กุมภาพันธ์ 2564

 
2
3
4
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
สงครามเชื้อมรณะ บทที่ 16 หน้า 4
ชมจันทร์ถอนหายใจ  พอมองเห็นรอยยิ้มของลูกแล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญที่แม่ควรรักษาเอาไว้ นางอกสั่นกับพฤติกรรมของบุตรมาหลายปี ไปอยู่ต่างประเทศนับ 10 ปี

เจ็บไข้ได้ป่วยที่บ้างครั้งไม่บอกกล่าวนางให้ทราบก็หลายครั้ง จากที่สามีได้บอกแก่เธอเรื่องที่ แมงมุมคือคนที่ดูแลเธอมาตลอด 1 เดือนที่บ้านสวน นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ทั้งสองสามารถที่จะดูแลกันและกันได้


อิงดาวมองหน้าแม่อย่างเข้าใจ เธอคลานเข้ามากราบพ่อและแม่ และกอดแม่เอาไว้


“ยังไงก็ทำตามประเพณีให้ถูกต้องนะลูก แม่....”

นางพยายามกลืนถ้อยคำหลายๆอย่างลงคอ


แมงมุมทำขนาดนี้ ทั้งถ้อยคำ การแสดงออก เธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขา ถ้าจะขัดไป ดูแล้วอิงดาวเป็นคนยึดมั่นและเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ ชมจันทร์คงบังคับลูกแต่งงานกับอิฐไม่ได้เช่นกัน


เมื่อสถานการณ์ไม่อาจจะเป็นอย่างที่นางคิดไว้


“แม่อยากให้ลูกมีคนที่เข้มแข็งพอที่จะดูแลลูกได้ พอที่จะฝากฝังลูกให้เขา พอที่จะดูแลกันละกันไปจนแก่เฒ่า”

นางพูดราวกับอยากจะอวยพร


“ค่ะ คุณแม่”

อิงดาวกอดนางไว้


“อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลด้วยชีวิตผมเอง”


ดอกเตอร์มองลูกและภรรยากอดกันกลมน้ำตาคลอแล้วหันไปหาต้นเหตุ

“บอกตามตรงนะ ผมเองก็ช็อคนิดๆ ที่รู้ว่าเป็นแมงมุม ผมยังคิดว่านี่ผมฝันไปหรือเปล่า อิงดาวหลอกผมอยู่หรือเปล่า ทั้งสองคนไปรักกันตอนไหน ดูเหมือนมันเร็วเกินไปหรือเปล่า อิงดาวก็เด็กกว่าแมงมุมตั้งเยอะ แต่พอมานั่งคิดดูอีกที สองคนก็เคยเจอกันมาแล้ว สมัยก่อนอิงดาวก็ติดแมงมุมเหมือนกัน ยังจำเด็กแว่นของเราได้ไหม?”

น้ำเสียงดอกเตอร์เอ่ยถึงความหลังอย่างใจดี


“ครับ ผมก็รู้สึกว่าจริงๆ ผมผูกพันและรู้สึกคุ้นเคยกับอิงดาวมาก ผมเลยทราบจากที่ดอกเตอร์บอกผมและก็สมุดรุ่น”


อิงดาวหันมามองแมงมุม


“ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาอยู่กับเขาง่ายๆ”


แม่ถึงกับมือสั่น


“คืออะไรลูก”


อิงดาวรีบกุมมือแม่ไว้


“อย่าพูดให้คุณแม่คิดมากสิคะ”


เธอหันไปดุแมงมุม


แมงมุมฉีกยิ้มกว้าง


“ก็อาจารย์อยากอุ้มหลานเร็วๆ ไม่ใช่เหรอครับ”


ชมจันทร์ได้ยินแทบจะหงายหลัง


อิงดาวต้องตีแขนอีกฝ่ายปรามเขา


นางรีบพัดวีดมยาดม อิงดาวต้องนวดแขนเบาๆ




“คุณแม่ ค่ะ”


