|
 |
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
 |
18 พฤษภาคม 2568
|
|
|
|
สุพรรณบุรี ... พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
พิพิธภัณฑ์เป็นที่เก็บโบราณวัตถุ ที่บอกเรื่องราวการเป็นอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ
ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง เป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบในบริเวณนี้
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนวัฒนธรรม ที่ตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรศรีเกษตร และอาณาจักรอิศานปุระ
ได้ถูกบันทึกชื่อโดยภิกษุจีนจิ้นฮง ในเวลานั้นว่า โถโลโปตี้ หรือ ทวารวดี
ศิลาจารึก "ปุษยคิริ" กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 13-14
พบที่เมืองโบราณอู่ทอง
เชื่อว่าเป็นชื่อของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองโบราณอู่ทอง
ตั้งอยู่ในแนวเหนือลงใต้ ทางตะวันตกของเมืองอู่ทอง

เทือกเขาศักดิ์ประกอบด้วย เขาพระ เขาทำเทียม และ เขารางกะบิด
พื้นที่สูงด้านหลังของกลุ่มเขา เรียกว่า พุหางนาค
มีอ่างเก็บน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงเมืองอู่ทองโบราณ คือ อ่างเก็บน้ำเขาพระ
มีคลองขุดเพื่อผันน้ำ ให้ไหลเข้ามากักเก็บไว้ ที่คอกดิน
คอกดินนี้เคยเชื่อกันว่า เป็นคอกสำหรับเลี้ยงช้างสมัยโบราณ จึงเรียกอีกชื่อว่า คอกช้างดิน

เมืองโบราณอู่ทอง มีการติดต่อกับเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไปทั้งทางบก และทะเล
จากโบราณวัตถุที่พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง
จีน -> ไหเคลือบสีเขียว 6 หู สมัยราชวงศ์ถัง กลางพุทธศตวรรษที่ 14 (ราว พ.ศ.1350)
เมืองบาสรา ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัก -> เครื่องถ้วยสีเขียวอมฟ้า ประดับบนปูนปั้น
อาหรับ -> เหรียญสมัยราชวงศ์อับบาซียะฮ์ พุทธศตวรรษที่ 14 จารึกคำปฏิญานในศาสนาอิสลาม
จักรวรรดิโรมัน -> เหรียญโรมันจักรพรรดิวิคโตรินุส พุทธศตวรรษที่ 9

บริเวณโบราณสถานคอกช้างดิน
พบกลุ่มโบราณสถาย และศิวลึงค์ ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู
ศิวลึงค์เป็นรูปเคารพแทนพระศิวะ -> ถ้ามนุษย์สร้างขึ้นเรียก มานุษยลึงค์
เป็นทรงกระบอก มีสามส่วน คือ
ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส -> พรหมภาค
ส่วนกลางแปดเหลี่ยม -> วิษณุภาค
ส่วนยอดกลม -> รุทรภาค เป็นส่วนเดียวที่จะพ้นฐานโยนีขึ้นมาเรียกบูชาภาค
ถ้ามีเศียรพระศิวะประดับอยู่หนึ่งเศียร เรียกเอกมุขลึงค์


บริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ทั้งในและนอกคูน้ำคันดิน, บนเขา
พบโบราณสถานเจดีย์ และโบราณวัตถุ ในศาสนาพุทธ
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่ง พระโสณะ และพระอุตตระ ให้นำศาสนาพุทธมาเผยแพร่ในดินแดนสุวรรณภูมิ
อินเดียสมัยนั้นนิยมสร้างเสาอโศก
จึงมีอิทธิพลต่อการสร้างเสาธรรมจักรที่เมืองอู่ทองโบราณ เพื่อระลึกถึงแม้เวลาจะผ่านเลยยุคนั้นมาแล้ว
เสาธรรมจักรเป็นธรรมเจดีย์
หมายถึง พระธรรมอันเป็นความจริงที่อนันต์คือไม่มีที่สิ้นสุด หมุนไปเหมือนล้อรถ
คือ ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตรอันเป็นปฐมเทศนา ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
อิสิปตน (ฤษีมาชุมนุมกัน) + มฤคทาย(ป่าที่เป็นที่อยู่ของกวาง) + วัน(ป่า)
ข้างเสาธรรมจักร จึงมีกวางหมอบ เพื่อบอกว่าที่นี่คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ลวดลายธรรมจักร จากโบราณสถานเจดีย์หมายเลข 2

