดับดิ้นสิ้นไปในทีเดียว

            แล้วธีราก็ตัดสินใจทำ  เหมือนเมื่อครั้งที่ตัวเองเคยทำเพื่อช่วยราชาสีขาว  หญิงสาวเอาตัวเข้าพุ่งชนราชาวิปลาส ผู้ซึ่งกำลังสวมบทบาทฆาตกร จนล้มลงกระแทกพื้นไปด้วยกัน  เธอรีบพลิกตัวขึ้นกดทับบนร่างของศัตรูผู้ร้ายกาจ  ร้องบอกให้คนอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือดนูผู้ล้มคว่ำไป  เธอคว้าเอามีดซึ่งหลุดจากมืออีกฝ่าย เอากลับมาจ่อไว้ตรงลำคอของคนใต้ร่าง  หัวใจเต้นถี่รัวเร็วคล้ายกำลังระเบิดอยู่ในอก

            แม้ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบชวนหวาดเสียว  แถมยังนอนหมดท่า ถูกผู้หญิงนั่งทับเอาไว้เสียอีก   หากแต่ราชาวิปลาสกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น อย่างชอบอกชอบใจ  รอยสักรูปไม้กางเขนที่ปรากฏตั้งแต่บริเวณใต้คาง ลงมาจนถึงกระดูกไหปลาร้า ไหวพะเยิบตามแรงสั่นสะเทือนของทางเดินหายใจ  สิงห์โตทำมือเป็นสัญญาณบอกพวกลูกน้อง เป็นทำนองไม่ต้องเคลื่อนไหว  แสดงออกราวกับพึงพอใจต่อการหมดอิสรภาพชั่วคราว ภายใต้การควบคุมของผู้หญิงคนหนึ่ง
 
            “คุณธีรา  คุณธีรา!”  
 
            ดนู ผู้บาดเจ็บหนักส่งเสียงร้องเรียก  เลือดจำนวนมหาศาลทะลักล้นออกมาตามรอยแผล  จำนวนผู้บาดเจ็บหนักฝ่ายราชาสีขาว ในตอนนี้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสี่คน  ในขณะที่ฮันทำได้แค่เพียงลากเอาตัวดนูกลับคืนมา  ฮันมองไปทางธีราผู้ถูกหักหลัง ด้วยแววตาสำนึกเสียใจชั่วแวบ

            “ไม่ต้องห่วงฉัน”  

            ธีราร้องบอก  นึกเสียใจขึ้นมาในนาทีนี้ที่ไม่ได้โทรบอกพิจิก  ถ้าหากชายคนนั้นอยู่ด้วยกับเธอตรงนี้ สถานการณ์ก็อาจจะพลิกผันได้  ถึงแม้จะก่อเรื่องเลวร้ายไว้กับตนมากมาย  แต่ราชาแมงป่องก็คงเป็นที่พึ่งได้ ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้

            “ไปเลย ใช่ ไปได้เลย  หมดหน้าที่ของพวกมึงแล้ว!”  

            สิงโตตะโกนสลับกับหัวร่อ  สภาพของตนในตอนนี้ ช่างแลดูน่าขัน เหมือนถูกทำให้จำนนในเงื้อมมือของผู้หญิงตัวเล็กๆ  ตามจริงแล้ว แค่ขยับตัวทีเดียว ตนก็สามารถเป็นอิสระได้ในทันที  แต่ในตอนนี้ ราชาวิปลาสกำลังอ่านทีท่าและจดจำธีรา ในมุมมองที่ไม่ปกติของตน

            ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้เธอต้องสะดุด  ธีราก้มลงมองดูใบหน้าของคนที่ตนเอามีดจ่อคอไว้ อย่างไม่เข้าใจในคำพูดดังกล่าว  ริมฝีปากหนาเหยียดออกเกิดเป็นรอยยิ้มเยาะ  หัวคิ้วเชิดขึ้นเป็นเชิงเย้ยหยัน  มือใหญ่หนาข้างหนึ่งยกขึ้นลูบศีรษะของเชลยสาว ผู้ยังไม่รู้สึกตัวตรงหน้า  ทำเหมือนดังว่า สงสารอีกฝ่ายเต็มทน..

            “โดนเขาหักหลังเสียแล้วล่ะ เธอเอ๋ย.. ไปอยู่กะฉันนี่ จะเลี้ยงให้ดีกว่าเลย  สาบาน”

            ธีราปัดมือออกนั้นอย่างรังเกียจ  กลุ่มราชาสีขาวทุกคนยังยืนอยู่ในที่ไกล  แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่จะก้าวออกมา เพื่อช่วยเธอให้พ้นไปจากบุคคลอันตรายผู้นี้

            “ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น  บอกมาเดี๋ยวนี้ว่า เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่  ฉันมาเกี่ยวอะไรด้วย!”

            “พวกนั้น..”  
            ราชาวิปลาสชี้นิ้วไปยังฝูงปลาซิวปลาสร้อย ที่ตนยอมให้ลอดแหหนีไป  

            “พวกมันเอาตัวเธอ มาแลกคนของมันคืนไป  นั่นแสดงว่า เธอไม่ได้สำคัญกับพวกมันซักเท่าไหร่  แล้วที่.. ไอ้แว่นวิปริตมันพูดว่า เธอไม่สมบูรณ์น่ะ จริงรึเปล่า”

            “ใครพูดอะไร?  ยังไงกัน?  ฉันไม่เห็นเข้าใจสักอย่าง  อะไรคือไม่สมบูรณ์”  

            คำพูดของอีกฝ่ายสร้างความงุนงงสงสัย  ด้วยเหตุนี้ ธีราที่เอ่ยซักถามด้วยความลืมตัว เผลอยกมีดขึ้นออกห่างจากลำคอของอีกฝ่าย เนื่องด้วยตัวเธอเองมีเจตนาแค่ต้องการขู่ขวัญ  และการเปิดช่องแม้เพียงน้อยนิดนั้น สามารถทำให้สถานการณ์พลิกผันกลับข้างได้ทันที

            ในชั่วพริบตา  ธีรากลับเป็นฝ่ายที่ถูกแรงดีดตัวของคนใต้ร่าง  ผลักให้ตนแทบหงายหลังผลึ่ง ดีที่ยังไหวตัวทัน สามารถเอาข้อศอกยันพื้น ป้องกันหัวกระแทกไว้ได้ในเสี้ยววินาที  แต่แล้วมีดปลายแหลมเล่มเดียวกันนี้ก็เปลี่ยนข้าง หันกลับมาจ่อลำคอของเธอแทน เล่นเอาธีราถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ...
 


 
+++++++++++++++++++++++++



Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2563
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2563 11:50:57 น. 0 comments
Counter : 474 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.