มกราคม 2562

 
 
1
4
6
13
17
20
22
27
30
31
 
 
All Blog
สะดุดรักคุณเมีย บทที่ 2 หน้าที่ 3


สะดุดรักคุณเมีย

บทที่ 2

วันนั้นมีผู้หญิงมาเยี่ยมปริมอีก 3-4 คน และหลังจากนั้นอีกมากมายหลายจนจำหน้าไม่ได้ 


ทุกคนต่างก็อยู่พูดคุยไม่เกิน 10 นาที เนื่องจากณรินทร์สาธยายอาการเกินจริงของชายหนุ่มไว้มากมาย 


รวมพนักงานที่บริษัทด้วย แต่หน้าตาปริมไม่ได้ร่าเริงแต่อย่างใดเขาได้แต่หม่นหมองอย่างอมทุกข์


วันสุดท้ายโปรดมาเยี่ยมเขา และรับรู้ถึงความเซื่องซึมของน้องชายก็เป็นห่วง


“อะไรของนาย ปฏิกิริยาแบบนี้ อาการแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”


“พี่...ผมต้องพิการจริงๆ เหรอ” 


ชายหนุ่มเสียงอ่อยอย่างเห็นได้ชัด


โปรดมองหน้าณรินทร์ที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน พ่อกับแม่มาภายหลัง


ดูแม่ดีใจที่บุตรชายจะได้กลับบ้าน


“วันนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วสิ ต้องขอบใจหนูรินทร์มากนะคะที่มาเฝ้าตาปริมให้”


“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่”


“แม่...” ปริมเรียกแม่ราวกับลูกแหง่


“อะไรลูก” 


แม่พลอยตกใจกับเสียงสั่นเคลือของลูกชาย


“ผมกลายเป็นคนพิการจริงๆเหรอ” 


เสียงอันอมทุกข์มาร่วมอาทิตย์เปร่งออกมา แม่พลอยมองบุตรชายอย่างสงสัย


ณรินทร์ยิ้ม


“ฮือ คุณอย่าคิดมากไปเลย เดี๋ยวพักฟื้นสักหน่อย 

คุณก็เดินได้แล้วนะลิ้นคุณก็ไม่ได้แข็ง ยังพูดได้เหมือนเดิม 


ขาคุณก็แค่กระดูกเดาะ เข้าเผือก 2เดือนก็หายแล้ว ส่วนหน้าคุณก็ไม่ได้มีแผลสักหน่อย”


“ฮ้า...อะไร” 


ชายหนุ่มทำหน้าตกใจแถมโกรธที่โดนหลอก


เขาขอกระจกส่องหน้า ก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่อยากเห็นหน้ามัมมี่ตัวเอง


“นี่คุณหลอกผมเหรอ”


“เปล่าสักหน่อย ฉันก็แค่ช่วยคุณพิสูจน์ใจสาวๆที่มาล้อมคุณ 


เขาจริงใจกับคุณขนาดไหน เกิดคุณเสียโฉม กลายเป็นคนพิการ 


พวกเขาจะยังรักคุณไหมก็เท่านั้นเอง” 


หญิงสาวพูดราวกับว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันถูกต้องแล้ว


ปริมมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ


“ทำไมคุณทำร้ายจิตใจผมขนาดนี้ ผมนอนร้องไห้ทุกคืนเลยนะ”


“คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย เรื่องแค่นี้ร้องไห้ทำไม”


“แค่นี้ที่ไหน คุณเอาชีวิตผมไปล้อเล่น คุณแช่งให้ผมตายยังไม่พอยังแช่งผมให้พิการ คุณจะรับผิดชอบชีวิตผมได้ไหม”


พ่อกับแม่ที่มองลูกสะไภ้ทีลูกชายที ก็ขำกันอย่างเอ็นดู


ไม่เคยเห็นลูกชายแง่งอนใส่ผู้หญิงแบบนี้ แสดงว่าลูกสะไภ้คนนี้ก็คงไม่ใช่เล่น


“คุณแม่ดูสิครับ เขาแช่งให้ผมตายทุกวัน เขาแช่งให้ผมพิการ 


เป็นผู้หญิงที่จิตใจร้ายกาจมาก ผมจะเลิกกับเขา” 


