! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 มีนาคม 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 15 : เสียสละ


ขอบคุณภาพปกนิยายจาก คุณรัชต์สารินท์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ




            พิจิกหัวหมุน  สุดแสนกระวนกระวายจิตใจ  เจ้าของเรือนผมยาวสีเทาอาละวาดใส่ทุกอย่างรอบตัว  รู้สึกขุ่นขวางยิ่งนัก เมื่อความต้องการไม่ได้รับการสนองตอบ

            เพียงเพราะวสันต์เลื่อนเวลาออกไป  นั่นหมายความว่า เขาจำเป็นต้อง ‘รอ’

            ใจร้อนเป็นไฟ  ใครมันจะอดรนทนอยู่เฉยรอได้  ในเมื่อผู้หญิงของตนตกอยู่ในมือชายโฉดบ้าตัณหา

            ป่านนี้.. ธีราจะเป็นอย่างไรบ้างนะ!

 
            มัทรีอยู่ด้วยในกลุ่มสมัครพรรคพวก  เธอจับตาเฝ้าสังเกตอาการของพิจิกอยู่ไม่มีห่าง  ทุกคนต่างต้องปรับตัวเพื่อรองรับอารมณ์ฉุนเฉียวของผู้เป็นหัวหน้า  ไฟแห่งความริษยาแทบจะเผาเธอจนมอดไหม้  เมื่อความลับในบางเรื่องถูกนำมาขยาย ให้ได้รับทราบโดยทั่วกัน..

            ว่า.. พิจิกกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงเป็นหนักหนาในตัวหญิงอื่น  และที่สำคัญ ม้ามืดตัวนั้นดันพุ่งทะยานขึ้นด้วยถือภาษีดีกว่า  ในฐานะหนึ่งเดียวผู้ครอบครองเซลล์ที่ทำให้วิเศษวิโสกว่าคนอื่น

            อาจเพราะพิจิกไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา  ซ้ำยังถือครองความสามารถพิเศษเหนือคนทั่วไป  มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากพิจิกจะมองหาคนที่ไม่ธรรมดามาไว้เคียงคู่อยู่ข้างกาย

            แต่มันต้องไม่ใช่คนอื่นสิ!  ที่ไม่เป็นมัทรีคนนี้  เพียงเพราะเธอไม่มีอะไรพิเศษแบบนั้นเองน่ะหรือ..

            ยิ่งคิด หญิงสาวก็ยิ่งเพิ่มพูนความเกลียดชังต่อศัตรูหัวใจ  ผู้หญิงอีกคนที่ตนยังไม่เคยพบเห็นหน้า กลายเป็นดั่งเงาที่ไม่อาจสลัดให้หลุดไปได้ จากจิตใจที่เต็มไปด้วยความชิงชังของตน

 
            “พิจิก  ถ้านายไปช่วย..จะไม่เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับ เอ่อ คิงจา หรือ”

            ใครบางคนเอ่ยถามขึ้นมา  แค่เพียงกล่าวพาดพิงไปถึงนามอันน่าขามเกรงนั้น  คนพูดเองก็ยังต้องมีอันให้กลืนน้ำลาย เหมือนมีอะไรขลุกขลักอยู่ในลำคอ

            “เป็นก็เป็นดิ!  ฉันไม่กลัวหรอก”
            “เฮ้ย ๆ  พิจิกมันเอาจริงโว้ย” 

            วาจากร้าวกล้าท้าชนนั้น ส่งผลให้เหล่าชายรุ่นในวัยห้าวต่างตีมือฉาด เป่าปากวี้ด ส่งเสียงคึกคะนองกันเป็นทำนองสนับสนุนให้ก่อความวุ่นวาย

            แต่แล้วก็มีใครบางคน ถูกศอกของมัทรีกระทุ้ง ให้พูดขัดขึ้นกลางวงสนทนา

            “พิจิก เอ่อ แล้วพวกเราล่ะ”
            “หือ พวกนาย ทำไม?”  

            ชายหนุ่มเลือดร้อน ผู้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าลดกริยาหงุดหงิดงุ่นง่านลง เพื่อรับฟัง

            “ก็ เอ่อ ยังไงเราก็กลุ่มเดียวกัน  ไม่ได้จะออกตัวว่า ขี้ขลาดตาขาวอะไรหรอกนะ  แต่มันจะเป็นไปได้ไหม ที่คิงจาอาจจะล้างบางพวกเรา  เหมือนอย่างที่เคยได้ยินมาว่า จะทำกับกลุ่มราชาสีขาวก่อนหน้านี้น่ะ”

            คำถามดังกล่าวตรงประเด็นชี้ชัดถึงจุดสำคัญ  คนอื่น ๆ จึงสงบปากคำลง  พากันนิ่งเงียบ รอฟังการตัดสินใจที่จะเป็นตัวกำหนดสถานภาพ รวมถึงสวัสดิภาพของแต่ละคนในอนาคตอันใกล้

            พิจิกนิ่งคิด  -- จริงด้วยสิ  เขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน --

            สายตาของแต่ละคนที่จับจ้องมายังเขา ดูราวกับจะขอความเห็นใจ  และการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวอาจนำมาซึ่งการกล่าวโทษ

          ..นายจะปล่อยให้พวกเราตายหรือ พิจิก..

