tuk...tuk more than one or cannot run
 
พฤษภาคม 2568
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
18 พฤษภาคม 2568

สุพรรณบุรี ... พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง


พิพิธภัณฑ์เป็นที่เก็บโบราณวัตถุ ที่บอกเรื่องราวการเป็นอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ

ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง เป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบในบริเวณนี้

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนวัฒนธรรม ที่ตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรศรีเกษตร และอาณาจักรอิศานปุระ

ได้ถูกบันทึกชื่อโดยภิกษุจีนจิ้นฮง ในเวลานั้นว่า โถโลโปตี้ หรือ ทวารวดี


ศิลาจารึก "ปุษยคิริ" กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 13-14

พบที่เมืองโบราณอู่ทอง

เชื่อว่าเป็นชื่อของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองโบราณอู่ทอง

ตั้งอยู่ในแนวเหนือลงใต้ ทางตะวันตกของเมืองอู่ทอง






เทือกเขาศักดิ์ประกอบด้วย เขาพระ เขาทำเทียม และ เขารางกะบิด

พื้นที่สูงด้านหลังของกลุ่มเขา เรียกว่า พุหางนาค

มีอ่างเก็บน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงเมืองอู่ทองโบราณ คือ อ่างเก็บน้ำเขาพระ

มีคลองขุดเพื่อผันน้ำ ให้ไหลเข้ามากักเก็บไว้ ที่คอกดิน

คอกดินนี้เคยเชื่อกันว่า เป็นคอกสำหรับเลี้ยงช้างสมัยโบราณ จึงเรียกอีกชื่อว่า คอกช้างดิน






เมืองโบราณอู่ทอง มีการติดต่อกับเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไปทั้งทางบก และทะเล

จากโบราณวัตถุที่พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง

จีน -> ไหเคลือบสีเขียว 6 หู สมัยราชวงศ์ถัง กลางพุทธศตวรรษที่ 14 (ราว พ.ศ.1350)

เมืองบาสรา ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัก -> เครื่องถ้วยสีเขียวอมฟ้า ประดับบนปูนปั้น

อาหรับ -> เหรียญสมัยราชวงศ์อับบาซียะฮ์ พุทธศตวรรษที่ 14 จารึกคำปฏิญานในศาสนาอิสลาม

จักรวรรดิโรมัน -> เหรียญโรมันจักรพรรดิวิคโตรินุส พุทธศตวรรษที่ 9






บริเวณโบราณสถานคอกช้างดิน

พบกลุ่มโบราณสถาย และศิวลึงค์ ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู


ศิวลึงค์เป็นรูปเคารพแทนพระศิวะ -> ถ้ามนุษย์สร้างขึ้นเรียก มานุษยลึงค์

เป็นทรงกระบอก มีสามส่วน คือ

ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส -> พรหมภาค

ส่วนกลางแปดเหลี่ยม -> วิษณุภาค

ส่วนยอดกลม -> รุทรภาค เป็นส่วนเดียวที่จะพ้นฐานโยนีขึ้นมาเรียกบูชาภาค

ถ้ามีเศียรพระศิวะประดับอยู่หนึ่งเศียร เรียกเอกมุขลึงค์








บริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ทั้งในและนอกคูน้ำคันดิน, บนเขา

พบโบราณสถานเจดีย์ และโบราณวัตถุ ในศาสนาพุทธ

สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่ง พระโสณะ และพระอุตตระ ให้นำศาสนาพุทธมาเผยแพร่ในดินแดนสุวรรณภูมิ

อินเดียสมัยนั้นนิยมสร้างเสาอโศก

จึงมีอิทธิพลต่อการสร้างเสาธรรมจักรที่เมืองอู่ทองโบราณ เพื่อระลึกถึงแม้เวลาจะผ่านเลยยุคนั้นมาแล้ว


เสาธรรมจักรเป็นธรรมเจดีย์

หมายถึง พระธรรมอันเป็นความจริงที่อนันต์คือไม่มีที่สิ้นสุด หมุนไปเหมือนล้อรถ

คือ ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตรอันเป็นปฐมเทศนา ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