ปริมเอ่ยอย่างเดือดดาษ


“ค่อยๆ พูดกันก่อนสิลูก”


“ไม่เป็นไรค่ะแม่” หญิงสาว กดตาต่ำมองคนอยู่บนเตียง


“คุณอย่าลืมสิ ว่าการที่คุณมานอนอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ มันเพราะอะไร”


ณรินทร์พูดเสียงกดต่ำอยากเยือกเย็น 


ปริมถึงกับตัวแข็งทื่อหนาวเหน็บสันหลัง


ทำเอาพ่อกับแม่ที่มองดูอยู่แอบขำลูกชาย ที่หงอกับผู้หญิงบ้านๆ ของเขา


“เอาล่ะๆ เรื่องที่แล้วไปแล้วก็ช่างมันเถอะ ณรินทร์ก็อภัยให้ปริมเขาเถอะนะ


ส่วนปริมควรที่จะคิดนะลูก เรารอดมาได้ขนาดนี้แล้ว 


กลับตัวกลับใจเป็นคนดีซะเราแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ไม่ควรทำตัวเหลวไหล”


“นี่แม่ ทำไมไปเข้าข้างยัยผู้หญิงใจร้ายคนนี้”


“ถ้าฉันใจร้าย ฉันจะมาเฝ้าคุณทุกวันเหรอ” เธอรีบสวน


“เหอะ..ก็แค่เอาหน้ากับแม่ผมเท่านั้นแร่ะ”หญิงสาวขำกับความคิดแบบเด็กๆ


“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว” แม่พลอยปราม


“เดี๋ยวกลับไปพักฟื้นที่บ้าน แม่จะให้ กบเขาดูแลก็แล้วกัน 


เพราะหนูรินทร์ทิ้งสวนมาหลายวันแล้ว” 


แม่พลอยเอ่ยปลอบลูก


ชายหนุ่มแม้จะกำลังโกรธจัดแต่หัวของเขาไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมากมาย และไม่ได้มีผลต่อสมอง


 เขาเห็นช่องทางที่จะเอาคืนกับความใจร้ายของณรินทร์ที่ทำร้ายจิตใจเขาในครั้งนี้


“ไม่ล่ะ ผมจะไปอยู่อยุธยา” 


เขารีบตอบ เชิดหน้างอนหนีหญิงสาว


แม่พลอยหันมายิ้มกับณรินทร์


ในเมื่อเธอหาว่าเขาเป็นคนพิการ เขาก็จะให้เธอดูแลคนพิการอย่างเขา


ในเมื่อเธอหาว่าเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เขาก็จะหาทางเอาคืนคำพูดนั้น


ในเมื่อเธอกล้าทำร้ายจิตใจเขามากมายขนาดนี้ จนต้องหลั่งน้ำตาลูกผู้ชาย 


เขาก็จะหาทางกลั่นแกล้งเธอให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำไม 


ปริมคิดแล้วกระหยิมอยู่ในใจขณะที่ถูกเข็นรถออกจากห้อง 


เขานั่งรอณรินทร์ที่รอรับยาที่เคาน์เตอร์พลางคิดแผนการของตัวเองอยู่เงียบๆ


ณรินทร์ยืนรับยาและซักถามเภสัชเรื่องการกินยาอย่างละเอียดอยู่นั่น 


พลันมีร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาทักทายกับเธอ ปริมมองดูอย่างสงสัย 


เพราะชายคนนั้นเขารู้จักดี แทนคุณ รุ่นพี่ที่คณะวิศวกรรมของเขานั่นเอง 


ดูทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม


“สบายดีไหม รินทร์”


“สบายดีค่ะ ตอนนี้แทนทำอะไรอยู่ที่ไหนคะ ไม่เจอตั้งนาน”