            ราชาแมงป่องรู้สึกหนักอึ้ง  เครียดขึ้งกับหน้าที่และความรับผิดชอบบนบ่า ซึ่งบัดนี้กลับกลายมาเป็นห่วงผูกรัดสกัดกั้นอิสรภาพ หรือ แม้กระทั่งความต้องการส่วนตัว

            แท้จริงแล้ว  เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นนายคน ‘ส่วนรวม’ ย่อมต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก

            “พวกนายจะไม่เป็นอะไร  ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนายทุกคนตกอยู่ในอันตราย  เชื่อใจฉัน”

            สุดท้าย พิจิกก็ต้องกลั้นใจเอ่ยคำรับรองออกมา  คนทั้งหมดในที่นี้ล้วนมีศักดิ์เป็นสหาย  แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับคนที่หายตัวไป  เพราะนั่นคือ ผู้หญิงที่ตนหมายมั่นปั้นมือให้มาเป็น ‘คู่’ ของเขา

            ถ้อยคำหนักแน่นจากปากผู้นำ  ได้ทำให้ผู้ติดตามบังเกิดความเชื่อมั่นและเชื่อใจ  ส่วนคนที่ไม่ได้ชื่นมื่นไปด้วยก็เห็นจะมีเพียงคนเดียวในที่นั้น  มัทรีไม่ใคร่พึงใจเท่าไหร่ แต่ตนก็พูดอะไรออกมาไม่ได้อยู่ดี

            ความจริงประจักษ์ชัดซัดเข้าเต็มอกแล้วว่า  ไม่ว่าอย่างไร พิจิกก็จะไปช่วยผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน..
 

            สายตาของราชาแมงป่องฉายแววมุ่งมั่น  -- ผู้หญิงของเขา ก็จะต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น  แม้ต้องฆ่า เพื่อแย่งชิงให้ได้มา เขาก็จะทำ --

            เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  พิจิกกดรับด้วยท่าทางกระตือรือร้น
 
            “_ฉันรู้แล้วว่า ไอ้สิงโตมันอยู่ที่ไหน  เจอกันที่เดิม_”

            วสันต์โทรบอกกล่าวเสียงห้วนสั้น  เพียงแค่นั้น  แล้วราชาน้ำแข็งก็วางสายไป
 
 


 
++++++++++++++++++++++++++++++
 
 


 
            ตอนสายของเช้าวันใหม่  ธีราผู้หลับใหลและเพ้อพกด้วยพิษไข้ได้ฟื้นตื่นขึ้น  และพบตัวเองถูกทิ้งให้อยู่ลำพังอีกคราว..
 

            เย็นย่ำของเมื่อวาน  หญิงสาวไม่รับอาหารอื่นใดนอกจาก นมสดแกลลอนใหญ่  สิงโตผู้จัดหามาให้จับตามองดู พร้อมกับลอบสังเกตความต้องการของทีเซลล์ที่แตกต่างกันออกไป  เนื่องจากเวลาราชาวิปลาสบาดเจ็บ  ความนึกคิดมีแต่ร่ำร้อง อยากจะรับแต่เลือดและเนื้อสด ๆ เท่านั้น

            ผู้หญิงประหลาดคนนี้เหมือนกับเด็ก  ดื่มนมเต็มอิ่มแล้วก็หลับผล็อย  ทั้งคืนก็เอาแต่ส่งเสียงครวญคราง เพ้อด้วยพิษไข้จนเขาไม่เป็นอันต้องหลับต้องนอน  รูปร่างหน้าตาก็ธรรมดา ไม่มีตรงไหนพิเศษ หรือน่าดึงดูดใจเลยสักนิด  ซ้ำยังมีนิสัยชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีกต่างหาก

            ราชาวิปลาสนึกสงสัย  ผู้หญิงที่มีแต่ทีเซลล์อย่างเดียว แบบนี้น่ะหรือ จะสามารถกลายเป็นราชาที่สามารถเอาตัวรอดได้ในวันข้างหน้า

          -- นึกไม่ออกเลยจริง ๆ --
 

            มีอาหารวางเตรียมไว้ให้บนโต๊ะเช่นเคย  เจ้าของบ้านอาจกำลังทำสวนผักเหมือนเช่นเมื่อวาน  ทว่าตอนนี้ ธีรากลับไม่รู้สึกหิว  พอเปิดผ้าออกดูตรวจดูหัวไหล่ก็พบแผลกลับหายเป็นปกติ  ผิวเนื้อเชื่อมต่อกันสนิทไม่มีแม้แต่ริ้วรอยให้ต้องกังวล  ความเจ็บปวดมลายหายไปสิ้น  ไม่หลงเหลือสิ่งใดนอกเสียจากความคิดสับสนระหว่างความจริงกับความฝัน  กระทั่ง ได้ยินเสียงโซ่สะบัดฟาดผนังดังกึงกัง  ธีราถึงค่อยแน่ใจถึงความจริงที่ว่า  เมื่อวานนี้ เธอได้ล่วงละเมิดคำเตือนเข้าไปในห้องต้องห้าม จนเกือบต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

            แม้จะเกิดอาการขยาดหวาดผวา  แต่ท้ายที่สุด หญิงสาวก็นึกใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ ทั้งไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้วว่า เธอต้องกลับขึ้นไปข้างบนนั้นอีกครั้ง  ต้องรู้ให้ได้ว่า เกิดอะไรกับผู้ชายคนนั้นกันแน่..

