ภัยร้ายจากยุงลาย หรือ โรคไข้เลือดออก ถือได้ว่าเป็นโรคที่อันตรายมาก และ ยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขในพื้นที่ประเทศเขตร้อนชื้น โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของโรค ประชาชนคงรได้รับความรู้ และ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ป่วยที่สงสัยว่าตนเป็นไข้เลือดออก และ ผู้ดูแลนั้นได้รู้จักวิธีดูแลรักษาเบื้องต้นที่บ้านอย่างถูกต้อง รู้ถึงสัญญาณอันตรายซึ่งต้องรีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ ตลอดไปจนถึงรู้แนวทาง และ วิธีช่วยเหลือกันในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคขึ้นอีก ภัยร้ายจากยุงลาย ที่ไม่ควรมองข้ามสาเหตุของโรค ไข้เลือดออกเกิดจากไวรัสเดงกี่ โดยมี 4 ชนิด คือ เดงกี่ 1 เดงกี่ 2 เดงกี่ 3 และ เด็งกี่ 4 ซึ่งทำให้คนเรามีโอกาสที่จะป่วยจากโรคไข้เลือดออกได้หลายครั้ง โดยมียุงลายเป็นตัวพาหะนำโรค ซึ่งยุงลายจะทำการออกหากินในเวลากลางวัน และ คอยดูดเลือดคนเป็นอาหาร เมื่อเราถูกยุงลายกัด และ ดูดเลือดที่มีเชื้อจากผู้ป่วยแล้วไปกัดผู้ใดก็จะทำการถ่ายทอดเชื้อนี้ให้กับผู้ที่ถูกกัด และ ยังสามารถเป็นได้ทั้งในเด็ก และ ในผู้ใหญ่ แต่จะพบมากในเด็กอายุ 5 ถึง 9 ปี อาการของโรค เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายประมาณ 5-8 วัน ผู้ป่วยก็จะเริ่มมีอาการของไข้เลือดออก คือ - มีอาการไข้ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว และ ติดต่อกันประมาณ 3-7 วัน
- หน้าแดง ปวดศีรษะ ในบางรายอาจจะปวดรอบกระบอกตา ปวดเมื่อยแขนขา ปวดกระดูก และ อาจมีผื่นแดงตามบริเวณลำตัว
- มีอาการซึม เบื่ออาหาร ปวดท้อง อาเจียน
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหลังจากมีไข้มา 3-4 วัน ไข้อาจจะลดลงแล้วอาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ป่วยอาจจะมีอาการช็อกถึงตายได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการที่บ่งบอกถึงสัญญาณอันตราย คือ - มีไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการอ่อนเพลีย มือเท้าเย็น เหงื่อออก
- มีอาการกระหายน้ำ กระสับกระส่าย ชีพจรเบาลง มีอาการซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
- ปัสสาวะน้อยลง
- บริเวณปลายมือปลายเท้ามีสีคล้ำ และ รอบๆปากเริ่มเขียว
- อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
วิธีการดูแลเบื้องต้น - พยายามทำให้อาการไข้ลดลงโดยการเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดาเช็ดตัว และ ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำบ่อยๆ เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ หรือน้ำเกลือแร่ที่ใช้ในโรคท้องร่วง
- ไม่ควรให้ผู้ป่วยห่มผ้าหนาๆเพราะอาจทำให้ไข้ขึ้นสูงได้
Create Date : 14 สิงหาคม 2565 |
Last Update : 14 สิงหาคม 2565 1:02:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 294 Pageviews. |
|
|