! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2563
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 มิถุนายน 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 30 : โชคชะตา

ขอบคุณภาพปกนิยาย จากคุณ ApitarN ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ




            ธีราค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างแช่มช้า  ชันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยอาการงุนงง อยู่บนใบไม้ขนาดใหญ่คล้ายใบกล้วย ทว่ามีสีม่วงแซมเขียวบนแผ่นใบ ซ้อนทับกันอยู่หลายชั้น ราวกับถูกนำมาปูรองเป็นที่นอนอันแสนสบายให้แก่ตน

            ทัศนียภาพรอบด้านล้วนเป็นสิ่งแปลกตา  คล้ายกำลังอยู่ท่ามกลางป่าที่เต็มไปด้วยสีสัน และสิ่งอัศจรรย์พันลึกมากมาย  หญิงสาวมองเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาด ซึ่งอาจเป็นสัตว์มากมายหลากหลายสายพันธุ์ ผสมปนเปกันไปทั้งขนาดเล็กและใหญ่  แม้แต่ตอนกวาดสายตามองออกไปยังทุ่งกว้างใหญ่เบื้องหน้า  ยังพบเห็นพืชลักษณะคล้ายต้นหญ้า ทว่าเป็นสีฟ้าขึ้นคลุมเต็มพื้นที่  ทั้งมองไกลสุดสายตาก็ยังได้พบเห็นภาพของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา กำลังรวมฝูงเคลื่อนย้าย แลดูคล้ายคลึงกับพวกไดโนเสาร์ ที่เคยเห็นผ่านตาจากในสารคดี

            แม้แต่หมู่มวลพฤกษชาติรอบกายก็ยังหลากสีสัน  ธีรามองเห็นพุ่มไม้ดอกประหลาด แต่ละดอกมีกลีบดอกห่อหุ้มเป็นรูปทรงคล้ายมงกุฏหยดน้ำ ดอกหนึ่งมีขนาดใหญ่เท่าสองฝ่ามือประกบเห็นจะได้  มองเห็นแมลงตัวใหญ่คล้ายผีเสื้อ ทว่ามีปีกใสเคลือบสีรุ้งตัวหนึ่งบินผ่านไป  มันกระพือปีกบินพร้อมกับปล่อยละอองผงฟุ้งออกจากตัวไปด้วย  เมื่อละอองเหล่านั้นต้องถูกแสงสว่าง ก็เกิดเป็นประกายระยิบระยับ  องค์ประกอบของทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมตัวกันเป็นธรรมชาติของที่แห่งนี้  ดูราวกับผสมกลมกลืนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน  สวยงามราวกับเป็นสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน  เป็นสถานที่ที่ธีราไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตของตน
 
            “     ..  สวยงามใช่ไหม  ..     ”
 
            เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง  เมื่อเหลียวหันมองกลับไปก็เห็นร่างตุ๊กตาไม้สีขาวยืนนิ่งสงบ อยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ยืนต้นสูงชะลูดขึ้นไปสู่ท้องฟ้า  พฤกษาที่เป็นเจ้าของใบไม้ซึ่งกลายมาเป็นที่รองนอน ให้แก่สิ่งมีชีวิตจากดินแดนอื่น

            “เรเจเซล..”

            ธีราอุทานออกมาเสียงเบา ด้วยความยินดียิ่งนัก ที่ได้พบเห็นร่างดังกล่าวอีกครั้ง

            “ที่นี่ คือ ที่ไหนหรือคะ”

            “     ..  โลกเก่า จากความทรงจำของข้าเอง  ..     ”

            คำตอบนั้นทำให้ธีราลุแก่ความเข้าใจทันทีว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเห็นอยู่นี้ ล้วนเป็นภาพลวงตาที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น เพื่อให้ตนได้รู้ได้เห็น

            “สวยงามเหลือเกินค่ะ  แล้วเกิดอะไรขึ้นกับโลกของท่านคะ”

            “     ..  วัฏจักรของดาวเคราะห์ การแตกดับ แล้วก่อกำเนิดขึ้นใหม่เป็นวงจรนิรันดร์  ..     ”

            สิ่งมีชีวิตที่แลดูละม้ายคล้ายปลาลายจุด ทว่าเรืองแสงได้ในตัวเองตัวหนึ่ง แหวกว่ายอากาศเข้ามาพลิกหมุนตัวเล่นบนฝ่ามือของเรเจเซล  ก่อนที่มันจะหันมาสนใจธีรา ด้วยการโบกสะบัดครีบอันอ่อนพลิ้วสวยงามของมัน เข้ามาว่ายวนเวียนอยู่รอบตัวเธอสองสามรอบ  ก่อนจะว่ายจากไปทางหนึ่ง

            “     ..  สิ่งที่เจ้าเห็นทั้งหมดนี้ ส่วนหนึ่งก่อกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และบางส่วนก็ถูกสร้างขึ้นร่วมไปด้วย อย่างเช่น ต้นไม้ต้นนี้ และทุกอย่างในผืนป่าแห่งนี้  ข้าเป็นคนสร้างขึ้น  โลกนี้มีที่และเวลาเหลือเฟือ ให้พวกเราได้ทดลองสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ  ..     ”

            ธีราพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง  มันช่างยิ่งใหญ่ ลึกซึ้ง และน่าอัศจรรย์ใจมากเสียจนต้องอ้าปากค้าง

            “ท่านสร้างทั้งหมดนี่  แบบนี้ก็เหมือนกับ เป็นพระเจ้าเลยน่ะสิคะ”