            เพราะถ้าหากสาเหตุเกิดจากทีเซลล์  จึงไม่แน่ว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า ธีรา พินิจใจ คนนี้เอง ก็อาจมีสิทธิ์ได้เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่ต้องถูกจับล่ามโซ่ กักขังเอาไว้แบบเดียวกันนี้ด้วย..ก็เป็นได้
 

            เชลยตัวกลั่นไม่สนใจหรอกว่า ราชาวิปลาสกำลังทำอะไร หรืออยู่ตรงไหน  ดีเสียอีกที่มันไม่อยู่ในตอนนี้  ตอนที่เธอกำลังรวบรวมความกล้า เพื่อขึ้นไปห้องข้างบนอีกครั้ง  ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยแผลเป็นน่าเกลียดน่ากลัวของคนประหลาด เกือบทำเอาธีราถอดใจ  แต่พอหวนนึกถึงตอนที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นถึงความโศกสลดเสียใจ  ปฏิกิริยาดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้ง  ถึงอย่างไร ผู้ชายคนนั้นก็ยังพอมีสติ  มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ในตัว

            ดังนั้น  นี่จึงเป็นเหตุผลมากพอ ที่ทำให้ธีราจำต้องเปิดประตูอันน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงนั่นอีกครั้ง
 
 
            ร่างอันน่าขนลุกดังกล่าว ขยับถอยหนี เหมือนแสดงออกถึงอาการกลัว  ทว่าฝ่ายที่ต้องกลัวมากกว่าซึ่งคือ ธีรา พยายามรวบรวมความกล้ารุกคืบเข้าหาอีกฝ่าย  พร้อมด้วยแกลลอนบรรจุน้ำนมที่เหลืออยู่ไม่มากนัก  เธอพยายามยิ้มอย่าง ‘ใจดีสู้เสือ’  ทั้งทิ้งระยะห่างมากกว่าครั้งที่แล้ว  เพื่อความปลอดภัยที่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีไหม

            หญิงสาวเพิ่งสังเกตว่า นอกจากผู้ชายตรงหน้าจะผอมซูบอย่างน่ากลัวแล้ว  บนใบหน้ายังปรากฏร่องรอยถูกทำร้ายจนเสียโฉม  ผมยาวรุงรังของอีกฝ่ายที่เห็นเป็นสีขาวอมเทาสกปรกในตอนแรก  แท้จริงแล้ว มันดูออกไปทางสีเงินจาง ๆ คล้ายมีรัศมีเบาบางถูกกลบซ่อนไว้ ภายใต้ความโสมมมัวหมอง

            หากไม่ตกอยู่ในสภาพนี้  ธีราอนุมานเอาว่า สภาพดั้งเดิมของเขาคงจะเป็นคนที่มีลักษณะดี  คงหล่อเหลาเอาการอยู่ไม่น้อยทีเดียว
 
            “อะ อั่ก อั่ก ไม่ ~กือ~ ไม่”  

            เสือกระถดตัวถอยหนีไปจนสุดมุมห้องเหมือนเมื่อวาน

            “ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันไม่ได้ เอ้อ ฉันไม่ได้ทำจะอะไรคุณ”
            “ไป ๆ  ไม่  ไม่ใช่  เธอ  ฉัน..”  
 
            เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายพยายามบังคับตัวเอง ให้พูดภาษาคนออกมาได้อย่างตะกุกตะกัก  ดวงตาซึ่งเหลือบมองธีรา เต็มไปด้วยความกระวนกระวายระคนเศร้าเสียใจ

            พอขยับเข้าไปใกล้  อีกฝ่ายก็คอยแต่จะคลานถอยหนี เอาตัวออกห่างอยู่อย่างนั้น  ความกริ่งเกรงแต่แรกจึงค่อยลดน้อยถอยลงไป  กระทั่ง ธีราเผลอลืมตัว ร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงดุ
 
            “หยุดนะ!  หยุดหนีเดี๋ยวนี้”
 
            คำสั่งดังกล่าวส่งผลให้เสือหยุดแสดงท่าทางหลุกหลิก เลิกขยับหนี  เขาค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองดูหน้าของผู้มาเยือนอีกคราว

            “ข่อก..  ขอ โกก”  

            คำพูดหนึ่งหลุดออกมาแต่ฟังไม่ชัด  ครั้นแล้วชายอัปลักษณ์ก็พยายามเค้นคำออกมาจากช่องคอใหม่อีกหน

            “ขอโทษ..”         
            “ฉันไม่เป็นไร นี่ไง ดูสิ หายแล้ว.. เห็นไหม..”  
 
