ทำไมภาษาจีนมาหลายภาษา
หลายๆคนอาจสงสัยว่าทำไมภาษาจีนมีหลายภาษาจัง ไม่ว่าจะเป็นภาษาแต้จิ๋ว ภาษาฮกเกี้ยน ภาษาแคะ ภาษากวางตุ้ง และอื่นๆอีกมากมาย โดยที่ภาษาเหล่านั้นไม่สามารถคุยกันรู้เรื่อง!! (mutually intelligible) เรามาดูวิวัฒนาการของภาษาจีนกันดีกว่า
สัทวิทยาภาษาจีน (ระบบการออกเสียงในภาษาจีน) เชิงประวัติ
สัทวิทยาภาษาจีนเชิงประวัติว่าด้วยการสร้างระบบเสียงของภาษาจีนที่พูดกันในอดีตขึ้นใหม่ (reconstruct) เนื่องจากภาษาจีนถูกเขียนโดยใช้อักขระเชิงสัญลักษณ์ (logographic characters) ไม่ใช่อัขระที่เป็นตัวอักษร (alphabetic characters ) หรือใช้รูปแบบการสะกดคำ วิธีที่ใช้ในสัทวิทยาภาษาจีนเชิงประวัติจึงแตกต่างกับวิธีที่ใช้ในภาษาอย่างเช่นตระกูลอินโดยูโรเปียน (เช่นภาษาอังกฤษ) เป็นอย่างมาก
ภาษาจีนถูกบันทึกไว้เป็นระยะเวลานานมาแล้ว โดยงานเขียนบนกระดูกที่เก่าแก่ที่สุดนั้นย้อนไปเมื่อราว 1250 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงานเขียนโดยมากจะใช้อักขระเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งไม่ได้บ่งบอกถึงระบบการออกเสียงโดยตรง การสร้างระบบเสียงในอดีตขึ้นใหม่จึงทำได้ค่อนข้างลำบาก และต้องอาศัยแหล่งข้อมูลต่างๆที่บันทึกระบบการออกเสียงเอาไว้ เมื่ออิงจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้ ภาษาจีนในอดีตจะแบ่งได้เป็นสมัยต่างๆโดยสังเขปดังต่อไปนี้
ภาษาจีนสมัยเก่า อย่างกว้างๆจะนับตั้งแต่ 1300 ปีก่อนคริตกาลถึงศรรตวรรษที่ 1 หรืออย่างแคบลงมาคือ 1000 700 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งภาษาจีนสมัยเก่านั้นถูกสร้างระบบเสียงขึ้นใหม่โดยอิงจากสัมผัสของบทกวียุคเก่าอย่างชี่จิง (Shijing) และองค์ประกอบที่เกี่ยวกับระบบเสียงที่ปรากฏในตัวอัขระจีน
ภาษาจีนสมัยกลาง อย่างกว่างๆจะนับตั้งแต่ศรรตวรรษที่ 6 ถึงศรรตวรรษที่ 12 แคบลงมาคือศรรตวรรษที่ 6 ซึ่งภาษาจีนสมัยกลางนั้นถูกสร้างระบบเสียงขึ้นใหม่โดยอิงจากระบบการออกเสียงแบบละเอียดทีปรากฏในพจนานุกรมของเฉยยุน (Qieyun rime dictionary)
ภาษาจีนสมัยใหม่ ตั้งแต่ศรรตวรรษที่ 13 จนถึงปัจจุบัน ภาษาจีนสมัยใหม่กลุ่มต่างๆนั้นส่วนมากปรากฏว่าแตกแขนงออกมาจากภาษาจีนสมัยกลางตอนท้ายราวๆปี 1000 (แต่ก็พบว่ามีบางกลุ่มที่แตกแขนงออกมาก่อนหน้านั้นเช่นกัน)
โครงสร้างของภาษาจีนสมัยกลางนั้นคล้ายอย่างมากกับภาษาจีนสมัยใหม่กลุ่มต่างๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาที่อนุรักษ์นิยมอย่างภาษากวางตุ้ง Cantonese ) ซึ่งใช้คำพยางก์เดียวเป็นส่วนใหญ่ มีการเชื่อมคำ (สมาส/ สนธิ) น้อยมากหรือไม่มีเลย มี 4 ระดับเสียง แต่ละพยางก์ประกอบด้วยพยัญชนะต้น ตัวควบกล้ำ สระหลัก และตัวสะกด โดยมีพยัญชนะต้นมากมาย แต่มีตัวสะกดค่อนข้างน้อย ไม่มีอักษรควบ (cluster)ไม่ว่าจะพยัญชนะต้นหรือตัวสะกด (ยกเว้นควบกล้ำ)