            เรเจเซลไม่ตอบคำถามดังกล่าว  แต่ยังคงพูดบอกเล่าต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยกระแสเสียงกังวานแจ่มใส ฟังดูใจดีมีเมตตา เหมือนเมื่อครั้งแรกเจอ

            “     ..  งานทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น  ข้าอาจสร้างหลายสิ่งหลายอย่าง  แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ที่สร้างข้าขึ้นมาอีกทีด้วยเช่นกัน    ..     ”

            “ไม่ได้เกิดขึ้น ตามวิถีปกติหรือคะ”

            ในความนึกคิดของธีราหมายถึงการปฏิสนธิ เพื่อก่อกำเนิดขึ้นเป็นชีวิตใหม่  หรืออาจเป็นการฟักตัวออกมาจากไข่ ตามรูปแบบสิ่งมีชีวิตทั่วไปเท่าที่เคยเรียนรู้มา

            “     ..  นั่นสำหรับ ชนชาวเราที่มีชีวิตอันแสนสั้นทั่วไป  แต่จะมีบางจำพวกที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์เหล่านั้น  พวกที่พิเศษ ทรงภูมิปัญญา และมีอายุยืนนาน  เราเรียกพวกเขาว่า เหล่าราชวงศ์  และนั่นเป็นพวกเดียวที่เหลือรอดจากโลกเก่า  ออกเดินทางไปพำนักชั่วคราวยังแหล่งพักพิงใหม่  แล้วจึงค่อยย้อนกลับคืนสู่แหล่งกำเนิดอีกคราว ในภายหลัง  ..     ”

            มือที่ไม่มีนิ้วของเรเจเซลยกชูขึ้น  ดังต้องการให้ธีราเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า  บนท้องนภาที่มีชั้นบรรยากาศเป็นสีม่วงอ่อน ปราศจากเมฆหมอกบดบัง  มองเห็นดวงจันทร์ที่อยู่ห่างไกลโพ้น เป็นดาวบริวารมากกว่ายี่สิบดวง

            “     ..  โลกของพวกเราเองก็สวยงาม เหมือนกับโลกของเจ้า  ข้าเพียงอยากแบ่งปัน ให้เจ้าได้เห็น ในที่ที่พวกเราจากมา  แค่นั้นเอง  ..     ”

            สำหรับธีรา  นี่เป็นความฝันอันสวยสดงดงามที่สุด เท่าที่ตนเคยมีมาเลยทีเดียว  ความรู้สึกสงบและเป็นสุขท่วมท้นไปทั่วทั้งร่าง  ไม่มีความวิตกกังวลหรือทุกข์ร้อนใด ๆ ให้ต้องหมองหม่น  ไม่เหมือนยามที่ต้องตื่นลืมตา

            “เล่าเรื่องของ ไคเมร่า ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ”

            คราวนี้ หญิงสาวเป็นฝ่ายออกเดินอย่างช้า ๆ ไปหาร่างตุ๊กตาไม้ที่ยืนนิ่ง ไม่ขยับเคลื่อนไหวของเรเจเซล  เธอชะงักฝีเท้า หยุดก้าวเดิน  เมื่อมีงูลายพร้อยตัวหนึ่งเลื้อยผ่านหน้าไป  ลำตัวของมันมีประจุคล้ายไฟฟ้า จุดประกายวูบวาบขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะ

            เรเจเซลไม่ได้รอให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้  ส่งกระแสเสียงบอกเล่าเรื่องราว เข้ามาในหัวของธีราโดยตรง

            “     ..  ไคเมร่า  นางเป็นเหมือนกับมารดาของข้า  หลายแสนปีมาแล้ว นางสร้างข้าขึ้นมา ให้ชีวิต ให้ความรู้แก่ข้า  แล้วหลังจากนั้น  ข้าจึงค่อยสร้างตนอื่นขึ้นมา เป็นลำดับต่อไป  ..     ”

            “แสนปี !”  ธีราอุทานอย่างตกตะลึง ให้กับช่วงเวลาอันยาวนานดังกล่าว

            “     ..  อนุมานและเทียบเคียงเวลา จากการโคจรรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก  ..     ”

            “ถ้าอย่างนั้น  ท่านก็เป็น..”

            “     ..  ใช่แล้ว เด็กน้อย  ข้าเป็นหนึ่งในราชวงศ์  ข้าถูกสร้างขึ้นโดยไคเมร่า จึงเรียกได้ว่า ข้าเป็นรากเดียวกับไคเมร่า  ทว่าในบรรดาผู้สร้างสรรพชีวิตนั้น ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ราชินีของเรา ยังมีตนอื่นอีกหลายตนที่เก่าแก่เทียบเทียมกับนาง  ..     ”

            คำถามหนึ่งพลันเกิดขึ้นในหัวของธีรา  เมื่อนึกถึงภาพความทรงจำครั้งล่าสุดของความฝัน  ภาพของราชินีทีเซลล์ที่แท้จริง  ผู้ได้ทำปฏิกิริยาสลายตัว กลายเป็นฝุ่นผงสีทองปลิวไปตามกระแสลม

            “เกิดอะไรขึ้นกับไคเมร่า ตอนที่พวกท่านมาอยู่ที่โลกของเราคะ”

            “     ..  นางได้ทำให้เจ้าเห็น ภาพเหตุการณ์สุดท้าย ในตอนที่ยังมีตัวตนอันสมบูรณ์ของนาง  ไคเมร่าแยกอนุภาคของตัวเองออกเป็นจำนวนเหลือคณานับ  เพื่อกระจายตัวไปสู่มนุษย์มากมาย เท่าที่นางสามารถเข้าถึงพวกเขาได้ ..     ”

            “เข้าถึงหรือคะ  หมายถึง  เข้ามาอยู่ในร่างกายของพวกเราใช่ไหม”

