มกราคม 2565

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
เชื้อมันร้าย เชื้อมันรัก ตอนที่ 2 หน้า 2
เชิญขวัญ นั่งทบทวนตัวเอง ด้วยเหตุผลอะไรที่เธอมาเรียนเภสัชกรรมต่อ ทั้งที่เธอไม่คาดคิดและวางแผนเอาไว้เลยว่าจะมาเรียนด้านนี้


จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปีก่อนล่ะมั้ง ที่น้องสาวพยาบาล ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง มาเปรยๆ กับเธอว่าอยากเปิดศูนย์บริการดูแลแม่และเด็กก่อนและหลังคลอด แต่น้องสาวที่เป็นอาจารย์พยาบาลนั้น

ยังติดใช้หนี้ทุนรัฐบาลอยู่ เลยไม่สามารถที่จะขยับขยายอะไรได้ อีกทั้งยังก่อหนี้เพิ่มตอนไปเรียนปริญญาโทเสียอีก เชิญขวัญเลยได้เปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อหาสถานที่เรียนผดุงครรภ์ ประจวบเหมาะกับเพื่อนรัก ที่รู้จักกันมานับยี่สิบปี

ได้เรียนจบแพทย์แผนโบราณ ภาค ก ทั้ง 4 สาชา มาแล้ว มาพูดกรอกหูเธอไว้ ก่อนหน้านี้นับ ครึ่งปี เรื่องที่เธอเรียนจบและเตรียมสอบสภารับไปประกอบ



เชิญขวัญ แค่โทรปรึกษาเธอเรื่องผ้าพื้นเมืองทางเหนือ ได้เลยเถิดบทสนทนาไปไกลถึงหลักสูตรเรียนแพทย์แผนโบราณ ภาค ก ไปเรียบร้อย

ไหนๆ เธอก็ไม่ได้ยิดติดกับการเป็นลูกจ้างของบริษัทไหน เธอเลยตัดสินใจลงเรียนผดุงครรภ์ ซึ่งหลักสูตรก็เพียงแค่ 1 ปี เลือกเรียนวันอาทิตย์  คนง่ายๆ อย่างเธอ ไม่อยากมีความยืดเยื้อกับอะไรมากมาย เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ลงมือทำไปเลยไม่ชักช้า
ปีแรกที่เริ่มเรียนผดุงครรภ์

ก็ประสบกับโรคระบาดที่เริ่มก่อตัวจากต่างประเทศ ทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างยากทุลักทุเลแล้ว แต่ทุกคนก็สอบผ่านไปได้ด้วยดี เทอมสุดท้ายที่ไปสอบนั้น น้องเกดเพื่อนร่วมห้อง ก็ชวนเธอลงเรียนนวดต่อ ทั้งสองก็ปรึกษาหารือกัน อันที่จริงเชิญขวัญ ก็ไม่ได้สนใจอะไรอย่างไรมากไปกว่าผดุงครรภ์แล้ว แต่ก็ยังถูกยุจากน้องเกด



เกด “ พี่ขวัญ เวลาเราไปทำเคส บางทีอาจจะได้ลูกค้า จากบ้านผู้รับบริการก็ได้นะคะ”



เจ้าขวัญ “นั่นสินะ”



เจ้าขวัญที่กำลังสะลึมสะลือตอบ


นัชชา “มีใครจะซื้อหนังสือแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์บ้างค่ะ ซื้อเหมา 5 เล่ม ตกเล่มละ 800 บาทเองค่ะ”



เสียงประกาศจากน้องร่วมห้อง


เกด “พี่ขวัญ เอาไหม มันหาซื้อยากมากนะคะ”


เกดหันไปถามเชิญขวัญที่มือท้าวคางหลับตานิ่ง


เจ้าขวัญ “ฮืม”


กำลังจะหลับแล้วต้องตอบน้องๆ ไป ด้วยเพราะกลัวว่าน้องๆ จะรู้ว่าเธอกำลังจะเฝ้าพระอินทร์



พอสั่งซื้อหนังสือเสร็จ เชิญขวัญตื่นมาเพราะอาจารย์ปลุกเตรียมจะเรียนรอบบ่าย


เจ้าขวัญ “น้องเกด พี่ว่า จะไปทำสวนสมุนไพรขายให้พวกเภสัชนะ เราจะซื้อหนังสือไปทำไมกันคะ?”