“ตอนนี้ก็เปิดบริษัทรับออกแบบ”


“ดีจัง เจริญก้าวหน้าจริง” หญิงสาวเอ่ย


ปริมมองดูกิริยาทั้งสองที่คุยกันอย่างสนิทดูณรินทร์ยิ้มแย้มอย่างน่ารัก


“รินทร์ทำอะไรอยู่ที่ไหนครับ”


“ปลูกผักเฝ้าบ้านค่ะ แม่แก่แล้ว ต้องอยู่ด้วย 24 ชั่วโมง” เธอตอบ


“ดีจัง มีลูกสาวดูแล”


“ก็เราเป็นลูกนินา แม่ทำหน้าที่ของแม่จนแก่ชราแล้ว ถึงเวลาเราก็ต้องทำหน้าที่ลูก”เธอตอบยิ้มๆ


“ใช่ครับ”


“แล้วนี่แต่งงานยัง” ชายหนุ่มถาม


“เอ้อ...แล้วแทนล่ะคะ” แทนที่จะตอบเธอกลับถามเขาคืน


“เอ่อ ผมเพิ่งหย่ากับอดีตภรรยา” เขาตอบอ้อมแอ้ม


“อ้อ...เสียใจด้วยค่ะ แล้วมีลูกยัง”


“ยังครับ”


“เดี๋ยวก็คงได้เจอคนที่ดีๆนะคะ ปีใหม่แล้ว ให้โอกาสกับตัวเอง สิ่งดีๆจะเข้ามาหาเราเองค่ะ” 


เธอเอ่ยปลอบ


“ครับ ผมก็คิดแบบนั้น”


 เขามองเธอตาประกาย รินทร์ยิ้มให้


“แล้วนี่ใครเป็นอะไรครับ ยาเต็มถุงเชียว”


“อ้อ” 


เธอมองไปที่ร่างทรงจ้องเขม็งมาที่เธอกับแทนคุณ


“อ้าว ปริม เป็นอะไร ทำไมนั่งรถเข็น” 


แทนคุณเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม ปริมยกมือไว้รุ่นพี่


“รู้จักกันด้วยเหรอ”


“เขาเป็นหลานรหัสผมเองครับ”


“อ้อ” 


ณรินทร์มองอย่างไม่อยากเชื่อ


“แล้วนี่พี่แทนรู้จักคนแบบนี้ด้วยเหรอครับ” 


ปริมถามย้อนตากลมโตมองเขาราวกลืนกินกับสรรพนามที่เขาเรียก


“คุณรินทร์เหรอ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นคนละคณะบังเอิญได้รู้จักกันเพราะกิจกรรมรับน้อง”


“อ้อ...นิเธอ เรียน มหาลัยเดียวกันผมเหรอ” 


ปริมถามอย่างไม่อยากเชื่อ


“ก็ดีแล้วที่ไม่ใช่คณะเดียวกัน มีหลานรหัสแบบนี้ตีตายเลย”


แทนคุณมองทั้งคู่อย่างแปลกใจ ดูสนิมสนมกันดี


“ดูสนิทกันดีจังนะ”


“เปล่าหรอกค่ะ แค่บังเอิญรู้จัก”


ปริมตาถลนใส่ที่เธอเอ่ยแบบนั้น


“นายไปทำอะไรมาล่ะปริม”


“ขับรถชนต้นไม้ ต้นไม้ตายหมด แต่คนไม่ตาย น่าเสียดาย”


“นี่คุณจะแช่งผมไปถึงเมื่อไหร่” 


ชายหนุ่มอดโมโหไม่ได้กับคำพูดที่ไม่เคยหวังดีกับเขาไม่ได้


“แล้วแทนมาทำอะไรคะ”


หญิงสาวหันไปถามแทนคุณ


“มาเยี่ยมหลานครับ”