            “     ..  หลอมรวมและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเจ้า  ขจัดและสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อให้มนุษย์สามารถต้านทานต่อโรคร้ายในเวลานั้น  ในขณะเดียวกันก็กำหนดให้ตัวเองเข้าสู่ภาวะหลับใหล  แล้วปล่อยให้สิ่งที่เรียกว่า โชคชะตา นำทางไป  นั่นล่ะ คือ มารดาผู้ยิ่งใหญ่ของข้า    ..     ”

            “ถ้าอย่างนั้น มนุษย์ทุกคนก็เท่ากับ มีทีเซลล์ของไคเมร่าสิคะ”

            “     ..  ไม่ทุกคนหรอก  แค่ในตอนเริ่มต้นของเรื่องนี้  มนุษย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ตามภาคพื้นสุดท้าย ในตอนที่ราชินีเสียสละตัวเองเท่านั้น  ดังนั้น พวกข้าจึงเริ่มพำนักอยู่กันอย่างยาวนานที่นี่  และไม่มีใครเลยที่ล่วงรู้ว่า ไคเมร่ากำหนดเงื่อนไขในการส่งผ่านตัวเอง ผ่านทางพันธุกรรมของมนุษย์เพศหญิง  ต้นกำเนิดแห่งชีวิตไม่ยื่นมือเข้าแทรกแซงความตายตามวิถีปกติ  ดังนั้น เมื่อมนุษย์เริ่มทวีจนมีจำนวนบนโลกมากขึ้น  อนุภาคของไคเมร่าก็ลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ ตามการสูญสิ้นไปของคนแต่ละชั่วรุ่น  ..     ”

            เมื่อธีราเดินไปจนถึงตัวเรเจเซล  ในมือของอีกฝ่ายก็มีดอกไม้ประหลาดดอกหนึ่ง แลดูละม้ายคล้ายคลึงกับดอกกุหลาบ ทว่าส่องประกายแวววาวคล้ายทำจากผลึกแก้ว ทั้งยังมีสีรุ้งทอแสงอยู่ในนั้น  เรเจเซลยื่นมันมาตรงหน้า มอบให้แก่ธีราเสมือนหนึ่งเป็นของขวัญ

            ธีรายังคงพูดต่อไป ตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง  ขณะรับเอาดอกไม้ประหลาดมาถือไว้ในมือ

            “การทำแบบนั้น มันเหมือนกับ ไคเมร่ายอมที่จะหายไป แต่โดยดีเลยค่ะ”

            “     ..  เด็กน้อย  แม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจเข้าใจ ในสติปัญญาและความคิดของนางได้  แต่นางเป็นอยู่มานานแสนนานแล้ว  อยู่ไกลเกินกว่าที่มือของความตาย จะเอื้อมไปแตะต้องถึง  ข้าขอขอบคุณเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า ที่ช่วยรักษาสมบัติอันล้ำค่าของพวกเราเอาไว้  ..     ”

            “ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณหรืออะไรเลยค่ะ  ฉันแค่..อยากหายจากการติดเชื้อนี้  ฉันอยากเป็น..เหมือนกับคนปกติธรรมดาทั่วไป”

            เรเจเซลนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก  ร่างแข็งทื่อของตุ๊กตาไม้ผายมือทั้งสองข้างออก  ก่อนโอบกอดร่างของธีราเอาไว้ ดุจต้องการปลอบประโลมจิตใจ ให้คลายจากความหมองเศร้า         

            “     ..  มีใครบางคนที่เจ้าอาจอยากเจอ  ..     ”

 
            บังเกิดลมแรงพัดอื้ออึงตลบไปทั่วบริเวณ ทำให้หญิงสาวจำต้องหลับตาลงชั่วขณะ  เมื่อลืมตาขึ้นอีกที ทัศนียภาพรอบด้านก็แปรเปลี่ยนไป  ธีราพบตัวเองยืนอยู่ตามลำพัง ในห้องสี่เหลี่ยมคล้ายห้องพักทั่วไป ทว่ามีสภาพแวดล้อมชวนให้รู้สึกคุ้นตา เหมือนเป็นสถานที่ที่ตนเคยมาเยือนมาก่อน

            เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ โต๊ะ ตู้ เตียง ล้วนถอดมาจากความทรงจำ  ใช่แล้ว..  นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ยากจะลืมเลือนไปจากความทรงจำ  เป็นร่องรอยที่ทาทับอยู่บนประสบการณ์ของตัวเธอเอง

            โรงแรม..

            ในตอนนี้ เธอยืนอยู่หน้าโทรทัศน์รุ่นเก่าเครื่องหนึ่งที่หน้าจอมืดสนิท ตั้งวางบนโต๊ะรูปทรงคล้ายตู้เก็บของ  หญิงสาวค่อย ๆ หมุนตัวหันกลับไปมองทางด้านหลัง เพื่อพบกับร่างของใครบางคนที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง  เป็นภาพที่ทำให้หลากหลายความรู้สึกเอ่อล้นขึ้นมาในใจ ราวกับสายน้ำหลาก

            ชายหนุ่มผมยาวสีเทาคนหนึ่งยังคงหลับสนิท ตอนที่ธีราก้าวขึ้นไปนั่งพับเพียบอยู่ข้างกันบนเตียงหลังใหญ่  มือของเธอเอื้อมมือออกไป เกลี่ยเอาเส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาอีกฝ่ายออกอย่างเบามือที่สุด  ถ่ายทอดความคิดถึงห่วงใยที่ซุกซ่อนอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ มาโดยตลอด

