space
space
space
 
มิถุนายน 2561
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
25 มิถุนายน 2561
space
space
space

อุทัยเทวีหนีไปปีนเขา








อุทัยเทวีหนีไปปีนเขา

Ep.1 Hiking จริงจัง ปลุกพลังในตัวคุณ 




สวัสดีค่า วันนี้ดีเจ "คก คก คก" ขอพาทุกคนหนีความวุ่นวายไปหย่อนใจสไตล์ชิลๆ ที่เกาะอังกฤษ อังกฤษนั้นมีธรรมชาติที่งดงามไม่แพ้ที่ใดในโลก จึงตั้งใจว่าอยากไปในที่ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ อยากไปสัมผัสมุมมองใหม่ๆ แบบ Unseen England และก็อยากทำ Blog ชิลๆเล่าเรื่องราวและประสบการณ์สนุกๆในการเดินทางให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เผื่อใครอยากมาก็จะได้รีบจัดกระเป๋าเดินทางมาได้เลย การเดินเขาครั้งนี้ตัดสินใจลงทะเบียนไปเดินเขากับมหาวิทยาลัย ซึ่งก็นับว่าเป็นการปีนเขาครั้งแรกในชีวิต ในใจคิดว่าถ้าไปกับมหาวิทยาลัยน่าจะปลอดภัยถ้าเกิดเดี้ยงก็คงมีคนหามส่งโรงพยาบาล แถมมีอาจารย์คอยเล่าเกี่ยวกับประวัติและที่มาที่ไปของสถานที่ให้เราได้ความรู้ด้วยนับขอดีได้มากมายก็รีบสมัครออนไลน์เลย ทริปนี้ฉายเดี่ยวค่ะเพราะชวนเพื่อนแล้วนางไม่ว่าง หลังจากนั้นก็ได้รับอีเมลตอบรับและสิ่งที่ ผศ Federico Caprotti ผู้นำทริปแนะนำคือให้เตรียมคือ เสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ครบทุกฤดู นั่นแปลว่าอากาศบนเขาจะแปรปรวนมาก ทั้งหนาวทั้งฝน และ ทั้งแดด (จริงๆแล้วอังกฤษก็ฝนตกตลอดเวย์) เอาเป็นว่าต้องเตรียมทั้งหมวกทั้งแว่นกันแดด เสื้อกันฝน และ เสื้อหนาวไปให้พร้อม ทำให้นึกถึงโฆษณาเมืองไทยประกันชีวิต ที่มีผู้ชายที่จะไปดำนำเดินป่าดูปะการังในวันเดียวกัน 555 อาจารย์ให้เตรียมอาหารและน้ำดื่มไปเอง แต่สิ่งสำคัญคือรองเท้าต้องกันน้ำกันลื่น  ห้ามTrainerหรือรองเท้าผ้าใบ ซึ่งจริงๆต้องเป็นรองเท้าสำหรับปีนเขาจะดีที่สุด แต่....ไม่มี ดังนั้นจึงเอารองเท้าบูธที่กันน้ำและกันลื่นไปแก้ขัดไปก่อนซึ่งเฉพาะรองเท้าก็มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลทำไงได้ต้องใช้ของที่มีก่อน 

วันก่อนเดินทางอุณหภูมิกำลังดีประมาณ 16 องศาเซลเซียสและพยากรณ์อากาศจาก BBC ก็บอกให้ดีใจว่าพรุ่งนี้มีแดดจ้า พอฟังก็ใจชื้นเพราะขอแค่ฝนไม่ตกก็โอมากแล้ว เลยจัดการเข้าครัวเตรียมข้าวผัดไก่ แซนด์วิชทูน่าและน้ำเปล่า 2 ขวดเล็ก เตรียมไปทานเป็นมื้อเช้าและมื้อกลางวัน และรีบเข้านอนให้ไม่เกินเที่ยงคืนเพราะคงต้องใช้พลังมากในการปีนเขา เพราะอาจารย์แจ้งว่าเส้นทางจะมีการปีนขึ้นลงเขาและเดินรวมระยะทางประมาณ 13-15 กม.มันต้องสนุกสนานมากๆแน่ๆ ได้เวลาาา คก คก คก ลุยยยย 