การพบเสาธรรมจักรที่ เจดีย์โบราณสถานหมายเลข 11 เมืองโบราณอู่ทอง
ทำให้ทราบว่าประกอบขึ้นเป็นเสาอย่างไร


ทวารวดีมีการนับถือศาสนาที่มีการผสมผสานของนิกายเกรวาท และ มหายานตันตระ
นิกายเถรวาทคือ วาทะของพระเถระ ใช้ภาษาบาลี
นิกายมหาสังฆิกาสคือ มติของที่ประชุมใหญ่ เกิดจากการการสังคายนาครั้งที่ 2 ใช้ภาษาสันสกฤต
มีศูนย์กลางอยู่ที่ อมราวดี และ นาคารชุนโกณฑะ
อาจเป็นไปได้ว่า แผ่นดินเผารูปพระภิกษุอุ้มบาตร ที่สันนิษฐานว่าทำขึ้นเพื่อประดับศาสนสถาน
เป็นศิลปะที่เก่าแก่ที่สุด ที่พบที่อู่ทอง
เพราะการห่มจีวรแบบห่มคลุม เป็นริ้วเสมือนจริง มาจากอินเดียใต้
เทียบได้กับพุทธศิลป์อมราวดี

พระพุทธรูปทวารวดีมีลักษณะ
พระพักตร์กลมแป้น พระขนงต่อกันเป็นปีกกา
พระเนตรมองต่ำแสดงถึงความเมตตา -> มหายาน
พระเกษาขมวดเป็นวงก้นหอย อุษณีษะปมกลม อาจมีประภามณฑล
จีวรเรียบ ไม่มีริ้ว บางแนบพระวรกาย เห็นขอบสบงที่บั้นพระองค์
มีสองแบบคือ ห่มคลุม และห่มเฉียง
จีวรห่มคลุม แบบพระในอินเดียเหนือ ที่อากาศเย็น
ชายจีวรด้านหลังเป็นกรอบตกลงมาจากพระกร พาดผ่านบริเวณข้อพระบาท
ชายจีวรด้านหน้ายกสูงขึ้น พาดผ่านพระชงฆ์
จีวรห่มเฉียง แบบอินเดียใต้ ที่อากาศร้อน ชายจีวรทบมาทางด้านซ้าย
ปางสมาธิ
ประทับสมาธิ - แสดงถึงการตรัสรู้
จีวรห่มเฉียงลึกใต้พระถัน สังฆาฏิคลี่ออกเป็นริ้ว ราวพุทธศตวรรษ 13-15

ปางแสดงธรรม วิตรรกมุทรา
ประทับสมาธิราบ
พระหัตถ์ขวา ปลายนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือแตะกันกลมเป็นดั่งกงล้อ แสดงถึงพระธรรมที่หมุน
พระหัตถ์ซ้ายแบออก

พระพุทธรูปยืนบนฐานบัว
ยืนตรง - สมภังค์ , ยืนยักเอว - ตริภังค์
แขนขนานหรือไม่ขนานกันก็ได้
ปางแสดงธรรม วิตรรกมุทรา -> พระหัตถ์ขวาปลายน้วชี้และนิ้วหัวแม่มือแตะกันกลมเป็นดั่งกงล้อ แสดงถึงพระธรรมที่หมุน พระหัตถ์ซ้ายที่แบออก อาจถือลูกบวบ
ปางให้อภัย อภัยมุทรา -> แบพระหัตถ์ตั้งขึ้น แสดงถึงพอ