            ถึงจะเคยทำไม่ดีกับตนอย่างไร  เธอก็สามารถให้อภัยแก่คนตรงหน้าได้อย่างหมดใจอยู่ดี  นี่อาจเป็นความรู้สึกที่เรียกกันว่า ‘รัก’  เป็นความรักที่เกิดขึ้นมา เปรียบประหนึ่งต้นหญ้าเล็ก ๆ ที่งอกงามขึ้นบนผืนใจอันแห้งผากเหมือนดินที่แตกระแหงของตน

            บางที จิตใต้สำนึกอาจก่อร่างสร้างภาพเสมือนจริงจากความทรงจำ  พิจิกที่นอนหลับอยู่ตรงหน้านี้ ก็อาจเป็นเพียงสิ่งที่ความฝันสร้างขึ้นมาเองก็เป็นได้  แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น  ธีราก็ยังคงยื่นมือออกไป  สัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความปรารถนา

            เจ้าแมวสีเทาตัวร้ายพลันตื่นลืมตา  พิจิกนอนกะพริบตาขับไล่ความงุนงงอยู่สองสามที  ก่อนเบนสายตาหันมองทางด้านข้าง  เพื่อพบกับรอยยิ้มจากคนที่ตนอยากพบเจอมากที่สุดในโลก
 
            “ธีรา.. นี่ผมฝันอยู่หรือ~”
            “ฝัน..  ทุกอย่างนี้เป็นความฝัน”

            ธีราตอบกลับคำถามนั้น ด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ  ขณะที่พิจิกรีบย้ายศีรษะของตนมาหนุนตักคนข้างกันในทันที  นอนพลิกตัวตะแคงข้าง เอาหน้าซุกซบแถวหน้าท้องของธีรา ด้วยสีหน้าซุกซนอย่างคนมีความสุข

            “เอาเถอะ ฝันก็ฝัน  ฝันดีแบบนี้ก็เอา~  ผมโดนยิงด้วยล่ะ เจ็บมากเลย~  อ้าว แผลหายไปไหนแล้วล่ะ” 

            พิจิกเอื้อมมือซ้ายแตะต้นแขนขวาของตน  ก่อนทำหน้าแปลกใจ เมื่อไม่พบร่องรอยบาดแผลตามที่ควรมี  ขณะที่ธีรายิ้มขำให้กับท่าทางอาการของอีกฝ่าย

            “รังแกคนอื่นมาล่ะสิท่า โดนเขาเอาคืน ก็สมควรแล้วล่ะนะ”
            “ไม่ใช่สักหน่อย  พี่สรณ์ต่างหากล่ะ พาผมไปเจ็บตัวเนี่ย~”

            เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาน่ารักพูดจาออดอ้อน ทำสีหน้าชวนน่าสงสาร  ขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อได้ยินชื่อพี่ชายคนรองของตน

            “พี่สรณ์เหรอ.. พี่สรณ์เป็นอย่างไรบ้าง  คงไม่ได้สร้างความเดือดร้อน หรือ ทำร้ายใครเข้าใช่ไหม”
            “ผิดแล้ว  พี่สรณ์ทำทั้งสองอย่างนั่นแหละ  แถมยังกล่อมผมให้ช่วยตามหาคนชื่อเสือ ให้ด้วยนะ”

            ธีราหัวเราะแบบไร้เสียงให้กับถ้อยวาจาของอีกฝ่าย  พิจิกที่นอนหนุกตักอยู่ฉีกยิ้มกว้าง รวบเอามือข้างหนึ่งของหญิงสาวมาทาบจับกันเอาไว้ ในลักษณะประกบฝ่ามือเข้าหากัน

            “แล้วหาเจอไหม เสือ น่ะ”
            “เจอสิ เลยโดนยิงนี่ไง เกือบตายแน่ะ  เอ๊ะ หรือว่านี่ ผมตายไปแล้วกันแน่นะ”
            “ไม่ตายหรอก  พูดมากได้ขนาดนี้  แสดงว่า ยังแข็งแรงดีอยู่”
            “คิดถึงจังเลย~ ผมคิดถึงธีรามาก ๆ เลยนะ  ผมขอโทษ..ที่มีส่วนทำให้ธีราต้องเป็นแบบนี้”

            น้ำเสียงท้ายประโยคพร่าสั่นเล็กน้อย  เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจากสำนึกชั่วดีอย่างแท้จริง  ต่างคนต่างมองสบประสานสายตา  ปล่อยให้บทสนทนาระหว่างกัน ดำเนินไปตามอย่างที่มันควรจะเป็น

            “อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิด  เลิกคิดถึงฉันเสียก็ดีนะ เพราะตอนนี้ ฉันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว” 

            ธีรายิ้มเศร้า ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ ช้อนเส้นผมสีเทาที่นุ่มราวกับเส้นไหม ขึ้นมาม้วนพันนิ้วเล่น  พิจิกมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง  ก่อนพูดพลางยิ้มไปด้วยอย่างมีความหมาย

            “อะไรล่ะที่ไม่เหมือนเดิม ..ก็แค่ร่างกาย  พวกนั้นสมควรตายด้วยซ้ำ ที่ทำกับธีราแบบนั้น  ถึงยังไง ต่อให้เป็นแบบไหน ผมก็ยัง..รัก..ธีราเหมือนเดิมอยู่ดี  ต่อให้ไม่เหลือใคร  ผมก็จะอยู่เป็นคนสุดท้าย..กับธีราเอง”