ถึงวันเดินทางก็เข้าเมืองไปที่จุดนัดพบที่หน้าร้านโชว์ห่วย Seven streets ซึ่งเปิด 24 ชม.และมักจะเป็นจุดนัดพบสำหรับนักเดินทางเพราะสะดวกมีที่จอดรถด้านหน้าร้าน มาถึง 9 โมงเช้า ก็เจอเพื่อนใหม่ในการเดินเขา 5 คนรวมดีเจ คก คก คก ก็เป็น 6 พอดีแหมช่างคล้องจอง เพื่อนใหม่เป็นคนฮ่องกง จีน อเมริกัน และ อังกฤษ หลากหลายดีค่ะ ทุกคนเป็นเด็ก Undergraduate ปี 1 เด็กมากๆ ส่วนเรานั้น Young at heart อิอิ เราต้องยืนรอรถมินิบัสประมาณครึ่งชั่วโมง พอรถมาก็เดินทางออกนอกเมืองไปยังเมือง Bigbury เป็นเมืองตากอากาศติดทะเล ทริปนี้เป็นการวางแผนการเดินจาก Bigbury to Mothecombe ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของ Cornwall ส่วนเมืองที่ดีเจ คก คก คก อยู่คือเมือง Exeter อยู่ในเขตการปกครองของ Devon ค่ะ ซึ่งก็ไม่ไกลกันเท่าไร 




พอไปถึงก็เจอวิวทะเลสวยงามมากเพราะเป็นวิวทะเลแบบ 180 องศา อาจารย์ให้เวลา 15 นาทีเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะต่อไปนี้ จะมีแต่ Wild toilet เรียกง่ายๆว่าต้องหาสุมทุมพุ่มไม้เอาตามสะดวก 


เข้าห้องน้ำเสร็จได้เจอนวัตกรรมเรือข้ามฝากใหม่ค่ะ ยืมไปใช้ตอนน้ำท่วม กทม ได้เลย 

พอได้เวลาอาจารย์ก็รวมพลและเริ่มเดินทางกัน 




อาจารย์ผศ Federico Caprotti เป็นชาวอิตาเลี่ยนที่โตมากับการ Hiking อาจารย์เล่าว่าเริ่มเดินตั้งแต่อายุ 7 ขวบว่าทำไมอาจารย์จึงมีสปีดที่ต่างจากคนธรรมดา ก้าวทีเท่ากับคนอื่นสองเท่า บทสนทนาช่วงต้นจึงมีแค่สั้นๆ พวกเราก้าวเดินด้วยใจเบิกบานเพราะวิวสวยมากอากาศก็ชื้นๆอุณหภูมิกำลังดี เดินพื้นราบไปได้สัก 10 นาทีสิ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าคือภูเขาที่ต้องปีนขึ้น เอียงประมาณ 60 องศา ความเงียบเริ่มครอบงำได้ยินแต่เสียงรองเท้าและเสียงหอบ คนรั้งท้ายไม่ใช่ใครก็ดิฉัน คก คก คก เองค่าา และหอบดังกว่าใครในสามโลก ดังไปถึงเขาลูกหน้า ตอนที่ทุกคนปีนไปถึงยอดเขาและมองลงมานั้น เป็นความรู้สึกคล้ายๆกับมาเรียนสายแล้วโดนครูฝ่ายปกครองทำโทษให้ยืนหน้าเสาธงเลย อิอิ





เดินไปจนถึงยอดเขาแรกคือสวยมากมองไปเป็นทะเลที่สงบราบเรียบโอบด้วยภูเขาไล่เรียงกันไป อาจารย์ให้ความรู้ว่าหินที่เกาะอยู่ตรงไหล่เขาเป็นหินปูน ดังนั้นระวังเวลาเดินให้เว้นระยะห่างจากไหล่เขาประมาณ 3 เมตร แล้วเวลาเดินให้ระวังหลุมงู งูที่นี่ก็เหมือนงูทั่วโลกที่สวยและมีพิษมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในหลุม พูดยังไม่ทันขาดคำ ขาของเพื่อนคนนึงก็ลงไปในหลุมงูเรียบร้อย ทุกคนอ้าปากค้าง คนอังกฤษกับอเมริกันร้องพร้อมกัน Oh my God !!! โชคยังดีที่งูไม่อยู่เพื่อนชาวอังกฤษคนนั้นเลยปลอดภัย อาจารย์ไม่รอช้าคล้ายมีนัดส่งผ้าไปซัก รีบเดินต่อไปอย่างเร่งรีบ พวกเราปีนเขาไปอีก 4 รอบเขาชันขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ดิฉันก็ยังคงรั้งท้ายคอยดูแลความปลอดภัยท้ายขบวนตลอด แฮ่กๆๆ