อิสิปตน (ฤษีมาชุมนุมกัน) + มฤคทาย(ป่าที่เป็นที่อยู่ของกวาง) + วัน(ป่า)

ข้างเสาธรรมจักร จึงมีกวางหมอบ เพื่อบอกว่าที่นี่คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

ลวดลายธรรมจักร จากโบราณสถานเจดีย์หมายเลข 2




การพบเสาธรรมจักรที่ เจดีย์โบราณสถานหมายเลข 11 เมืองโบราณอู่ทอง

ทำให้ทราบว่าประกอบขึ้นเป็นเสาอย่างไร








ทวารวดีมีการนับถือศาสนาที่มีการผสมผสานของนิกายเกรวาท และ มหายานตันตระ

นิกายเถรวาทคือ วาทะของพระเถระ ใช้ภาษาบาลี

นิกายมหาสังฆิกาสคือ มติของที่ประชุมใหญ่ เกิดจากการการสังคายนาครั้งที่ 2 ใช้ภาษาสันสกฤต

มีศูนย์กลางอยู่ที่ อมราวดี และ นาคารชุนโกณฑะ

อาจเป็นไปได้ว่า แผ่นดินเผารูปพระภิกษุอุ้มบาตร ที่สันนิษฐานว่าทำขึ้นเพื่อประดับศาสนสถาน

เป็นศิลปะที่เก่าแก่ที่สุด ที่พบที่อู่ทอง

เพราะการห่มจีวรแบบห่มคลุม เป็นริ้วเสมือนจริง มาจากอินเดียใต้

เทียบได้กับพุทธศิลป์อมราวดี






พระพุทธรูปทวารวดีมีลักษณะ

พระพักตร์กลมแป้น พระขนงต่อกันเป็นปีกกา

พระเนตรมองต่ำแสดงถึงความเมตตา -> มหายาน

พระเกษาขมวดเป็นวงก้นหอย อุษณีษะปมกลม อาจมีประภามณฑล

จีวรเรียบ ไม่มีริ้ว บางแนบพระวรกาย เห็นขอบสบงที่บั้นพระองค์

มีสองแบบคือ ห่มคลุม และห่มเฉียง

จีวรห่มคลุม แบบพระในอินเดียเหนือ ที่อากาศเย็น

ชายจีวรด้านหลังเป็นกรอบตกลงมาจากพระกร พาดผ่านบริเวณข้อพระบาท

ชายจีวรด้านหน้ายกสูงขึ้น พาดผ่านพระชงฆ์

จีวรห่มเฉียง แบบอินเดียใต้ ที่อากาศร้อน ชายจีวรทบมาทางด้านซ้าย


ปางสมาธิ

ประทับสมาธิ - แสดงถึงการตรัสรู้

จีวรห่มเฉียงลึกใต้พระถัน สังฆาฏิคลี่ออกเป็นริ้ว ราวพุทธศตวรรษ 13-15




ปางแสดงธรรม วิตรรกมุทรา

ประทับสมาธิราบ

พระหัตถ์ขวา ปลายนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือแตะกันกลมเป็นดั่งกงล้อ แสดงถึงพระธรรมที่หมุน

พระหัตถ์ซ้ายแบออก



พระพุทธรูปยืนบนฐานบัว

ยืนตรง - สมภังค์ , ยืนยักเอว - ตริภังค์

แขนขนานหรือไม่ขนานกันก็ได้

ปางแสดงธรรม วิตรรกมุทรา -> พระหัตถ์ขวาปลายน้วชี้และนิ้วหัวแม่มือแตะกันกลมเป็นดั่งกงล้อ แสดงถึงพระธรรมที่หมุน

พระหัตถ์ซ้ายที่แบออก อาจถือลูกบวบ

ปางให้อภัย อภัยมุทรา -> แบพระหัตถ์ตั้งขึ้น แสดงถึงพอ





ชิ้นส่วนพระพุทธรูปทองคำ






พระโพธิสัตว์ คือ สัตว์ผู้ที่แสวงหาโพธิฌาน ในนิกายมหายานตันตระ

เป็นผู้ซึ่งได้บรรลุนิพพานหรือสุญญตา แต่ยับยั้งไว้ไม่ไปนิพพาน เพื่อช่วยคนอื่นก่อน

จึงมีพระเนตรเหลือบต่ำ แสดงถึงความเมตตา

รูปเคารพพระโพธิสัตว์ ที่พบที่อู่ทองเป็นศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 13-14