            ธีราเลิกผ้าตรงหัวไหล่ขึ้นให้อีกฝ่ายได้เห็นบาดแผลของตน  เสือถึงกับเบิ่งตาค้าง เมื่อเห็นชัดถนัดแก่สายตา  แผลร้ายแรงที่ตนเป็นผู้สร้างให้แก่อีกฝ่ายนั้น บัดนี้ เรียกเนื้อขึ้นมาเติมเต็มส่วนที่ขาด  ผิวหนังบริเวณนั้นออกสีชมพูจัด ตัดกับผิวเหลืองลออแต่ดั้งเดิมของหญิงสาว
 
            “ใช่.. ฉันมีทีเซลล์เหมือนกับคุณ  ให้ฉันช่วยคุณได้ไหม  ฉันอยากลองรักษาคุณดู.. ได้ไหม”
            “กีเอว ..เกอ..คี กีเอว”

            ชายอัปลักษณ์หลุดถ้อยคำที่ฟังดูไม่เป็นภาษา  ทว่าธีราเริ่มที่จะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

            “ใช่  ฉันมีทีเซลล์  ฉันเคยใช้มันรักษาคนอื่นมาก่อนหน้านี้  เลยคิดว่า บางที ฉันอาจ..จะพอช่วยคุณได้ ..บ้าง”

            ธีราพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ  หากแววตาของเธอส่องประกายมุ่งมั่นอย่างน่าประทับใจ ในความรู้สึกของเสือ
 
            อาการพยักหน้านั้นแทนคำตอบรับ  เสือไม่นิ่งคิดนาน  บังเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจขึ้นมาอย่างมากมาย หลังจากสูญเสียไปกับการถูกทรยศหักหลังในอดีตกาล  เวลานี้ เขายินยอมมอบชีวิตสวะของตนให้อยู่ในมือของผู้หญิงตรงหน้า  บางที นี่อาจเป็นการตอบแทนหนี้ชีวิต และเรื่องเลวร้ายที่เขาได้ก่อไว้กับเธอ

            หญิงสาวขยับเข้าใกล้อย่างระมัดระวัง  เรื่องเมื่อวานเป็นบทเรียนให้ฝังจำ  เพราะชายคนนี้อาจเกิดคลุ้มคลั่งอาละวาดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ 
 

            มันเริ่มง่ายขึ้น สำหรับการเรียกใช้ความสามารถพิเศษของทีเซลล์  เริ่มคล่องและว่องไวขึ้นแบบเดียวกับที่สมองสั่งการให้อวัยวะเคลื่อนไหว  แม้เธอจะยังไม่คุ้นชินกับความรู้สึกเจ็บจี๊ด เหมือนถูกเข็มเจาะตรงปลายนิ้วเลยก็ตาม

            ธีราเริ่มต้นใช้ความสามารถเป็นครั้งที่สอง  โดยมีคนแปลกหน้าที่ยอมอยู่เฉยให้เธอทาบปลายนิ้วสัมผัส  หญิงสาวปลดปล่อยทีเซลล์ของตน ให้เข้าไปแหวกว่ายอยู่ในร่างของคนตรงหน้า ที่มีทีเซลล์เฉกเช่นเดียวกัน

            สายโลหิตพิสดารชอนไชไปทั่วสรรพางค์  แตกต่างกันกับตอนรักษาฆีมษ์  เพราะในร่างของเสือนั้น  ปราศจากเป้าหมาย ไร้ซึ่งวัตถุประสงค์แน่นอน  ทีเซลล์ของธีราจึงทำงานคล้ายเรดาร์ ที่ตรวจจับหาสิ่งแปลกปลอมไม่เจอ  สัญญาณอันตรายเริ่มสั่นไหวในความรู้สึกของธีรา  ความว่างเปล่าที่ค้นพบอยู่นี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า ชายอัปลักษณ์ผู้นี้ไม่ได้ป่วย  แท้ที่จริงแล้วนั้น  ทีเซลล์ในร่างของเสือกำลังรอคอย ที่จะได้กัดกินเซลล์อื่นอยู่อย่างหิวโหยเต็มทีต่างหาก!

            และการรุกล้ำ นำมาซึ่งสัญชาตญาณของการต่อต้าน
 

            “พอ ๆ หนี เร็ว ไป อะ อึ่ก เร็ว !”

            เสือร้องบอก พลางเกิดอาการตัวสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน  ทำให้ธีราเข้าใจสัญญาณอันตรายทันที  เตรียมดึงมือขึ้นจากเนื้อตัวของอีกฝ่าย  ทว่าเสียงในหัวกลับสั่งให้เธอไม่ต้องขยับหนี

          -- ไม่ต้องกลัว  ดึงทีเซลล์กลับมาสิ --
 
          “กือ.. ครื่อ..”  
 