แล้วอาจารย์ก็หยุดที่ดอกไม้สีเหลืองชื่อว่า Gorse (โกร์ส) ซึ่งเป็นดอกสีเหลืองเล็กๆน่ารักออกดอกเป็นพุ่มเตี้ยๆ มีให้เห็นในรูปด้านบนด้วยน้าาา แต่จะเล็กหน่อย ความแปลกก็คือถ้าก้มลงดมใกล้ๆกลิ่นของดอกไม้จะมีกลิ่นเหมือนน้ำมันมะพร้าว ซึ่งพอลองดมดูก็รู้เลยว่าเหมือนมีคนมาทำน้ำมันมะพร้าวมาหกไว้เลย ดอกไม้ชนิดนี้พบได้ทั่วไปในอังกฤษ อยากเห็นหน้าตาว่าเป็นอย่างไรเข้าดูในบทความ When the Gorse is in Bloom ตาม Linkนี้ได้เลยจ้า https://thescottishhome.blogspot.com/2006/06/when-gorse-is-in-bloom.html  
ดีเจ คก คก คก เป็นคนบ้าดอกไม้ใบหญ้ามากและอังกฤษก็มีดอกไม้สวยเยอะมากด้วยเลยทำให้เพลิดเพลินเจริญใจมาก 

หลังจากนั้นเราก็เดินต่อไปรวมเวลาได้ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ประมาณ บ่ายโมงพอดี อาจารย์จึงให้เราหยุดพักทานข้าวเที่ยว และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาแห่งความสุขของดีเจ คก คก คก ข้าวผัดไก่ที่ผัดมาจากบ้านมูลค่าไม่ถึง 50 บาทตอนนี้ราคาน่าจะขึ้นไปอยู่ที่จานละ 1,500 บาทเพราะวิวที่เห็นตรงหน้าสวยกว่าภัตตาคารที่ไหนที่เคยเจอมา










 นั่งทานไปนั่งชื่นชมความงามของธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์บนยอดเขา อุณหภูมิน่าจะประมาณ 12 องศา หมอกลอยผ่านไปแบบเอื้อมมือจับได้ นี่มันสวรรค์บนดินแท้ๆ ตอนนั้นคือตอนที่หัวสมองว่างเปล่ามาก ความเครียดกังวลต่างๆหายไปหมด มองออกไปเราก็เป็นเพียงจุดเล็กๆบนโลก ความสงบทำให้เราคิดได้ว่าเวลาที่เรามีเรื่องทุกข์ใจเรามักเห็นว่ามันใหญ่โต แต่จริงๆแล้วมันเล็กมากๆถ้าเทียบกับโลกใบนี้ และแล้ว ดีเจ คก คก คก ก็พองโต พร้อมฮัมเพลงพระราชนิพนธ์ยิ้มสู้ ในใจว่า 

" คนเป็นคนจะจนหรือมี ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่
ยามปวงมารมาพาลลบหลู่ ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย
ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน"
...อ้างอิงhttps://www.siamzone.com/music/thailyric/12093

รู้สึกว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรจะเล็กหรือใหญ่เราก็พร้อมจะยิ้มสู้และฝ่าฟัน เหมือนเวลาที่เราปีนเขา มันเหนื่อยมากแต่ถ้าเราไม่หยุดก้าวเราก็จะถึงจุดหมายในไม่ช้า 

นั่งพักกันประมาณครึ่งชั่วโมง อาจารย์ก็รวมพลและเดินทางต่อ มีเพื่อนคนจีนใส่เสื้อผ้าบางมาเพราะคิดว่าอากาศไม่น่าจะเย็นมากจึงทำให้หนาวสั่น ดีเจ คก คก คก แนะนำให้กอดกันไว้ และสละเอาเสื้อกันฝนมอบให้ใส่เพิ่มอีกชั้น เลยกลายเป็นว่ามีเพื่อนเดินจูงมือกันไปให้ความอบอุ่นกันไปในสายหมอก เส้นทางการเดินลงเขาค่อนข้างลำบากเพราะต้องอาศัยการทรงตัว อาจารย์มีวิชาตัวเบาคล้ายติดสลิงลงเขาไปอย่างรวดเร็ว ด้วยตำแหน่งการเดินของดีเจ คก คก คก คือตำแหน่งรั้งท้ายเสมอ แต่ตอนลงเขากลายเป็นว่ามีคนรั้งท้ายกว่านั่นคือเพื่อนชาวอังกฤษเพราะมีความกลัวความสูง เวลาลงจะเห็นความชันและความลึกของภูเขา อันไหนชันมากก็เลยช่วยพยุงโดยยื่นมือรอรับจากด้านล่าง ด้านความปลอดภัยอาจช่วยไม่ได้มากแต่ด้านจิตใจช่วยได้เยอะเลยเพราะความกลัวลดระดับลงอย่างรวดเร็ว พอถึงพื้นราบเราเลยได้เพื่อนใหม่ที่น่ารักเพิ่มขึ้นอีกคน 