ในทางตรงกันข้าม ภาษาจีนสมัยเก่านั้นมีโครงสร้างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีระดับเสียง และมีความสมดุลระหว่างจำนวนพยัญชนะต้นกับตัวสะกดมากกว่า และมีอักษรควบมากมาย มีระบบการผันคำและการเชื่อมคำที่ถูกพัฒนามาอย่างดี เช่นใช้พยัญชนะเพิ่มไปหน้าหรือหลังพยางก์หนึ่งๆ ระบบนี้คล้ายๆกับภาษาตระกูลโปรโตซิโนทิเบตัน (Proto-Sino-Tibetan) ที่ถูกสร้างระบบเสียงขึ้นใหม่ และยังปรากฏให้เห็นในภาษาเขียนของทิเบตอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงหลักๆที่นำไปสู่ภาษาจีนสมัยใหม่กลุ่มต่างๆคือการลดจำนวนพยัญชนะและสระลงพร้อมๆกันการเพิ่มระดับเสียง นี่นำไปสู่การค่อยๆลดจำนวนลงของพยางก์ที่เป็นไปได้ ในภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ดำเนินไปไกลกว่าที่ไหนๆนั้น มีพยางก์ที่เป็นไปได้อยู่เพียงราว 1200 แบบเท่านั้น ผลที่ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) จึงปรากฏคำสองพยางก์ให้เห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งแทนที่คำพยางก์เดียวที่ใช้ในอดีต ในขนาดที่ว่าคำส่วนใหญ่ของภาษาจีนกลางในปัจจุบันเป็นคำสองพยางก์
ภาษาจีนที่บ้านเรารู้จักกันดี เช่นภาษาฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว จัดอยู่ในกลุ่มภาษาหมิ่นใต้ (MIn Nan) นักภาษาศาสตร์ส่วนมากเชื่อว่าแตกออกมากจากภาษาจีนสมัยเก่าเมื่อราวๆ ปี 200 ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย ภาษากลุ่มหมิ่นใต้นี้ จึงเป็นภาษาในปัจจุบันที่ใกล้เคียงกับภาษาจีนสมัยเก่ามากที่สุด ดังนั้นเมื่อนำบทกวีในที่แต่งในสมัยรางวงศ์ฮั่นมาอ่านด้วยภาษาหมิ่นใต้ (ภาษาจีนทุกกลุ่มใช้ตัวภาษาเขียนแบบเดียวกัน) จะพบสัมผัสต่างๆที่จะไม่พบเมื่ออ่านด้วยภาษากลาง
ภาษาจีนกลุ่มอื่นๆไม่ว่าจะเป็นภาษากวางตุ้งที่ใช้ในฮ่องกง ภาษาแคะ (Hakka) ภาษาอู๋ที่เคยใช้แถวเซี่ยงไฮ้ แม้กระทั่งภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) นั้น ได้เริ่มแตกแขนงออกมาจากภาษาจีนสมัยกลางในสมัยราชวงศ์ถังเมื่อราวๆปี 600 - 900 อย่างไรก็ตามในบรรดาภาษาต่างๆที่แตกแขนงออกมาจากภาษาจีนสมัยกลาง ภาษากวางตุ้งนั้นเป็นหนึ่งในภาษาที่ยังคงเก็บเก็บรักษาและหลงเหลือร่องรอยภาษาจีนสมัยกลางไว้มากที่สุด
เนื่องจากความหลากหลายทางภาษาในประเทศจีน ทางรัฐบาลจึงต้องเลือกภาษากลางขึ้นมาภาษาหนึ่ง ปรากฏว่าภาษากลางในปัจจุบัน (แมนดาริน) มีคนในใช้มากที่สุด ณ ตอนนั้น แม้แต่ประชาชนที่ไม่ได้ใช้ภาษาแมนดารินอย่างประชาชนแถบเซี่ยงไฮ้ (ภาษาอู๋) ก็ยังสามารถเข้าใจภาษาแมนดารินได้ในระดับหนึ่ง รัฐบางจึงประกาศให้แมนดารินเป็นภาษากลางนั่นเอง
*ภาษาในที่นี้หมายถึงภาษาพูด
https://en.wikipedia.org/wiki/Historical_Chinese_phonology
Create Date : 21 มิถุนายน 2560 |
Last Update : 21 มิถุนายน 2560 21:48:19 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1483 Pageviews. |
|
|
พยางก์ --> พยางค์