            เสือเป็นฝ่ายผละหนีเสียเอง เมื่อเห็นอีกฝ่ายชักช้า  คราวนี้ เขากลัวสติจะกลับคืนมาพร้อมด้วยสำนึกที่ต้องมารับรู้ว่า ได้ลงมือฆ่าคนที่ตนไม่ต้องการให้ตายไปเสียแล้ว

            แต่ช้าเกินควบคุม  สติสัมปชัญญะของเศษคนขาดผึง  สัตว์มนุษย์เตรียมที่จะลงมือตะปบเหยื่ออีกครั้ง

          -- เข้ามา ! --  

            ธีราสาบานได้ว่า เสียงนี้ที่ดังอยู่ในหัว ไม่ได้เกิดจากความคิดของเธออย่างแน่นอน
 

            สิ่งแปลกประหลาดยิ่งกว่าสายโลหิตพิสดารพลันปรากฏ  ขณะที่สัตว์มนุษย์กระโจนเข้ามาหา  กรงเล็บแหลมคมเงื้อง่ามาแต่ไกล ดั่งต้องการกระซวกทำร้ายให้ร่างกายต้องแหลกเหลว  ธีราใจหายวาบ ตกใจจนตัวแข็งทื่อ  มองเห็นความตายอยู่ตรงหน้า เพราะไม่มีทางใดเลยที่ตนจะหลบเลี่ยงพ้น
 

            ฟึ่ด ! ฟุ่บ ! ฟุ่บ ! ฟุ่บ !  ปึ้ด !  ปึ้ด !
 

            กรงเล็บค้างอยู่ห่างจากหน้าของเธอไปไม่กี่นิ้ว  ได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงคำรามอย่างขุ่นเคือง  สิ่งที่สกัดขัดขวางมันเอาไว้ ไม่ใช่สิงโตเหมือนเมื่อวาน  หากแต่เป็นผม ใช่ ! เป็นเส้นผมของเธอเอง !

            เส้นผมจำนวนมากมายมหาศาลสีดำสนิท ไต่พันไปตามร่างของเสือ  ยาวยืดออกมาจากศีรษะ และแข็งแกร่งชนิดที่อีกฝ่ายต้องออกแรงดิ้นรน เพื่อต้องการสะบัดให้หลุดพ้นไป  ธีรายังคงนั่งตัวแข็งอยู่กับที่  ขณะที่เส้นผมของเธอเองกำลังขยับเคลื่อนไหวไปตามอำเภอใจ ในการต่อสู้เพื่อปกป้องเจ้าของร่าง  และนั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกกลัวทั้งเสือและตัวเอง
            .. นี่มัน ความสามารถของพิจิก ไม่ใช่หรือ !? ..
 
          “กือ ครื่อ.. แฮ่.. แฮ่ !”
 
            อีกฝ่ายทั้งขู่ ทั้งพยายามจะหนีให้หลุดพ้นจากการพันธนาการ  หากเส้นผมยิ่งเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นมากยิ่งขึ้น  กระทั่งบาดผิวเนื้อเรียกเลือดจากร่างผอม  ธีราพลันตระหนักรู้ว่า เหตุการณ์ข้างหน้าจะดำเนินต่อไปเช่นไร  ถ้าหากเธอไม่หยุดเส้นผมของตัวเองเอาไว้   เสือจะไม่ต่างอะไรกับก้อนเนื้อที่ถูกลวดคม ๆ รัดจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
 
            “หยุดเดี๋ยวนี้  ฉันไม่ได้อยากจะฆ่า  หยุดนะ  หยุดสิ  ไม่ฆ่า  ฉันไม่ฆ่านะ !”
            จำต้องร้องสั่งตัวเองอย่างสุดกำลัง  เพียงเพื่อจะหยุดการฆาตกรรม ที่อวัยวะส่วนหนึ่งของตนกำลังจะเป็นผู้ก่อ
            -- จะทำไหม  กล้าเสียสละชีวิต เพื่อมนุษย์คนนี้ไหม --  
            เสียงในหัวดังลั่นกังวาน  คล้ายเป็นอีกตัวตนหนึ่งที่ช่างแสนเย่อหยิ่งและถือดี
          “อย่าฆ่าเขา ฉันอยากช่วย ไม่ได้อยากฆ่า”
            -- กล้าไหม  กล้าไหม  กล้าไหม  ธีรา ! --
 
            “ก็ได้!  เอาชีวิตฉันไปเลย  ฉันยินดีแลกเปลี่ยน !”  
 
            สุดจะทนกับเสียงบีบคั้นในหัว  ธีราตะเบ็งเสียงตอบโต้ออกมาดังลั่น ดั่งต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้ายุติลงเสียที  พร้อมกับจ้องมองสบประสานกับดวงตาแข็งกร้าวตรงหน้า  ซึ่งบัดนี้ กำลังฉายชัดให้เห็นความหวาดกลัวพร้อมกับการดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์

            ผมกลุ่มหนึ่งบิดม้วนพันตัวเป็นเกลียวคล้ายเชือก  ไต่เลื้อยเข้าพันรอบคอฝ่ายตรงข้ามและเริ่มรัดแน่นเข้า  กระทั่งเสือนัยน์ตาเหลือกลาน  เห็นได้ชัดว่า เขาหายใจไม่ออก ทุรนทุราย ดิ้นรนกระเสือกกระสนต้องการเอาชีวิตรอด ใบหน้าขาวซีดไร้ซึ่งสีเลือด  แล้วชายร่างผอมเกร็งตรงหน้าก็หยุดการเคลื่อนไหว

            เสือยังไม่ตาย  ผมของธีราจัดการทำให้เขาได้เฉียดใกล้  ..แค่ทำให้เขาหมดสติไปเท่านั้น
 
          -- แต่ครั้งหน้า ..ก็ไม่แน่ --  
            เสียงในหัวคำรามเบา ๆ อย่างมีชัยและโอหังไม่ใช่น้อย
 
            “..อา..”  