อาจารย์หยุดตรงฝูงวัวและถามว่าใครจะเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ทุกคนพยายามมองหา ก็พบว่ามีซุ้มอิฐเล็กๆข้างๆฝูงวัว ซึ่งก็ไม่ใช่ห้องน้ำ แต่สามารถเอาตัวไปหลบได้ เพราะตั้งแต่เดินมาเป็นลานกว้างๆไม่มีพุ่มไม้ใดๆ ดีเจ คก คก คก ก็ตัดสินใจขอไปเข้าห้องน้ำแนวป่าๆเขาๆเพียงลำพัง โดยมีวัวสองสามตัวหันมองมาด้วยความห่วงใย ก่อนออกมายกมือไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา ขอบคุณที่สละสถานที่ให้ 

ลงจากภูเขาลูกสุดท้ายก็ได้มาเจอแม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกับทะเลทำให้เกิดน้ำกร่อยตรงจุดนี้คือเรามาถึง Mothercombe แล้ว 






ความแปลกของธรรมชาติคือแม่น้ำจะไหลกลับไปกล้บมาแล้วแต่เวลา เป็นครั้งแรกที่พบว่าที่เขาเคยบอกว่าสายน้ำไม่มีว้นไหลกลับนั้นไม่จริงเสมอไป อะไรก็ไม่แน่นอน แม้สายน้ำยังหวนกลับได้ น้ำตรงจุดนี้ใสมากเราเลยถอดรองเท้าแล้วเอาเท้าไปแข่น้ำ เพราะตอนนี้เท้าระบมมากเนื่องจากเดินมาในระยะทาง 15 กม ด้วยรองเท้าบูธที่หนักข้างละครึ่งกิโล ตอนถอดรองเท้าวิ่งลงไปในน้ำคือหวังไว้ว่าน้ำน่าจะอุ่นเพราะแดดออกแต่ตรงกันข้ามน้ำเย็นเป็นน้ำแข็ง นี่ถ้าเอากระป๋องน้ำอัดลมมาแช่คงได้ดื่มแบบเย็นเจี๊ยบกันเลย ปฏิบัติการแช่เช้าเลยต้องจบลงอย่างรวดเร็ว 


ปิดการเดินทางด้วยมินิบัสมารับ บนรถเพื่อนๆแบ่งขนมกันทาน แม้ว่ายังจำชื่อกันไม่ได้แต่มิตรภาพที่ดีดีก็ได้เกิดขึ้น แล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็สลบหลับไปโดยไม่รู้ตัว ประมาณ 45 นาที ก็ถึงเมือง ตอนแยกย้ายต่างคนต่างหมดสภาพแต่ก็จากกันด้วยรอยยิ้ม ดีเจ คก คก คก รู้สึกว่าต้องนั่งพักเพราะน่าจะเดินกลับที่พักไม่ไหว เลยไปนั่งจิบชอล์คโกเลตร้อนที่ร้านกาแฟ ร่างพังแต่ก็นั่งยิ้มกับตัวเอง เพราะย้อนไปมองว่าทริปเดินเขาที่เพิ่งจบไป มอบอะไรให้เรามากมายจริงๆ และทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น ภูมิใจในตัวเองที่ต่อสู้กับความเหน็ดเหนื่อยและความสาหัสในการปีนเขามาได้ ลงจากเขาลูกนี้แล้วเราไม่ใช่ ดีเจ คก คก คก คนเดิมอีกต่อไป เพราะเราได้กลายเป็น ดีเจ คก คก คก ยกกำลังสิบ เหมือนได้เดิมพลังมหาศาลให้หัวใจ ต่อไปก็เป็นเรื่องง่ายที่เราจะกระโดดให้สูงและไกลกว่าเดิม ว่าแล้วรีบจองทริปปีนเขาต่อไปทันที แต่ขอรองเท้าปีนเขาดีดีสักคู่ด้วยละกันน้าาา ของมันต้องมีอะ (พี่ขวัญบอก) 

วันนี้ดีเจ คก คก คก ลาไปก่อน See you next EP นะคะ 





Create Date : 25 มิถุนายน 2561
Last Update : 25 มิถุนายน 2561 8:36:02 น. 1 comments
Counter : 851 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณMax Bulliboo


 
เราก็ชอบเดินตามธรรมชาติแบบนี้ค่ะ แต่ถ้าเดินไปเจอ...วัว...เราจะไม่กล้าเข้าใกล้เลย เพราะได้ยินมาว่า วัวหากมีลูกเล็กๆอยู่ด้วยจะดุมาก...เคยมีนักเดินป่าโดนวัวทำร้ายมาแล้ว(อ่านข่าวเจออ่ะนะคะ น่าจะแถวๆ ออสเตรีย) นี่เราก็กำลังแพลนทริปจะไปเดินป่าแถวๆ Madeira หากลงตัวคงจะไปเดือนกันยายนนี้แหละค่ะ อ่ะงั้นโหวตให้เลยค่ะ


โดย: Max Bulliboo วันที่: 27 มิถุนายน 2561 เวลา:0:57:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 4627236
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 4627236's blog to your web]
space
space
space
space
space