“เหรอคะ งั้นรินทร์ต้องไปแล้วล่ะ ทิ้งแม่ไว้บ้านพี่ชาย เป็นห่วง”เธอรีบขอตัวเขา


“หายไวๆ นะปริม”


“ขอบคุณครับพี่ ลาล่ะครับ” 


ปริมไหว้ลาปู่รหัส แล้วบุ้ยใบ้ให้หญิงสาวมาเข็นเขา 


แล้วนั่งเต๊ะท่าอย่างเท่ห์ที่หญิงสาวทำราวกับเป็นทาสเขาไปแล้ว


รินทร์หันมายิ้มลาแทนคุณแล้วโบกมือลา ก่อนจะเข็นรถวิลแชร์ไป 


พลางแกล้งชายหนุ่มไปตลอดทาง แทนคุณมองตามอย่างแคลงใจที่ทั้งสองรู้จักกันแล้วยังสนิทสนมกันขนาดนั้น


รินทร์ต้องคอยพยุงปริมที่ตัวใหญ่โตขึ้นรถ และลงรถอย่างลำบากเขาเองก็คอยแกล้งทิ้งน้ำหนักใส่เธออย่างจงใจ


ขณะที่อยู่บนรถ เขาข้องใจที่หญิงสาวไม่ยอมตอบแทนคุณว่าแต่งงานแล้ว


“ทำไมคุณไม่บอกพี่แทนว่าแต่งงานแล้ว” เขาเอ่ยปากถาม


หญิงสาวแปลกใจกับคำถามแปลกๆ ของอีกฝ่าย


“แล้วฉันจะต้องปิดกั้นตัวเองทำไมล่ะ” เธอตอบซื่อๆ


ชายหนุ่มขบฟัน


“ไม่มียางอาย”


“อ้าว” 


ณรินทร์หันมามองอีกฝ่าย


“หมอก็ เอ็กซเรย์สมองคุณแล้ว ไม่ได้มีผลกระทบกระเทือนอะไรนิ” 


เธอเล่าให้เขาฟัง


“แล้วยังไง” เขาถามข้องใจ


“ทำไมตั้งคำถามพิลึกพิลั่น”


“พิลึกตรงไหน คุณหาว่าผมไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น 


แล้วแช่งให้ผมตายแช่งให้ผมพิการ แต่ตัวเอง ไม่กล้าบอกผู้ชายคนอื่น 


ว่าแต่งงานแล้วดูจากพฤติกรรมแล้ว ใครกันแน่ที่คิดไม่ซื่อสัตย์”


หญิงสาวชำเลืองตามองคนข้างๆ แล้วใช้ความคิด


“เรายังไม่ได้เป็นสามี ภรรยา อย่างถูกต้องนะ 


จะว่าไปเราแค่จัดงานเพื่อให้ผู้ใหญ่ท่านสบายใจ แต่เรายังไม่ได้เป็นสามี ภรรยาทั้งพฤตินัย และนิตินัย 


เพราะฉนั้น ฉันมีสิทธิ์ที่จะบอกว่าโสดหรือไม่โสดแล้วอีกอย่างการที่คุณจะไปเที่ยวกับผู้หญิงที่ไหนนั่น 


ฉันไม่ได้แคร์หรอกนะ แม่คุณแม่ท่านรับไม่ได้กับพฤติกรรมอันเหลวแหลกของคุณท่านจึงมาขอร้องให้ฉันไปเฝ้าคุณก็เท่านั้น”


หญิงสาวไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายหน้าแดงเพราะความโกรธ


“พฤติกรรมของคุณน่ะ มันแสบซะเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดจนบัดนี้”


ปริมได้แต่กล้ำกลืนความโกรธลงคอ


เขาคิดหาคำพูดมาตอบโต้กับหญิงสาวไม่ได้สักคำ สุดท้ายเขาเลยหลับไป 


มีเมียเหมือนมีแม่อีกคนชัดๆ




Create Date : 09 มกราคม 2562
Last Update : 9 มกราคม 2562 7:23:06 น.
Counter : 677 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]