            ธีราครางออกมาเบา ๆ หัวใจสั่นหวิวไหว  ตัวสั่นเทาจนคล้ายมิอาจขยับตัวได้  ความนึกคิดมืดดับจนไม่รู้จะคิดอ่านทำประการใดต่อไปจากนี้

            แต่แท้ที่จริงแล้ว  หญิงสาวไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้  เพราะทีเซลล์ในร่างกำลังเคลื่อนไหว เตรียมที่จะจัดการให้เองอยู่แล้วทั้งหมด

            ภาพตอนที่พิจิกกรีดแขนตัวเอง เพื่อให้เธอได้ดูดซับเซลล์แท้พลันแล่นเข้ามาในหัว  ในตอนนี้ สถานการณ์เดิมย้อนคืนมา  หากแต่เปลี่ยนข้างฝ่ายผู้ให้และผู้รับเสียใหม่  ธีรากำลังจะได้กลายเป็นผู้ส่งมอบความเต็มใจที่จะเสียสละคนต่อไป ในนาทีนี้

            หญิงสาวจัดแจงพลิกร่างหมดสติตรงหน้าให้นอนหงาย  ดวงหน้าซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยแผลมากมาย ในยามนี้กลับแลดูไร้เดียงสา  ธีราสูดลมหายใจเข้า  รวบรวมความรู้สึกนึกคิดทั้งมวลให้มุ่งไปสู่การตั้งจิตมั่น

            มันจำเป็นต้องเชื่อมั่นว่า เธอกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง ..เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง..
 

            เปลือกตาปิดแน่นลง  เพราะธีราใจไม่กล้าพอที่รับรู้ หรือมองดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้  เธอหงายท้องแขนขึ้น เหนือท่อนอกเปลือยเปล่าอันสกปรกของเสือ  รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเรือนผมของตน ที่เตรียมจะบาดเนื้อเถือแขน ในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

            มันรวดเร็วจนแค่รู้สึกเย็นวาบ  สัมผัสได้ถึงของเหลวทะลักล้นออกจากร่างกาย  ธารโลหิตหลั่งไหลลงสู่ร่างที่รอรับอยู่เบื้องล่าง  ธีราลืมตาขึ้น เพื่อมองดูหยาดหยดสีแดงเข้มเหล่านั้น ซึมหายลงไปในร่างของเสืออย่างรวดเร็ว  อีกทั้งปากแผลบนท้องแขนเธอกำลังจะสมานตัวกัน

            “อย่าเพิ่ง ยังไม่พอ”  

            หญิงสาวไม่ต้องการกรีดสร้างรอยแผลใหม่  ดังนั้น ผมผีสิงของเธอจึงแผ่ลงมาอีกครั้ง และช่วยยืดปากแผลไว้ให้กว้างออก  แต่นั่นก็ได้สร้างความเจ็บปวดให้เกิดแก่เธออย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน

            ทรวงอกร้อนดั่งถูกประคบไว้ด้วยก้อนไฟ  รอยสักราชากำลังแตกตัวแผ่ขยายออก ราวกับกองทัพมดดำเดินทัพมายังรอยแผล เพื่อดำเนินการซ่อมแซมตัวเอง  โลหิตมากมายทะลักล้น จนแทบทำให้หมดสติได้อยู่รอมร่อ

            ในห้วงแห่งการเสียสละ  ธีรานึกถึงพิจิก  สิ่งที่เขาทำในตอนนั้นช่างยิ่งใหญ่  ความรู้สึกทั้งซาบซึ้งและประทับใจทวีขึ้นมากมาย  มันแผ่ซ่านอยู่ในใจจนความเจ็บปวดลดคลายลงกว่าครึ่ง
 
          -- พอ ! --  
 
            เสียงในหัวดังกังวาน อันเป็นสัญญาณสิ้นสุด  ปลายผมทั้งมวลถอนตัวจากปากแผล  พร้อมกับร่างโงนเงนทรงตัวไม่อยู่ของธีรา พลันวูบหมดสติ ฟุบลงบนแผงอกของเสือ

            หญิงสาวนึกอยากพูดคำว่า ‘ขอบใจ’ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องกล่าวกับใคร ระหว่างตัวเธอเอง หรือใครอีกคนในตัวของเธอ

            สายตาพร่ามัวเลือนราง  กระนั้น ก็ยังทันมองเห็นเงาดำร่างหนึ่ง คืบคลานเข้ามาใกล้

            ธีราไม่รู้ว่า นั่นเป็นใคร หรือ อะไร
            เพราะโลกทั้งใบมืดดับไปเสียแล้ว..
 