            มือที่ทาบจับกันอยู่เปลี่ยนเป็นสอดประสานกันแนบแน่น  น้ำตาของธีราไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้  นอกเหนือไปจากคำบอกรักที่ทำให้ใจสั่นหวั่นไหว  ยังมีความอบอุ่นถักทอรวมอยู่ในคำพูดที่ฟังดูจริงจังจริงใจ  พิจิกทำให้เธอรู้สึกว่า ตัวเองยังคงเป็นผู้หญิงปกติธรรมดา  ยังเป็นมนุษย์ในสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง 

            “เป็นไง เท่ป่ะล่ะ~ หล่อเลยผม”

            วายร้ายผมสีเทายกตัวลุกขึ้นนั่ง  เมื่อหยดน้ำเล็ก ๆ ร่วงหล่นลงมาต้องถูกใบหน้า  แทนที่ใช้นิ้วมือเกลี่ยกลบร่องรอยแห่งความเศร้านั้นเอาไว้  พิจิกเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ประทับริมฝีปากจูบซับร่องรอยความเปียกชื้นนั้นไว้  นุ่มนวลและแผ่วเบา ดังต้องการให้สัมผัสนี้ช่วยปลอบประโลมอีกฝ่าย

            “อย่าร้องไห้สิ  ผมแพ้น้ำตาผู้หญิงนะ  เห็นแล้วใจมันสั่น..”

            เพราะมองเห็นรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าของอีกฝ่าย  ความรู้สึกที่หวามไหวอยู่ในอกจึงเรียกร้องให้ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปาก ลากผ่านแก้มไปประกบกับริมฝีปากของอีกฝ่าย  สำหรับพิจิก นี่ไม่ใช่จูบแรกและจะต้องไม่ใช่จูบสุดท้าย  ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเช่นไร เธอก็จะยังคงเป็นที่สุดของความปรารถนาของตนอยู่ดี

            ธีราไม่ปฏิเสธรสสัมผัสที่ได้รับจากคนตรงหน้า  ไม่ขัดขืนหรือผลักไสเหมือนอย่างเคยเป็นมา  ยินดีที่จะตอบรับและซึมซับทั้งหมดนี้เอาไว้  เผื่อว่านี่เป็นโอกาสสุดท้าย ซึ่งอาจไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว..

            ขอเพียงสักนาที.. ที่จะได้มีความสุขในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง

            ได้มีความรัก.. และเป็นที่รักของใครสักคน  แม้จะเป็นเพียงความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงแบบนี้
           

            ห่างไกลออกในอีกฟากฝั่งของห้วงแห่งจิต หรือโพรงรากที่เชื่อมต่อกันของสิ่งมีชีวิตต่างพิภพ  เรเจเซลก่อรูปก่อร่างของตัวเองขึ้นมาอย่างช้า ๆ บนแท่นหินสูงใหญ่  สถานที่ซึ่งมีร่างจำแลงของไคเมร่า ประทับยืนนิ่งอยู่เพียงลำพัง

            “     ..  ช่างเป็นอารมณ์ และความรู้สึกอันลึกซึ้ง  ความรู้สึกเป็นสุข ช่วยตกแต่งชีวิต ให้สวยสดงดงามมากยิ่งขึ้น  ..     ”

            ร่างตุ๊กตาไม้สีขาวผายมือทั้งสองข้าง ออกข้างลำตัวด้วยท่าทางอ่อนช้อย ประกอบคำพูดของตน  ในขณะที่รูปลักษณ์คล้ายคลึงกัน ทว่าเต็มไปด้วยสีสันของไคเมร่า ยังคงยืนหันหลัง ประสานมือนิ่ง ไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

            “     ..  ต้องมีเมตตามากมายถึงเพียงใด  ท่านถึงยอมให้ร่างภาชนะนั้น สัญจรผ่านเข้ามาได้ ในเส้นทางแห่งผองเรา  ..     ”

            “     ..  มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดที่เรียกกันว่า ส่วนลึกที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ  และข้าเองก็ควรมอบความสุข ให้แก่เจ้าของร่างบ้าง มิใช่ฤๅ  ..     ”

            กระแสเสียงของไคเมร่ายังคงราบเรียบ  แม้ปราศจากถ้อยทีอ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความสงบนิ่งอันน่าเกรงขาม

            “     ..  หากเป็นมนุษย์ ข้าอยากที่จะกล่าวว่า ข้ารู้สึกตื้นตันที่ได้เห็นหลานที่สิ้นไปแล้วของข้า ในร่างของชายคนนี้อีกครั้ง  ..     ”

            เรเจเซลหมายถึงพิจิก  และขยายความต่อไปถึงทีเซลล์ที่อาศัยอยู่ภายในร่างราชาแมงป่อง

            “     ..  เจ้าเพิร์ก เด็กน้อยนั่น  สูญเสียสติปัญญาไป ตั้งแต่เมื่อไหร่   ..     ”

            “     ..  ประมาณสามร้อยปี หลังจากที่ท่านสลายอนุภาคสู่พวกมนุษย์  เพิร์กถูกทำลายในสงครามที่ยังไม่สิ้นสุดดีนักในเวลานั้น  ข้าเก็บรวบรวมอนุภาคที่หลงเหลืออยู่ของเพิร์กเอาไว้  เผื่อว่า เมื่อได้พบกับท่านอีกครั้ง  ข้าจะได้วิงวอนขอร้อง ให้ท่านช่วยคืนชีวิตให้แก่รากเดียวกับข้าอีกครั้ง  แต่ไม่คาดคิดเลยว่า  ..     ”