ชิ้นส่วนพระพุทธรูปทองคำ

พระโพธิสัตว์ คือ สัตว์ผู้ที่แสวงหาโพธิฌาน ในนิกายมหายานตันตระ
เป็นผู้ซึ่งได้บรรลุนิพพานหรือสุญญตา แต่ยับยั้งไว้ไม่ไปนิพพาน เพื่อช่วยคนอื่นก่อน
จึงมีพระเนตรเหลือบต่ำ แสดงถึงความเมตตา
รูปเคารพพระโพธิสัตว์ ที่พบที่อู่ทองเป็นศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 13-14
เป็นพระอวโลกิเตศวร -> เจ้าผู้ที่มองลงมาข้างล่าง แสดงถึงความเมตตา
หรือ
พระโพธิสัตว์ปัทมปาณิ -> ผู้ถือดอกบัวอยู่ในมือ
และมีพระอมิตาภะ (ปางสมาธิ) -> อยู่บนชฏามุกุฎหรือมวยผม
พระหัตถ์ขวาถือลูกประคำ พระหัตถ์ซ้ายถือก้านดอกบัวและคนโทน้ำอมฤต
มีสายธุรำ (ด้ายมงคลของพราหมณ์) หรือยัชโญปวีต พาดคล้องที่พระอังสาซ้าย มีหัวกวางประดับที่หน้าอก
ยืนบนดอกบัว

พระโพธิสัตว์ และสตรีกำลังพนมมือ

พระพิมพ์
ที่พบมากในวัฒนธรรมทวารวดี
ปางมหาปาฏิหาริย์ หรือยมปาฏิหาริย์ เป็นภาพนิกายเถรวาทปนมหายาน
พระพุทธเจ้าประทับสมาธิบนดอกบัว ใต้ต้นมะม่วง -> ตามพระพุทธประวัติ
ดอกบัวถือโดยนาค
ขนาบข้างด้วยพระโพธิสัตว์ปัทมปาณิ -> ผู้ถือดอกบัว - มหายาน
มุมด้านบนปรากฎภาพ พระอาทิตย์ และพระจันทร์
มีเทวดาและวิทยาธรเหาะอยู่
พระพิมพ์ 2 5 6 พระพุทธรูปประทับสมาธิเพ็ชร
พระพิมพ์ 3 4 นักวิชาการตีความว่า ยังเป็นปางมหาปาฏิหาริย์ หรือยมปาฏิหาริย์
สองข้างของพระพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์

พระสาวก - ไม่มีอุษณีษะ และ พระพุทธรูปยืน

พระพิมพ์ดินเผา ในภาชนะดินเผาที่โบราณสถานพุหางนาค

พระพุทธเจ้าทรงประทับสมาธิราบ บนบัลลังก์เหลี่ยม ใต้ต้นโพธิ์ มีประภามณฑล
แวดล้อมด้วยเครื่องสูง คือ ฉัตร บังแทรก บังสูรย์ จามร
จารึกอักษรหลังปัลลวะ ภาษามอญโบราณ ว่า บุญเป็นของกษัตริย์ผู้สร้างพระพุทธรูป

เจดีย์
พบมากสองรูปแบบคือ
เจดีย์ทรงระฆัง -> บรรจุพระธาตุ, เจดีย์ทรงปราสาท -> ที่อยู่ของเทพ
เจดีย์ในทวารวดี ส่วนใหญ่เหลือแค่เพียงฐาน และอาจมีกองอิฐบนลานประทักษิณ
ท่านศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม ได้แสดงภาพสันนิษฐานเจดีย์ดังนี้คือ
เป็นเจดีย์ที่อยู่ในผังสี่เหลี่ยม ยกเก็จทั้งด้าน และมุม
มีฐานบัววลัย คือ ฐานเขียงรองรับบัวลูกแก้วขนาดใหญ่
ถัดไปเป็นท้องไม้ ซึ่งเจาะเป็นช่องๆ คล้ายหน้าต่างเพื่อติดแผ่นภาพ

ยอดเจดีย์จำลอง และยอดเจดีย์ เป็นรูปหม้อน้ำ
อมลกะ หรือ บัวยอดปราสาท
อ่านว่า อะ-มะ-ละ-กะ มาจากคำว่า อมลกิ ในภาษาสันสกฤตแปลว่า ลูกมะขามป้อม

อิฐเนื้อละเอียด ผิวบริเวณด้านหน้าและด้านข้างขัดเรียบ ด้านหลังมีผิวหยาบ
มีรอยแกลบข้าวในเนื้ออิฐ - ลักษณะเฉพาะของอิฐทวารวดี
ปิดทองคำเปลว เขียนสีลายก้านขดและลายเรขาคณิต
สันนิษฐานว่าเป็นอิฐฤกษ์