“แม่ไม่ไหวแล้วลูก”


“งั้นก็จิบชา กุหลาบนะคะ กลิ่นมันหอมอ่อนๆ จะได้ผ่อนคลาย”

เธอเอาใจแม่สาระพัด


พอหันไปมองแมงมุมที่นั่งยิ้มแป้นแล้วลมจะจับให้ได้
 


มันช่าง...เป็นการมาจับผิดลูกสาวที่ชวนให้หัวใจวายเอาง่ายๆ แต่สุดท้ายก็เหมือนโดนมัดมือชกยกให้เขาไปเอาดื้อๆ
 


อิงดาวเอาอกเอาใจแม่ ด้วยการทำอาหาร และคอยนวดเอาใจ เห็นสีหน้าแววตาที่เศร้าของอีกฝ่ายก็รู้สึกผิดอย่างมาก แม้สองหนุ่มจะคุยกันอย่างถูกคอก็ตาม


จะว่าไปดอกเตอร์เองก็อยากได้ลูกชายแบบแมงมุมตั้งแต่เจอเขาครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ


 
ไปๆมาๆ โชคชะตาก็ดลให้มาพบกันแบบไม่เขาไม่คาดคิดไว้
 


เมื่อเห็นว่าภรรยายังปรับสภาพไม่ค่อยได้ ดอกเตอร์เองก็เห็นใจ เวลาบ่ายทั้งสองก็ชวนกันกลับบ้าน
 


ขณะอยู่บนรถ ชมจันทร์เอาแต่เงียบ ไม่เอ่ยอะไร บ้างก็ถอนหายใจ
 



“แม่ไหน บอกว่า ต้องการคนเข้มแข็งที่จะสามารถดูแลลูกได้ไงล่ะ พ่อก็คิดว่าแม่ทำใจเรื่องแมงมุมได้แล้ว เขาเองก็เป็นคนดีนะ รู้จักเขามาเป็น 10 ปี”



“พ่อ ทีแรก แม่ก็พอทำใจได้แล้วล่ะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ แมงมุมเมื่อก่อนเขาเป็นคนแบบนี้เหรอพ่อ?”


แม่ตั้งคำถาม


“เขาก็อาจจะมีมุมแบบนี้ก็ได้นะ ความรักทำให้ผู้ชายเปลี่ยนแปลงได้”


“ยังไงลูกเราก็พาเขามาแนะนำให้รู้จักแล้วนิ แม่จะคิดมากทำไม? และอีกอย่างอิงดาวหัวสมัยใหม่ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ทำอะไรโดยไม่บอกพ่อกับแม่ แล้วแมงมุมเองก็ไม่ใช่เด็ก และไม่ใช่ผู้ชายจะทำอะไรเล่นๆ”



“เฮ้อ.....”

แม่ได้แต่ถอนหายใจ


พ่อมองอยู่อย่างนั้น


“เฮ้อ...แบบนี้ เราน่าจะรีบจัดงานแต่งเร็วๆ นะพ่อ”



นางจนใจจะหาเหตุมาปวดใจอีกต่อไป ไหนๆ ก็ ไหนๆ ลูกสาวก็เลือกไปแล้ว แม้ไม่ใช่คนที่นางเลือก แต่นั่นคือชีวิตของลูก ที่เขาจะต้องมีอนาคตและครอบครัวของเขาเอง




 
เช้าวันอาทิตย์ อิงดาวไปส่งแมงมุมที่นครนายก แมงมุมไม่ได้เอาอะไรกลับมา เพราะเขาคิดว่ายังไงก็ได้กลับไปหาอิงดาวทุกอาทิตย์อยู่แล้ว ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน



“ผมไม่อยู่ด้วย ก็ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวนะ แล้วก็ อย่าพูดจาอ่อย ผู้ชายในกระทรวงล่ะ”

เขาเริ่มเสียงดุ



“ลุงก็พูดเกินไป ฉันเคยทำแบบนั้นที่ไหนล่ะคะ? แล้วอีกอย่างสวมแหวนลุงไว้แบบนี้ใครจะกล้ามาจีบอีก”