            ร่างตุ๊กตาไม้สีขาวเงียบเสียงลง  คล้ายหนักอกหนักใจต่อสิ่งที่จะกล่าวต่อไปจากนี้

            “     ..  เลวีอาธานได้บัญชาให้เอมาน นำเอาอนุภาคของทุกตน  ไม่เว้นแม้แต่เถ้าถ่านที่หลงเหลืออยู่ของพวกที่ถูกทำลายไปแล้ว  เอามาแปรสภาพให้เป็นละอองเชื้อ ที่มนุษย์ในยุคสมัยนี้เรียกกันว่า ทีเซลล์  แล้วส่งมันแพร่ออกไปท่ามกลางมนุษย์  ใช้มันเป็นเครื่องมือ ในการค้นหาอนุภาคของท่าน และ มามาคราย  ..     ”

            “     ..  เจ้างูร้ายนั่น  ต้องการค้นหา  เพื่อกำจัดข้าล่ะสินะ  ..     ”

            ไม่มีเสียงสบถ หรือใส่อารมณ์ในถ้อยคำของไคเมร่า  ราชินีทีเซลล์เพียงกล่าวออกมา ด้วยกระแสเสียงที่ฟังดูเย็นชามากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น

            “     ..  ราชินี  หากท่านประสงค์ทำสงคราม  โปรดดำเนินการค้นหา และปลดปล่อยข้าออกจากโอรัค  เพื่อที่ข้าจะได้เป็นโล่และอาวุธให้แก่ท่าน  ..     ”

            “     ..  ข้าเคยตรึกตรอง ว่าเหตุใด เราจึงต้องทนต่อความอยุติธรรม ถูกตามรังควาน ถูกช่วงชิงเอาความสงบสุขไปจากวิถีชีวิตของเรา  ทั้งที่พวกเราเพียงมาที่นี่ เพื่อพักพิงอาศัยอยู่อย่างสงบชั่วคราว  ข้าไม่สรรค์สร้างสิ่งใดในโลกใบนี้ เพราะธรรมชาติได้ทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยมแล้ว  ข้ารับหน้าที่เป็นผู้ทำลายล้าง ตอบโต้กลับ เข่นฆ่าพวกอื่นที่มาจากที่อื่นเหมือนเช่นพวกเรา  ข้าทำไปเพราะเห็นว่า พวกนั้นกำลังทำลายสมดุล ที่อาจเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของโลกนี้ ไปตลอดกาล  ..     ”

            “     ..  ยิ่งใหญ่เหลือเกิน  ไคเมร่า  โลกนี้เป็นหนี้ท่านแล้ว  ..     ”

            เรเจเซลวาดมือออกด้านข้าง ยอบตัวลง ทำท่าโค้งคำนับอีกครั้ง

            “     ..  ผิดแล้ว  เรเจเซล  ข้าเป็นหนี้ต่อโลกนี้ต่างหาก  หลังดวงตาของข้าถูกปิดลง ด้วยสงครามและความตายมากมาย  ธรรมชาติได้เรียกร้องให้ข้าชดใช้  ผ่านความรู้สึกที่ตัวข้ารู้จัก  แต่ไม่เคยมีอยู่ในตัวของข้าเลย  ..     ”

            “     ..  ท่านหมายถึง  มนุษย์หญิงผู้นั้นกับทารกน้อยของนาง  แม่และลูก  อา.. ข้าเข้าใจแล้ว  เป็นความรักนั่นเอง  ..     ”

            “     ..  เนิ่นนานกว่าล้านปี  ข้าเพิ่งบรรลุถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ที่สามารถรังสรรค์ทุกสิ่งได้ดีกว่า  ข้าจึงยินดี..ที่จะเริ่มต้นใหม่  เพื่อซึมซับและเรียนรู้ในสิ่งนี้ใหม่...อีกครั้ง  ..     ”

            “     ..  ท่านพร้อมสำหรับโลกใหม่แล้ว  ราชินีของข้า  ..     ”

            “     ..  งานของข้าคงสมบูรณ์มากขึ้น  หากได้นำเอาผลแห่งประสบการณ์นี้  ไปผลิดอกออกผลใหม่ ยังที่แห่งนั้นด้วย  ..     ”

            “     ..  มนุษย์หรือ  เด็กน้อยคนนี้หรือ  ..     ”

            ไคเมร่าไม่ตอบคำถามดังกล่าว  แสดงกริยาเพียงหันใบหน้าอันปราศจากความรู้สึกใด ๆ  ทอดมองไปยังพื้นที่เวิ้งว้างว่างเปล่าคล้ายทะเลทราย อันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาตรงหน้า  โดยมีเรเจเซลยืนประสานมือเป็นภาพประกอบอยู่เบื้องหลัง
 
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++
 
 
 
 
            ในชั่วระยะเวลาเพียงข้ามวัน  นับตั้งแต่การค้นพบทีเซลล์ของ ‘มามาคราย’ จากราเคียร์  ฝูงแมลงปริศนาจำนวนหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากกลุ่ม  ได้ออกบินเกาะกลุ่มกันด้วยความเร็วสูง กลับไปยังสถานที่ที่พวกมันได้ถูกสร้างขึ้นมา 

            หลังลัดเลาะซอกซอน ผ่านซอกหินน้อยใหญ่อันสลับซับซ้อนมากมาย  ในที่สุด พวกแมลงก็บรรลุสู่จุดหมายปลายทาง  พวกมันเรียงตัวเข้าสู่รอยแยกของมหาพฤกษาโบราณ ที่ตั้งตระหง่านกลางถ้ำลึกลับเหมือนเช่นเคย  สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น คือ ปรากฏการณ์เดือดพล่านของของเหลวข้นหนืดสีอำพัน ในแอ่งหินยักษ์ตรงกลางโถงถ้ำธรรมชาติ  ก่อนที่ร่างทึบแสงคล้ายก้อนน้ำตาลปั้นจะพลันยืดตัวขึ้นมา โผล่พ้นพื้นผิวหน้าของเหลวดังกล่าว