 
++++++++++++++++++++++++++++++
 
 


            “-- พี่ฮัน มีผู้ชายมาถามหาพี่ที่ร้าน เขาขู่จะเรียกตำรวจ ถ้าพี่ไม่บอกว่าน้องสาวเขาอยู่ที่ไหน --”
 
            ลูกน้องที่เฝ้าอยู่ร้านขายโทรศัพท์มือถือ ละล่ำละลักมาตามสาย  ในทีแรก ฮันเกิดอาการงุนงงสงสัย สมองยังคิดตามไม่ทันว่า คนผู้นั้นเป็นใคร  แล้วเรื่องคนหายมันมาเกี่ยวอะไรกับเขา

            “น้องสาวเขาชื่ออะไร”  
            รองหัวหน้ากลุ่มราชาสีขาว กรอกเสียงถามกลับไป
 
            “-- พี่.. น้องสาวพี่ชื่ออะไรนะครับ  เอางี้นะ  เดี๋ยวพี่คุยกับพี่ฮันเองเลยไหม นี่อ่ะ --“
 
            ลูกน้องของเขาชิงตัดช่องน้อยแต่พอตัว เอาตัวรอดเก่งเป็นที่หนึ่ง  มันเล่นส่งเรื่องต่อมาให้เขาเจรจาว่าความเองทุกที

            “สวัสดีครับ  ผมฮัน”  
            ฮันใช้น้ำเสียงฟังนุ่มนวล  รอฟังปฏิกิริยาตอบกลับจากปลายสาย

            “ฉันเป็นพี่ชายของธีรา  น้องสาวฉันอยู่กับนายใช่ไหม”

            น้ำเสียงแข็งกระด้างที่ตอบกลับมา ทำให้ฮันรับรู้ในทันที  บัดนี้ ปัญหาใหญ่อีกเรื่องได้วิ่งเข้ามาชน ให้ต้องปวดหัวหนักขึ้นไปอีก

            สมองคิดเค้นหาคำตอบสำหรับแก้ตัว  แต่ปากอ้าไม่ทันอีกฝ่ายที่โจมตีเข้ามาอีกระลอก

            “สองวันก่อน  แม่ฉันบอกว่า ธีราออกไปกับนาย  แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น  น้องสาวฉันหายไปไหน”

            “ผมไม่รู้ครับ  วันนั้น พวกเราออกไปทานข้าวแล้วก็พูดคุยธุระกัน แล้วจากนั้นก็แยกย้าย ต่างคนต่างกลับ  แล้วนี่ธีราเขาหายตัวไปหรือครับ !”  

            ฮันแสร้งทำเป็นตกใจ  แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใย  แม้ความรู้สึกดังกล่าวจะมีอยู่บ้าง แต่ก็เพียงแค่ครึ่งเดียวก็ตาม

            “ถ้ากลับ  ผมจะมาติดตามถามหาหรือ  วันนั้น น้องผมโทรกลับมาบอกที่บ้าน บอกว่าจะไปค้างกับเพื่อน  แล้วนี่ก็ไล่เช็กเพื่อนทุกคนแล้วด้วย  ไม่มีสักคนที่รู้เรื่องธีรา  ตอนนี้ ผมสงสัยคุณมากที่สุด เพราะคุณคือคนสุดท้ายที่น้องผมออกไปด้วย”
            “ครับ ?”  

            ถ้อยคำกล่าวหาซึ่งจู่โจมเข้ามา เล่นเอาฮันปรับสติรับมือแทบไม่ทัน  สมองหมุนเร็วจี๋ คิดหาทางเอาตัวรอดไปจากปัญหาเฉพาะหน้านี้ให้ได้

            “แต่ผมไม่ทราบจริง ๆ ว่า ธีราไปที่ไหน หรือ หายไปได้ยังไงนะครับ”
            “นายไม่รู้ หรือ นายไม่ต้องการให้ฉันรู้กันแน่  ก็ได้! ในเมื่อยืนกรานอย่างนี้  เราคงต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจกันต่อหน้าแล้วล่ะ  ฉันถึงจะเชื่อนาย”
            “..ก็ได้ครับ ถ้าพี่ต้องการแบบนั้น”  

            เดินหน้าแล้วย่อมถอยหลังไม่ได้  เหมือนกับแหย่เท้าลงบ่อโคลน จนจมลงไปครึ่งตัวแล้ว อย่างไรก็ต้องไปต่อจนสุดตัว

            ..ทั้งที่เหงื่อพระกาฬแห่งการโป้ปดมดเท็จกำลังแตกพลั่ก..