เธอชูมือซ้ายขึ้น


แมงมุมรวบมือบางกุมไว้



“วันเสาร์พอไปหาดอกเตอร์กับอาจารย์แล้วก็รีบมาก่อนค่ำนะ”

เสียงอ่อยออดอ้อน


“ค่ะ”


เขาดึงร่างบางมากอด จูบที่หน้าผาก อิงดาวยิ้มซบกับอกกว้างอย่างอุ่นใจ
 


“นั่นแน่!!! ทำอะไรกันสองคน?”

เสียงเด็กชายดังมาจากรั้ว


เด็กแก่แดด เดินมาหา แมงมุมที่จำใจปล่อยอิงดาวออกจากอก


“น้าแมงมุมกลับมาแล้ว ไหนล่ะขนม ไม่เห็นมาฝากเลย”


จอมขวัญเดินเข้ามาแทรกกลางทั้งสอง


“มีสิคะ พี่ไม่ลืมหรอกค่ะ”

อิงดาวยื่นกล่องใส่เค้กมะพร้าวอ่อนให้


“น่าอร่อยจังเลย”

จอมขวัญเอ่ยอย่างดีใจ


“ขอหอมแก้วที”

จอมแก่แดด โน้มคออิงดาวมาหอมแก้ม


แมงมุมมองหลานจอมซนที่มาขัดจังหวะตัวเองอย่างหมั่นไส้ กับท่าทางที่ดูเกินวัย


“ได้เค้กแล้วก็รีบกลับไปได้แล้ว”

เขาเอ่ยกับหลาน


“ทำไมต้องรีบไปด้วยล่ะ”

หน้าซนย้อน


อิงดาวอมยิ้ม


“พี่อิงดาวยังไม่ไล่ผมเลย”


“แก่แดดนะเรา”

แมงมุมทำเสียงดุ


“พี่อิงดาวจะนอนนี่ไหมล่ะครับ”

จอมขวัญหันไปถาม


“คงไม่ได้นอนค่ะ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงาน”


“เสียดายจัง งั้นผมไปบอกแม่ดีกว่าว่าพี่อิงมา”

จอมขวัญดีดตัวลงจากแคร่ถือกล่องเค้กวิ่งไปบ้านตัวเอง
 


แมงมุมเอามือน้อยมากุมไว้


 
“จำไว้นะ ว่าอย่าพูดจาอ่อยผู้ชายที่ไหนทั้งนั้น” เขาทำหน้าดุอย่างจริงจัง
 



อิงดาวได้แต่ยิ้มหวาน ยิ้มที่แมงมุมตราตรึงใจ และยิ้มที่เขาหัวใจพองโตมิรู้วาย
 



อิงดาวยืนหน้าโต๊ะประชุม ใบหน้าหวานภายใต้แมสสีขาว มองหน้าทีมงานทีละคน ทีละคน ตลอด 5 เดือนที่ทุกคนทำงานเหน็ดเหนื่อยมาตลอด ทุกคนต่างหวาดกลัวกับการใช้ชิวิตนอกบ้าน ทุกคนต่างหวาดกลัวกับพบปะและใกล้ชิดผู้คน บางครอบครัวต้องเลิกลากันไป

เพราะใช้ชีวิตร่วมกัน 24 ชั่วโมงและไม่สามารถทนพฤติกรรมที่แท้จรองของกันได้ บางคู่เริ่มมีความรักความเห็นใจและช่วยเหลือกัน หลังจากเคอร์ฟิว

ทำให้สถานที่ต่างๆ เริ่มมีผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ห้างเริ่มมีคนเดิน วัดเริ่มมีคนไป ทะเลเริ่มมีคนออกเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวเริ่มเปิดหลายแหล่ง

แต่เว้นระยะห่างของแต่ละคนเอาไว้ และสถานที่หลายแห่งที่ปิดตัวลงไป เพราะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายที่ธุระกิจหยุดชะงักไป 5 เดือน และยังไม่รู้อนาคตว่าจะฟื้นตัวได้เมื่อไหร่