ปฏิมากรรมประดับสถาปัตยกรรม
ดินเผารูปมกรและปูนปั้นนาค

กุฑุมีลักษณะคล้ายหน้าต่างโค้ง ประดับเจดีย์ทวารวดี แสดงถึงชั้นของเจดีย์
โดยมีใบหน้าของหญิงมอญทวารวดี -> *ดวงตามีจุดตาดำ* ยื่นหน้าออกมาที่หน้าต่าง

รวมทั้งปฏิมากรรมรูปบุคคลฟ้อนรำ

แสดงถึงการใช้เครื่องประดับในสมัยนั้น
ลูกปัดประดับผม สร้อยคอ

ตุ้มหู กำไล แหวน

จี้ประดับเพชรพลอย

ปฏิมากรรมอื่น
รูปร่างพุงพลุ้ย แสดงว่าข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ หรือ กินแป้งเยอะ

เศียรชาวต่างชาติ ยักษ์ คนจีน?
คิ้วปีกกา เนตรโปน มีตาดำ* มีหนวด

ลวดลายประดับ กุฑุ นาค ครุฑ นรสิงห์แบก เทวดาเหาะ

คชลักษมี -> อุดมสมบูรณ์ โชคลาภ, บุคคลกำลังขี่คอ, บุคคลกำลังต่อสู้กัน

ปฏิมากรรมรูปคน สัตว์
รูปคนตัดหัว จูงลิง -> เป็นความเชื่อท้องถิ่นเป็น เครื่องรางเสดาะเคราะห์

การเป็นอยู่
ภาชนะดินเผา ใส่เหรียญเงิน แบบมีพวย
ตะคันดินเผา -> จานใช้วางเทียนหรือใส่น้ำมันจุดไฟ แบบผางประทีบ

เหรียญ

แม่พิมพ์ดินเผา รูปคนหาบของ, คน 2 คนกำลังถืออาวุธ, หม้อปูรณฆฏะ, กวาง

ตราประทับ

ลูกเต๋า นอกจากการพนันเขาใช้ทำอะไรได้อีกหนอ

เพราะคิดการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์จะสนุก ก็ต้องมีพืันฐานจึงจะจินตนาการออก
เรื่องพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทองนี้
ใช้เวลาเข้าไปถ่ายรูปทุกสิ่งในนั้นราว 2 ชั่วโมง
ใช้เวลาเดือนกว่าเพื่ออ่านค้นในสิ่งที่อยากรู้
แล้วนำมาเขียนสรุปเพื่อบันทึกไว้ ให้กลับมาค้นอ่านอีกหากลืมไป
และหวังว่าท่านที่เข้ามาชม จะเที่ยวพิพิธภัณฑ์อย่างมีความสุขเหมือนเรา

Create Date : 18 พฤษภาคม 2568 |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2568 13:54:22 น. |
|
16 comments
|
Counter : 611 Pageviews. |
|
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณmultiple, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณThe Kop Civil, คุณผู้ชายในสายลมหนาว, คุณปัญญา Dh, คุณtanjira, คุณtoor36, คุณโอพีย์คุณนายกุ๊งกิ๊ง, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณkae+aoe, คุณnewyorknurse, คุณชีริว, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ |
โดย: multiple วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:11:01:01 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:11:16:04 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:13:46:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:21:07:50 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:22:30:47 น. |
|
|
|
โดย: namphon549 วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:23:22:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:5:40:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:14:57:40 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:15:28:41 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:21:32:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤษภาคม 2568 เวลา:5:36:38 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 21 พฤษภาคม 2568 เวลา:8:28:38 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 22 พฤษภาคม 2568 เวลา:22:09:48 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 24 พฤษภาคม 2568 เวลา:20:17:34 น. |
|
|
|
| |
|
 |
tuk-tuk@korat |
|
 |
|
 |
|
อาจารย์เต๊ะ สมัยเป็น นศ ถาปัด อาจารย์พาไปเข้าชม พิพิธภัณฑ์ เมื่อไหร่ จำได้แม่นเลยว่า มันจะเหนื่อยมากกก
ต้องถ่ายรูป
ต้องสเกตส์รูป จดบันทึก ตอนนั้นไม่ได้ชอบด้วย แต่เป็นไฟลท์บังคับ เพราะต้องเอาข้อมูลกลับมาเขียนรายงานส่งนะครับ แฮร่ 555