เป็นพระอวโลกิเตศวร -> เจ้าผู้ที่มองลงมาข้างล่าง แสดงถึงความเมตตา

หรือ

พระโพธิสัตว์ปัทมปาณิ -> ผู้ถือดอกบัวอยู่ในมือ

และมีพระอมิตาภะ (ปางสมาธิ) -> อยู่บนชฏามุกุฎหรือมวยผม

พระหัตถ์ขวาถือลูกประคำ พระหัตถ์ซ้ายถือก้านดอกบัวและคนโทน้ำอมฤต

มีสายธุรำ (ด้ายมงคลของพราหมณ์) หรือยัชโญปวีต พาดคล้องที่พระอังสาซ้าย มีหัวกวางประดับที่หน้าอก

ยืนบนดอกบัว



พระโพธิสัตว์ และสตรีกำลังพนมมือ






พระพิมพ์

ที่พบมากในวัฒนธรรมทวารวดี

ปางมหาปาฏิหาริย์ หรือยมปาฏิหาริย์ เป็นภาพนิกายเถรวาทปนมหายาน

พระพุทธเจ้าประทับสมาธิบนดอกบัว ใต้ต้นมะม่วง -> ตามพระพุทธประวัติ

ดอกบัวถือโดยนาค

ขนาบข้างด้วยพระโพธิสัตว์ปัทมปาณิ -> ผู้ถือดอกบัว - มหายาน

มุมด้านบนปรากฎภาพ พระอาทิตย์ และพระจันทร์

มีเทวดาและวิทยาธรเหาะอยู่

พระพิมพ์ 2 5 6 พระพุทธรูปประทับสมาธิเพ็ชร

พระพิมพ์ 3 4 นักวิชาการตีความว่า ยังเป็นปางมหาปาฏิหาริย์ หรือยมปาฏิหาริย์

สองข้างของพระพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์



พระสาวก - ไม่มีอุษณีษะ และ พระพุทธรูปยืน




พระพิมพ์ดินเผา ในภาชนะดินเผาที่โบราณสถานพุหางนาค



พระพุทธเจ้าทรงประทับสมาธิราบ บนบัลลังก์เหลี่ยม ใต้ต้นโพธิ์ มีประภามณฑล

แวดล้อมด้วยเครื่องสูง คือ ฉัตร บังแทรก บังสูรย์ จามร

จารึกอักษรหลังปัลลวะ ภาษามอญโบราณ ว่า บุญเป็นของกษัตริย์ผู้สร้างพระพุทธรูป






เจดีย์

พบมากสองรูปแบบคือ

เจดีย์ทรงระฆัง -> บรรจุพระธาตุ, เจดีย์ทรงปราสาท -> ที่อยู่ของเทพ

เจดีย์ในทวารวดี ส่วนใหญ่เหลือแค่เพียงฐาน และอาจมีกองอิฐบนลานประทักษิณ

ท่านศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สันติ เล็กสุขุม ได้แสดงภาพสันนิษฐานเจดีย์ดังนี้คือ