“ทุกคนคะ ขอบคุณทุกคนที่เหนื่อยมาตลอดนะคะ ขอบคุณที่พยายามร่วมกันมา สถานการณ์ตอนนี้ เหมือนเราจะดีขึ้น แต่ก็อย่าได้ไว้วางใจ เพราะต่างประเทศการแพร่ระบาดยังเป็นวงกว้าง และปริมาณยังเพิ่มมากทุกวัน ถ้าเรื่องดี ประเทศเราสามารถควบคุมการติดเชื้อได้ดี คนติดเชื้อลดลง หมอพยาบาล ไม่ต้องเหนื่อยมาก เราก็จะรอด แต่ถ้าเรื่องไม่มี เชื้อมันกลายพันธุ์และกลับมาระบาดอีกครั้งในรอบปีของมัน พวกเราจำย่ำแย่จนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้”

อิงพูดช้าๆ


ทุกคนนิ่งฟังเธอ


“เมื่อถึงเวลานั้น อิง ได้แต่ภาวนา ขอให้แต่ละประเทศสามารถผลิตยาต้านไว้รัสได้ และทุกคนมีภุมิคุ้มกันร่างกายดีพอที่จะต่อสู้กับไวรัส ให้เหมือนกับเชื้อไวรัสหวัดทั่วๆ ไป”


“แล้วกว่าจะถึงตรงนั้น อาจจะเป็นปี หรือ 2 ปี ทุกคนคะ พร้อมที่จะสู้ต่อไปไหมคะ”


“ถ้าคุณอิงอยู่กับพวกเรา พวกเราก็พร้อมเสมอครับ”

ก้องตอบ


“ใช่ค่ะ/ครับ”


อิงดาวยิ้มฟังเสียงตอบรับจากทุกคน
 




กลางเดือนมิถุนายน ทางรัฐบาลประกาศผ่อนผันเคอร์ฟิวจาก 23.00-05.00 น เป็น 23.00-03.00 น. จนถึง สิ้นเดือน กิจกรรมหลายอย่างให้สามารถเปิดดำเนินการได้ กิจกรรมบางอย่างยังควบคุม  แต่ยังมีมาตรการควบคุมการใช้แมสอนามัยและแอลกอฮอล์ ประชาชนสามารถเดินทางระหว่างจังหวัดได้ ประชาชนหลังจากหลังผ่านดราม่ามาตลอด 3 เดือน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายและเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนจำนวนมาก ต่างก็หากิจกรรมมาทำจนรู้สึกเคยชินกับการอยู่บ้านมากขึ้น จากแต่เดิมบางคนแค่กลับมานอนที่บ้าน บางคนแทบจะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันหรือคุยกันทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน
บางคนล้มหายตายจาก บางคนได้พบความรัก บางคนได้แยกทางกัน บางคนตกงาน บางคนได้อาชีพใหม่ บางคนมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น บางคนล้มละลาย บางคนมีรายได้มากกว่าเดิม นั่นก็เป็นสัจธรรมให้มนุษย์รู้ว่า หากเราดำเนินชีวิตอย่างประมาทแล้วไซร้ เมื่อมีภัยมา เรานั้นไม่สามารถตั้งหลักได้

30 มิถุนายน 2563 ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก 10.4 ล้านคน อันดับหนึ่งคืออเมริกา 2.6 ล้านคน บราซิล 1.3 ล้านคน รัสเซีย 0.6 ล้านคน สหราชอาณาจักร 0.3 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ยอดผู้ป่วยยืนยัน 3,171 คน เสียชีวิต 58 คน


จบบ...

 



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2564 8:31:21 น.
Counter : 705 Pageviews.

2 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณnewyorknurse

  
แหมหวานมดขึ้นบล็อกเลยค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:21:20:35 น.
  
โดย: หอมกร วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:6:54:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]