            เจ้าของคำพูดขู่เอาเรื่องเงียบไปชั่วอึดใจ เหมือนกำลังใช้ความคิด  ขณะที่ฮันลอบผ่อนระบายลมหายใจด้วยตกอยู่ในสภาวะอึดอัดเต็มทน  แล้วประโยคซึ่งจะทำให้ปัญหาแตกตัวขยายใหญ่ก็เอ่ยเผยออกมา
 
            “ฉันจะไปพบนายในอีกสามสิบนาทีข้างหน้า  ถ้านายบริสุทธิ์จริง หวังว่านายคงไม่หนี  เพราะฉันต้องรู้จากนายให้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของฉันกันแน่”
            “ผมกล้ายืนยันได้ว่า ผมไม่รู้จริง ๆ ว่า ธีรา..”
            “ฉัน หมายถึง ทีเซลล์ !

            เสียงคู่สนทนาขาดหาย  ซึ่งคราวนี้ กลับกลายเป็นฮันที่หลับตาและเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ด้วยสีหน้าสุดเครียด

            “อย่าบอกว่า นายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทีเซลล์  เพราะเรื่องแปลก ๆ ที่มันเกิดขึ้นนี้  มันเริ่มมาตั้งแต่นายและพวกของนายโผล่ขึ้นมา”
            “เรื่องนี้มัน..”
            “ต้องอธิบายได้!  ฉันจะไปพบนายเดี๋ยวนี้ล่ะ”
 
            ปลายทางตัดสายเป็นการตัดบทและเป็นเชิงบังคับในที  และนั่นแทบทำให้ฮันอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง  -- พี่ชายธีราโผล่มาได้ยังไง บ้าชิบ ! มีแต่เรื่องปวดหัว --

            เวลาที่ทุกคนเดือดร้อนหรือมีปัญหา  เขาเป็นเหมือนที่พึ่งพา คอยแก้ปัญหาให้ทุกคนสารพัด  แต่ในเวลานี้ เมื่อเขาตกที่นั่งลำบาก มีใครบ้างไหมที่จะยื่นมือเข้ามา ช่วยคลี่คลายสถานการณ์อันแก้ไขยากนี้

            เมื่อคนเราตกอยู่ในความเดือดร้อน  สมองมักจะคิดหมุนหาคนใกล้ตัว  หรือคนใกล้ชิดสนิทสนมที่สุด  และบุคคลดังกล่าวของฮันย่อมเป็นน้องสาว ผู้ซึ่งมีส่วนสมรู้ร่วมคิดในแทบทุกเรื่อง

            ฮันกดโทรศัพท์หาฮันนี่  มือไม้สั่นพอกันกับน้ำเสียงของตน
 

            “...พี่พาพี่ชายแม่นั่นมาที่นี่ก็แล้วกัน  ..เถอะน่า  เชื่อฉันสิ ผู้ชายคนนี้ฉลาด  เราจะให้เขาได้รู้แต่เท่าที่เราอยากจะให้รู้  ไม่แน่ว่า ผู้ชายคนนี้อาจจะมีประโยชน์  ระหว่างนี้ ฉันจะคุยกับพี่ฆีมษ์ก่อน  ..ใช่..  ก็มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว  พี่คะ พี่อย่าเพิ่งประสาทกินตอนนี้ได้ไหม  เชื่อใจฉันสิ  เอาเป็นว่า พี่พาเขามาที่นี่ก็แล้วกัน  ที่เหลือฉันจัดการเอง  ตามนี้นะคะพี่...”

            ฮันนี่ตัดบทพี่ชาย  ด้วยรู้ดีว่า สถานการณ์อาจพลิกกลับเป็นพลาดได้ เมื่อภาวะจิตใจของพี่ชายไม่นิ่งพอ

            -- พี่ชายธีรางั้นเหรอ  เฮอะ !  ยัยผู้หญิงคนนั้นช่างนำความวุ่นวายมาได้ไม่รู้จบ  เมื่อไหร่จะหาย ๆ ไปสักทีนะ ชังน้ำหน้านัก -- 

            อีกไม่นาน  พี่ชายของเธอก็จะกลับมาพร้อมกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึง  เธอเหลือเวลาให้ตั้งรับไม่มากนัก  ฮันนี่ลำดับสิ่งที่จะต้องทำและทบทวนอยู่ในใจ  อันดับแรก เธอจะต้องขึ้นไปทำลายความสงบของห้องสีขาว ด้วยการบอกกล่าวเรื่องราวให้พี่ฆีมษ์รับทราบก่อนคร่าว ๆ  จากนั้น จึงค่อยเผยประตูสู่ทางหนีทีไล่  อาจถึงขั้นต้องหว่านล้อมให้ราชาสีขาวลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ถ้าหากจำเป็น

            สิ่งซึ่งถ้าหากธีราได้ล่วงรู้  เธอจะไม่มีทางยอมให้อภัย ให้กับคนที่ทำเช่นนั้นกับพี่ชายของตนเป็นอันขาด

 
            น้องสาวของฮันเผยอรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจขึ้นบนใบหน้า  มันเป็นรอยยิ้มของคนที่คิดว่า สามารถควบคุมโลกทั้งใบ ไว้ได้ในกำมือของตัวเอง...
 


 
++++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 11 มีนาคม 2563
Last Update : 11 มีนาคม 2563 12:24:16 น. 0 comments
Counter : 492 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.