เป็นเจดีย์ที่อยู่ในผังสี่เหลี่ยม ยกเก็จทั้งด้าน และมุม

มีฐานบัววลัย คือ ฐานเขียงรองรับบัวลูกแก้วขนาดใหญ่

ถัดไปเป็นท้องไม้ ซึ่งเจาะเป็นช่องๆ คล้ายหน้าต่างเพื่อติดแผ่นภาพ



ยอดเจดีย์จำลอง และยอดเจดีย์ เป็นรูปหม้อน้ำ

อมลกะ หรือ บัวยอดปราสาท

อ่านว่า อะ-มะ-ละ-กะ มาจากคำว่า อมลกิ ในภาษาสันสกฤตแปลว่า ลูกมะขามป้อม



อิฐเนื้อละเอียด ผิวบริเวณด้านหน้าและด้านข้างขัดเรียบ ด้านหลังมีผิวหยาบ

มีรอยแกลบข้าวในเนื้ออิฐ - ลักษณะเฉพาะของอิฐทวารวดี

ปิดทองคำเปลว เขียนสีลายก้านขดและลายเรขาคณิต

สันนิษฐานว่าเป็นอิฐฤกษ์



ปฏิมากรรมประดับสถาปัตยกรรม

ดินเผารูปมกรและปูนปั้นนาค



กุฑุมีลักษณะคล้ายหน้าต่างโค้ง ประดับเจดีย์ทวารวดี แสดงถึงชั้นของเจดีย์

โดยมีใบหน้าของหญิงมอญทวารวดี -> *ดวงตามีจุดตาดำ* ยื่นหน้าออกมาที่หน้าต่าง



รวมทั้งปฏิมากรรมรูปบุคคลฟ้อนรำ



แสดงถึงการใช้เครื่องประดับในสมัยนั้น

ลูกปัดประดับผม สร้อยคอ



ตุ้มหู กำไล แหวน



จี้ประดับเพชรพลอย



ปฏิมากรรมอื่น

รูปร่างพุงพลุ้ย แสดงว่าข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ หรือ กินแป้งเยอะ



เศียรชาวต่างชาติ ยักษ์ คนจีน?

คิ้วปีกกา เนตรโปน มีตาดำ* มีหนวด



ลวดลายประดับ กุฑุ นาค ครุฑ นรสิงห์แบก เทวดาเหาะ



คชลักษมี -> อุดมสมบูรณ์ โชคลาภ, บุคคลกำลังขี่คอ, บุคคลกำลังต่อสู้กัน



ปฏิมากรรมรูปคน สัตว์

รูปคนตัดหัว จูงลิง -> เป็นความเชื่อท้องถิ่นเป็น เครื่องรางเสดาะเคราะห์





การเป็นอยู่

ภาชนะดินเผา ใส่เหรียญเงิน แบบมีพวย

ตะคันดินเผา -> จานใช้วางเทียนหรือใส่น้ำมันจุดไฟ แบบผางประทีบ



เหรียญ



แม่พิมพ์ดินเผา รูปคนหาบของ, คน 2 คนกำลังถืออาวุธ, หม้อปูรณฆฏะ, กวาง



ตราประทับ




ลูกเต๋า นอกจากการพนันเขาใช้ทำอะไรได้อีกหนอ






เพราะคิดการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์จะสนุก ก็ต้องมีพืันฐานจึงจะจินตนาการออก

เรื่องพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทองนี้

ใช้เวลาเข้าไปถ่ายรูปทุกสิ่งในนั้นราว 2 ชั่วโมง

ใช้เวลาเดือนกว่าเพื่ออ่านค้นในสิ่งที่อยากรู้

แล้วนำมาเขียนสรุปเพื่อบันทึกไว้ ให้กลับมาค้นอ่านอีกหากลืมไป

และหวังว่าท่านที่เข้ามาชม จะเที่ยวพิพิธภัณฑ์อย่างมีความสุขเหมือนเรา












Create Date : 18 พฤษภาคม 2568
Last Update : 19 พฤษภาคม 2568 13:54:22 น. 16 comments
Counter : 611 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmultiple, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณThe Kop Civil, คุณผู้ชายในสายลมหนาว, คุณปัญญา Dh, คุณtanjira, คุณtoor36, คุณโอพีย์คุณนายกุ๊งกิ๊ง, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณkae+aoe, คุณnewyorknurse, คุณชีริว, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ


 
นับถือในความขยันเลยนะครับ
อาจารย์เต๊ะ สมัยเป็น นศ ถาปัด อาจารย์พาไปเข้าชม พิพิธภัณฑ์ เมื่อไหร่ จำได้แม่นเลยว่า มันจะเหนื่อยมากกก

ต้องถ่ายรูป
ต้องสเกตส์รูป จดบันทึก ตอนนั้นไม่ได้ชอบด้วย แต่เป็นไฟลท์บังคับ เพราะต้องเอาข้อมูลกลับมาเขียนรายงานส่งนะครับ แฮร่ 555



โดย: multiple วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:11:01:01 น.  