เจ้าขวัญรู้ตัวเมื่อตื่นนอน เหมือนโดนลักทรัพย์ โดยจับโจรไม่ได้



เกด “พี่ขวัญ เราก็เอาไว้อ่านไง เวลาขายจะได้รู้ว่าอะไรรักษาอะไร”



เจ้าขวัญเปิดดูหนังสือที่นัชชาเป็นตัวอย่างเอามาล่อ



เจ้าขวัญ “ดูสิมีแต่พระคัมภีร์ทั้งนั้นค่ะ ต้องเรียนเวชต่อล่ะมั้ง เราจะลงเรียนนวดไม่ใช่เหรอน้องเกด”



เกด “ก็เอาไว้อ่านด้วยสิคะ พี่ขวัญ”



น้องสาวก็พยายามกล่อมพี่สาวต่อ ถึงไม่รู้ว่าเวลางัวเงียถูกปลุกจากความหลับไม่สุดแล้ว เจ้าขวัญจะคุยไม่ค่อยรู้เรื่องนัก


นัชชา “พี่เกด พี่ขวัญ เดี๋ยว พรบ ใหม่ออกมา เรียนเภสัช ต่อ เวช จากเดิม 3 ปี จะต้องกลายเป็น เภสัช 2 ปี เวช 3 ปีนะคะ”



เหมือนจุดพลุแตกในห้วงสมองหลังตื่นนอน



เจ้าขวัญ “อ้าวแบบนี้ก็เป็น 5 ปีสิ เกด ไปลงเรียนเภสัชก่อนดีกว่า”


เกด อ้าว...????



นั่นเพียงสิ่งเล็กน้อยและชะตากรรมของเธอที่พระอินทร์อยากผลักไสให้เดินไปพอผลักเธอเข้ามาแล้ว ก็คงเป็นโชคชะตาชีวิต ก่อนเรียนและหลังเรียนที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน


การเรียนเภสัชกรรมไทย นับเป็นเรื่องที่เข้าเลือด เข้าเนื้อ เข้าหนังมังสา เข้ากระดูกดำเธอมาก เพราะบทที่ 2 เป็นเรื่องที่เธอแทบจะหายใจเข้าเป็นดอกใบ


หายใจออกเป็นรากต้น  ทำเอาเชิญขวัญยิ่งหลงไหลรักหนักเข้าไปใหญ่ กับพืชพรรณกว่า 700 ชนิดในตำรา แล้วเธอก็ยังเสาะหาจากอินเตอร์เน็ตจนพบเพจหนึ่งที่มีสโกแกน



“ไม่มีพืชพรรณใดไม่เป็นยา”



เมื่อรักแล้วก็รักเลยจนอยากจะหันหลังกลับ เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาเรียน ถึงจะสอบไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้มีชีวิตท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าก็พอ สิ่งมีชีวิตที่สร้างสีสรร ความสงบ และเป็นอาหารให้เธอได้ นอกจากเป็นอาหารทิพโอสถแล้ว


ก็ยังดำรงอยู่ให้เพื่อขจัดมลพิษให้แก่โลกใบนี้ด้วยเล่า คุณงามความดีนี้ เกิดอีกกี่สอบปีชาติ เราก็ไม่อาจจะเทียบแทน
 



และอีกเหตุผลหนึ่งเหนือสิ่งธรรมชาติอื่นใดนั้นอาจจะเป็นเพราะ.....