            ผู้สร้างแห่งแอ่งหินอำพันสร้างคลื่นเสียงสูงต่ำดังก้อง สะท้อนไปมาภายในคูหาถ้ำ  หากแต่คราวนี้ไม่ใช่ภาษามนุษย์ดังเช่นที่เคยทำ  แต่เป็นคลื่นเสียงในภาษาที่ไม่มีมนุษย์คนใด สามารถฟังความเข้าใจ

            พลันนั้น บังเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นภายในสสารสีเงิน คล้ายกลุ่มก้อนปรอทขนาดใหญ่ที่กำลังลอยตัวคว้างอยู่กลางอากาศ  พื้นผิวของสิ่งนั้นเกลี้ยงเกลาถ้วนทั่วเป็นมันวาว  ปรากฏรอยแยกสีดำกระจายตัวขึ้นบนฐานล่างของกลุ่มสสาร ตรงบริเวณที่อยู่ใกล้กับพื้นผิวโลกมากที่สุด

            เพียงพริบตา บางสิ่งบางอย่างก็หลุดร่วงลงมาสู่ผืนปฐพีเบื้องล่าง  มันจมดิ่งลงสู่แอ่งหินซึ่งมีของเหลวหนืดข้นสีอำพันรองรับซับแรงตกกระแทก  รยางค์จำนวนนับไม่ถ้วนของผู้เป็นหนึ่งเดียวกับของเหลวยืดยาวออกไป  ช่วยยึดจับเอาร่างของสิ่งที่ตกลงมานั้น ส่งตัวให้โผล่พ้นผิวหน้าของอาโปแห่งการสรรค์สร้าง

            มือของใครคนหนึ่งตะกายขึ้นเกาะตรงขอบแอ่งหิน  ก่อนที่ร่างของบุรุษเพศคนหนึ่งจะทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมา อ้าปากสูดเอาอากาศแรกเข้าสู่ปอด  ร่างดังกล่าวยังคงหลับตานิ่ง ประหนึ่งอยู่ในช่วงปรับสภาพ  ผ่านไปหลายนาทีหลังจากนั้น จึงค่อยพาตัวเองขึ้นจากแอ่งหิน หมุนตัว หันกลับมาเผชิญหน้ากับร่างทึบแสง
 
          ‘--- เลวีอาธาน  องค์ราชาทรงตื่นจากการบรรทม  จุติลงมาในร่างของมนุษย์ ทรงประสงค์สิ่งใด ---’

            “     ..  ข้าจะไปรับเอา ความทรงจำของเส้นทางแห่งดวงดาว จาก มามาคราย  ..     ”
 
            ร่างทึบแสงปรับคลื่นเสียงที่สะท้อนไปมาภายในถ้ำให้เป็นภาษามนุษย์  เพื่อสื่อสารกับร่างของสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยมีรูปแบบคล้ายคลึงกับมนุษย์เพศหญิงก่อนหน้า  หากแต่ร่างนี้มีความสมบูรณ์พร้อมมากกว่า มีพละกำลัง สติปัญญา และความทรงจำของรูปแบบชีวิตต่างดาว ซึ่งแบ่งภาคเข้ามาไหลเวียนพร้อมกับเลือดภายในตัว
           
          ‘--- ข้าส่งราเคียร์ไปแล้ว  ไม่นาน นางจะกลับมา พร้อมกับสิ่งที่ท่านปรารถนา ---’

            “     ..  ทันทีที่ราเคียร์ ได้พบกับไคเมร่า  นางจะทรยศพวกเรา  ..     ”
 
            ราชาทีเซลล์ในร่างมนุษย์เพศชาย กล่าวโต้ตอบด้วยความคล่องแคล่ว ชัดเจนในถ้อยความ  เรือนร่างสูงใหญ่ สมส่วนด้วยมัดกล้ามอันแข็งแรงสมตัว  เครื่องหน้าคมเข้ม รวมถึงดวงตาที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ  ประดับอยู่ใต้เรือนผมสีดำสลับแดงที่กำลังเปียกลู่แนบตัว ยาวลงไปจนเกือบถึงน่องขา
           
            “     ..  แม้จะเหลืออนุภาคเพียงแค่เซลล์เดียว  ถึงจะเป็นเช่นนั้น  แต่ไคเมร่าก็ยังคงมีสติปัญญา  นางเก่าแก่ ทรงอานุภาพ ลึกล้ำ เหนือยิ่งไปกว่าทั้งเจ้าและข้า  ดังนั้น ข้าต้องลงมือตอนนี้ ก่อนที่จะถูกยับยั้งขัดขวางจากนาง หรือพวกรากของนาง    ..     ”
 
          ‘--- หากไม่ใช้รากเดียวกับไคเมร่า ก็จะไม่มีทางหาอนุภาคของราชินีเจอ ---’

            “     ..  โลกใหม่.. ไม่จำเป็นต้องมีไคเมร่า  แต่เพื่อที่จะกลับไป  เราจำเป็นต้องมีมามาคราย  กลับมาทำหน้าที่นำทางให้แก่พวกเรา  ..     ”

          ‘--- แล้วหากค้นพบไคเมร่า  ท่านจะทำอย่างไรกับนาง ---’

            “     ..  ข้าจะให้  ในสิ่งที่นางควรจะได้รับ มานานแสนนานแล้ว  ..     ”
 