 
อาจารย์เต๊ะ ต้องใจแข็งครับ แต่เดินผ่านเข่งทุเรียน ก็พยายามดมดูว่าลูกไหนสุก555
เพราะเดี๋ยวเดือนหน้าหมอนัดไปเจาะเลือดอีกแล้วครับ แฮร่

เรื่องผ่านไปแล้ว อาจารย์เต๊ะมาเล่าสนุก แต่ของจริงตอนอยู่ รพ
นี่โหด มันฮา ต้องลุ้นอยู่ตลอดเวลาเลยเชียวครับ 555

ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ



โดย: multiple วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:11:16:04 น.  

 
เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
จะมีเหลือสักกี่คนนะพี่ตุ๊ก
คนรุ่นใหม่คงไม่สนใจจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:13:46:45 น.  

 
ประวัติศาสตร์
บอกว่าเราเคยมีสิ่งใด เคยเป็นอะไร
วันนี้ก็ไปดูเจดีย์เก่าครับ
หมิงบอกให้ไปดู
อยู่แถวบ้าน
เจดีย์กู่แดง อายุ 600-700 ปี
ถ้าไม่บอก ก็จะเห็นเพียงกองอิฐกองเดียวเองครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:21:07:50 น.  

 
ตามเที่ยวพิพิธภัณฑ์ครับ โบราณวัตถุเยอะมาก



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:22:30:47 น.  

 
^__^ ทักทายจ้า


โดย: namphon549 วันที่: 18 พฤษภาคม 2568 เวลา:23:22:46 น.  

 
พออ่านรายละเอียดทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์จากบล็อกพี่แล้ว ทรงคุณค่าจริง ๆ ครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:0:00:29 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตุ๊ก



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:5:40:48 น.  

 
ผมยังไม่กล้าเขียนเลย ของแน่นมากที่นี่

แต่ถ้าเอาของที่มีชิ้นเดียวในประเทศ ก็มี

พระอุ้มบาตรดินเผา กับเสาธรรมจักร


โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:10:30:27 น.  

 
มนุษย์เรา
ต่างเวียนว่ายตายเกิดจริงๆครับ
จนกว่าจะถึงวันไม่ตายไม่เกิด
ค้นพบด้วยตนเอง




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:14:57:40 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณตุ๊ก


เมื่อปลายปีที่แล้วธัญได้ไปดูพิพิธภัณฑ์ที่สุโขทัยมาค่ะ
เดินดูไปเรื่อยๆเพลินดีค่ะ

อู่ทองอยู่สุพรรณนี่เองนะคะ
แต่ธัญก็ไม่เคยไปหรอกค่ะ

ตามไปกับคุณตุ๊กนี่แหละค่ะ




โดย: tanjira วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:15:28:41 น.  

 
บล็อกนี้คุณชีริว น่าจะชอบครับ

ผมมองว่าชมพิพิธภัณฑ์ถ้ามีความรู้ หรือความสนใจเป็นทุนสักหน่อย จะชมได้สนุกครับ แบบอยู่ได้ทั้งวันเลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2568 เวลา:21:32:45 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตุ๊ก



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤษภาคม 2568 เวลา:5:36:38 น.  

 
จะบอกว่าน้องซีเป็นคนที่ชอบพิพิธภัณฑ์มาก จะใช้เวลาแต่ละจุดคือนานมากค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 21 พฤษภาคม 2568 เวลา:8:28:38 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชมครับ ผมไม่ได้ไปอู่ทองเป็นสิบปีแล้วมั้ง แต่ช่วงปี 55-56 ไปบ่อยมาก ชอบแวะวัดเขาทำเทียมถ่ายรูปความก้าวหน้าพระสลักหินครับ แต่พอทำเสร็จแล้ว ดันไม่เคยไปเลยซะงั้น 555

พิพิธภัณฑ์อู่ทองเป็นอีกอันที่ทำดีเลย สุพรรณพิพิธภัณฑ์ดีๆ เยอะเลยครับ พิพิธภัณฑ์สุพรรณบุรี กับพิพิธภัณฑ์ลูกหลานมังกรก็ชอบ
ผมเคยคิดว่าจะตระเวนไล่หาเจดีย์หมายเลข 1 2 3.... ในเมืองอู่ทองให้ครบ แต่ดูแล้วยากมากๆ เลย เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ตอนที่ผมไปเป็นสาวสองตัวใหญ่ๆ ถามเขาตอบได้หมดนะครับ ว่าเจดีย์ไหนต้องไปยังไง ไม่รู้ยังอยู่มั้ย