พ่อของเธอที่จากเธอไปเมื่อ 3 ปีก่อน พ่อผู้เป็นหมอสมุนไพรพื้นบ้าน เธอเติบโตมากับสวนสุมนไพรของพ่อ


เธอจำได้ว่าพ่อชอบบอกสรรพคุณสมุนไพรที่ปลูกรอบบ้านให้ลูกๆ ฟัง พ่อทำยารักษาคน พ่อทำยาลูกกลอน พ่อเอาใบหนาดใหญ่มาต้มให้เธออาบตอนเป็นลมพิษ


พ่อมีทั้งอ้อยดำ รางจืดต้น ว่านรางจืด ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ไพล ว่านชักมดลูก ว่านเลือด ย่านาง มะรุม มะกอก ต้นยอ ขี้เหล็ก นุ่น มะกล่ำตาแมว ขิง ข่า ตะไคร้ ว่าน 4 ทิศ บัวดิน กระทือ มหาหงค์ แคร์ มันมือเสือ 


และอีกมากมาย แม้ยามนี้จะเหลือน้อยเต็มที เพราะเธอถมบ้านเพื่อปลูกใหม่ให้พ่ออยู่ มาร่วม10กว่าปีแล้ว สุมนไพรบางตัวก็หายจมไปกับกองดิน เพราะไม่ได้รื้ออกมาก่อน


อีกทั้งระยะหลังๆ พ่อล้มป่วย เลยไม่ได้บำรุงรักษานัก หรือนี่จะเป็นชะตากรรมของพ่อ ส่งมอบมาให้เธอผู้เป็นลูกรัก



เชิญขวัญมายืนต่อหน้ารูปพ่อถ่ายร่วมกับเธอตอนรับปริญญาตรีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เธอยกมือขึ้นพนมที่อก



เชิญขวัญ “พ่อ อาทิตย์หน้าสอบช่วยหนูด้วยนะคะ”



เธอยิ้มกับรูปถ่าย การจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้ไปสู่สุขติแล้วนั้น จะได้ผลสักเท่าไหร่ต้องรอดูผล
 



ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาที่จะสอบเทอมแรกอยู่นั้น เพราะไม่รู้จะสอบผ่านกันหรือไม่ เรียนเทอมแรกนั่นแสนจะยากแสนยาก สมองไม่ว่างมาจดจำอะไร แต่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนกลับออกมาประกาศหยุดการเรียนการสอนไป 2 อาทิตย์ตามประกาศของรัฐบาล


รัฐบาลที่ดูจะมีดีแค่ประกาศหยุด หรือ ประกาศ เปิด ปล่อยภาระการรับมือการสู้กับกองทัพคนป่วยเป็นของทีมแพทย์



อาทิตย์นี้อาจารย์ไม่สอน เธอไม่ได้นัดกรกรรณไว้ เพราะรอว่านนางคำกับไพลจะมาอีกสัปดาห์ ทีมติวเตอร์แจ้งเวลาการติวเรียบร้อยแล้ว


หัวโจกก็ส่งลิ้งค์ซูมมาให้เพื่อนๆ เข้าไป ขณะที่เพื่อนเข้าไปติว เชิญขวัญ พยายามเข้าห้องร่วม ชั่วโมงก็เข้าไม่ได้ ทำให้เธอพลาดเรียนไป ชั่วโมงแรก


นึกบ่นให้เจ้าของ Host ที่ไม่สนใจรับเธอเข้าห้องอยู่ตั้งนาน พอเข้าไปได้ ได้ยินเสียง แดนเทพ แล้วก็ อดยั้วไม่ได้ ที่ปล่อยเธอเหมือนตกรถ ต้องเดินเป็น กิโล ตอนนี้เริ่มติวเรื่องกฏหมายแล้ว และจะตามด้วยพืชต้น



เชิญขวัญ ก็หาอะไรมานั่งทานฟังเพื่อนๆ ติว  ชั่วโมงบ่ายเป็นชั่วโมงประวัติของเอกวิทย์ เอกวิทย์ ใช้วิธีถามตอบทำให้ทุกคนหายง่วงหลังอาหารเที่ยงไปได้ สร้างความสนุกสนานและผ่อนคลายได้ด้วยดี สำหรับเพื่อนพ้องที่ยังไม่เคยพบเจอกัน มีเพียงคุยกันผ่านไลน์




 



Create Date : 07 มกราคม 2565
Last Update : 7 มกราคม 2565 9:53:29 น.
Counter : 555 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]