            รอยยิ้มอันเย็นชาผุดขึ้นบนหน้าของจุติราชา  ขณะร่างมนุษย์ใช้สายตามองดูกิ่งก้านของพฤกษาโบราณ ที่ตั้งตระหง่านกลางหลืบเขา  หรืออีกนัยหนึ่งคือ ร่างจำแลงของ ‘เอมาน ผู้ไม่เคยหลับใหล’  ชีวิตต่างดาวผู้สามารถแปรสภาพและผสานตัวเอง ให้เป็นหนึ่งเดียวกับของเหลวในแอ่งหินและต้นไม้  ชุดคลุมสีน้ำตาลตามแบบที่ราเคียร์เคยได้รับและสวมใส่ กำลังถูกทักถอขึ้นใหม่อีกผืนด้วยวิธีการอันน่าอัศจรรย์  ราวกับเป็นของขวัญจากเทพารักษ์ที่สิงสู่อยู่ในต้นไม้ ตามนิทานหรือเรื่องเล่าของชาวมนุษย์
           
          ‘--- กำจัดหรือ ---’

            “     ..  นางอยู่ร่วมกับมนุษย์นานเกินไป  บางที นางอาจกลายเป็นมนุษย์ ที่ตัวนางเองเคยรังเกียจหนักหนาไปแล้ว ก็เป็นได้  ..     ”

          ‘--- แต่ราชินีเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดแห่งชีวิต  เป็นสมบัติอันล้ำค่าของเผ่าพันธุ์เรา ---’
 
          เลวีอาธานรับเอาชุดคลุมที่ถักทอขึ้นจากเปลือกไม้ มาสวมใส่ให้แก่ตัว  เคลื่อนไหวขยับตัวด้วยกิริยาท่าทางที่เหมือนกับมนุษย์ปกติธรรมดาทุกประการ  ส่งเสียงหัวเราะคล้ายขบขันกับถ้อยคำของเอมาน ผู้สร้างแห่งแอ่งหินอำพัน
 
            “     ..  ไม่คิดว่า โลกนี้ ควรได้รับของขวัญก่อนอำลา จากพวกเราหรอกหรือ  ..     ”

          ‘--- เหล่าราชวงศ์ ต้องไม่ยอมรับเรื่องนี้ อย่างแน่นอน ---’

            “     ..  พวกเขาจะยอมรับแน่  พวกเขาจะยอมรับโดยปราศจากข้อกังขา  เมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ไม่มีราชินี  ไม่มีไคเมร่า หลงเหลืออยู่อีกแล้ว  ..     ”
 
            อาจดูเป็นภาพชวนขบขัน เมื่อร่างเล็กจ้อยของมนุษย์พูดเพ้อพร่ำ อยู่ต่อหน้าพฤกษาโบราณขนาดใหญ่  เลวีอาธานแหงนหน้าขึ้น มองดูโอรัคหรือรังไหมสีเงินที่ยังมี ‘ร่างที่แท้จริง’ ของตนบรรจุอยู่ภายใน  ความคิดคำนึงของชีวิตต่างดาวที่ผสานรวมตัวกับร่างมนุษย์ ฟังดูคล้ายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ  ทั้งเจ้าตัวเองก็เรียงร้อยถ้อยคำออกมา ด้วยสีหน้าและท่าทางที่แลดูผ่อนคลาย  ทั้งที่น้ำหนักของความหมายทั้งมวล เป็นตัวกำหนดวิถีแห่งชีวิตและความเป็นไป ของอีกฟากฝั่งหนึ่งอันแสนไกลโพ้นของจักรวาล ในอนาคต
 
          ‘--- โปรดบัญชามาเถิด หากทรงมีพระประสงค์ จะปลุกผองเราผู้หลับใหล ---’

            “     ..  ให้พวกเขาหลับต่อไป อีกสักวัน สองวัน ก็คงไม่เป็นไรหรอก  ไม่สิ ต้องเรียกว่า ตื่นก่อนกำหนดมากกว่า  ..     ”
 
            จุติราชาพูดด้วยสำนวนภาษา ที่ฟังดูเหมือนกับมนุษย์ในยุคสมัยใหม่ทุกประการ  ร่างของมนุษย์เพศชายที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่ส่งเสียงหัวเราะร่า  ก่อนเดินลับหายจากไปในความมืดของซอกถ้ำ  โดยมีแสงของหิ่งห้อยประหลาดนำทาง เพื่อพาออกจากสถานที่ลึกลับพิสดารแห่งนี้

            ร่างปล้องหนอนยังคงยืดตัวนิ่งอยู่เหนือผิวหน้าของเหลวสีอำพัน  ดูเผิน ๆ คล้ายกิริยาท่าทางของคนที่กำลังครุ่นคิดไตร่ตรองถึงบางสิ่งบางอย่าง  ผ่านไปราวสิบนาที ร่างดังกล่าวถึงค่อยหลอมละลายตัวเองอย่างช้า ๆ  กลับไปรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับสสารในแอ่งหินตามเดิม

            คลื่นเสียงสุดท้ายสะท้อนดังไปมาภายในเวิ้งถ้ำ  เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปีที่เอมานบังเกิดความรู้สึกนึกคิดซึ่งอาจเรียกได้เป็นความสงสัย  ชีวิตต่างดาวเริ่มรำพึงรำพันกับตัวเอง ด้วยกระแสเสียงซึ่งเต็มไปด้วยความสับสนอย่างที่ไม่เคยปรากฏแก่ตนมาก่อน

 
          ‘--- มันควรเป็นเช่นนี้หรือ  นื่คือ สิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่า โชคชะตาอย่างนั้นหรือ ---’
 
 

 
++++++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 18 มิถุนายน 2563
Last Update : 18 มิถุนายน 2563 13:42:12 น. 0 comments
Counter : 420 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.