คอกช้างดินก็เป็นอีกกลุ่มโบราณสถานที่ขึ้นไปตามหา เจอไม่กี่อันแต่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากโบราณสถานอื่นๆ ดี มันเป็นศาสนสถานพราหมณ์โบราณที่แทบจะผนวกกับธรรมชาติ

ได้ถ่ายแผ่นพระดินเผามาเหมือนกัน ถ้าไม่รู้คงเห็นเป็นเศษหินหักๆ แต่ชิ้นนี้ทรงคุณค่ามากครับ เป็นโบราณวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดชิ้นนึงที่สร้างในประเทศไทยเลย ที่เก่ากว่านี้ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากข้างนอกทั้งนั้น

ยุคทวารวดีช่วงต้นอยู่ทางฝั่งตะวันออกและอู่ทองจะเก่าแก่กว่าเมืองอื่นๆ อิทธิพลส่วนใหญ่มาจากอินเดีย แม้แต่ภาษาเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้อย่างปัลลวะก็รับมาจากอินเดีย รู้สึกมันเป็นอดีตที่ไกลกว่าเมืองโบราณอื่นๆ ในประเทศไทยครับ

พระเครื่องจารึกภาษาปัลลวะ ถ้าลงไปอยู่ในตลาดพระเครื่องสงสัยราคาจะโด่งยิ่งกว่าปัญจภาคี

นอกจากศิลปะทางพุทธศาสนาที่สวยงามมีเอกลักษณ์ อีกอย่างที่ทึ่งสำหรับทวารวดีคือโบราณสถานแต่ละแห่งจะสร้างใหญ่โตมโหฬารมาก ขนาดว่ายุคพันกว่าปีที่แล้วนะครับ ยิ่งเห็นเขาคลังนอกที่ศรีเทพยิ่งทึ่งเลยครับ


โดย: ชีริว วันที่: 22 พฤษภาคม 2568 เวลา:22:09:48 น.  

 
เพิ่งรู้ว่าตึกแถวหน้าเจดีย์หมายเลข 2 ถูกรื้อไปแล้ว
ผมเสียดายร้านตามสั่งรถเข็นที่ไปกินฝั่งตรงข้ามเจดีย์มากเลย โคตรรรรอร่อย!! ไปอีกรอบไม่เจอแล้วครับ

คอกช้างดินที่เป็นอ่างเก็บน้ำคือ 4 แห่งที่ทำด้วยดิน ส่วนที่เหลืออีก 16 แห่งเป็นศาสนสถานครับ https://www.finearts.go.th/storage/contents/2023/03/detail_file/hhYit34Ntf9G6ren3uOdmwKMcb20BdmRNoSim4NE.pdf

ศรีเทพรอขุดเขาคลังหน้าเสร็จค่อยไปอีกรอบก็ดีครับ แล้วแวะกินไก่ย่างวิเชียรบุรีตามสูตร


โดย: ชีริว วันที่: 24 พฤษภาคม 2568 เวลา:20:17:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tuk-tuk@korat
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 150 คน [?]




งานหลักคืองานอดิเรก

10 บล็อกล่าสุด


Foolish Heart - Steve Perry ... ความหมาย


How Do You Do? - Mouth & MacNeal ... ความหมาย


โก๋ประจำบ้าน ... นกเอี้ยงหงอน


Mother Like Mine - The Band Perry ... ความหมาย


นกยางกรอกพันธุ์จีน


Goodbye Girl - David Gates ... ความหมาย


นกกะเต็นแน่นะวิ!


Woman in Love - The Three Degrees ... ความหมาย

นนกกาเหว่าจอมโวยวาย

When Will I See You Again - The Three Degrees ... ความหมาย
















ของแต่งบล็อกจาก
ป้าเก๋า "ชมพร"
คุณญามี่
คุณ Rainfall in August
ขอบคุณค่ะ

[Add tuk-tuk@korat's blog to your web]